บทที่ 1483 : เผชิญหน้ากับเหมี่ยวเฟิงหวง
ภายในบ้านยังคงนิ่งเงียบอยู่นาน..
หลิงหยุนใช้วิชาล่องหนพาเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับท่านหมอเสี่ยวเหาะมาแต่เมื่อร่อนลงสู่พื้นดิน เขาก็พาทุกคนกลับสู่สภาพปกติ
แม้ประตูบ้านจะยังคงปิดอยู่แต่หลิงหยุนก็สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้านด้วยจิตหยั่งรู้ และชัดเจนยิ่งกว่าตาเห็น
แม้ว่าเหมี่ยวเฟิงหวงจะอยู่ในวัยหกสิบหกแล้วแต่ใบหน้าของนางกลับอ่อนเยาว์ราวกับหญิงในวัยห้าสิบปีเท่านั้น นางอยู่ในชุดชนเผ่าและกำลังนั่งอยู่บนพื้นโดยมีเบาะรอง แม้นางจะพยายามควบคุมตนเองแล้ว แต่ก็ยากที่จะปกปิดความตื่นเต้นภายในใจไว้ได้ มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นจนซีดขาว ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย และรอบกายกลับมีกลุ่มหมอกสีขาวสองกลุ่มปรากฏขึ้น
“ท่านปู่..ท่านย่านาง..” ทั้งสามคนที่อยู่ด้านนอกมีเพียงหลิงหยุนคนเดียวเท่านั้นที่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ส่วนท่านหมอเสี่ยวนั้นก็เพิ่งจะกลับมาในรอบสี่สิบเจ็ดปี ในขณะที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นเติบโตที่นี่ และเพิ่งจะกลับมาหลังจากหายหน้าหายตาไปครึ่งปี
เวลานี้เสี่ยวเจิ้งจี๋ปู่ของนางมาถึงหมู่บ้านเหมี่ยวแล้วและอยู่ห่างจากท่านย่าของนางเพียงแค่ประตูกั้น เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงรู้สึกกระวนกระวายจนต้องการจะเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา..
“เสี่ยวเหมาเจ้าหุบปากได้แล้ว! เวลานี้เจ้ามิมีสิทธิ์พูดอะไรอีกแล้ว!”
ภายในประตูอีกด้านจู่ๆเสียงของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ดังขึ้นแทรกเสียงพูดของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา และเวลานี้นางก็กำลังจ้องมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยสายตาดุดัน
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับตกใจสุดขีดประกอบกับความรู้สึกผิดที่มีต่อท่านย่าของตนมาตลอด นางถึงกับน้ำตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองอีกครา
“เหมี่ยวเสี่ยวเหมา..เมื่อหกเดือนก่อนที่ข้าให้เจ้าออกเดินทางไปเมืองจิงฉูนั้น เจ้ายังจดจำได้หรือไม่ว่าข้าสั่งเจ้าไว้เช่นใด และเจ้าเองก็รับปากกับข้าว่า เมื่อภารกิจลุล่วงจะรีบกลับมาที่นี่ทันที!”
“ข้าเคยกำชับกับเจ้าแล้วมิใช่รึว่า..ข้างนอกล้วนมีแต่ชายโฉด แต่ดูเจ้าสิ.. เจ้ากำลังทำตัวเยี่ยงไร? ไม่เพียงเจ้าจะไม่ฟังคำสั่งของข้า ไปเรียกขานคนที่ไม่คู่ควรว่าปู่แล้ว เวลานี้.. เจ้ายังกล้าพาชายแปลกหน้ามาที่หมู่บ้านเหมี่ยวโออวดข้าอีกงั้นรึ?”
ตอนแรกหลิงหยุนก็เพียงแค่ยืนฟังนิ่งๆเท่านั้นแต่คำพูดประโยคสุดท้ายขอเหมี่ยวเฟิงหวง ทำให้เขาแทบมิสามารถอดกลั้น และเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะอกไป หลิงหยุนต้องพยายามอดกลั้นอยู่นานกับสภาพที่น่าขันของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเวลานี้
นี่นับเป็นครั้งที่สองที่หลิงหยุนได้เห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาร้องห่มร้องไห้หนักหนาเช่นนี้ครั้งแรกที่เขาเห็นนางร้องไห้น่าจะเป็นเมื่อครั้งที่เขาบีบบังคับให้นางไปพบกับท่านหมอเสี่ยว..
–นี่..เจ้ามิจำเป็นต้องยืนกลั้นหัวเราะอยู่ตรงนั้น หากเจ้ามิสามารถแก้ไขปัญหาครั้งนี้ให้ลุล่วงไปได้ เจ้าจะได้รู้ว่าข้าจะจัดการกับเจ้าเช่นใด-
แน่นอนว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาย่อมมิกล้าโต้เถียงเหมี่ยวเฟิงเหวงนางจึงได้หันไประบายความโกรธใส่หลิงหยุนแทน แต่แน่นอนว่านางใช้การสื่อสารผ่านทางจิต
–เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลยเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง! เจ้ากับท่านปู่เสี่ยว.. คนหนึ่งก็จากเผ่าเหมี่ยวเจียงไปนานถึงสี่สิบกว่าปี ส่วนอีกคนก็เพิ่งจะกลับมาหลังออกไปปฏิบัติภารกิจ เช่นนี้แล้วจะมิให้ท่านย่าเหมี่ยวเดือดดาลได้อย่างไรกันเล่า..-
หลิงหยุนนั้นเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของเหมี่ยวเฟิงหวงได้เป็นอย่างดีเขาจึงได้แต่เอ่ยบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยรอยยิ้ม –หากเจ้าทำไม่สำเร็จเจ้าตายแน่!!- เหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงตอบโต้หลิงหยุนกลับไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดใจ
“น้องเฟิงหวง..”
ในที่สุดท่านหมอเสี่ยวก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นและไม่คิดว่าในที่สุดตนเองจะได้เรียกชื่อนี้อีกครั้ง
ทันทีที่เสียงของท่านหมอเสี่ยวดังขึ้นหลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าร่างกายของเหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับสั่นสะท้านขึ้นอีกครั้ง และหลิงหยุนก็ยังคงได้ยินเสียงของท่านหมอเสี่ยวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง..
“อย่าได้ตำหนิเสี่ยวเหมาเลยเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน และที่ข้ามาที่นี่..”
“เสี่ยวเจิ้งจี๋ท่านเองก็หุบปากด้วย!”
เหมี่ยวเฟิงหวงเอ่ยขัดเสี่ยวเจิ้งจี๋ที่กำลังพูดอีกคน..
ใบหน้าของท่านหมอเสี่ยวสลดลงและนิ่งไปในทันที ภายนอกประตู..ความเงียบสงัดได้เข้าครอบงำอีกครา
เวลานี้ระหว่างเสี่ยวเจิ้งจี๋กับเหมี่ยวเฟิงหวงมีเพียงแค่ประตูกั้นไว้เท่านั้นและอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร แต่กลับกลายเป็นว่าประตูบานเล็กๆนี้ ประหนึ่งร่องลึกที่ขวางกั้นพวกเขาทั้งสองคนไว้!!
แต่หลิงหยุนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่นั้นก็หาได้รีบร้อนไม่ เขาสามารถพังประตูนั้นเข้าไปได้ในทันที แต่ก็มิต้องการที่จะทำเช่นนั้น เขารู้ดีว่าเรื่องเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลา
ตลอดครึ่งปีที่ผ่านมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หลังจากที่หลิงหยุนทำความเข้าใจเหมี่ยวเฟิงหวงแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในความรักที่หนักแน่น น้ำตา ความภาคภูมิใจ และความดื้อรั้นของนางมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้..เมื่อคืนเขาจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายล่าถอย และปล่อยให้เหมี่ยวเฟิงหวงได้ระเบิดความคับแค้นใจ และระบายความโกรธในใจทั้งหมดใส่ท่านหมอเสี่ยว เพื่อให้นางได้คลายความทุกข์ใจที่หมักหมมเป็นเวลานานออกมา ในเวลาเดียวกันก็เพื่อให้อารมณ์ของนางได้สงบลงบ้าง และเวลานี้.. ดูเหมือนผลที่ได้จะเหนือความคาดหมายของหลิงหยุนยิ่งนัก
วันนี้..หลิงหยุนจึงเลือกที่จะออกเดินทางมาหมู่บ้านเหมี่ยวตั้งแต่เช้าตรู่ และส่งท่านหมอเสี่ยวมายืนอยู่ต่อหน้าเหมี่ยวเฟิงหวง เพื่อให้ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
เหมี่ยวเฟิงหวงซึ่งอยู่ด้านในบ้านพยายามข่มจิตใจของตนให้สงบนิ่งลงและใช้เวลานานกว่าสามนาทีจึงได้กล่าวต่อว่า
“เสี่ยวเจิ้งจี๋..ข้ามีสองเรื่องที่จะต้องถามท่าน ท่านกล้าพอที่จะตอบข้าตามความจริงหรือไม่”
ท่านหมอเสี่ยวรีบเอ่ยตอบทันที“น้องเฟิงหวง.. ข้าเสี่ยวเจิ้งจี๋จะตอบทุกอย่างตามความจริง!”
“คำถามที่ข้าฝากเสี่ยวเหมาไปถามท่านนั้นท่านจะตอบข้าเช่นใด”
เสี่ยวเจิ้งจี๋ถึงกับหน้าแดงก่ำในขณะที่ตอบกลับไปว่า“น้องเฟิงหวง คำตอบนี้ข้าได้ตอบเจ้าด้วยการกระทำแล้ว!”
ในระหว่างที่ผู้เฒ่าทั้งสองกำลังเล่นปริศนาคำใบ้กันอยู่นั้นหลิงหยุนเองก็เฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเหมี่ยวเฟิงหวงไปด้วย และพบว่าระหว่างที่เอ่ยถามออกไปนั้น สีหน้าของนางค่อนข้างเคร่งเครียดอย่างมาก และนิ้วทั้งสิบก็กำแน่น เล็บทั้งหมดจิกลงไปในเนื้อบนฝ่ามือ
แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของเสี่ยวเจิ้งจี๋แววตาของนางก็บ่งบอกถึงความสุข และใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นมาทันที
–นี่เสี่ยวเหมา..เหตุใดข้าจึงมิรู้เรื่องที่ท่านย่าของเจ้าฝากคำถามไปถามท่านปู่เสี่ยว- หลิงหยุนรีบเอ่ยถามเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทันที
–เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า!!-เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบกลับหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเช่นกัน.. จากนั้น..เสียงของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แล้ว.. เวลานี้เล่า”
เสี่ยวเจิ้งจี๋ตอบกลับทันที“ยังรู้สึกเช่นเดิม..”
หลิงหยุนถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้เฒ่าสองคนที่กำลังบอกเล่าอารมณ์รัก และความรู้สึกเก่าๆ จนถึงกับคิดอยู่ในใจว่า
‘เฮ้อ..ช่วยยับยั้งชั่งใจกันหน่อยจะได้หรือไม่’
เหมี่ยวเฟิงหวงซึ่งอยู่ด้านในถึงกับสั่นสะท้านรุนแรงอีกครั้งกำปั้นที่เคยกำแน่นก่อนหน้านี้ค่อยๆคลายออก เผยให้เห็นโลหิตสีแดงที่ไหลออกมาโดยที่นางเองก็มิรู้ตัว
เหมี่ยวเฟิงหวงนิ่งเงียบไปอีกครู่ใหญ่..
ในที่สุดเสียงจากภายในบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เรื่องที่สอง.. เหตุใดท่านจึงกลับมาที่นี่”
เสี่ยวเจิ้งจี๋ถึงกับหน้าแดงก่ำในขณะที่ตอบกลับไปว่า“น้องเฟิงหวง ที่ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพราะต้องการที่จะมาขอโทษเจ้า และชดเชยในสิ่งที่ข้าติดค้างต่อเจ้ามานานถึงสี่สิบกว่าปี จากนั้น..”
จากนั้น..ท่านหมอเสี่ยวก็เขินอายจนมิกล้าที่จะกล่าวออกมาต่อหน้าเด็กหนุ่มสาวทั้งสอง ทางด้านเหมี่ยวเฟิงหวงที่อยู่ในบ้านก็โน้มกายไปข้างหน้า และกำลังรอฟังคำตอบของท่านหมอเสี่ยวอยู่นาน แต่จนแล้วจนรอดก็มีเพียงความนิ่งเงียบ นางจึงได้แต่ร้องตะโกนออกไปด้วยความเดือดดาล
“หึ..เจ้ามาที่นี่เพื่อหวังให้ข้าถอนหนอนกู่ออกจากร่างให้สินะ เพื่อที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตได้อย่างไรซึ่งความกังวลใจ”
ท่านหมอเสี่ยวถึงกับยิ้มไม่ออกและตอบกลับไปทันที “น้องเฟิงหวง.. เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว เวลานี้ข้าเองก็แก่ชรามาก ในวัยเจ็ดสิบปีเช่นนี้ เหตุใดยังต้องสนใจกับหนอนกู่ของเจ้ากับชีวิตที่เหลือน้อยนิดอีกด้วยเล่า”
อึดใจต่อมาท่านหมอเสี่ยวก็กัดฟันข่มความเขินอาย และพูดความในใจออกไป“จากนั้น.. ข้าเสี่ยวเจิ้งจี๋.. ปรารถนาจะใช้ชีวิตและเวลาที่เหลืออยู่กับเจ้าไปชั่วชีวิตหากเจ้าไม่ปฏิเสธ ข้าอยากให้เจ้าไตร่ตรองคำขอของข้าดู!”
หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นก็ถึงกับยกนิ้วโป้งให้กับท่านหมอเสี่ยวเขารู้ดีว่าการจะพูดประโยคเหล่านี้ออกจากปากในวัยขนาดนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่ยากไม่น้อยเลยทีเดียว
หลิงหยุนสังเกตเหมี่ยวเฟิงหวงที่อยู่ด้านในและดูเหมือนคำพูดของท่านหมอเสี่ยว จะได้ผลเกินกว่าที่หลิงหยุนคาดไว้มากทีเดียว
ครั้งนี้เหมี่ยวเฟิงหวงใช้เวลาสงบจิตสงบใจนานมากกว่าเดิม ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น และใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
“เสี่ยวเจิ้งจี๋..ดูเหมือนท่านจะพูดเก่งขึ้นมากทีเดียว”
“ถ้าเช่นนั้นจงตอบคำถามข้ามา..หากเจ้ามีความจริงใจที่จะทำตามที่พูด เหตุใดจึงต้องให้คนนอกพาเหาะมาเช่นนี้ด้วยเล่า ” “เอ่อ..เรื่องนั้น..”
ท่านหมอเสี่ยวถึงกับนิ่งอึ้งไปและตอบไม่ถูก..
“อะแฮ่ม..”
หลิงหยุนกระแอมและได้แต่คิดในใจว่า ถึงเวลาที่เขาต้องออกหน้าแล้ว หาไม่เรื่องราวคงจะไม่จบเสียที
“อาวุโสเหมี่ยวเหตุใดพวกเราจึงต้องเหาะมานั้น คำถามนี้ดูเหมือนข้าจะเป็นผู้ที่ตอบได้ดีที่สุด”
หลิงหยุนกล่าวต่อโดยมิรอให้เหมี่ยวเฟิงหวงอนุญาติ“ความจริงข้ามิต้องการมาด้วย แต่ท่านปู่เสี่ยวนั้นคิดถึงท่านยิ่งนัก ภายในใจของเขาต้องการพบหน้าท่านโดยเร็วที่สุด จึงได้ขอร้องให้ข้าพาเขาเหาะมาที่นี่ เพื่อจะได้มิต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง..”
“หึ..เด็กหนุ่มผู้นี้ เจ้าช่างฉลาดเจรจานักนะ!”
เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับใบหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหยุนและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เสี่ยวเจิ้งจี๋คิดถึงข้าหรือไม่นั้นข้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ มิจำเป็นต้องให้เจ้าเป็นผู้บอกกล่าว..”
“ข้าอยู่แต่ในเขาจึงมิได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำตระกูลหลิงแต่ดูจากที่เจ้ายังหนุ่มยังแน่น กลับสามารถเหาะเหินได้ อีกทั้งยังกล้ามาเหยียบเผ่าเหมี่ยวเจียงเพียงลำพังเช่นนั้น ข้าเกรงแต่ว่าการที่เสี่ยวเจิ้งจี๋พาเจ้ามาด้วย ก็เพื่อที่จะให้เจ้าปกป้องความปลอดภัยให้กับเขาเสียมากกว่า..”
“แม้พลังชีวิตภายในเผ่าเหมี่ยวเจียงของข้าจะจางหายไปมากในหลายพันปีมานี้แต่ตราบใดที่ข้าในฐานะธิดาเหมี่ยวเจียงยังมีชีวิตอยู่แล้วล่ะก็ จะมิยอมให้คนนอกได้ล่วงล้ำเข้ามาที่นี่ได้อย่างเด็ดขาด!”
ยังมิทันสิ้นเสียงพูดดีเหมี่ยวเฟิงหวงก็ยกฝ่ามือขึ้นซัดออกไป!
ปัง!! ประตูบ้านกระเด็นหลุดลอยออกไปและพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
ท่านหมอเสี่ยวถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและร้องตะโกนออกมาเสียงดัง “เฟิงหวง!!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดังเช่นกัน“ท่านย่า!!”
“พวกท่านทั้งสองมิต้องเป็นห่วงข้า!”
ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังตื่นตระหนกตกใจแต่หลิงหยุนกลับยิ้มออกมาพร้อมกับก้าวเท้าออกไปด้านหน้า และยืนนิ่งเฉยอยู่เช่นนั้นปล่อยให้ประตูที่ลอยละลิ่วออกมากระแทกเข้ากับร่างของตนโดยมิหลบเลี่ยง
เสียงประตูกระแทกเข้ากับร่างของหลิงหยุนดังปัง!!ก่อนที่ประตูบานนั้นจะแหลกละเอียดกลายเป็นเศษไม้ร่วงหล่นใส่ร่างหลิงหยุน
หากเป็นผู้อื่นมิใช่หลิงหยุนแล้วล่ะก็หากปะทะเข้ากับพลังรุนแรงเช่นนี้ของเหมี่ยวเฟิงหวง ที่จะต้องกลายเป็นเศษฝุ่นคงจะมิใช่ประตู แต่คงจะเป็นร่างกายของอีกฝ่ายแทน
หลิงหยุนยกฝ่ามือประสานกันพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“วันนี้ความคับแค้นใจทั้งหมดของย่าเหมี่ยว ข้าน้อยยินดีรับไว้ทั้งหมด!”
เหมี่ยวเฟิงหวงคิดไม่ถึงว่าเมื่อครู่ตนใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มี แต่กลับมิสามารถทำอันตรายอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย
“ผู้นำตระกูลหลิงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
เหมี่ยวเฟิงหวงไม่แม้แต่จะปรายตามองไปทางเสี่ยวเจิ้งจี๋และเหมี่ยวเสี่ยวเหมา สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนผู้เดียวเท่านั้น
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“ท่านย่าเหมี่ยวกล่าวชมข้าเกินไป ข้าคงมิกล้ารับไว้!”
“พ่อหนุ่ม..หากข้าคาดเดาไม่ผิด คงจะเป็นเจ้าที่สะกดหนอนกู่กลืนใจของข้าไว้สินะ”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยอมรับ“ท่านย่าเหมี่ยวคาดคะเนได้ถูกต้อง และเมื่อคืน.. ก็เป็นข้าที่ถอนผนึกในร่างของท่านปู่เสี่ยวออก!”
เหมี่ยวเฟิงหวงพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยสั้นๆว่า“ดี!!”
ฟ่อ..ฟ่อ..
จู่ๆงูสีสรรหลากหลายขนาดยาวกว่าสามเมตรก็ปรากฏขึ้น หงอนขนาดใหญ่บนศรีษะของมันนั้นดูคล้ายกับมงกุฏสีดำ และกำลังพ่นพิษสีแดงในขณะเลื้อยออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร