บทที่ 1480 : การสอนที่หฤโหด
มณฑลกุ้ยโจวหรือเรียกอีกชื่อว่าเฉียน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีความสูงอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันหนึ่งร้อยเมตร พื้นที่ทางด้านตะวันตกเป็นที่สูง และลาดต่ำไปทางทิศตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่คือภูเขา จึงเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘แปดขุนเขา หนึ่งสายธาร และหนึ่งท้องทุ่ง’
ลักษณะภูมิประเทศของกุ้ยโจวนั้นประกอบไปด้วยที่ราบ ภูเขา เนินเขา และแอ่ง แต่เก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์คือภูเขาและเนินเขา
“นอกเมืองล้วนแล้วแต่เป็นภูเขาแต่น่าเสียดายที่ภูเขาเหล่านี้ได้แตกสลาย เกินกว่าจะก่อรูปเป็นเส้นเลือดมังกรขนาดใหญ่ได้..”
ระหว่างที่เหาะไปบนท้องนภาหลิงหยุนก็ได้กล่าวถึงภูมิทัศน์เบื้องล่างขึ้นเป็นครั้งคราว
“ช่างแตกต่างจากเทือกเขาฉินหลิงยิ่งนัก!” สืบเนื่องจากสภาพธรณีวิทยาของที่นี่ภูเขาส่วนใหญ่จึงถูกกัดเซาะอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีการยุบตัวเป็นหลุม เป็นช่อง เป็นถ้ำ และอื่นๆอีกมากมาย
แม้มองลงมาจากท้องฟ้าจะเห็นยอดเขาหนาแน่นแต่ก็กระจัดกระจาย ดูกคล้ายกับซาลาเปาลูกใหญ่หลายลูกเสียมากกว่า นี่คือสิ่งที่หลิงหยุนคิด
เมืองหลินเฉิงตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำระหว่างแม่น้ำแยงซีเกียงและแม่น้ำเพิร์ลที่นี่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี และมีแม้น้ำหลากหลายสาย
เวลานี้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาค่อยๆฟื้นคืนสติจากความตกใจสุดขีดก่อนหน้าใบหน้างดงามนั้นซีดเผือด และได้แต่พึมพำออกมาว่า..
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ..ช่างรวดเร็วเหลือเกิน!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเหลือบมองนาฬิกาและพบว่าเพิ่งจะเป็นเวลาสามทุ่มสิบนาทีเท่านั้น!!
เวลาเพียงแค่สิบนาทีนี่!!หากนางเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อย ก็คงเดินไปไกลได้เพียงแค่จากบ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนไปที่บ้านของท่านหมอเสี่ยวเท่านั้น
แต่ภายในระยะเวลาแค่สิบนาทีนี้หลิงหยุนกลับสามารถพานางเหาะจากบ้านเลขที่-1 มาถึงเมืองหลินเฉิงในมณฑลกุ้ยโจวได้..
เวลาเพียงแค่สิบนาทีหลิงหยุนสามารถเหาะไปได้ไกลกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยเมตร!
ยิ่งเหาะไปได้ไกลมากเพียงใดดูเหมือนความเร็วในการเหาะของหลิงหยุนก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย..
เวลานี้..สิ่งที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินนั้น ดูเหมือนจะมีเพียงเสียงพายุลมที่อื้ออึงอยู่เต็มสองหูเท่านั้น
แม้ว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะสามารถสงบจิตสงบใจลงได้แล้วแต่ก็มิอาจที่จะปิดบังความตื่นตระหนกตกใจของตนเองไว้ได้
‘เวลานี้ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงเอาแต่หมกมุ่น และเอาจริงเอาจังกับการฝึกวรยุทธบ่มเพาะตลอดทั้งวันทั้งคืนเช่นนั้น!’
สามารถเหาะไปด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้เหตุใดยังต้องไปด้วยเครื่องบินอีกเล่า!
ที่สำคัญ..หลิงหยุนมิได้พานางเหาะมาด้วยปี เขาเพียงแค่จับข้อมือของนาง และพาเหาะขึ้นมาบนท้องนภา หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยข้อมือของนาง เวลานี้เท้าทั้งสองของนางที่สัมผัสอยู่บนอากาศนั้น มิแตกต่างจากการยืนอยู่บนผืนดินเลยแม้แต่น้อย
“นี่ข้าเหาะช้าแล้วนะ..สนุกหรือไม่” หลิงหยุนเอ่ยตอบ
แม้ว่าหลิงหยุนจะสร้างโล่ลมปราณขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันกระแสลมไว้แล้วแต่หากเขาเหาะไปด้วยอัตราความเร็วที่เร็วกว่านี้ เกรงว่ากายเนื้อของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาในเวลานี้จะมิอาจทานทนได้ เขาจึงต้องเหาะไปด้วยความเร็วที่คาดว่านางจะสามารถทานทนได้ด้วย หน้าอกของเหมี่ยวเสี่ยวเหมากระเพื่อมขึ้นลงและเลี่ยงที่ตอบคำถามของหลิงหยุน..
จนกระทั่งผ่านไปอีกครู่ใหญ่จู่ๆ นางจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามออกไปว่า “หลิงหยุน.. หากข้าอยู่ในขั้นเดียวกับเจ้า จะสามารถเหาะได้รวดเร็วเช่นเดียวกับเจ้าหรือไม่”
หลิงหยุนส่ายหน้า“ไม่มีทาง! ต่อให้เจ้าเผาเสินหยวนขั้นสุด อย่างมากก็เหาะได้เร็วกว่าเสียงเพียงแค่ห้าเท่าเท่านั้น!”
“เพราะเหตุใด!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเอ่ยถามคล้ายกับไม่อยากจะยอมรับ
หลิงหยุนตอบกลับด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ“เพราะเจ้ากับข้าแตกต่างกัน!”
คำตอบของหลิงหยุนฟังแล้วทำให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมารู้สึกเจ็บปวดใจนัก
“นี่เจ้า!!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและโมโห “นี่เจ้ารู้จักพูดจาดีๆเหมือนกับผู้อื่นเป็น
แต่หลิงหยุนกลับมิใส่ใจกับอารมณ์ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเขาเรียกกระบี่เหินซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณออกมามอบให้กับเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
“เจ้าหยดโลหิตลงไป..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยถามทันที“มันคือ!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณชั้นเลิศ หากเจ้าไม่ต้องการก็ดี ข้าจะได้เก็บไว้เอง..”
“ใครบอกว่าไม่ต้องการกันเล่ามีแต่คนโง่เขลาเท่านั้นล่ะที่ไม่ต้องการ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบโต้กลับไปทันทีจากนั้นจึงรีบกัดปลายลิ้นของตนเอง และทำการหยดเลือดลงบนกระบี่เหินเล่มนั้นทันที แล้วนางก็สามารถเชื่อมต่อกับกระบี่เหินได้อย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกที่เชื่อมต่อนี้มิได้ต่างจากที่นางเชื่อมต่อกับเจ้าทองอ้วนเลย.. จากนั้นเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้น“กระบี่เหินนี้มิได้มีอะรลี้ลับ เพียงแค่ใช้สองเท้าเหยียบลงบนกระบี่ และใช้จิตใจควบคุมสั่งการ..”
“และยิ่งกระบี่เหินเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณชั้นเลิศเช่นนี้การควบคุมก็ยิ่งง่ายขึ้น!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาฟังแล้วก็หันมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าประหลาดใจและสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ จึงได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“เจ้ากล่าวเช่นนี้หมายความอย่างไรงั้นรึ!”
แต่ยังมิทันที่จะได้คำตอบเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็สัมผัสได้ว่า ใต้ฝ่าเท้าของตนนั้นเหลือเพียงอากาศธาตุ!
ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมากำลังร่วงหล่นลงจากท้องนภา!
“ห๊ะ!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!!
ฟิ้ว…
เสียงลมหวีดหวิวดังกังวาลอยู่ในแก้วหูทั้งสองข้างของนางผสานกับเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ ใบหน้างดงามนั้นเปลี่ยนเป็นซีดเผือด และมือเท้าก็ดิ้นรนไขว่าคว้าอากาศไปมา!
“หลิงหยุนข้าจะฆ่าเจ้า!!”
“ฮ่าๆๆเจ้าคงจะมิปล่อยให้ตนเองตกลงไปหรอกนะ เอาน่าหญิงงาม! เดี๋ยวเจ้าจะต้องนึกขอบคุณข้า!”
หลิงหยุนยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่เสียงของเขานั้นกลับดังทะลุเข้าไปในหูทั้งสองข้างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอย่างชัดเจน
หลิงหยุนมิกังวลว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะตกลงไปตายนั่นเพราะเวลานี้นางอยู่ห่างจากพื้นดินด้านล่างไปเพียงแค่สี่กิโลเมตรเท่านั้น หากเหมี่ยวเสี่ยวเหมามิสามารถเรียนรู้ที่จะใช้กระบี่เหินได้จริงๆ เขาก็สามารถส่งกระบี่เหินเงาธนูไปรับร่างของนางไว้ได้ทัน
และที่สำคัญที่สุดคือ..หลิงหยุนเชื่อมั่นว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะสามารถทำได้สำเร็จ!
วิ้ง..วิ้ง.. วิ้ง..
เมื่อเห็นว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมากำลังตกอยู่ในอันตรายเจ้าทองอ้วนก็กระพือปีกสีทองของมัน และบินเข้าไปหาหลิงหยุนทันที มันบินอยู่รอบตัวหลิงหยุน ขาเล็กๆทั้งสองข้างเล็กๆนั้นโบกไปมาดูคล้ายกับมนุษย์ยิ่งนัก
“อะไรกันเจ้าหนูนี่เจ้าคิดที่จะทำร้ายข้างั้นรึ!”
หลิงหยุนเอ่ยกับเจ้าทองอ้วนด้วยสีหน้าท่าทางที่สงบยิ่งเขาจ้องมองท่าทางร้อนใจ และดวงตากลมโตที่น่ารักของมัน และถึงกับต้องหัวเราะออกมา
“เจ้าอย่างได้กังวลใจไปเลยเจ้านายของเจ้าไม่เป็นอะไรแน่!”
ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงร่วงลงสู่ผืนดินอย่างรวดเร็วราวกับลูกอุกกาบตาที่กำลังร่วงหล่นลงจากท้องนภา!
สามกิโลเมตรสองกิโลเมตร หนึ่งกิโลเมตร…
ฟิ้ว..
ภายใต้รัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเขาเห็นกระบี่เหินขยายใหญ่ขึ้น และปรากฏขึ้นบนฝ่าเท้าของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา!!
หลังจากที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่เหินได้ความเร็วของกระบี่เหินก็ค่อยๆช้าลง ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่กลางห้วงอากาศในที่สุด
“อืมม..นับว่าทำได้สำเร็จเร็วกว่าที่ข้าคาดคิด!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับพึมพำออกมาด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาสามารถเรียนรู้วิธีการใช้กระบี่เหินได้อย่างรวดเร็ว
แต่ยังมิทันที่หลิงหยุนจะกล่าวจบดีร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่อยู่บนกระบี่เหิน ก็เหาะพุ่งตรงเข้าหาหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว
“ทองอ้วนกัดเขาเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าของเหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงซีดเผือดคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่น และไฟโทสะกำลังเผารนจิตใจ จึงได้สั่งให้เจ้าทองอ้วนกัดหลิงหยุนเช่นนั้น
ว่ากันว่าดักแด้ทองคำนั้นจะจงรักภักดีและเชื่อฟังเจ้าของยิ่งนัก แต่เวลานี้เจ้าทองอ้วนกลับเอาแต่บินวนอยู่รอบๆตัวหลิงหยุนอยู่เช่นนั้น คล้ายกับมิเต็มใจที่จะทำตามคำสั่งของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
หลิงหยุนเห็นท่าทางของมันก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮ่าๆๆ ดีมากเจ้าทองอ้วน แล้วข้าจะให้รางวัลเจ้า!”
ไม่กี่อึดใจร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็เหาะเข้าไปใกล้หลิงหยุน นางขบฟันแน่น และพุ่งตรงเข้าทั้งชกและเตะใส่ร่างของเขาทันที!
แต่น่าเสียดายที่ต่อให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะลงมือด้วยความรุนแรงมากเพียงใดแต่ด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ ก็ยากที่จะนางจะทำอะไรเขาได้
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศและปล่อยให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาระบายอารมณ์ใส่ร่างของตน พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี
“ข้าก็แค่จะฝึกเจ้าใช้กระบี่เหินให้เป็นต่างหากเล่า!”
“เจ้าเลิกพล่ามได้แล้ว!นี่เรียกว่าการสอนงั้นรึ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงทุบตีหลิงหยุนไม่ยั้งและเมื่อไฟโทสะค่อยๆดับลง นางจึงหยุดลงมือและกรีดร้องใส่หลิงหยุน
หลิงหยุนยักไหล่พร้อมกับผายมือออกและตอบโต้กลับไปเช่นกัน “นี่เป็นการสอนที่ทำให้ได้ผลรวดเร็วต่างหากเล่า เจ้าเองก็เห็นผลแล้วมิใช่รึ”
“นี่คือวิถีธรรมชาติ!!เจ้ามิเคยได้ยินหรืออย่างไรกัน”
“อย่างเช่นนกอินทรีย์บนหน้าผาหลังจากที่ปีกของลูกๆมันมีขนขึ้นแล้ว แม่อินทรีย์ก็จะผลักลูกๆของมันออกจากรัง ก่อนที่ลูกอินทรีย์จะตกถึงพื้น พวกมันจะเรียนรู้วิธีการบินเพื่อเอาชีวิตรอด ตัวไหนที่มิอาจเรียนรู้ได้ก็ตาย มีเพียงตัวที่สามารถเรียนรู้ได้เท่านั้นจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้..”
“แต่ข้าเป็นคนไม่ใช่นกอินทรีย์!!”
“ฮ่าๆๆแต่เจ้าก็มิได้ตกลงไปตายมิใช่รึ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรงนางจำต้องยอมแพ้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะคาดโทษเขาไว้
“หลิงหยุนฝากไว้ก่อน ไว้กลับไปข้าจะให้อาจารย์จัดการกับเจ้า!”
หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยัน“เฮ้อ.. เด็กๆมักจะเป็นแบบนี้เสมอ มีอะไรก็ฟ้องผู้ใหญ่..”
“นี่เจ้า!!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับโต้เถียงไม่ออก.. “ทองอ้วน..เจ้ากล้าทรยศข้างั้นรึ ข้าสั่งให้เจ้ากัดเขา เหตุใดเจ้าจึงไม่ทำตาม?!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่สามารถทำอะไรหลิงหยุนได้จึงหันไปเล่นงานเจ้าทองอ้วนแทน..
เจ้าทองอ้วนยกเท้าเล็กๆข้างหนึ่งขึ้นเกาหัวและส่งเสียงดังคล้ายกับกำลังต้องการจะอธิบายอะไรบางอย่าง..
หลังจากได้ฟังคำอธิบายของเจ้าทองอ้วนเหมี่ยวเสี่ยวเหมากก็ถึงกับยิ้มได้ และเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทองอ้วนบอกกับข้าว่า..มันรู้ว่าเจ้าจะไม่ปล่อยให้ข้าตายแน่ มันจึงไม่กัดเจ้า อีกอย่าง.. มันก็รู้ตัวดีว่าตัวมันเองก็ไม่สามารถทำร้ายเจ้าได้เป็นแน่!”
เจ้าทองอ้วนเวลานี้มิต่างจากเด็กอายุห้าขวบ..
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่มีเหตุมีผลยิ่งนัก!!”
หลิงหยุนเอ่ยชมพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้างร่างของเจ้าทองอ้วนมาไว้ในมือ และถ่ายเทพลังอมตะสีทองเข้าไปในร่างของมัน และเอ่ยขึ้นว่า
“พ่อแม่ทะเลาะกันเช่นนี้ไม่เหมาะนักที่เจ้าจะเข้าข้างคนใดคนหนึ่ง..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินถึงกับหน้าแดงก่ำและร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห “หลิงหยุน ขืนเจ้ายังกล้าพูดจาเช่นนี้อีก ข้าจะถลกหนังเจ้าออกมาซะ!!”
หลิงหยุนหาได้หวาดกลัวคำข่มขู่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่เขามองนาฬิกาพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เครื่องน่าจะลงจอดแล้วล่ะ..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกโทรศัพท์มือถือออกมาจากแหวนและกดโทรหาถังเมิ่งทันที
“ถังเมิ่ง..นายจองโรงแรมไว้ที่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร