บทที่ 1481 : ในที่สุดก็มา!
โรงแรมที่ถังเมิ่งจองไว้คือโรงแรมจงเทียน..
โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในหลินเฉิงด้านหน้าทางเข้าโรงแรมมีน้ำตกที่สร้างขึ้น รอบๆโรงแรมมีต้นไม้ที่ปลูกขึ้นเรียงรายอย่างเรียบร้อยงดงาม และมีสภาพแวดล้อมที่ดียิ่ง
แม้ถังเมิ่งจะเป็นผู้จองโรงแรมแต่เหออวี้ฉงกลับเป็นผู้จ่ายเงิน และเป็นอีกครั้งที่นางทำการเหมาโรงแรมทั้งชั้นไว้เช่นเคย
หลิงหยุนและเหมี่ยวเสี่ยวเหมามาถึงโรงแรมก่อนคนอื่นๆทั้งคู่นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้กว่าครึ่งชั่วโมง และในที่สุดถังเมิ่งและคนอื่นๆก็มาถึง
เหออวี้ฉงดูเหมือนจะเชื่อใจหลิงหยุนยิ่งนักครั้งนี้นางจึงมิได้นำบอดี้การ์ดของตนเองติดตามมาด้วย และให้พวกเขารออยู่ที่จิงฉู แต่พาผู้ช่วยมาด้วยเพียงสองคนเท่านั้น คนขี้ระแวงย่อมไม่เลือกไว้วางใจผู้ที่น่าสงสัยนี่คือนิสัยของเหออวี้ฉง..
อีกอย่าง..นางเองก็เชื่อว่าหลิงหยุนมิได้คิดร้ายต่อนาง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง นางก็ยากที่จะมีโอกาสรอด การนำบอดี้การ์ดมาด้วยมากมายจึงมิใช่เรื่องสมเหตุสมผล
ทันทีที่เข้ามาในโรงแรมผู้ช่วยของเหออวี้ฉงทั้งสองคนก็ได้เข้าไปทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์ ระหว่างนั้น คนที่เหลือก็ไปนั่งดื่มกาแฟรอที่เลาจน์ซึ่งทางโรงแรมจัดไว้ต้อนรับ
“แม่นางเหอธุระที่ข้าต้องทำครั้งนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเจ้า ถ้าอย่างไรเจ้าก็พักผ่อนรอข้าอยู่ที่โรงแรมตามสบาย..”
หลิงหยุนเหลือบมองหวังชงเซียวกับแวมไพร์ทั้งห้าพร้อมกับเอ่ยต่อว่า “เรื่องความปลอดภัยของเจ้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเขา เจ้ามิจำเป็นต้องกังวลใจ ข้ารับรองได้ว่าเจ้าต้องปลอดภัยแน่”
“ต้องรบกวนท่านแล้วท่านผู้นำตระกูลหลิงข้าเองก็ได้บอกกับท่านก่อนหน้านี้แล้วว่าข้าจะปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านทุกอย่าง”
เหออวี้ฉงเอ่ยขอบคุณหลิงหยุนด้วยท่าทางเคารพนบนอบ..
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยกับความเฉลียวฉลาดของเหออวี้ฉงทำให้เขามิต้องพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นถังเมิ่งที่บอกกับเหออวี้ฉงว่านางควรกล่าวอะไรบ้าง
เนื่องจากคณะของหลิงหยุนมากันหลายคนและนับเป็นลูกค้าวีไอพีของทางโรงแรม ฉะนั้นการเช็คอินจึงดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ทุกคนรับคีย์การ์ดของตนเองแล้วต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายไปพักผ่อนที่ห้องของตน..
หลิงหยุนและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเดินตรงไปที่ห้องของท่านหมอเสี่ยวเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องแผนการในวันพรุ่งนี้
“ท่านปู่เสี่ยว..เวลานี้ท่านรู้สึกเช่นใดบ้าง”
หลังจากที่ปิดประตูห้องและเดินเข้าไปด้านในแล้ว หลิงหยุนก็เอ่ยถามท่านหมอเสี่ยวทันที
สีหน้าของเสี่ยวเจิ้งจี๋ซีดเซียวเล็กน้อยเพราะเวลานี้ดูเหมือนหนอนกู่ภายในกายจะเริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง และตัวเขาเองก็พยายามที่จะสะกดมันไว้
“เฟิงหวงน่าจะรู้แล้วว่าข้ามาถึงที่นี่และนางจึงพยายามที่จะควบคุมหนอนกู่กลืนใจอีกครั้ง..”
เสี่ยวเจิ้งจี๋นั่งลงพร้อมกับถอนหายใจยาวพร้อมบอกเล่าความจริงให้หลิงหยุนฟังโดยมิคิดที่จะปิดบัง
หลิงหยุนกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับหันไปมองหน้ากันเหตุการณ์เหมือนกับที่ตัวนาง หลิงหยุน และจินเหยียวสนทนากันก่อนหน้านี้
“เวลานี้ข้าเองก็เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-4แล้ว อีกทั้งยังมีผนึกทั้งสองของเจ้า หากเฟิงหวงคิดที่จะทำลายผนึกนี้ และควบคุมหนอนกู่กลืนใจอีกครั้ง นางคงต้องใช้เวลาอีกนานทีเดียว..” ท่านหมอเสี่ยวเป็นเจ้าของร่างย่อมต้องรู้สถานการณ์ของตนดีกว่าผู้ใด จึงได้บอกเล่าความเห็นของตนให้หลิงหยุนกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาฟัง
สำหรับเรื่องนี้หลิงหยุนเองก็ได้รู้มาจากจินเหยียวว่า กำลังภายในของเหมี่ยวเฟิงหวงน่าจะไม่เกินระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3 อีกทั้งที่นี่ยังอยู่ห่างจากหมู่บ้านเหมี่ยวไปหลายร้อยกิโลเมตร
หลิงหยุนมีท่าทีกระอักกระอ่วนลังเลใจเล็กน้อยแต่แล้วในที่สุดเขาก็หันไปมองหน้าท่านหมอเสี่ยว พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย
“ท่านปู่เสี่ยวข้ามีคำแนะนำในเรื่องนี้ ท่านลองฟังดูว่าจักสามารถใช้ได้ผลหรือไม่”
“นับจากนี้ไปท่านต้องเลิกต่อต้านท่านย่าเหมี่ยว ด้วยการหยุดใช้พลังปราณสะกดหนอนกู่ภายในร่าง ส่วนข้าเองก็จะทำการคลายผนึกที่สะกดหนอนกู่ไว้เช่นกัน..”
“ไม่ทราบว่าท่านปู่เสี่ยวคิดเห็นเช่นใด” หลังจากที่เอ่ยแนะนำออกไปเช่นนั้นหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายรอคอยให้ท่านหมอเสี่ยวเป็นผู้ตัดสินใจ..
“ห๊ะ!อะไรนะ?!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินหลิงหยุนแนะนำเช่นนั้นก็ถึงกลับเป็นร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนกตกใจ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที และรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องตะโกนถามเสียงดัง
“หลิงหยุนนี่เจ้าบ้าไปแล้วรึ”
“เสี่ยวเหมา..เงียบเดี๋ยวนี้!”
ท่านหมอเสี่ยวที่นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเป็นฝ่ายยกมือขึ้นโบกห้ามปรามเหมี่ยวเสี่ยวเหมา พร้อมกับเอ่ยต่อว่า..
“ชีวิตของข้านับจากนี้เป็นของเฟยหวงแล้วจะอยู่หรือตายก็ปล่อยให้นางเป็นผู้ตัดสินใจเองเถิด!”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ท่านหมอเสี่ยวก็หันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพยักหน้า แววตาของเขาเป็นประกายบ่งบอกว่าเห็นด้วยกับหลิงหยุน
เขามาที่นี่เพื่อปรับความเข้าใจและชดเชยให้กับเหมี่ยวเฟิงหวง หากมาถึงที่นี่แล้วยังต้องฝืนต่อสู้กับนางต่อไปเช่นนี้ ไม่แน่ว่าด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงของนาง เหมี่ยวเฟิงหวงอาจมิยินยอม และอาจใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่ตนมี หรืออาจออกมาจากหมู่บ้านเหมี่ยว เพื่อให้เข้าใกล้กับตัวเขาได้มากขึ้น และสามารถควบคุมหนอนกู่ได้ดียิ่งขึ้น ถึงเวลานั้นชีวิตของเขาก็อาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้
ถึงเวลานั้นคงมีเพียงชะตากรรมเดียวที่เขาจะต้องเผชิญก็เป็นได้!
การจะแก้ไขความขุ่นข้องหมองใจของเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นท่าทีที่สื่อสารออกไปจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง!
หากต้องการเข้าไปที่หมู่บ้านเหมี่ยวเพื่อเจรจาต่อหน้าเหมี่ยวเฟิงหวงแล้วล่ะก็สิ่งสำคัญคือต้องคลายผนึก และหยุดการต่อสู้ของคนทั้งสองไว้ มิฉะนั้นแล้ว การเผชิญหน้ากันของคนทั้งคู่ก็จะยิ่งมีแต่ความกดดันที่เพิ่มขึ้น
หลิงหยุนพิจารณาถึงเรื่องสำคัญนี้ต่างหากจึงได้เสนอความคิดเห็นไปเช่นนั้น..
“หลิงหยุนเจ้าจัดการได้เลย!”
ท่านหมอเสี่ยวเป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาหลิงหยุน ครั้งนี้เขามิได้ใช้พลังปราณสะกัดหนอนกู่ไว้อีกแล้ว และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน
หลิงหยุนชื่นชมการตัดสินใจของท่านหมอเสี่ยวยิ่งนักและก่อนที่เขาจะลงมือ ได้บอกกับท่านหมอเสี่ยวผ่านทางจิต
–ท่านปู่อย่าได้กังวลใจข้าอยู่ที่นี่ทั้งคน หนอนกู่มิสามารถทำอันตรายท่านถึงขั้นเสียชีวิตได้แต่ เพียงแต่..-
เมื่อหลิงหยุนถอนผนึกออกเมื่อใดหนอนกู่ก็จะเป็นอิสระ และจะเริ่มกัดกินหัวใจของท่านหมอเสี่ยวต่อ ท่านหมอเสี่ยวจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทรมานอย่างมาก ท่านหมอเสี่ยวยิ้มอย่างสงบนิ่งพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เป็นไร..”
ชั่วอึดใจต่อมา..หลิงหยุนก็ได้ใช้วิชาดรรชนีห้าธาตุทำการคลายผนึกที่หน้าอกให้กับท่านหมอเสี่ยว
บูม!
ผนึกที่สะกดหนอนกู่กลืนใจไว้ได้ถูกหลิงหยุนคลายออกแล้ว!
“เรียบร้อยแล้ว!”
หลิงหยุนเอ่ยขึ้นในขณะที่ใบหน้าแดงระเรื่อของท่านหมอเสี่ยวได้เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที ริมฝีปากบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วผุดขึ้นเต็มหน้าผากของท่านหมอเสี่ยวและค่อยๆไหลอาบใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น สีหน้าและร่างกายที่สั่นอย่างรุนแรงเวลานี้ บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างมากที่ท่านหมอเสี่ยวกำลังได้รับ!
“ท่านปู่!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและรีบวิ่งตรงเข้าไปหาทันที ดวงตาของนางแดงก่ำและร่ำไห้ออกมา..
“ท่านปู่..”
หลังจากที่หลิงหยุนคลายผนึกที่สะกดหนอนกู่ออกแล้วร่างสง่างามของเขายังคงยืนแน่นิ่งอยู่ที่เดิม และกำลังใช้พลังจิตของตนสำรวจดูหนอนกู่ที่อยู่ภายในร่างของท่านหมอเสี่ยวอย่างใจจดใจจ่อ..
“รอดูอาการไปสักพัก..”หลิงหยุนบอกกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่ร่ำไห้
นี่เป็นเพียงแค่การแก้ปัญหาเท่านั้นแม้ท่านหมอเสี่ยวจะเชื่อฟังคำแนะนำของเขา และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่หากเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่ต้องการ เขาก็ยินดีที่จะสะกดหนอนกู่ไว้ให้อีกครั้ง
หนอนกู่ของเหมี่ยวเฟิงหวงถูกสะกดไว้นานร่วมครึ่งปีเวลานี้เมื่อมันได้รับอิสระ และกลับมาเคลื่อนไหวได้เป็นปกติเช่นนี้ มันจึงทำหน้าที่โดยมิให้อับอาย การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้หาใช่การยอมล่าถอยไม่ แต่เพราะมีจุดประสงค์อื่นต่างหาก เขาต้องการที่จะสังเกตท่าทีของเหมี่ยวเฟิงหวงที่มีต่อท่านหมอเสี่ยว เพื่อที่จะสามารถวางแผนรับมือต่อไปได้ถูก..
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มิมีประโยชน์ที่จะแตกหัก!
อีกอย่าง..เวลาก็ได้ล่วงเลยมานานถึงสี่สิบกว่าปีแล้ว มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าภายในใจของเหมี่ยวเฟิงหวงนั้น กำลังคิดเช่นใดกันอยู่แน่
……
ณรอยต่อของมณฑลยูนนานกับมณฑลกุ้ยโจว ท่ามกลางขุนเขานับแสนลูก..
เวลานี้ร่างหนึ่งกำลังพุ่งผ่านขุนเขาท่ามกลางความมืด และกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก..
คนผู้หนึ่งสวมใส่ชุดของคนเผ่าเหมี่ยวเครื่องประดับเงินบนเรือนร่าง และที่ประดับอยู่บนอาภรณ์ กำลังเปล่งประกายระยิบระยับฝ่ามือทั้งสองข้างของคนผู้นี้เคลื่อนไปมาอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ปากก็ขมุบขมิบคล้ายกำลังร่ายมนต์คาถามอะไรบางอย่างอยู่
และคนผู้นี้ก็หาใช่ใครอื่นไม่แต่เป็นเหมี่ยวเฟิงหวงนั่นเอง!
ความจริง..เหมี่ยวเฟิงหวงสามารถสัมผัสความเคลื่อนไหวได้ตั้งแต่ที่เครื่องบินซึ่งท่านหมอเสี่ยวโดยสารมานั้น ได้บินมาถึงครึ่งทางแล้ว นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า หนอนกู่กำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้ตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าเหมี่ยวเฟิงหวงย่อมเข้าใจความหมายนี้ได้เป็นอย่างดี..
เสี่ยวเจิ้งจี๋กำลังเดินทางมาที่นี่..
เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับน้ำตาไหลอาบใบหน้าเวลานี้มิมีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ว่า ภายในใจของนางนั้นกำลังครุ่นคิดเช่นใดกันแน่!
“สี่สิบเจ็ดปี..เสี่ยวเจิ้งจี๋ ในที่สุดท่านก็มาที่นี่อีกครั้ง!” การที่เสี่ยวเจิ้งจี๋ย้ายมาอาศัยอยู่ในเมืองจิงฉูตลอดสิบเจ็ดปีนั้นด้วยระยะทางที่ไกลกว่าหนึ่งพันเจ็ดร้อยกิโลเมตรจากเผ่าเหมี่ยวเจียงนี้ ทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงควบคุมหนอนกู่ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตของนางได้ยากลำบากขึ้น
แต่ตลอดเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมานั้นท่านหมอเสี่ยวก็มิเคยเข้าใกล้ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองจิงฉูเลย!
หาใช่ท่านหมอเสี่ยวโหดเหี้ยมใจดำแต่อย่างใดเขาเพียงแค่ต้องการปกป้องครอบครัว ปกป้องตนเอง และปกป้องภรรยาของเขาเท่านั้น..
แต่ในค่ำคืนนี้เสี่ยวเจิ้งจี๋กลับขึ้นเครื่องมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และเข้าใกล้ที่ตั้งของเผ่าเหมี่ยวเจียงมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่รวดเร็ว
“หึ..ท่านจะมาที่นี่เพื่อบีบให้ข้าถอนหนอนกู่ออกจากตัวท่านสินะ”
“ท่านอย่าได้ฝันเลย!” หลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงได้เหมี่ยวเฟิงหวงจึงได้รำพึงรำพันออกมากับตนเอง..
หลังจากที่สามารถสื่อสารกับหนอนกู่ของตนได้อีกครั้งเหมี่ยวเฟิงหวงก็พยายามที่จะควบคุมมัน และพยายามที่จะกอบกู้ชัยชนะของตนคืนมา
แต่มีหรือที่ผนึกของหลิงหยุนจะสามารถถูกผู้ใดทำลายลงได้ง่ายๆเหมี่ยวเฟิงหวงพยายามอยู่นานถึงสามชั่ว แต่ก็ไม่สำเร็จ!
และนั่นยิ่งทำให้นางโกรธแค้นเสี่ยวเจิ้งจี๋มากยิ่งขึ้นจึงไม่ต้องการที่จะปราณีเขาอีก..
จนกระทั่งเครื่องบินของท่านหมอเสี่ยวลงจอดและพวกเขาก็เดินทางไปที่โรงแรม เหมี่ยวเฟิงหวงจึงสัมผัสได้ว่าตำแหน่งของหนอนกู่ได้เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง แต่นางยังมิหมดหวัง และรีบเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งเคยเลี้ยงหนอนกู่กลืนใจของตน!
เมื่อพบว่าระยะทางใกล้เข้ามามากกว่าเดิมเหมี่ยวเฟิงหวงจึงได้พยายามสื่อสารกับหนอนกว่า เพื่อที่จะทำลายผนึกที่สะกดหนอนกู่ของตนไว้อีกครั้ง
“เสี่ยวเจิ้งจี๋!!คนแล้วน้ำใจ! ที่ผ่านมาข้ามิเคยคิดทำลายครอบครัวของท่าน อีกทั้งยังสัญญาจะให้ท่านและภรรยามีชีวิตอยู่จนแก่เฒ่า ข้าต้องทนอยู่อย่างเดียวดายมาตลอดชีวิต และรอคอยท่านมานานมากกว่าสี่สิบปี นี่คือสิ่งที่ท่านตอบแทนข้างั้นรึ!”
นางวิ่งผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่าไปพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่ไหลพรากไปด้วยระหว่างที่วิ่งไปก็พยายามที่จะควบคุมหนอนกู่ไปด้วยแม้จะรู้สึกสิ้นหวัง ฝีเท้าของนางเริ่มหนักราวกับมีตระกั่วถ่วงมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่านางจะพยายามวิ่งไปจนกระทั่งอยู่ห่างกันเพียงแค่หนึ่งร้อยกิโลเมตรแต่เหมี่ยวเฟิงหวงก็ยังไม่สามารถทำลายผนึกของหลิงหยุนได้อยู่ดี
แต่แล้วจู่ๆเหมี่ยวเฟิงหวงก็สัมผัสได้ว่าพลังที่สะกดหนอนกู่ไว้นั้นค่อยๆ เบาบางลงเรื่อยๆ
“หึ!ท่านคงจะไม่สามารถสะกดหนอนกู่ของข้าไว้ได้อีกแล้วสินะ!”
เหมี่ยวเฟิงหวงที่กำลังรู้สึกสิ้นหวังจึงรีบทำการควบคุมหนอนกู่กลืนใจของตนทันที!
บูม!
ผนึกที่สะกดหนอนกู่ไว้ทะลายลงในทันที..
เหมี่ยวเฟิงหวงดีอกดีใจยิ่งนักและหลังจากที่ผนึกถูกทำลาย นางจึงควบคุมหนอนกู่ให้กัดกินหัวใจของท่านหมอเสี่ยวด้วยความเคียดแค้นทันที
“เสี่ยวเจิ้งจี๋..ในเมื่อท่านแล้งน้ำใจกับข้า ก็อย่าได้ตำหนิว่าข้าใจร้ายกับท่าน!”
เหมี่ยวเฟิงหวงปล่อยให้หนอนกู่กัดกินเสี่ยวเจิ้งจี๋ในขณะที่น้ำตาของนางก็ไหลออกมาแทบเป็นสายเลือด
“ห๊ะ!!ไม่นะ!!”
เนื่องจากระยะที่ใกล้กันมากทำให้เหมี่ยวเฟิงหัวสื่อสารกับหนอนกู่กลืนใจของตนได้เป็นอย่างดี จึงสามารถรับรู้การไหลเวียนของพลังปราณภายในร่างของเสี่ยวเจิ้งจี๋ได้ว่า มิการต่อต้านเกิดขึ้น..
“เหตุใดท่านจึงมิยอมสะกดหนอนกู่ของข้าไว้อีกในเมื่อท่านเองก็มีพลังปราณที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้ แย่แล้ว..”
แต่เมื่อคิดได้เช่นนั้นสีหน้าของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็เปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีด คล้ายกับว่านางฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบร้องอุทานออกมาเสียงดัง
“หยุดเดี๋ยวนี้!!”
หนอนกู่ภายในร่างของท่านหมอเสี่ยวหยุดกัดกินหัวใจของเขาในทันที!
จากนั้นร่างของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ทรุดลงไปกับพื้นเสียงกรีดร้องร่ำไห้ของนางดังไปทั่วทั้งป่าเขา
นั่นเพราะ..นางเฝ้ารอชายผู้นี้มานานถึงสี่สิบเจ็ดปี และในที่สุดเขาก็มาพบนางจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร