Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1485

บทที่ 1485 : จบลงอย่างน่าพอใจ
  นับว่าแผนการของหลิงหยุนเฉียบคมยิ่งนัก..
  ปัญหาด้านอารมณ์ความรู้สึกระหว่างชายหญิงหากทั้งสองฝ่ายรักกันอย่างจริงใจ และมิมีปัจจัยภายนอกเข้ามาแทรก แม้พวกเขาจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ก็ยังคงคิดถึงกันและกัน ซึ่งแตกต่างจากการที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน หรือต่างฝ่ายต่างทำสงครามเย็นเข้าใส่กัน เมื่อนั้นจะมิมีฝ่ายใดยอมลุกขึ้นเป็นฝ่ายรับผิดเพื่อให้เรื่องราวจบลงโดยเร็ว
  ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนแผนการของตน หลังจากที่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกระหว่างท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเฟิงหวงได้อย่างลึกซึ้งแล้ว
  เขาปล่อยให้ท่านหมอเสี่ยวเดินทางมาที่เผ่าเหมี่ยวเจียงและเป็นฝ่ายโอนอ่อนให้มาโดยตลอด จนกระทั่งสามารถเข้าใจจิตใจของเหมี่ยวเฟิงหวงได้อย่างถ่องแท้แล้ว เขาจึงค่อยๆแสดงความแข็งกร้าวในแบบที่แม้แต่ท่านหมอเสี่ยวก็มิอาจบังคับควบคุมได้ออกมาให้เห็น และนี่คือความสามารถพิเศษของหลิงหยุน
  ยังมีจุดสำคัญอีกหลายจุดที่หลิงหยุนยังมิได้เปิดเผยต่อท่านหมอเสี่ยวและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเขาจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการให้เหมาะสมกับสถานการณ์เฉพาะหน้า เขาต้องแอบสังเกตปฏิกิริยาของท่านหมอเสี่ยวและเหมี่ยวเฟิงหวงที่มีต่อกันด้วย
  หากเขามั่นใจว่าทั้งคู่คงมิอาจอยู่ด้วยกันได้อีกต่อไปจริงๆแล้วเขาก็จะล้มเลิกแผนการทั้งหมดทันที
  นั่นเพราะแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวานฉันใดชีวิตคู่ที่เกิดจากการบีบบังคับย่อมไม่ราบรื่นฉันนั้น
  ความรู้สึกระหว่างคนสองคนนั้นหากอีกฝ่ายเหนื่อยล้าและหมดรักอีกฝ่ายแล้ว ต่อให้ฝืนที่จะผูกมัดพวกเขาทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ท้ายที่สุดผลของการกระทำอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม และการต่อต้าน
  แต่จากภาพที่หลิงหยุนเห็นในเวลานี้ทั้งสองคนยังคงรักใคร่กัน แล้วยังมีสิ่งใดให้ต้องกังวลอีกเล่า
  เหมี่ยวเฟิงหวง..หมดเวลาในการรักษาหน้าแล้ว!
  วิธีการหาได้สำคัญไม่ผลของมันต่างหากที่สำคัญกว่า..
  เวลานี้หลิงหยุนเผชิญหน้ากับเหมี่ยวเฟิงหวงอย่างเต็มรูปแบบและมิมีผู้ใดคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดทำสิ่งใดกันแน่ อีกทั้งสิ่งที่หลิงหยุนกำลังทำนั้น ใช่ว่าอีกสองคนจะกล้าทำ
  นั่นเพราะว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งและเก่งกาจยิ่งอีกทั้งวิธีการรับมือกับเหมี่ยวเฟิงหวงของหลิงหยุนนั้น ก็ยากที่เหมี่ยวเฟิงหวงจะคาดคิดได้!
  ที่ผ่านมาหลิงหยุนยอมอ่อนข้อให้มาโดยตลอดนั้นเพราะเขามั่นใจว่ายังมีไพ่ตายอยู่ในมือนั่นเอง และเป็นไพ่ที่จะสามารถทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงต้องยินยอมศิโรราบให้กับเขาเลยทีเดียว!
  และไพ่ตายของเขาก็คือ..โอสถเยาว์วัย และโอสถโฉมสะคราญ!
  ความจริงแล้วเมื่อเห็นสีหน้าของเหมี่ยวเฟิงหวงเวลานี้หลิงหยุนสามารถมอบโอสถให้กับนางได้โดยมิติดขัดเลยแม้แต่น้อย แต่เวลานี้เขาเห็นว่าโอสถระดับสมบัติของตนนั้น กลับกลายเป็นอาวุธชั้นดีที่จะสามารถทำให้เหมี่ยวเฟิงหวงยอมเชื่อฟัง
  หลิงหยุนเองก็มิเชื่อว่าหลังจากที่เหมี่ยวเฟิงหวงได้เห็นท่านหมอเสี่ยวกลืนโอสถต่อหน้า และเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบปีเช่นนี้ นางจะสามารถทนนิ่งเฉยอยู่ได้
  สำหรับสมบัติล้ำค่านี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้มันเช่นใด และจะได้ผลดีที่สุดเพียงใด!
  การให้คนทั้งสองเพียงแค่กลับมาคืนดีกันหาใช่จุดประสงค์ของหลิงหยุนไม่และการที่เขามาหมู่บ้านเหมี่ยวในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อมาส่งทั้งคู่เข้าหอต่างหากจึงจะนับว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์!
  ฉะนั้นในเมื่อเหมี่ยวเฟิงหวงปรารถนาจะได้โอสถเยาว์วัยนั้น ย่อมต้องมีราคาที่นางต้องจ่าย..
  เหมี่ยวเฟิงหวงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องพิษมีทักษะทางการแพทย์ และอยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 การที่ได้เห็นท่านหมอเสี่ยวเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มต่อหน้าต่อตา และได้เห็นกระบวนการที่น่าทึ่งตั้งแต่ต้นจนจบนี้ ก็เพียงพอให้นางยอมละทิ้งหน้าตา และความยับยั้งชั่งใจทั้งหมดได้ในทันที!
  นั่นเพราะอานุภาพของโอสถเยาว์วัยช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก!สามารถทำให้ท่านหมอเสี่ยวกลับกลายเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบปี ซึ่งหนุ่มกว่าเมื่อครั้งที่นางได้พบกับเขาในคราแรกเสียอีก
  และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นทั่วทั้งเรือนร่างของท่านหมอเสี่ยวเวลานี้ ดูมีชีวิตชีวาและมีจิตวิญญาณของความอ่อนเยาว์ยิ่ง!   และที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้นก็คือ..รอยตำหนิบนเรือนร่างที่ปรากฏก่อนหน้านี้ ก็ได้อันตรธานหายไปจากร่างของท่านหมอเสี่ยวอย่างมหัศจรรย์!
  ทั้งหมดนี้เผยให้เห็นว่านอกจากโอสถเยาว์วัยจะสามารถช่วยฟื้นฟูวัยเยาว์ให้กับผู้คนได้แล้ว ยังมีผลต่อความงดงามดั่งกลืนโอสถโฉมสะคราญเข้าไปด้วย..
  นั่นเพราะส่วนผสมหลักในการกลั่นโอสถทั้งสองนั้นนอกจากจะใช้น้ำผึ้งหยกเหมือนกันแล้ว ส่วนผสมอื่นๆยังใกล้เคียงกันอีกด้วย ผลที่ได้จึงมิได้แตกต่างกันมากนัก
  ทางด้านเหมี่ยวเฟิงหวงเวลานี้ก็ครุ่นคิดไปไกลมากนางกำลังคิดว่าหากนางได้โอสถสีม่วงนี้มา นางก็จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือนี้อยู่กับเสี่ยวเจิ้งจี๋ให้สมกับที่เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน!
  และเมื่อหลิงหยุนบอกว่าโอสถนี้เขามีเพียงแค่เม็ดเดียวนั้นนางถึงกับผิดหวังจนทรุดฮวบ..
  และหากไม่มีโอสถนี้อีกเม็ดต่อให้ท่านหมอเสี่ยวยังยินดีที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนาง นางก็คงยากที่จะยอมรับได้ นั่นเพราะหากดูจากรูปลักษณ์ในวัยที่แตกต่างกันนี้ นางกลับเป็นหญิงชราน่ารังเกียจ และแทบมิต้องพูดถึงท่านหมอเสี่ยวที่เพิ่งกลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไป
  แต่เมื่อหลิงหยุนหยิบโอสถเยาว์วัยเม็ดที่สองออกมาและได้ยื่นเงื่อนไขให้กับนาง ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก เพราะเงื่อนไขของหลิงหยุนหาได้เกี่ยวข้องกับตัวเขาแม้แต่น้อย กลับเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเสี่ยวเจิ้งจี๋แทน..
  จากคำพูดของหลิงหยุนนั้นนางจะได้รับโอสถอีกเม็ดหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตนเองว่า จะสามารถยอมรับเงื่อนไขของขาได้หรือไม่
  “ข้า…”
  เหมี่ยวเฟิงหวงผู้น่าสงสารในฐานะธิดาเหมี่ยวเจียงในวัยหกสิบหกปี กลับต้องมีใบหน้าแดงก่ำด้วยคำพูดของหลิงหยุน!
  ความจริงคำตอบของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ชัดเจนยิ่งอยู่แล้วหากไม่ใช่เพราะเสี่ยวเจิ้งจี๋ เหตุใดนางยังต้องการโอสถนี้อีกเล่า เหตุใดนางยังต้องทนทุกข์อยู่ในขุนเขาแห่งนี้มานานเกือบห้าสิบปีด้วยเล่า?
  แต่เวลานี้อยู่ต่อหน้าเสี่ยวเจิ้งจี๋และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาผู้เป็นหลานสาวคำว่า ‘ยินดี’ กลับยากนักที่นางจะเอ่ยปากพูดมันออกมาได้
  ส่วนหลิงหยุนเองก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าหากเหมี่ยวเฟิงหวงมิยอมรับปากแต่งงานกับท่านหมอเสี่ยว เขาก็จะไม่ยอมมอบโอสถเยาว์วัยให้เช่นกัน!
  นั่นเพราะหลิงหยุนรู้ดีว่าวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะนำคนทั้งสองให้กลับมาอยู่ร่วมกันได้อีกครั้งนั้น คือต้องทำให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกันในทันที ส่วนเรื่องอื่นๆหลังจากนั้น ทั้งคู่คงต้องใช้เวลาในการปรับความเข้าใจ และปรับตัวให้เข้ากันต่อไป
  หลิงหยุนยังคงเฝ้าสังเกตดูคนทั้งสองอยู่อย่างเงียบๆและเวลานี้ยิ่งมั่นใจว่าทั้งคู่ต้องการที่จะแต่งงานกันอีกครา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องที่เหลือต่อจากนี้ล้วนเป็นเรื่องของสามีภรรยา มิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับหลิงหยุน!
  เขาเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น..
  “อะแฮ่ม..”
  จู่ๆท่านหมอเสี่ยวที่ยืนอยู่ก็กระแอมออกมาพร้อมกับเอ่ยกับหลิงหยุนว่า “หลิงหยุน.. เจ้าทำเกินไป!!”
  เขาแสร้งตำหนิหลิงหยุนเพื่อให้เหมี่ยวเฟิงหวงโล่งใจ“แม้เจ้าจะแข็งแกร่งและเก่งกาจมากเพียงใด แต่การบีบบังคับให้เฟิงหวงรับปากแต่งงานต่อหน้าเด็กๆสองคนอย่างพวกเจ้า นี่มิเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทไปหน่อยรึ”
  “เสี่ยวเจิ้งจี๋..ท่านหยุดพูดเสียที!!”
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าท่านหมอเสี่ยวยังมิทันจะพูดจบประโยคดี และหลิงหยุนก็ยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบกลับไปแต่อย่างใด เสียงของเหมี่ยวเฟิงหวงก็ดังขัดขึ้นก่อน
  เหมี่ยวเฟิงหวงละสายตาจากโอสถในมือของหลิงหยุนนางหันไปทางเสี่ยวเจิ้งจี๋ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็ตัดสินใจถามออกไปว่า
  “เสี่ยวเจิ้งจี๋..ข้าขอถามท่าน ท่านปรารถนาจะแต่งงานกับข้าหรือไม่”
  เสี่ยวเจิ้งจี๋อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบกลับไปว่า “ข้ายินดีอย่างยิ่ง ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับเจ้า!”
  และนี่คือการขอแต่งงาน!!
  เหมี่ยวเฟิงหวงอึ้งไปเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยตอบเสี่ยวเจิ้งจี๋ไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ“ช่างน่าอับอายเหลือเกิน!”
  จากนั้นนางก็หันไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพยักหน้าและกระซิบเสียงเบาว่า “ข้ายินดี!”
  ในที่สุดนางก็รับปากแต่งงานเสียที!
  และมิรู้ว่านางตอบรับเงื่อนไขของหลิงหยุนหรือว่าตอบรับคำขอแต่งงานของท่านหมอเสี่ยวกันแน่!   “ท่านย่าเหมี่ยว..ท่านกล่าวอะไรรึ! เสียงของท่านเบามาก บนเขาก็ลมแรง ข้ามิได้ยิน..”
  หลิงหยุนเอ่ยถามพร้อมกับชูโอสถล้ำค่าในมือขึ้นเพื่อให้มิให้เหมี่ยวเสี่ยวเหมาสามารถแย่งชิงไปได้ พร้อมกับแสร้งทำเป็นมิได้ยิน..
  เสี่ยวเจิ้งจี๋เอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดรำคาญไม่น้อย“หลิงหยุน.. นี่เจ้าทำเกินไปแล้วนะ!!”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมามีความสุขยิ่งนักแต่เมื่อเห็นหลิงหยุนเล่นไม่หยุดจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า
  “หลิงหยุนนี่เจ้าจะยังไม่ยอมหยุดจริงๆงั้นรึ”
  “อะไรกัน!ทุกคนเข้าใจกันแล้ว ข้าก็กลายเป็นคนนอกให้ทุกคนรุมรังแกงั้นรึ? ข้ารับไม่ได้จริงๆ!”
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นถอนหายใจออกมา..   “ส่งโอสถมาให้ข้า!”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมากระโดดเข้าไปคว้าโอสถในมือของหลิงหยุนมาทันทีจากนั้นจึงรีบส่งให้กับเสี่ยวเจิ้งจี๋อย่างรวดเร็ว
  หลิงหยุนพุ่งเข้าคว้าเอวของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาไว้แล้วพาเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที พร้อมกับร้องตะโกนก้อง
  “ท่านปู่เสี่ยวจำไว้ว่าหลังจากให้ท่านย่าเหมี่ยวกลืนโอสถระดับสมบัติเม็ดนี้แล้ว ท่านก็อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้อีกล่ะ!”
  “หลิงหยุนขออวยพรให้พวกท่านทั้งสองอยู่ด้วยกันไปจนถึงไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร!”
  เสียงอวยพรดังก้องทั่วท้องนภา..
  ปัญหาต่างๆได้ถูกแก้ไขและจบลงด้วยความพอใจ!!จักรพรรดิ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร