บทที่ 1478 : เหาะไป
หลังจากแยกตัวออกมาแล้วหลิงหยุนก็ไปปรากฏตัวที่สวนภายในบ้านของท่านหมอเสี่ยว
ท่านหมอเสี่ยวรู้ว่าหลิงหยุนกลับมาแล้วเขาจึงตั้งใจรออยู่ที่บ้านมิได้ออกไปที่ใด และกำลังช่วยเหมี่ยวเสี่ยวเหมาดูแลสมุนไพรพลังชีวิตที่อยู่ในสวน
“ท่านปู่เสี่ยว..”
ทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัวเขาก็เอ่ยทักทายท่านหมอเสี่ยว แต่กลับเห็นร่างสูงใหญ่ของท่านหมอเสี่ยวนั้นมีอาการสะดุ้งตกใจเล็กน้อย!
“อ้าวหลิงหยุน..คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมาเร็วถึงเพียงนี้”
เสี่ยวเจิ้งจี๋มีสีหน้าหม่นหมองเล็กน้อยคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันในระหว่างที่เอ่ยถาม คล้ายจะตำหนิหลิงหยุนที่มาเช้าเกินไป หลิงหยุนเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเสี่ยวเจิ้งจี๋จึงได้แต่กระซิบเสียงเบาว่า “ท่านปู่เสี่ยว ได้เวลาที่จะต้องไปสะสางปัญหาของท่านแล้ว เพราะหนอนกู่กลืนใจที่อยู่ภายในร่างของท่านนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็มิเป็นผลดีต่อทั้งตัวท่านเองและท่านย่าเหมี่ยวเป็นแน่ มิมีเหตุผลใดที่ต้องรั้งรออีก”
เสี่ยวเจิ้งจี๋ตอบกลับยิ้มๆ“หลิงหยุน.. เหตุผลที่เจ้าเอ่ยมานั้น ข้าเองก็พอเข้าใจ แต่เมื่อคิดว่าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับนาง ข้าก็.. ก็..”
เสี่ยวเจิ้งจี๋รู้สึกผิดจึงมิกล้าที่จะไปพบหน้าเหมี่ยวเฟิงหวง และเมื่อเวลานั้นมาถึงจริงๆ เขากลับยิ่งมีความกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านปู่เสี่ยวท่านอย่าด่วนกังวลใจและคิดไปไกลมากนัก การเดินทางไปพบท่านย่าเหมี่ยวครั้งนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ท่านแค่ร่วมเดินทางไปด้วยก็พอ เรื่องทุกอย่างปล่อยให้ข้าเป็นผู้จัดการเอง” เป็นเพราะมิมีผู้อื่นอยู่ด้วยหลิงหยุนจึงกล้าเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา..
ใบหน้าของท่านหมอเสี่ยวยังคงแดงก่ำในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดสีหน้าของเขาลังเล และมือข้างหนึ่งก็ดึงสมุนไพรพลังชีวิตหลุดติดออกมาโดยไม่รู้ตัว ท่าทีเช่นนี้บ่งบอกถึงความขัดแย้งภายในใจของเขา..
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มแต่มิได้กล่าวอันใดอีกและกำลังรอให้ท่านหมอเสี่ยวตัดสินใจ..
หากเสี่ยวเจิ้งจี๋มิกล้าไปเผชิญหน้ากับเหมี่ยวเฟิงหวงต่อให้หลิงหยุนใช้กำลังบีบบังคับให้เขาไป ปัญหาต่างๆก็คงจะยังมิได้ถูกสะสางแต่อย่างใด
ปัญหาทางกายภาพอาจสะสางได้แต่ปัญหาเรื่องภายในจิตใจของคนทั้งคู่ ก็จะยังคงค้างคาอยู่เช่นเดิม เพราะปัญหาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ต้องใช้ความจริงใจของทั้งสองฝ่าย!
“เฮ้อ..” ท้ายที่สุดท่านหมอเสี่ยวก็ถอนหายใจยาวดวงตาทั้งคู่จ้องมองหลิงหยุนแน่วแน่ ก่อนจะถามย้ำว่า
“จะไปจริงๆรึ!”
หลิงหยุนตอบกลับเพียงแค่สั้นๆเป็นการตอกย้ำ “ต้องไป!”
“ตกลง!”
ท่านหมอเสี่ยวรับคำพร้อมกับถอนหายใจอีกครา“เฮ้อ.. แม้เรื่องระหว่างข้ากับเหมี่ยวเฟิงหวง จะมิอาจบอกได้ว่าผู้ใดถูกและผู้ใดผิด แต่หลังจากที่ข้าได้พบเสี่ยวเหมา ข้ากลับยิ่งรู้สึกผิดต่อนางมากขึ้น..”
ท่านหมอเสี่ยวกล่าวต่อด้วยแววตาแน่วแน่และดวงตาที่แดงก่ำ “แม้นางจะเคยพบท่านย่าของหนิงน้อย แต่เฟิงหวงกลับมิเคยทำร้ายนาง กลับตั้งใจปล่อยให้พวกเราสองคนอยู่ครองคู่จนแก่เฒ่า.. เหตุผลเพียงแค่นี้ก็ทำให้ข้าต้องไปพบนางแล้ว!”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับใจสั่นสะท้านและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ท่านปู่เสี่ยว ตลอดหลายปีที่ท่านย่าเหมี่ยวมิยอมถอนหนอนกู่ของนางกลับคืนไปนั้น ความจริงหาใช่เพราะความโกรธเกลียดในตัวท่านไม่ นางเพียงแค่มิต้องการทำลายสายใยสุดท้าย และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังเชื่อมต่อกับท่านได้เท่านั้น”
คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนมีค่ามากกว่าคำพูดอีกหลายหมื่นพันประโยคเลยทีเดียว!
ท่านหมอเสี่ยวได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับน้ำตารินไหลออกมาทันที“หลิงหยุน ความจริงข้าเองก็ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน และได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้อยู่แล้ว เอาล่ะ.. พวกเราจะออกเดินทางเมื่อใด”
หลิงหยุนที่เฝ้ารอคำพูดประโยคนี้ของเสี่ยวเจิ้งจี๋อยู่แล้วเขาจึงมิรีรอและรีบตอบกลับไปทันที
“ท่านปู่เสี่ยวข้าสะสางเรื่องสำคัญภายในจิงฉูเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว จึงได้มาพบท่านที่บ้าน หากท่านปู่พร้อมเมื่อใด พวกเราก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย!”
หลิงหยุนได้จัดการสะสางปมปัญหาทางด้านอารมณ์ความรู้สึกของท่านหมอเสี่ยวแล้วอีกทั้งยังได้หลอมโอสถเยาว์วัยเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน เขาจึงพร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
“นี่เจ้าจัดการทุกอย่างพร้อมแล้วจริงๆรึ!”
ท่านหมอเสี่ยวนึกสรรหาคำพูดที่จะมากล่าวชมหลิงหยุนแต่กลับพบว่ามิสามารถหาคำใดมาแทนความรู้สึกของตนเองในเวลานี้ได้ จึงเปลี่ยนเป็นส่ายหน้าพร้อมกับถามขึ้นว่า
“แล้วครั้งนี้พวกเราจะพาผู้ใดไปด้วยบ้าง”
สำหรับเรื่องนี้หลิงหยุนได้มีการเตรียมการมาก่อนล่วงหน้าแล้ว“เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจำเป็นต้องไปกับพวกเราด้วย เพราะนางคือกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ ส่วนหนิงน้อยยังมิจำเป็นต้องพานางไปด้วย ส่วนคนอื่นๆ ท่านปู่มิต้องกังวลใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง..” “ได้..เช่นนั้นก็พาเสี่ยวเหมากลับไปพร้อมกันด้วย!”
ท่านหมอเสี่ยวเองก็รู้สึกว่าคงมิใช่เรื่องเหมาะสมนักที่จะให้เหมี่ยวเฟิงหวงกับหนิงน้อยพบกันในเวลานี้ เขาจึงรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“แต่หนิงน้อย..เด็กนั่น..”
“ท่านปู่เสี่ยวเรื่องของหนิงน้อย ข้าจะเป็นผู้จัดการเอง”
“แล้วพวกเราล่ะ”
“ออกเดินทางในคืนนี้คาดว่าคงจะถึงเผ่าเหมี่ยวเจียงในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า!”
……
ความจริงแล้วสิ่งที่หลิงหยุนเป็นกังวลที่สุดก็คือการที่เสี่ยวเจิ้งจี๋จะมิกล้าตัดสินใจต่างหาก แต่เขาเองก็ได้วางแผนไว้แล้วหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเขาคงต้องดึงเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับเสี่ยวเม่ยหนิงให้มาช่วยเกลี้ยกล่อม จึงได้บอกกับเหออวี้ฉงว่าจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว
จากนั้นหลิงหยุนก็นั่งคุยในรายละเอียดกับเสี่ยวเจิ้งจี๋ต่ออีกร่วมสองชั่วโมงหลังจากที่อธิบายเรื่องปัญหาด้านจิตใจระหว่างท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเฟิงหวงจนเข้าใจดีแล้ว หลิงหยุนก็ลุกขึ้นและขอตัวกลับ
หลิงหยุนยังมีเรื่องต้องไปจัดการอีกมากจึงไม่มีเวลาที่จะนั่งสนทนา หรือรับประทานอาหารกับท่านหมอเสี่ยวต่อ อีกอย่าง ก่อนที่จะออกเดินทาง ต่างฝ่ายต่างก็ต้องเตรียมตัวเก็บข้าวของด้วย
จนกระทั่งเที่ยงตรงหลิงหยุนจึงได้กลับไปยังบ้านเลขที่-1และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับจินเหยียว เขาได้บอกเล่าแผนการเดินทางครั้งนี้ให้กับนางทราบ พร้อมกับถามความสมัครใจของนางว่าต้องการเดินทางไปยังเผ่าเหมี่ยวเจียงด้วยกันหรือไม่
“หลิงหยุน..หากข้าต้องการกลับไปเผ่าเหมี่ยวเจียงนั้น ย่อมสามารถกลับไปเมื่อใดก็ได้ แต่ครั้งนี้ เจ้าไปที่นั่นเพื่อแก้ปัญหาให้กับปู่ของเสี่ยวเหมา เรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ คนยิ่งน้อยมากเท่าไหร่ก็น่าจะยิ่งเป็นผลดี ข้าจึงตัดสินใจที่จะไม่ไปด้วย”
หลิงหยุนใคร่ครวญตามและเห็นด้วยกับจินเหยียวปัญหาครั้งนี้ก็คล้ายกับปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งของคู่ชีวิตทั่วไป อีกอย่างทุกคนต่างก็ห่วงเรื่องหน้าตาของตนเองกันทั้งนั้น คงมิมีผู้ใดต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ปัญหาของตนเองเป็นแน่ และเมื่อมิมีผู้ใดยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว ทั้งสองคนก็จะค่อยๆสงบลง และหันหน้ากลับมาคุยกันและคืนดีกันได้เอง
ฉะนั้นหลิงหยุนจึงมิได้คะยั้นคะยอจินเหยียวและตัดสินใจที่จะพาเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไปด้วยเพียงผู้เดียวเท่านั้น
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงได้เรียกหวังชงเซียวและเอ็ดเวิร์ดมาพบ จากนั้นจึงได้บอกเล่าถึงแผนการเดินทางครั้งนี้ให้ทั้งคู่ฟัง พร้อมกับกำชับว่า
“ครั้งนี้ข้าจะเดินทางไปเผ่าเหมี่ยวเจียง ฉะนั้น ความปลอดภัยของถังเมิ่งและเหออวี้ฉงยกให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้า หากเกิดปัญหาขึ้นกับพวกเขาทั้งสองคน ข้าจะคิดบัญชีกับพวกเจ้าทั้งหมดแน่!”
หวังชงเซียวอยู่ในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) และยังมีแวมไพร์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในขั้นแกรนด์ดยุคอีก การรักษาความปลอดภัยให้กับถังเมิ่งและเหออวี้ฉงนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
“คุณชายหลิงได้โปรดมั่นใจ!”
“ข้าจะทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด!”
หวังชงเซียวและเอ็ดเวิร์ดต่างก็เอ่ยตอบออกไปพร้อมกัน
หลังจากได้รับคำยืนยันจากหลิงหยุนว่าจะออกเดินทางกันในคืนนี้ ตลอดบ่ายทุกคนจึงยุ่งอยู่กับการตระเตรียมตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังเมิ่งกับเหออวี้ฉง และท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
ส่วนหลิงหยุนเป็นผู้เดียวที่เตรียมทุกอย่างพร้อมอยู่ในแหวนจักรวาลแล้วเขาจึงมิต้องเตรียมตัวแต่อย่างใดอีก
ฉะนั้นตลอดทั้งบ่ายเขาจึงใช้เวลาไปกับการไปพบเหยาลู่ที่คลินิกสามัญชน ไปพบเหลียงเฟิงอี้ที่โรงพยาบาลหลิงหยุน และไปพบเฉิงเม่ยเฟิงที่บริษัทหลิงหยุนคอร์ปอเรชั่น เพื่อร่ำลาพวกนาง
ครั้งนี้เมื่อเฉิงเม่ยเฟิงได้ยินว่าหลิงหยุนจะไปจากจิงฉูนั้นนางกลับสงบนิ่งมิมีความกังวลแต่อย่างใด นั่นเพราะนางรู้ว่าด้วยความสามารถของหลิงหยุนเวลานี้ การจะเดินทางท่องไปในประเทศจีนนั้น ไม่ต่างจากการเดินทางท่องอยู่ในเมืองใหญ่สักเมืองเท่านั้น
แม้ประเทศจีนจะมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่อย่างมากแต่ด้วยความสามารถในการเหาะของหลิงหยุน ด้วยความอัตราความเร็ว 2.5 กิโลเมตรต่อวินาทีนั้น เขาสามารถบินในระยะทางห้าพันกิโลเมตรได้ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง!
ช่วงเย็น..หลิงหยุนก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมจิงฉู และได้ใช้วิชาล่องหนพรางตัวไว้ เมื่อเสี่ยวเม่ยหนิงเดินออกมา เขาจึงได้บอกเส้นทางให้นางเดินตามมาผ่านทางกระแสจิต จนกระทั่งเข้าไปในบริเวณป่าแห่งหนึ่ง หลิงหยุนจึงได้ปรากฏตัว
“มีเรื่องอะไร!”
เสี่ยวเม่ยหนิงก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยเช่นเดิมทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัว เธอก็ร้องตะโกนถามหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงดุดัน!!
เสี่ยวเม่ยหนิงรู้ว่าหลิงหยุนกลับมาจิงฉูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่เพราะเธอต้องมาโรงเรียน จึงไม่สามารถไปพบเขาได้
“จะเรื่องอะไรกันล่ะ!ข้าก็จะมาพาหนิงน้อยไปเหาะเล่นรอบๆเมืองน่ะสิ!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆเขามีวิธีรับมือเสี่ยวเม่ยหนิงได้ไม่ยาก..
จากนั้นทั้งคู่ก็ได้เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าเมื่อไปถึงทะเลจีนตะวันออก หลิงหยุนก็ได้เรียกแก้วจ้าวสมุทรออกมา และพาหนิงน้อยเดินดูใต้ท้องทะเล ก่อนจะช่วยกันจับสัตว์ทะเลมาทำเป็นอาหารกินกัน เสี่ยวเม่ยหนิงใช้เวลาไปร่วมหนึ่งชั่วโมงอย่างมีความสุข
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้บอกเล่าเรื่องแผนการเดินทางไปเผ่าเหมี่ยวเจียง พร้อมกับอธิบายเหตุผลที่มิสามารถให้นางติดตามไปด้วยได้
“ก็ได้!!เห็นแก่พี่ที่ให้แหวนพื้นที่ฉันมา ฉันจะยอมไม่ไปด้วยก็ได้!”
เสี่ยวเม่ยหนิงเอ่ยตอบพร้อมกับนั่งเล่นแหวนพื้นที่อย่างสนุกสนาน..
“แต่มีข้อแม้ว่า…”
สีหน้าของเสี่ยวเม่ยหนิงเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันทีเธอจ้องหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดออกไปว่า
“พี่ต้องสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ท่านปู่อยู่ที่เผ่าเหมี่ยวเจียงไปตลอดชีวิตต้องพาท่านปู่กลับมาอย่างปลอดภัย!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ตอบกลับไปว่า
“เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลใจไป!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเอง..
“ถ้างั้นพวกพี่ก็ไปได้!!อ่อ.. แต่เสร็จธุระที่ั่นั่นแล้วพี่ต้องรีบกลับมาล่ะ ตอนนี้ที่โรงเรียนมีหนุ่มๆตามจีบฉันเยอะแยะเลยล่ะ!”
เสี่ยวเม่ยหนิงหันไปฉีกยิ้มให้กับหลิงหยุน..
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับหันไปถามเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายหน้าโง่พวกนั้นจะมีขาพอให้ข้าหักหรือไม่นะ”
เสี่ยวเม่ยหนิงได้ฟังถึงกับหัวเราะคิกคักอารมณ์ดี“ความจริงพวกเขาต่างก็หวาดกลัว จนไม่มีใครกล้ายุ่งกับฉันเลยสักคนต่างหากล่ะ..”
“ดีมากหนิงน้อย!”
หลิงหยุนเอ่ยชมพร้อมกับโน้มใบหน้าลงจุมพิตริมฝีปากของเสี่ยวเม่ยหนิงอยู่ครู่หนึ่ง..
หลังจากส่งเสี่ยวเม่ยหนิงกลับไปที่โรงเรียนต่อหลิงหยุนก็กลับไปที่บ้านของตนเอง..
….
“หลิงหยุนเจ้านี่มันจริงๆเลย เหตุใดจึงกลับมาเอาป่านนี้ ข้าเกรงว่ารถจะติดก็เลยให้ท่านปู่กับถังเมิ่งไปที่สนามบินก่อน!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาซึ่งรอหลิงหยุนอยู่บ้านเลขที่-1เมื่อเห็นหลิงหยุนมาถึงก็รีบโวยวายใส่ทันที
หลิงหยุนจึงถามกลับไปว่า“เจ้าร้อนใจไปทำไมกัน พวกเขาบินไปได้ พวกเราบินไปไม่ได้หรืออย่างไร?”
“ห๊ะ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับตกตะลึง“เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ!”
“เหาะไปไง!!”
เหาะไปเผ่าเหมี่ยวเจียง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร