บทที่ 1482 : ถึงหมู่บ้านเหมี่ยว
ในเวลาเดียวกัน..ที่โรงแรมจงเทียนภายในห้องพักของเสี่ยวเจิ้งจี๋
หลังจากที่หลิงหยุนทำการถอนผนึกแล้วหนอนกู่กลืนใจก็กัดกินหัวใจของท่านหมอเสี่ยวอย่างบ้าคลั่ง ภายในเวลาเพียงแค่สองนาที ท่านหมอเสี่ยวถึงกับเจ็บปวดจนแทบมิอาจทานทนได้ เหงื่อเย็นไหลท่วมตัวเปียกเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ และไม่สามารถยืนนิ่งต่อไปได้ เขาทรุดนั่งลงกับพื้นตัวงอ
“โอ๊ย..โอย..”
ความเจ็บปวดนั้นเพิ่มทวีมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดท่านหมอเสี่ยวก็ถึงกับต้องร้องครวญครางออกมา
และนี่คือความน่ากลัวของหนอนกู่กลืนใจ!
“ท่านปู่!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาคุกเข่าลงกับพื้นประคองร่างของท่านหมอเสี่ยวไว้ในอ้อมแขน นางได้แต่ทนดูท่านหมอเสี่ยวร้องครวญครางด้วยความรู้สึกเจ็บปวด จนน้ำตาไหลเอ่อดวงตาทั้งสองข้าง
“ฮึ่ม..”
หลิงหยุนซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามคนทั้งคู่นั้นได้เแต่คำรามออกมาและเริ่มไม่อาจทนต่อไปได้ เขาหลับตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ และค่อยๆนับตัวเลขอยู่ในใจ หากภายในครึ่งนาทีหลังจากนี้ เหมี่ยวเฟิงหวงยังไม่หยุดทำร้ายท่านหมอเสี่ยว หลิงหยุนคงต้องลงมืออย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่
หนอนกู่กลืนใจก็คือไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในหัวใจเวลานี้กำลังกัดกินเนื้อและโลหิตภายในใจอยู่เช่นนี้ ผู้ใดเล่าจะสามารถทานทนต่อความเจ็บปวด และมีชีวิตอยู่ต่อได้อีก
หัวใจของผู้ใหญ่คนหนึ่งมีขนาดเท่ากำปั้นข้างหนึ่งเท่านั้นแม้ท่านหมอเสี่ยวจะได้กลืนโอสถเยาว์วัยของหลิงหยุนเข้าไป และหนุ่มขึ้นจากเดิมอีกยี่สิบปี แต่ถึงกระนั้นเขาจะสามารถทานทนต่อความเจ็บปวดนี้ไปได้อีกนานเท่าใด
สามนาที..เป็นช่วงเวลาแห่งการระบายความโกรธแค้น และก็มากพอที่คนคนหนึ่งจะสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้เช่นกัน หากผ่านไปสามนาทีแล้ว เหมี่ยวเฟิงหวงยังมิยอมรามือ หลิงหยุนก็คงจะไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนแผนหรือจุดประสงค์ของการเดินทางมาในครั้งนี้แน่..
เขาคงจะใช้ความแข็งแกร่งของตนเองเข้ากดดันเผ่าเหมี่ยวเจียงและบีบบังคับให้เหมี่ยวเฟิงหวงต้องก้มหัวให้ จากนั้นให้ท่านหมอเสี่ยวเป็นผู้ตัดสินใจและยื่นคำขาด
หากถึงเวลาที่หลิงหยุนตัดสินใจทำเช่นนั้นแล้วแม้แต่ท่านหมอเสี่ยว หรือเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ยากที่จะสามารถขัดขวางได้
แต่ในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังนับอยู่ในใจนั้น..จู่ๆ ร่างของท่านหมอเสี่ยวก็หยุดสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวด เพราะหนอนกู่ภายในร่างก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที!
แต่เนื่องจากถูกหนอนกู่กัดกินอยู่นานถึงสองนาทีหัวใจของท่านหมอเสี่ยวจึงยังคงมีโลหิตไหลอยู่ ความเจ็บปวดจึงยังคงไม่หายไปในทันที เพียงแค่ทุเลาเบาบางลงไปเท่านั้น
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก..
ท่านหมอเสี่ยวจึงค่อยๆถอนฝ่ามือที่กุมหน้าอกของตนเองออกเขายืดร่างตรงและสูดลมหายใจยาว ก่อนจะหันไปจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า
“หนอนกู่สงบนิ่งแล้ว!”
เวลานี้หลิงหยุนเองก็ได้จับตามองเข้าไปในร่างของท่านหมอเสี่ยวอยู่ตลอดเวลาเขาจึงได้รู้เห็นสภาพภายในร่างกายของท่านหมอเสี่ยวดี จึงได้แต่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า
“ท่านปู่เสี่ยวขอแสดงความยินดีด้วย!”
หากจะพูดตามตรงระยะเวลาจากที่หลิงหยุนถอนผนึกไปจนถึงหนอนกู่หยุดเคลื่อนไหวนั้น นับว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าที่หลิงหยุนคาดการไว้มากนัก แต่นั่นยังมิใช่ประเด็น ประเด็นคือจู่ๆหนอนกู่ที่เคยกัดกินหัวใจอย่างคลุ้มคลั่ง กลับเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบและไม่เคลื่อนไหวอีกเลย
ซึ่งสิ่งนี้บ่งบอกว่า..เหมี่ยวเฟิงหวงตัดสินใจสั่งหนอนกู่ให้หยุดกัดกินหัวใจของท่านหมอเสี่ยวแล้วนั่นเอง!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมานางค่อยๆประคองร่างของท่านหมอเสี่ยวให้ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำตานองหน้า พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“ท่านย่า..นาง..”
‘หนึ่งคืนของคู่ชีวิตเสมือนหนึ่งร้อยวัน..’หลิงหยุนได้แต่ถอนหายใจและคิดคำนึงอยู่ในใจเงียบๆ โดยมิกล้าเอ่ยออกมา
และแน่นอนว่า..นับจากนี้การเริ่มต้นที่งดงามกำลังเกิดขึ้นแล้ว!
“ท่านปู่เสี่ยวท่านอย่าด่วนเคลื่นไหวร่างกายนัก!”
หลิงหยุนเอ่ยบอกท่านหมอเสี่ยวพร้อมกับเรียกยันต์บำบัดระดับเจ็ดออกมาถือไว้ในมือ ก่อนจะปิดลงบนหน้าอกของเขา
หน้าอกของท่านหมอเสี่ยวพลันเปลี่ยนเป็นแสงสว่างสีขาวขึ้นมาวูบหนึ่งจากนั้นจุดที่ถูกหนอนกู่กัดกินพลันกลับสู่สภาพปกติดังเดิม
ในระหว่างที่รักษาอาการบาดเจ็บให้กับท่านหมอเสี่ยวอยู่นั้นหลิงหยุนยังนึกเกรงว่าหนอนกู่กลืนใจจะดิ้นรนขัดขวาง แต่เขาก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพบว่าหนอนกู่กลับสงบนิ่งไม่มีปฎิกิริยาต่อต้านใดๆเลยแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังทำการรักษาท่านหมอเสี่ยวอยู่นั้นเขาเองก็คงไม่นึกไม่ฝันว่า เหมี่ยวเฟิงหวงจะกำลังคุกเข่าร่ำไห้อย่างเจ็บปวดใจอยู่บนภูเขาเช่นกัน
“หลิงหยุน..ดูเหมือนว่าเจ้าคงจะมิได้เก่งกาจเพียงแค่เรื่องการฝึกวรยุทธบ่มเพาะหรอกนะ!”
หลังจากที่หนอนกู่สงบนิ่งและได้รับการรักษาด้วยยันต์บำบัดของหลิงหยุนแล้ว ท่านหมอเสี่ยวก็ได้หันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยชมเขา
จากนั้นท่านหมอเสี่ยวก็ได้แต่ถอนหายใจใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คิดไม่ถึงว่าวิธีนี้จะได้ผล..”
“ท่านปู่เสี่ยวกล่าวชมข้าจนเกินไป..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความเก้อเขินพร้อมตอบกับไปว่า “ไม่ทราบท่านปู่ได้คิดไว้แล้วหรือยังว่า เมื่อได้เผชิญหน้ากับท่านย่าเหมี่ยวแล้วจะทำเช่นใด หรือยังมิทันได้คิดอ่านเรื่องนี้..”
ที่หลิงหยุนต้องเอ่ยถามออกไปนั้นก็เพราะว่าแม้ทั้งท่านหมอเสี่ยวและเหมี่วเฟิงหวง ต่างฝ่ายต่างจะยังมีความรักอยู่ในหัวใจ แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมานานหลายสิบปี และมิรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นใด ย่อมต้องมีความอึดอัดและกระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง
การพบกันครั้งนี้มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่าการสู้รบในศึกใหญ่แต่เพราะทั้งหมอเสี่ยวและเหมี่ยวเฟิงหวงต่างก็อยู่ในสนามรบ มีเพียงหลิงหยุนที่อยู่นอกสนามรบ และด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของเขาทำให้สามารถมองเกมออก จึงกล้าที่จะเดิมพันด้วยวิธีนี้
หลิงหยุนใช้ชีวิตของท่านหมอเสี่ยวเป็นเดิมพันซึ่งนับว่ามีความเสี่ยงสูงยิ่ง แต่ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายแพ้เดิมพันในครั้งนี้ หลิงหยุนก็มั่นใจว่าตนเองจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ทัน
แต่เวลานี้..ผลปรากฏออกมาแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายชนะการเดิมพันครั้งนี้ เพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายคือความเจ็บปวดหัวใจในช่วงเวลาสองนาทีที่ท่านหมอเสี่ยวได้รับ..
การที่หลิงหยุนกล้าตัดสินใจเดิมพันเช่นนี้ก็เพราะเขาเชื่อว่าเหมี่ยวเฟิงหวงที่ห่างเหินจากท่านหมอเสี่ยวไปนานถึงสี่สิบกว่านปี และมีหนอนกู่ฝังอยู่ในร่างของเขานั้น หากนางต้องการที่จะเผชิญหน้ากับท่านหมอเสี่ยว ย่อมมิใช่เรื่องยากที่จะหาตัวเขาพบ
แต่ถึงกระนั้นตลอดสี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ เหมี่ยวเฟิงหวงกลับมิเคยทำร้ายท่านหมอเสี่ยวเลยสักครั้ง จึงมิมีเหตุผลอันใดเมื่อท่านหมอเสี่ยวมาพบนางที่นี่ นางจะต้องคิดสังหารเขา
เพียงแต่หลังจากที่ผนึกถูกถอนออกหนอนกู่ของเหมี่ยวเฟิงหวงจึงเสมือนทะลายกรงที่กักขังตนอย่างยาวนานได้ ด้วยความคับแค้นใจและความโกรธ นางจึงสั่งให้หนอนกู่กัดกินหัวใจของท่านหมอเสี่ยว แต่ก็เป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น
เวลานี้..ทั้งสามคนจึงกลับไปนั่งที่โซฟาภายในห้อง
“ท่านปู่เสี่ยว..ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นับจากนี้ไปจนกว่าพวกเราจะได้พบกับท่านย่าเหมี่ยว ท่านคิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับท่านอีกหรือไม่”
หลิงหยุนเอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ..
ท่านหมอเสี่ยวพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“หลิงหยุน เจ้ามิต้องกังวลใจ แม้เฟิงหวงจะตำหนิข้าที่ผ่านมา แต่นางก็ได้รู้แล้วว่าข้ากำลังจะเดินทางไปพบนาง อีกทั้งยังได้แสดงท่าทีของตนเองให้นางได้รับรู้แล้ว.. คืนนี้จะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นกับข้าอีกเป็นแน่!”
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้า“นี่คือเหตุผลที่ข้าเลือกที่จะถอย และไม่ต่อสู้กับท่านย่าเหมี่ยว แต่เลือกที่จะไปพบนางในฐานะคนในครอบครัว การต่อต้านนางอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ร้าวลึกยิ่งกว่าเดิม และจะนำปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย..”
“หึ..นี่เป็นความคิดที่แย่มากต่างหาก!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยเสียงห้วนเมื่อนึกถึงความเจ็บปวดทรมานที่ท่านหมอเสี่ยวได้รับก่อนหน้านี้..
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยถามออกไป“นี่.. ข้ามีมโนธรรมเช่นนี้เจ้ายังหาว่าเป็นความคิดที่แย่อีกงั้นรึ”
“เอาล่ะ..ข้าเชื่อว่าพรุ่งนี้ท่านปู่เสี่ยวคงจะเดินทางไปที่หมู่บ้านเหมี่ยวได้อย่างไร้ปัญหาแน่ ส่วนเจ้า.. เป็นหลานสาวของท่านย่า ท่านย่าเหมี่ยวอาจขุ่นเคืองใจบ้าง แต่ก็มิได้โกรธแค้น คงจะมีแต่ข้าเท่านั้นที่ท่านย่าเหมี่ยวเกลียดชัง..”
หลังจากที่ทำการวิเคราะห์สถานการณ์แล้วหลิงหยุนก็หันไปถามเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันที “เสี่ยวเหมา.. ความปลอดภัยของเข้า เจ้าต้องเป็นผู้รับผิดชอบ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเอ่ยตอบหลิงหยุนไปว่า “หาใช่เรื่องของข้าไม่ พรุ่งนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าถูกหนอนกู่ที่ท่านย่าเลี้ยงไว้กัดตาย..”
“เจ้าแน่ใจรึว่าพวกมันจะสามารถกัดข้าได้!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปทางท่านหมอเสี่ยวพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ท่านปู่เสี่ยว.. คืนนี้ท่านพักผ่อนก่อน และพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเดินทางไปที่หมู่บ้านเหมี่ยวทันที!”
“ดีๆ!!”
หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มาท่านหมอเสี่ยวก็ยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินออกจากห้องของท่านหมอเสี่ยวปล่อยให้ปู่และหลานได้สนทนากันตามลำพัง ส่วนตัวเขาก็เดินไปที่ห้องพักของถังเมิ่ง หลังจากสนทนากับถังเมิ่งอยู่ราวครึ่งชั่วโมง หลิงหยุนก็ได้ออกไปนอกโรงแรม และหาภูเขาที่มีพลังชีวิตมากพอสำหรับการฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะ
…..
ค่ำคืนนั้นผ่านไปโดยมิมีเหตุอันใดเกิดขึ้น..
จนกระทั่งเวลาแปดโมงเช้าหลิงหยุน เสี่ยวเจิ้งจี๋ และเหมี่ยวเสี่ยวเหมา ก็ได้เดินทางออกจากโรงแรมหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย
หลิงหยุนเดินนำทั้งสองคนไปยังป่าทึบห่างไกลสายตาของผู้คนจากนั้นทั้งสามร่างก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา และเหาะไปยังหมู่บ้านเหมี่ยวทันที!
คร้้งนี้มีท่านหมอเสี่ยวมาด้วยหลิงหยุนจึงมิได้เหาะไปด้วยความเร็วสูงนัก และในเวลาห้านาทีทั้งหมดก็ไปถึงจุดหมาย
“ถึงแล้ว..ที่นี่ล่ะ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่อยู่สูงจากผืนดินไปราวสามกิโลเมตรร้องตะโกนพร้อมกับชี้บอกหลิงหยุนทันทีที่ถึงหมู่บ้านเหมี่ยว..
หลิงหยุนค่อยๆเหาะช้าลงและหยุดอยู่บนท้องฟ้าเหนือหมู่บ้านเหมี่ยว..
บูม!
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเวลานี้ครอบคลุมทั่วทั้งหมู่บ้านเหมี่ยวและมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนไร้สิ่งกีดขวาง
หลิงหยุนกำลังจ้องมองเหมี่ยวเฟิงหวง..
ในเวลานั้นภายในหมู่บ้านเหมี่ยวในจุดที่ห่างไกลที่สุดและสูงที่สุด มีหญิงหน้าตาคล้ายกับอยู่ในวัยห้าสิบปี แต่งตัวในชุดเผ่าเต็มยศนั่งอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเผยให้เห็นดวงตาและใบหน้าที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์!
เหมี่ยวเฟิงหวง! นางกัดฟันกรอดและร่างกายสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้“เสี่ยวเจิ้งจี๋.. สี่สิบกว่าปี ในที่สุดท่านก็มา!”
การมาของเสี่ยวเจิ้งจี๋ในครั้งนี้แตกต่างจากที่เหมี่ยวเฟิงหวงคาดการไว้มากนักเขามิได้มาทางภูเขาเหมือนก่อน แต่กลับมาทางท้องนภา..
“หลิงหยุน– ผู้นำตระกูลหลิงมาพร้อมกับท่านหมอเสี่ยว เพื่อขอพบธิดาเหม่เจียง!”
หลิงหยุนซึ่งยังคงเหาะอยู่บนท้องนภาเขาได้ใช้มังกรคำรามพูดกับกับเหมี่ยวเฟิงหวง และคำพูดทุกคำก็ได้ยินเต็มสองหูของนาง
พรึบ..
ชั่วอึดใจต่อมา..ระหว่างที่รอให้เหมี่ยวเฟิงหวงออกมานั้น หลิงหยุนก็ได้เหาะลงมาจากห้วงอากาศพร้อมกับท่านหมอเสี่ยว และเหมี่ยวเสี่ยวเหมา ทั้งหมดกำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้านของนาง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร