บทที่ 1474 : หลอมโอสถระดับสมบัติ
หลิงหยุนพาถังเมิ่งเหาะไปรอบเมืองจิงฉูจิตหยั่งรู้ของเขาเวลานี้ไม่เพียงครอบคลุมรัศมีกว้างไกลถึงหนึ่งหมื่นเมตร แต่ยังสามารถเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนยิ่งกว่าตาเปล่านับร้อยเท่าเลยทีเดียว
“ถังเมิ่งนายดูให้ดี..ที่นั่นคือสำนักงานใหญ่ของบริษัท หลิงหยุน คอร์ปอเรชั่น”
หลิงหยุนเหาะอยู่เหนือภูเขาสูงพร้อมกับชี้ชวนให้ถังเมิ่งชมสิ่งต่างๆ ในขณะเดียวกันเขาก็เห็นเฉิงเม่ยเฟิง เฉิงเทียน ซ่งเจิ้งหยาง และอีกหลายคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ในห้อง ที่บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
หลิงหยุนจึงได้ร้องบอกเฉิงเม่ยเฟิงผ่านทางจิน–เม่ยเฟิง ข้ากลับมาแล้ว!-
เสียงนั้นดังก้องอยู่ภายในหูของเฉิงเม่ยเฟิงที่กำลังประชุมอยู่นางถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ใบหน้างดงามนั้นเปลี่ยนเป็นมีความสุขยิ่งนัก แต่ก็ยังคงรักษาอาการสงบนิ่งไว้ได้ –ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้ามิต้องเป็นห่วงอันใด–
หลิงหยุนยังคงบอกกับเฉิงเม่ยเฟิงต่อ–หลังจากท่องไปทั่วเมืองแล้ว ข้ากับถังเมิ่งจะกลับไปยังบ้านเลขที่-1-
จากนั้นด้วยความต้องการของถังเมิ่ง หลิงหยุนจึงพาเขาเหาะไปที่เมืองใหม่หลินเจียง ซึ่งเป็นสถานที่ก่อสร้างศูนย์วิจัยยา
ศูนย์วิจัยยาแห่งนี้เป็นสิ่งที่หลี่ยี่เฟิงตั้งใจมอบให้กับหลิงหยุนด้วยตัวเองและตัวเขาก็ได้ไฟเขียวให้กับการก่อสร้างครั้งนี้ ทุกอย่างจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน..หลิงหยุนซึ่งเหาะอยู่กลางอากาศเวลานี้ ได้เห็นศูนย์วิจัยยาด้านล่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นบ้างแล้ว อาคารสูงห้าชั้นสองอาคารสร้างใกล้เสร็จแล้ว และหากเสร็จสมบูรณ์ทุกอย่างเมื่อใด ที่นี่จะเป็นสถานที่สง่างาม และกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองจิงฉูอย่างแน่นอน
เวลานี้..การก่อสร้างซึ่งดำเนินงานโดยตระกูลหลี่แห่งปักกิ่ง คนงานนับพันๆคนต่างก็ทำงานกันอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเร่งมือให้การก่อสร้างเสร็จสิ้นโดยเร็ว!
อาคารสูงระฟ้าย่อมต้องเริ่มต้นจากฐานล่างทั้งสิ้น!
“ตระกูลหลี่นับว่ารับผิดชอบดูแลการก่อสร้างได้ดีมากจริงๆ!”
หลิงหยุนบอกกับถังเมิ่งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจยิ่ง “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนงานก่อสร้างจะทำงานกันหนักหามรุ่งหามค่ำเช่นนี้ อย่าลืมดูแลพวกเขาให้ดีด้วยล่ะ..”
ถังเมิ่งยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“พี่หยุน.. เรื่องนั้นพี่ไม่ต้องเป็นห่วง ท่านอาจารย์ได้กำชับพี่เม่ยเฟิงเป็นอย่างดีแล้ว”
“อืมม..เช่นนั้นก็ดี!”
หลิงหยุนชื่นชอบความรู้สึกที่เป็นอยู่ในเวลานี้ยิ่งนักมันเป็นความรู้สึกที่เขามิอาจหาได้จากที่อื่น แต่ทันทีที่กลับมาจิงฉู เขากลับรู้สึกเหมือนได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่บริสุทธิ์อย่างน่าอัศจรรย์
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้หาใช่พลังปราณไม่แต่มันคือพลังที่สุกสว่างซึ่งบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก สามารถทะลุทะลวงเข้าสู่จุดฝังเข็มทั่วร่างของเขาทุกจุดได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าพลังนี้ช่างแตกต่างจากพลังที่เขารู้จักมาทั้งหมดเขาเริ่มรู้สึกว่าจุดฝังเข็มทั่วร่างของตนได้มีพลังเหล่านี้แทรกซึมเข้าไป และกำลังส่องประกายสุกสว่างก่อนจะเคลื่อนไปรวมตัวกันอยู่ที่ศรีษะของตน
หลิงหยุนที่เหาะอยู่บนท้องฟ้าถึงกับตกตะลึงอย่างมากเขารับรู้ได้ว่าพลังนี้จะช่วยเขาอย่างมากในการฝึกปรือวรยุทธบ่มเพาะเมื่อเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่
และเวลานี้แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์เหล่านี้ก็ได้ซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเขา และค่อยๆเคลื่อนเข้าสู่สมองของเขาต่อ ประสบการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลิงหยุนเองก็มิเคยได้ประสบพบเจอมาก่อนในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่
……
หลังจากที่พาถังเมิ่งเหาะไปรอบเมืองจิงฉูอยู่สองสามรอบในที่สุด หลิงหยุนก็เหาะกลับไปยังบ้านเลขที่-1
“หลิงหยุนกลับมาแล้วรึ”
จินเหยียวรู้ว่าหลิงหยุนจะมาจึงได้เตรียมกับข้ากับปลาไว้มากมาย และเฝ้ารอการกลับมาของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
“เสี่ยวเหมา..เธอยังเหาะไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ ดูฉันสิ.. เมื่อครู่พี่หยุนพาฉันไปเหาะเล่นรอบเมืองจิงฉูตั้งสองสามรอบ มันวิเศษมากเลยเชียวนะ!”
ถังเมิ่งไปถึงบ้านเลขที่-1ก็รีบพูดจาโอ้อวดเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันที โดยไม่สนใจเรื่องอาหารการกินเลยแม้แต่น้อย
“ไร้สาระ..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบกลับไปอย่างไม่ใยดีพร้อมกับจ้องมองถังเมิ่งอย่างมิใส่ใจ ถังเมิ่งเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับโมโห“ฉัน..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมารีบร้องเรียกดักแด้ทองคำทันที“เจ้าทองอ้วน..” แล้วถังเมิ่งก็ได้แต่นิ่งเงียบไป..
ระหว่างรับประทานอาหารเย็นนั้นทางด้านจินเหยียวเอง ก็ได้สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการไปช่วยฉินจิวยื่อที่สำนักกระบี่เทียนซานจากหลิงหยุน และหลิงหยุนเองก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้นางฟัง
“ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) งั้นรึ!”
จินเหยียวที่เอาแต่พยักหน้าในขณะที่นั่งฟังหลิงหยุนนั้นเมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ได้แล้ว ก็ถึงกับลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นดีใจทันที
ไม่เพียงนางจะตกใจกับการก้าวหน้าที่รวดเร็วยิ่งของหลิงหยุนแต่หากเป็นเช่นนี้ อีกไม่นานหลิงหยุนก็คงจะไปช่วยหยินชิงเฉวียนมารดาผู้ให้กำเนิดได้เป็นแน่.. “ห๊ะ..ช่างเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวยิ่งนัก!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจดวงตาคู่งามนั้นเป็นประกายด้วยความตกใจ
“เอาล่ะพวกเรามาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเริ่มหลอมกลั่นโอสถในคืนนี้จะดีกว่า!”
ก่อนที่จะเริ่มลงมือหลิงหยุนได้คุยโอ้อวดไว้มากมายว่า โอสถที่เขาจะทำการหลอมกลั่นนั้น สามารถฟื้นฟูวัยเยาว์ให้เหมี่ยวเฟิงหวงกลับมาได้ถึงสี่สิบห้าสิบปีเลยทีเดียว
โอสถระดับวิญญาณขั้นสูง..ยังสามารถฟื้นฟูวัยเยาว์ให้กับผู้คนได้สูงสุดถึงยี่สิบปี!
แต่การที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้หลิงหยุนจำต้องหลอมกลั่นโอสถเยาว์วัยให้อยู่ในระดับสมบัติให้ได้เท่านั้น และเวลานี้เขาก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้วจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
“เยี่ยม!” จินเหยียวฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและก่อนหน้านี้ที่หลิงหยุนหลอมกลั่นโอสถเยาว์วัยกับโอสถโฉมสะคราญนั้น นางก็เป็นผู้ช่วยของเขาอยู่ตลอด จึงมั่นใจว่าหลิงหยุนจะสามารถหลอมกลั่นโอสถที่ว่านี้ได้สำเร็จเป็นแน่!
ครั้งก่อนที่หลิงหยุนหลอมกลั่นโอสถนั้นเขาต้องใช้เวลานานถึงสามวัน แต่ครั้งนั้นเขายังอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) เท่านั้น
ครั้งนี้หลิงหยุนมั่นใจว่าการหลอมกลั่นโอสถของเขาจะดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างน้อยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
นั่นเพราะเวลานี้เขามีทั้งเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางและหงส์ไฟ!
หลิงหยุนเริ่มทำการหลอมโอสถโดยมีจินเหยียวและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเป็นผู้ช่วย และตลอดขั้นตอนการหลอม ทั้งคู่ก็ถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นหงส์ไฟของหลิงหยุน!
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยและเริ่มจดจ่ออยู่กับการหลอมกลั่นโอสถ.. ……
“สำเร็จแล้ว!”
หลังจากผ่านไปกว่าห้าชั่วโมงในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถหลอมโอสถเยาว์วัย และโอสถโฉมสะคราญได้ทั้งหมดสี่สิบเก้าชุด!
และนี่คือโอสถระดับสมบัติขั้นกลาง!
“ฮ่าๆๆโอสถระดับสมบัติขั้นกลางนี้ จะสามารถช่วยให้ผู้คนอ่อนเยาว์ลงได้ถึงห้าสิบปีเลยทีเดียว!”
หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความพอใจยิ่งนัก..
“ห๊ะ!อ่อนเยาว์ห้าสิบปี?! นี่เจ้าหมายความว่าโอสถนี้จะสามารถทำให้คนผู้นั้นอ่อนเยาว์ลงได้อีกถึงห้าสิบปีงั้นรึ?!”
จินเหยียวเป็นคนแรกที่ได้กลืนโอสถเยาว์วัยในครั้งนั้นนางจึงทราบสรรพคุณของโอสถชนิดนี้ดี แต่ถึงกระนั้นโอสถที่นางเคยกลืนกินก็เป็นเพียงแค่โอสถระดับวิญญาณเท่านั้น แต่กลับสามารถทำให้ผู้กลืนโอสถอ่อนเยาว์ลงได้ถึงยี่สิบปี
เวลานี้ได้ยินว่าโอสถเยาว์วัยของหลิงหยุนสามารถทำให้ผู้คนอ่อนเยาว์ลงได้ถึงห้าสิบปีนางจึงได้แต่ตกใจและตกตะลึงยิ่ง!
หลิงหยุนพยักหน้าและยืนยันว่า“ถูกต้องแล้ว.. โอสถเยาว์วัยนี้สามารถทำให้คนผู้นั้นอ่อนเยาว์ลงได้ถึงห้าสิบปี ฉะนั้นผู้ที่เหมาะสมกับโอสถนี้ต้องเป็นผู้ที่มีอายุเจ็ดสิบปีขึ้นไปเท่านั้น จึงจะได้ผลดีที่สุด!”
โอสถระดับสมบัติขั้นกลางแน่นอนว่าผลของมันย่อมห่างไกลจากโอสถระดับวิญญาณเป็นแน่!
หากเปรียบเทียบระหว่างโอสถระดับวิญญาณกับโอสถระดับสมบัติแล้วนับว่าประสิทธิภาพของโอสถทั้งสองชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ในโลกเราทุกวันนี้แม้ว่าสังคมจะพัฒนาไปมากมาย แต่ก็ยังมีผู้คนอีกนับไม่ถ้วน ที่มีอายุขัยตามธรรมชาติน้อยกว่าเจ็ดสิบปี และในวัยนี้สภาพร่างกายก็จะแตกต่างจากคนในวัยสี่สิบถึงห้าสิบปีอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเซลในร่างกายได้สูญเสียความมีชีวิตชีวา และใช้ชีวิตไปวันๆ
แต่ด้วยโอสถเยาว์วัยระดับสมบัติขั้นกลางจะทำให้พวกเขาอ่อนเยาว์ลงไปถึงห้าสิบปี และทำให้พวกเขากลับกลายเป็นหนุ่มสาวในวัยยี่สิบปีเท่านั้น ผิวพรรณจะเปลี่ยนเป็นผ่องใส ฟันที่เคยร่วงพลันเกิดใหม่อีกครา เอวที่เคยเป็นเส้นตรง จะกลับมาโค้งเว้าอีกครั้ง
โอสถที่ล้ำค่าเช่นนี้มีผู้ใดบ้างที่มิต้องการเล่า
“แต่การทำให้ผู้คนอ่อนเยาว์ลงถึงห้าสิบปีนั้นเป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงของโอสถชนิดนี้เท่านั้น ความสำคัญของมันก็คือ.. โอสถนี้สามารถทำให้ร่างกายของผู้ชราวัยหายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายได้ และชีวิตก็จะเปี่ยมไปด้วยพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปได้ตลอด..”
หลิงหยุนอธิบายสรรพคุณของโอสถเยาว์วัยคร่าวๆ “เหลือเชื่อ!!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเป็นเด็กสาวอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้นนางจึงยังมิได้รู้และเข้าใจในเรื่องของความน่ากลัวของอายุมาก แต่นางกำลังตกใจเมื่อคิดว่าหากเหมียวเฟิงหวงกลืนโอสถนี้เข้าไปจะเป็นเช่นใด และได้แต่นึกชื่นชมหลิงหยุนอยู่ในใจ
“ท่านน้าจินเหยียวอยากจะลองโอสถเยาว์วัยอีกสักเม็ดหรือไม่”
จินเหยียวหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขใบหน้าที่แย้มยิ้มงดงามดั่งพฤกษานั้นส่ายไปมา และรีบปฏิเสธทันที
“เวลานี้ข้าก็ดูราวกับจะเป็นพี่สาวของเจ้าอยู่แล้วเพียงแค่นี้ข้าก็มิกล้าที่จะออกไปพบเจอผู้คนอยู่แล้ว ยังจะให้ข้ากลืนโอสถเข้าไปอีกรึ”
หลิงหยุนเองก็รู้ดีว่าจินเหยียวไม่มีทางที่จะยอมกลืนโอสถเยาว์วัยอีกคราเป็นแน่แต่เขาก็ยังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านต้องการโอสถโฉมสะคราญหรือไม่รับรองว่าผลที่ได้นั้น…”
ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้กล่าวจบจินเหยียวก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “ข้าไม่ต้องการโอสถใดอีกแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องเก็บไว้ให้ท่านแม่ของเจ้าด้วยล่ะ..”
“เรื่องนั้นท่านน้าจินเหยียวอย่าได้กังวลใจไป!”
หลิงหยุนรีบตอบรับทันทีโอสถระดับสมบัติขั้นกลางนั้น เหนือกว่าโอสถระดับวิญญาณมากนัก หลิงหยุนมิยอมให้ผู้ใดสุ่มสี่สุ่มห้าเป็นแน่
จินเหยียวถามต่อทันที“หลิงหยุน หงส์ไฟที่เจ้าปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่ เจ้าฝึกสำเร็จเมื่อครั้งที่อยู่ภูเขาเพลิงงั้นรึ”
“ถูกต้องแล้วข้าฝึกวิชาหงส์เล่นไฟและสร้างหงส์ไฟนี้ขึ้นมา หงส์ไฟตนนี้จึงเกิดจากการหลอมรวมของพลังชีวิตธาตุไฟจำนวนมากบนภูเขาเพลิง มันสะดวกต่อการหลอมกลั่นโอสถ และอาวุธยิ่งนัก”
หลิงหยุนจัดการเก็บโอสถและหม้อเสินหนงกลับเข้าไป ก่อนจะถอดถอนค่ายกลออก..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร