Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1484

บทที่ 1484 : อสรพิษมังกร
  “เฟิงหวง..อย่าทำเช่นนั้น!!!”
  เมื่อเห็นเหมี่ยวเฟิงหวงจู่โจมหลิงหยุนล้มเหลวและดูเหมือนนางจะมิยอมให้อภัยเขา ท่านหมอเสี่ยวถึงกับร้องตะโกนห้ามด้วยความตกใจ!
  “อสรพิษมังกร!!ท่านย่า.. ไม่นะ!!”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจดจำอสรพิษมังกรที่เหมี่ยวเฟิงหวงชุบเลี้ยงมานานหลายทศวรรษได้จึงได้แต่ร้องตะโกนห้ามออกไป
  อสรพิษมังกรนี้เป็นสัตว์อสูรวิญญาณของชนเผ่าเหมี่ยวเจียงมิเพียงแค่มีพิษร้ายแรงเท่านั้นแต่ยังทรงพลังยิ่ง ลำตัวของมันประหนึ่งสายฟ้า นอกจากจะสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับหายตัวได้แล้ว มันยังเฉลียวฉลาด และสามารถบินได้ในระยะทางสั้นๆอีกด้วย
  “อสรพิษมังกรงั้นรึ!น่าสนใจดีนี่..”   หลิงหยุนจ้องมองอสรพิษมังกรที่ค่อยๆเลื้อยออกมาจากประตูบ้าน ดวงตางแดงก่ำดั่งโลหิตทั้งสองข้างของมันนั้น จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนแน่นิ่ง
  หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาไร้ซึ่งท่าทีหวาดกลัวและได้แต่แอบนึกชื่นชมอยู่ในใจ พร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างนึกเสียดาย
  ‘แต่น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่อสรพิษเท่านั้น..’
  มีหรือที่คนเช่นหลิงหยุนจะหวาดกลัวเพียงแค่งูขนาดใหญ่ตัวหนึ่งเท่านั้น..
  หลิงหยุนจะหวาดกลัวเพียงแค่อสรพิษขนาดใหญ่ตัวเดียวได้อย่างไรกันนั่นเพราะเวลานี้กายเนื้อที่แข็งแกร่งของเขานั้น แม้จะไร้ซึ่งเกล็ดคุ้มกันร่างกาย แต่ก็ยากที่พิษจะทำอันตรายเขาได้ อีกทั้งเขายังเล่นกับมังกรมาแล้ว..
  เวลานี้ภายในจุดตันเถียนของเขาก็มีมังกรทองห้าเล็บในขณะที่มังกรตัวจริงอีกสองตัวก็ยังอยู่ที่ก้นหลุมยักษ์ มิหนำซ้ำยังมีโครงร่างกระดูกมังกรอยู่ในแหวนจักรวาล!
  มีหรือที่หลิงหยุนจะหวาดกลัวเพียงแค่อสรพิษเล็กๆตัวหนึ่งเช่นนี้
  “พวกเจ้าสองคนหยุดพูดได้แล้ว!เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงเฉลียวฉลาด แต่กล้าจองหองแม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าข้า หากข้ามิให้บทเรียนกับเขาบ้าง เกรงว่าวันหน้าเขาอาจข่มเหงรังแกชาวเผ่าเหมี่ยวเจียงของข้าได้!”
  สิ้นเสียงพูดของเหมี่ยวเฟิงหวงร่างที่นั่งอยู่บนอาสนะที่พื้นก็เริ่มหมุนไปมา และริมฝีปากของนางก็ขมุบขมิบไปมาอย่างรวดเร็ว คล้ายกำลังร่ายมนต์คาถามลึกลับบางอย่างอยู่
  ฟ่อ..ฟ่อ..
  ร่างของอสรพิษมังกรพุ่งฉกออกไปรวดเร็วราวกับสายฟ้าปากของมันอ้ากว้างเผยให้เห็นคมเขี้ยวทั้งสองอันน่าสยดสยอง และเมื่อเข้าใกล้ร่างของหลิงหยุน มันก็พ่นของเหลวสีเขียวที่เหนอะหนะและน่ารังเกียจยิ่งใส่เขาทันที  ‘ท่านย่าเหมี่ยว..หากท่านใช้อสรพิษเล็กๆนี้จัดการกับยอดฝีมือที่มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่นๆ ก็อาจจะพอได้ผลอยู่บ้าง แต่มันไร้ประโยชน์เมื่อใช้กับข้า..’
  หลิงหยุนได้แต่แอบคิดและนึกขันอยู่ในใจเขายังคงยืนเอามือไขว้หลังนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่แม้แต่จะขยับหนี และปล่อยให้อสรพิษตนนั้นพ่นพิษใส่ลำคอของตนเอง
  และแน่นอนว่า..ลำคอเป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของมนุษย์!
  ในเมื่อลงมือแล้วก็ต้องเล่นให้เต็มที..
  “นี่เจ้า!!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้นางจ้องมองอสรพิษมังกรที่พ่นพิษเข้าใส่ลำคอของหลิงหยุน พลันสีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที!
  นั่นเพราะการจู่โจมของเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นนางหาได้มีจุดมุ่งหมายที่จะสังหารหลิงหยุนให้ตายไม่ เพราะเขาเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า เขาติดตามท่านหมอเสี่ยวมาในครั้งนี้เพื่อช่วยสะสางปัญหา
  ส่วนเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นก็เป็นหลานสาวของเหมี่ยวเฟิงหวงและนางก็รู้จักนิสัยของหลานสาวดีว่า หากหลิงหยุนมิใช่ผู้ที่สามารถเชื่อถือได้ ย่อมไม่มีทางที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะพาเขามาที่หมู่บ้านเหมี่ยวเป็นแน่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม..
  ก่อนหน้านี้หลิงหยุนเองก็เพิ่งจะยอมรับกับนางว่าเขาคือผู้ที่ถอนผนึกหนอนกู่กลืนใจเมื่อคืนนี้ และเพียงแค่เรื่องนี้ก็ทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงรู้สึกดีกับหลิงหยุนได้แล้ว
  ด้วยอุปนิสัยใจคอของหลิงหยุนที่สามารถทำให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาและท่านหมอเสี่ยวไว้วางใจ อีกทั้งเรื่องการถอนผนึกหนอนกู่ เพียงแค่เหตุผลสามข้อนี้ก็ทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงมิสามารถสังหารหลิงหยุนได้แล้ว
  แม้หลิงหยุนจะแข็งแกร่งมากเพียงใดแต่พิษก็คือพิษ และพิษของอสรพิษมังกรนั้นก็รุนแรงยิ่งนัก ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่ง หากโดนพิษของมันเข้าไป แม้ไม่ตาย ขั้นพลังย่อมต้องถูกทำลาย
  ฉะนั้น..เหมี่ยวเฟิงหวงจึงได้มีท่าทีตกอกตกใจเช่นนั้น และแสดงออกอย่างชัดเจนว่าพร้อมที่จะเข้าไปช่วยหลิงหยุน
  ‘ได้ผล..’
  หลิงหยุนสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ได้แต่แอบพึงพอใจ และได้แต่คิดอยู่ภายในใจเงียบๆ เหมี่ยวเฟิงหวงหาได้เลวร้ายจากภายในไม่ และนางก็มิได้มีเจตนาที่จะสังหารตนเองจริงๆ นางเพียงแค่ต้องการต่อสู้เพื่อรักษาหน้าตาของตนเองเท่านั้น!
  เมื่อได้รับรู้ความจริงเช่นนี้หลิงหยุนจึงรีบเปลี่ยนท่าทีทันที!!
  “โอ๊ะ..อ๊าก..”
  หลิงหยุนยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมลำคอของตนไว้ทันทีใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พร้อมกับก้าวโซเซถอยหลังไป และทำท่าซวนเซจวนจะล้มลง
  “พ่อหนุ่ม..อย่าขยับ!!”
  ฟิ้ว..
  เหมี่ยวเฟิงหวงมิสนใจเรื่องภายในใจอีกนางกระโดดออกจากอาสนะบนพื้น และพุ่งออกจากประตูตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันที
  ‘ในที่สุดเจ้าก็ออกมาแล้วสินะ’
  หลิงหยุนได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจหลังจากที่เขาก้าวถอยหลังไปได้สองสามก้าว ในระหว่างที่ร่างของเหมี่ยวเฟิงหวงพุ่งเข้ามาจนใกล้ถึงร่างของตนแล้วนั้น หลิงหยุนจึงคลายมือทั้งสองข้างออกพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า
  “นี่มันคืออะไร..ทั้งเหนียวแล้วก็เหม็นยิ่งนัก!!”
  “ห๊ะ..”
  เมื่อเหมี่ยวเฟิงหวงพุ่งเข้าไปใกล้ร่างของหลิงหยุนนางจึงได้พบว่าที่ลำคอของหลิงหยุนนั้น ไม่เพียงไม่ถูกพิษของอสรพิษมังกรกัดกร่อน แม้แต่เส้นผมของเขายังมิเสียหายสักเส้น
  เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง!
  ‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!เหตุใดกายเนื้อของเขาจึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?!’
  “เจ้าหนู..นี่เจ้ากล้าโกหกข้างั้นรึ!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงยกมือขึ้นชี้หน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเดือดดาลทันที
  บูม!!
  ทันใดนั้นนางก็เห็นฝ่ามือของหลิงหยุนปรากฏเปลวไฟเจ็ดสี และเปลวไฟนั้นก็เริ่มเผาทำลายพิษรอบลำคอ
  “ท่านย่าเหมี่ยวหากข้ามิโกหกท่านเช่นนี้ ท่านจะยินยอมออกมาเจรจาอย่างไรกัน”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางคนทั้งสาม “ท่านดูสิ.. ท่านปู่ ท่านย่า และหลานสาว สามารถอยู่ร่วมกันเช่นนี้ได้ ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก..”   เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับใบหน้าแดงก่ำเมื่อพบว่าตนเองกำลังยืนเคียงข้างเสี่ยวเจิ้งจี๋อยู่..
  “หึ..เสี่ยวเจิ้งจี๋.. ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีผู้ช่วยที่มีฝีมือสูงส่งถึงเพียงนี้!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงหันไปมองท่านหมอเสี่ยวพร้อมกับถอนหายใจและส่ายหน้า..
  เมื่อครู่นางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการช่วยชีวิตหลิงหยุนซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดเผยความในใจที่แท้จริงของตนเองแล้ว จะมาแสร้งโกรธเคืองหลิงหยุนอีกก็ใช่ที่
  ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นนางรู้ว่าขั้นพลังของตนเองนั้นยังห่างไกลหลิงหยุนมากนัก แม้กระทั่งอสรพิษมังกรที่ดุร้ายยังมิสามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย หากยังฝืนต่อไปก็คงจะได้รับแต่ความอัปยศอดสู
  เหมี่ยวเฟิงหวงมิได้สนใจหลิงหยุนอีกนางหันไปมองเสี่ยวเจิ้งจี๋ครู่หนึ่ง แววตาของนางบ่งบอกถึงความรู้สึกสับสนยิ่ง หลังจากที่สงบจิตสงบใจลงได้แล้ว นางจึงเอ่ยกับเขาว่า  “เจิ้งจี๋..ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนักที่ท่านมาในครั้งนี้ และขอบคุณสำหรับคำตอบของท่านก่อนหน้านี้ เพราะคำพูดของท่านเพียงพอที่จะพิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วว่า การรอคอยมาตลอดหลายปีของข้านั้น มิได้สูญเปล่า..”
  “วันนี้..เวลานี้.. ข้าพอใจยิ่งนักแล้ว!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงยิ้มออกมาและไม่รอให้เสี่ยวเจิ้งจี๋เอ่ยปาก ร่างของนางก็ปราดพุ่งเข้าไปอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมกับนิ้วที่จี้ไปบนหน้าอกของเสี่ยวเจิ้งจี๋ ในขณะที่ปากก็ขมุบขมิบไปมา
  “อ้าปาก..”
  ในที่สุดเหมี่ยวเฟิงหวงก็สั่งให้ท่านหมอเสี่ยวอ้าปากออก..
  จากนั้นแสงสว่างสีแดงก็ปรากฏวูบขึ้น ไส้เดือนสีแดงดั่งโลหิตขนาดสามเซ็นติเมตร ได้พุ่งออกมาจากปากของท่านหมอเสี่ยว ก่อนจะหายเข้าไปในใต้เสื้อผ้าที่เหมี่ยวเฟิงหวงสวมใส่  สีหน้าที่เคยเจ็บปวดของท่านหมอเสี่ยวพลันมลายหายไปในทันทีและเมื่อหนอนกู่กลืนใจถูกถอนออกจากร่างแล้ว เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่า ทั่วทั้งร่างนั้นเบาหวิวว และพลังปราณสามารถหมุนเวียนได้อย่างราบรื่น
  บูม!
  ท่านหมอเสี่ยวคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเหมี่ยวเฟิงหวงจะยอมถอนหนอนกู่กลับไปโดยง่ายเช่นนี้ ในระหว่างที่เขากำลังงุนงงนั้น คล้ายเครื่องขวางกั้นได้ถูกยกออก เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ได้ในทันที
  ทางด้านเหมี่ยวเฟิงหวงที่ถอนหนอนกู่กลืนใจกลับไปก็ดูมีหน้าที่สงบ และคำพูดของนางก็อ่อนโยนขึ้นมาก
  “ความจริงแล้ว..เรื่องราวในอดีตทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง รู้ทั้งรู้ว่าท่านมีภรรยาอยู่แล้ว แต่กลับหลงรักจนมิอาจถอนตัวถอนใจ จนต้องใช้วิธีเช่นนี้..”
  “เวลานี้ข้าได้ถอนหนอนกู่ให้กับท่านแล้วหลังจากนี้ท่านจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีความสุข!”
  ลึกลงไปในดวงตาของเหมี่ยวเฟิงหวงนั้นยากนักที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดไว้ได้ แม้จะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “ท่าน..กลับไปได้แล้ว!”
  “ท่านย่า..”เหมี่ยวเสี่ยวเหมารีบเอ่ยออกไป
  “น้องเฟิงหวง..เหตุใดเจ้า!”
  เสี่ยวเจิ้งจี๋เองก็กระวนกระวายใจมิใช่น้อยเขายกมือขึ้นเพื่อเอื้อมออกไปจับไหล่ของเหมี่ยวเฟิงหวง พร้อมกับเอ่ยถามออกไป
  แต่เหมี่ยวเฟิงหวงกลับก้าวถอยหลังและตัดสินใจที่จะหลบเลี่ยง..
  “ผ่านมาสี่สิบเจ็ดปี..ครั้งนั้นข้ายังเป็นเด็กสาวในวัยสิบเก้าปี แต่เวลานี้ข้าหกสิบหกแล้ว ผมก็ขาวโพลนเต็มศรีษะ ผิวพรรณก็แห้งเหี่ยว ข้ายังจะกล้าขอให้ท่านอยู่กับข้าอีกรึ!”
  “ท่านกับข้า..นับจากนี้มิมีชะตากรรมร่วมกันอีกแล้ว!”   “ลูกชายและลูกสะใภ้ของท่านซึ่งเป็นพ่อแม่ของเสี่ยวเหมาจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ ท่านต้องการจะอยู่พบหน้าพวกเขาหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ท่าน..
  หลังจากนั้นเหมี่ยวเฟิงหวงก็หันหลัง และกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน..
  “ท่านย่า..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นท่าทางของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ร้อนใจยิ่งนักนางวิ่งเข้าไปกอดแขนของเหมี่ยวเฟิงหวงไว้พร้อมกับหันไปทางหลิงหยนุ
  “หลิงหยุนหากเจ้ามิสามารถแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้ ข้าคงผิดหวังในตัวเจ้ามาก!”
  หลิงหยุนกระแอมเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางเสี่ยวเจิ้งจี๋ พร้อมกับตะโกนออกไปว่า
  “ท่านปู่..ข้าบอกกับท่านก่อนหน้านี้แล้วว่า ท่านกับย่าเหมี่ยวมิมีทางที่จะลงเอยกันได้แน่ แต่ท่านก็ยังลากข้ามาด้วยอีก..”   เสี่ยวเจิ้งจี๋ได้ฟังถึงบ่นอุบอิบอยู่ในใจ‘เจ้าเด็กตัวแสบ.. เจ้าเคยพูดเช่นนี้กับข้าเมื่อใดกัน!’
  ร่างของหลิงหยุนพุ่งไปหาเสี่ยวเจิ้งจี๋พร้อมกับหยิบโอสถสีม่วงออกมา แสงสีม่วงสุกสว่างส่องประกายไปทั่วทั้งบริเวณ และนี่คือโอสถเยาว์วัย!
  ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็บอกกับท่านหมอเสี่ยวว่า“ท่านปู่เสี่ยว.. ท่านอ้าปาก!”
  เสี่ยวเจิ้งจี๋จ้องมองโอสถในมือของหลิงหยุนและได้แต่เอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความกระวนกระวายใจ
  “เจ้าเด็กร้ายกาจโอสถของเจ้านั้นจะไม่.. อุ๊บ!”
  หลิงหยุนอาศัยจังหวะที่ท่านหมอเสี่ยวอ้าปากพูดนั้นส่งโอสถเยาว์วัยเข้าไปในท้องของเขาทันที
  บูม!
  ทันทีที่โอสถเคลื่อนเข้าสู่ท้องน้อยก็ออกฤทธิ์ให้เห็นในทันตา..
  เวลานี้โอสถเยาว์วัยระดับสมบัติที่เขาส่งลงท้องของท่านหมอเสี่ยวไปนั้นก็ได้ทำให้ชายชราในวัยเจ็ดสิบปีเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบปีทันที
  การเปลี่ยนมนุษย์ให้เด็กลงไปอีกห้าสิบปีจำเป็นต้องใช้เวลา และครั้งนี้ก็ใช้เวลานานนับสิบนาทีเลยทีเดียว!
  “นี่..นี่มัน.. เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
  ภายในเวลาเพียงแค่สิบนาทีนี้ใบหน้าของท่านหมอเสี่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปทุกๆนาที เขาค่อยๆหนุ่มลงเรื่อยๆ เหมี่ยวเฟิงหวงถึงกับยืนจ้องมองด้วยความตกตะลึง!!
  จนกระทั่งในที่สุดท่านหมอเสี่ยวก็ได้เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบปี ผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำขลับ ดวงตาเป็นประกายแวววาว ผิวพรรณเปลี่ยนเป็นขาวและอ่อนนุ่ม ร่างทั้งร่างเป็นประกายเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา และได้เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีริมฝีปากแดงระเรื่อ และฟันขาวเรียงราย
  ท่านหมอเสี่ยวได้แต่ยืนแน่นิ่ง..
  ชายชราวัยเจ็ดสิบแต่กลับเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มในช่วงเวลาสั้นๆเช่นนี้ นับเป็นความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้เลยทีเดียว!
  “ท่านปู่..ท่าน.. ท่าน..”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจนางไม่คิดไม่ฝันว่าโอสถของหลิงหยุนนั้นจะมีอานุภาพล้ำเลิศถึงเพียงนี้!
  “เสี่ยวเหมา..ปู่.. ปู่มีสภาพเช่นใดกัน!”
  แม้ท่านหมอเสี่ยวจะสามารถสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบได้เขาสัมผัสได้ถึงความอ่อนเยาว์ของร่างกาย แต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ..
  “ท่านปู่เสี่ยว..เวลานี้ท่านได้เปลี่ยนเป็นชายหนุ่มไปแล้ว แต่ยังสวมเสื้อผ้าโบราณเช่นนี้ ดูแล้วช่างน่าขันยิ่งนัก”
  หลิงหยุนพูดจาหยอกเย้าท่านหมอเสี่ยวพร้อมกับยื่นกระจกไปในมือของท่านหมอเสี่ยว เพื่อให้เขาได้เห็นสภาพของตนในเวลานี้ด้วยตาตัวเอง..
  “โอ้..”
  ท่านหมอเสี่ยวจ้องมองภาพของตนเองในกระจกด้วยความตกใจกระจกในมือถึงกับหล่นลงพื้นแตกละเอียด!
  ท่านหมอเสี่ยวตัวสั่นเทาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน“เป็น.. เป็นไปได้อย่างไรกัน เป็น.. เป็นไปไม่ได้!!”
  “ท่านปู่..พวกเราทั้งสองคนต่างก็ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดา!! สงบจิตสงบใจก่อน..”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เหลือบมองไปทางเหมี่ยวเฟิงหวงที่ยังคงยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงแล้วจึงยกมือขึ้นตบบ่าท่านหมอเสี่ยวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
  “พวกเรากลับกันได้แล้ว..ในเมื่อท่านย่าเหมี่ยวไม่ต้องการท่าน ตอนนี้ท่านปู่ก็ได้กลายเป็นชายหนุ่มแล้ว จากนี้ไปก็ใช้ชีวิตท่องเที่ยวให้มีความสุขดีกว่า!”
  ในเวลานั้นท่านหมอเสี่ยวที่ยังคงไม่หายจากอาการตกใจ ร่างของเขาก็ถูกหลิงหยุนฉุดดึงให้เดินออกไป
  “ช้าก่อน..”
  จู่ๆเหมี่ยวเฟิงหวงก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับกระโดดเข้าไปขวางหน้าคนทั้งคู่ไว้นางคว้าแขนของท่านหมอเสี่ยว พร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนและเอ่ยถามออกไปว่า
  “หลิงหยุน..เอ่อ.. โอสถของเจ้า..”
  “ท่านย่าเหมี่ยว..ท่านจะกล่าวอะไรข้าไม่เข้าใจ! เมื่อครู่ท่านเพิ่งจะไล่พวกเรากลับไป?” หลิงหยุนแสร้งทำเป็นไขสือ
  “อ่อ..”
  จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเข้าใจพร้อมกับเอ่ยต่อว่า“ท่านคงต้องการโอสถนี้สินะ! ท่านย่า.. โอสถล้ำเลิศเช่นนี้หาใช่ผักกะหล่ำปลีที่มีเกลื่อนกลาด..”
  “ห๊ะ!”   เหมี่ยวเฟิงหวงได้ฟังถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น!
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมารีบพุ่งเข้าไปพยุงร่างของเหมี่ยวเฟิงหวงไว้ทันทีพร้อมกับหันไปจ้องหลิงหยุนด้วยสายตาถมึงทึง
  “หลิงหยุน..หากเจ้ายังเสแสร้งเช่นนี้อีก เชื่อหรือไม่ว่า..”
  “เอามา!!”เหมี่ยวเสี่ยวเหมายื่นมือออกไปพร้อมกับร้องตะโกนบอกหลิงหยุน
  หลิงหยุนเรียกขวดเล็กๆที่บรรจุโอสถล้ำค่าระดับสมบัติออกมาในขณะเดียวกันก็ยกขึ้นฟ้าเพื่อหลบหลีกการแย่งชิงจากเหมี่ยวเสี่ยวเหมา พร้อมกับประกาศกร้าวว่า
  “ข้ายินดีมอบโอสถล้ำค่านี้ให้กับท่านย่าเหมี่ยวแต่ท่านย่าเหมี่ยวต้องรับข้อเสนอของข้าหนึ่งข้อ..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงต้องการโอสถสีม่วงที่ท่านหมอเสี่ยวเพิ่งกินไปอย่างมากนางถึงกับเอ่ยกับหลิงหยุนว่า  “หลิง..เอ่อ.. ผู้มีพระคุณ ได้โปรดบอกเงื่อนไขมา หากเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้ายินดีที่จะรับข้อเสนอทันที!”
  เหมี่ยวเฟิงหวงมิกล้าที่จะเรียกเพียงแค่ชื่อหลิงหยุนอีก..
  “เงื่อนไขของข้าก็ไม่มีอะไรยากเย็น!”
  หลิงหยุนลากเสียงอย่างช้าๆ“ท่านย่าเหมี่ยว ตราบใดที่ท่านรับปากตกลงแต่งงานกับชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างๆข้า ข้ายินดีที่จะมอบโอสถในมือนี้ให้กับท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร