Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1488

บทที่ 1488 : แขกคนสำคัญของงาน
  ความจริงข้อหนึ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ก็คือ..เวลานี้หลิงหยุนได้เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มรูปงามยิ่งนัก ใบหน้าของเขานั้นหล่อเหลาแบบธรรมชาติเสียด้วย..
  เมื่อเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) ผิวพรรณของหลิงหยุนนั้นเรียกได้ว่าผ่องใสราวกับแก้วเลยทีเดียว บริสุทธิ์และไร้ที่ติ
  ปัจจุบันนี้กายเนื้อของหลิงหยุนผ่องใสประดุจแก้วรูปร่างผอมบางสมส่วนในแบบที่เรียกว่าสัดส่วนทองคำ และหาจุดตำหนิเลยไม่ได้แม้แต่จุดเดียว!
  การที่หลิงหยุนมีรูปร่างหน้าตาเช่นนั้นแม้ส่วนหนึ่งจะมาจากกรรมพันธุ์ของหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนผู้เป็นบิดามารดาแล้ว แต่สิ่งสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือการฝึกวรยุทธบ่มเพาะอย่างจริงจังของเขานั่นเอง
  เพียงแค่รูปร่างที่สง่างามสมส่วนของหลิงหยุนนั้นก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากแล้ว แต่ใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาของเขานั้น สามารถทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่งามดั่งดวงตาหงส์ซึ่งได้มาจากหยินชิงเฉวียน และรอยยิ้มกับลักยิ้มอันทรงเสน่ห์..
  รูปลักษณ์เช่นหลิงหยุนนั้นแม้แต่ผู้ฝึกบ่มเพาะที่มิได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอกของผู้คน หลิงหยุนยังสามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ จึงแทบมิต้องพูดถึงคนธรรมดาทั่วไปในโลกนี้
  มิมีทางที่จะต้านทางแรงดึงดูดนี้ของหลิงหยุนได้!
  ผู้ที่มีแรงดึงดูดรุนแรงเช่นนี้มิว่าจะเป็นเพศใด ไม่ว่าไปในสถานที่ใดย่อมต้องดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นพิเศษ
  และนี่คือข้อได้เปรียบตามธรรมชาติมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ..
  แม้หลิงหยุนจะมิได้ปลดปล่อยรัศมีของพลังปราณอันทรงพลังของตนออกมาและเวลานี้เขาก็ดูไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่ก็มิอาจปิดซ่อนรูปลักษณ์ภายนอกได้ และมิมีความจำเป็นที่เขาจะต้องทำเช่นนั้น ทันทีที่เขาปรากฏตัว ผู้คนมากมายจึงหันมาจ้องมองด้วยความสนอกสนใจทันที
  ในบรรดาแขกเหรื่อที่รายล้อมพ่อแม่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอยู่เวลานี้มากกว่าสิบคนเป็นเด็กสาวในวัยสิบเก้าปี และเป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็กของนางด้วย เมื่อทุกคนได้พบเห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่เดินเข้ามาพร้อมกับหลิงหยุน พวกนางก็ได้แต่จ้องมองหลิงหยุนเป็นตาเดียว และลืมแม้แต่จะทักทายเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
  แต่หลิงหยุนพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเขาจึงชินชาและมิได้รู้สึกตื่นเต้นกับมันนัก เขามิได้ใส่ใจกับสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา และหันมองไปทางพ่อแม่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแทน
  ในสายตาของหลิงหยุนนั้นเหมี่ยวชิงและเจิ้นหงซึ่งเป็นพ่อแม่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้น มิได้แตกต่างจากพ่อแม่ของเสี่ยวเม่ยหนิง เขาขึงปฏิบัติต่อคนทั้งคู่ไม่ต่างจากที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่ของหนิงน้อย
  หากไม่พบกันก็เรื่องหนึ่งแต่ในเมื่อเขามาถึงเผ่าเหมี่ยวเจียงเช่นนี้ จึงต้องทำในสิ่งที่ควรทำ และนี่คืออุปนิสัยหนึ่งของหลิงหยุน!
  “ท่านพ่อท่านแม่..ข้ากลับมาแล้ว!”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาวิ่งตรงไปหาพ่อแม่และโผเข้าหาอ้อมแขนของเจิ้นหงทันที เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเอ่ยทักทางคนทั้งสองด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำ
  “ดีๆๆเสี่ยวเหมา.. เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ครั้งนี้เจ้าจากไปนานกว่าครึ่งปีเลยทีเดียว..”
  เจิ้นหงกอดบุตรสาวไว้แน่นพร้อมกับลูบไล้แผ่นหลังของนางเป็นการปลอบโยน ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของนางนั้นมีน้ำตาไหลอาบ
  “เอาล่ะๆมีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลัง แล้วนั่น…”
  เหมี่ยวชิงเห็นบุตรสาวกลับมาอย่างปลอดภัยเช่นนี้ก็โล่งใจเวลานี้หลิงหยุนยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เสี่ยวเจิ้งจี๋และเหมี่ยวเฟิงหวงเล่าให้ฟัง จึงรีบเอ่ยถามออกไปทันที
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาผละออกจากอ้อมแขนของมารดาและยกมือขึ้นปาดน้ำตา พร้อมเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ
  “ท่านพ่อ..เขาคือหลิงหยุน!”
  หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปหาเหมี่ยวชิงและเจิ้นหงพร้อมกับทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าน้อยหลิงหยุน.. คาราวะท่านลุงกับท่านป้า!”
  เหมี่ยวชิงประเมินหลิงหยุนผิดไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหลิงหยุนประสานมือ และทำการคาราวะตนอย่างมีมารยาทเช่นนั้น เขาที่กำลังจ้องมองหลิงหยุนซึ่งมีผิวพรรณและรูปร่างสง่างามประดุจเทพ จึงรีบก้าวเท้าตรงเข้าไปด้านหน้า และเมื่อเข้าไปใกล้ก็รีบเอื้อมมือไปจับฝ่ามือของทั้งสองข้างของหลิงหยุนไว้ พร้อมกับเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกผิด
  “หลิงหยุน..อย่าได้ทำเช่นนี้ พวกเรารับไว้ไม่ได้!”
  “ท่านพ่อกับท่านแม่ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเราฟังแล้วเจ้านับเป็นแขกคนสำคัญของหมู่บ้านเหมี่ยวเรา ข้าจะต้องทำการรับรองเจ้าด้วยตัวเอง ข้าจะพาเจ้าเข้าไปด้านใน..”
  หลิงหยุนได้ยินคำพูดของเหมี่ยวชิงก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนคงจะมีเรื่องซาบซึ้งใจเกิดขึ้นมากมาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เหมี่ยวชิงได้พบกับเสี่ยวเจิ้งจี๋เป็นครั้งแรกในรอบสี่สิบกว่าปีเช่นกัน
  แต่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสี่ยวเจิ้งจี๋กับเหมี่ยวเฟิงหวงกลับมาคืนดีกัน
  ถึงกระนั้น..การได้รับการต้อนรับจากเหมี่ยวชิงด้วยตัวเองเช่นนี้ หลิงหยุนกลับเริ่มกระอักกระอ่วนใจ และรีบส่ายหน้าปฏิเสธไปมา
  “ขอบคุณท่านลุงยิ่งนักแต่วันนี้มีงานมงคล และแขกเหรื่อก็มากันมากมายเช่นนี้ ข้าว่าท่านลุงอยู่ที่นี่ต้อนรับแขกจะดีกว่า..”
  “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า”
  เหมี่ยวชิงจับมือหลิงหยุนไว้แน่นและรีบหันไปมองบุตรสาวด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ เมื่อหลิงหยุนปฏิเสธ..
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจึงได้แต่เอ่ยบอกไปว่า“ท่านพ่อ.. หลิงหยุนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว วันนี้เป็นงานสำคัญของท่านปู่กับท่านย่า มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันมากมาย ท่านพ่อไปต้อนรับพวกเขาจะดีกว่า มิจำเป็นต้องห่วงหลิงหยุน..”
  “ใช่แล้วท่านลุง..เพียงเท่านี้ท่านลุงก็ยุ่งมากแล้ว!”
  “จริงด้วย!!ท่านลุงมีงานล้นมืออยู่แล้ว สำหรับน้องชายคนนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราดูแลเอง เดี๋ยวพวกเราจะพาเขาเข้าไปด้านในเอง..”
  ในเวลานั้นเองหญิงสาวแต่งกายในชุดเผ่าก็ก้าวเดินออกมาจากด้านหลังของเจิ้นหงและช่วยเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพูด แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนอย่างมิกระดากเขินอาย
  หญิงสาวผู้นี้มีชื่อว่าอาเหลียนอายุสิบเก้าปี หากมินับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแล้ว นางจัดว่าเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นที่สุดในเผ่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือว่าการขับร้อง..
  “อาเหลียน..เจ้าอย่าได้พูดจาเลอะเทอะเช่นนั้น!”
  เหมี่ยวชิงหันไปดุอาเหลียนพร้อมกับเอ่ยต่อ“หลิงหยุนเป็นแขกคนสำคัญของเผ่าเรา จะให้เด็กๆสองสามคนอย่างพวกเจ้าไปต้อนรับได้อย่างไรกัน”
  อาเหลียนถึงกับหุบยิ้มและเงียบไปทันที!
  “ท่านลุง..อย่าได้มีพิธีรีตรองมากมายเลย”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆพร้อมกับดึงมือออกจากการเกาะกุมของเหมี่ยวชิง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า  “ท่านลุงข้ายังเป็นเด็กและมิชื่นชอบการเข้าสังคม ข้ามิต้องการไปพบปะผู้คนมากมาย ข้าขอเข้าไปพบท่านปู่เสี่ยวก่อนสักครู่ แล้วจึงค่อยไปพบปะผู้คนจะดีกว่า..”
  ภายในหมู่บ้านเหมี่ยวนี้นอกจากครอบครัวของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาแล้ว มิว่าผู้ใดจะสำคัญเพียงใด หลิงหยุนก็มิต้องการที่จะทำความรู้จัก เขาไม่ต้องการเสียเวลาไปกับเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้..
  ครั้งนี้..เพื่อต้องการออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด หลิงหยุนจึงจำเป็นต้องเอ่ยตอบไปอย่างตรงไปตรงมา
  “เอ่อ..”
  ในที่สุดเหมี่ยวชิงก็เข้าใจความต้องการของหลิงหยุนแต่ก็ยังมิกล้าตัดสินใจจึงได้แต่หันไปมองบุตรสาว
  “ท่านพ่อ..ท่านอย่าได้กังวลใจไป หากหลิงหยุนมิต้องการทำสิ่งใด ใครก็ไม่สามารถรบเร้าเขาได้!”   เหมี่ยวเสี่ยวเหมารู้จักนิสัยของหลิงหยุนดีนางอธิบายให้กับผู้เป็นบิดาฟัง จากนั้นจึงเอ่ยบอกหลิงหยุนผ่านทางจิต
  –ยังไม่รีบไปอีกรึ!-
  –ไปแล้ว!-
  หลิงหยุนตอบกลับและหลังจากทักทายเจิ้นหงแล้ว หลิงหยุนก็รีบเดินฝ่าฝูงชนออกไปทันที เพราะหากยังไม่รีบไปตอนนี้ ผู้คนก็จะยิ่งรายล้อมแน่นขึ้น
  หลังจากที่ฝ่าฝูงชนมาได้แล้วหลิงหยุนก็รีบเดินเข้าไปภายในหมู่บ้าน และไม่นานนักก็ไปถึงที่พักชั่วคราวของท่านหมอเสี่ยว
  ตามธรรมเนียมของชาวเผ่าเหมี่ยวเจียงนั้นก่อนที่เข้าพิธีวิวาห์นั้น ชายหญิงจะมิสามารถพบหน้ากันได้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแล้วเท่านั้น ทั้งคู่จึงจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้
  งานวิวาห์ของคนทั้งคู่ถูกจัดขึ้นกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ภายในหมู่บ้านเหมี่ยวการจัดหาที่พักชั่วคราวให้กับเสี่ยวเจิ้งจี๋จึงมิใช่เรื่องยากเย็นอันใด
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจก็พบว่าเสี่ยวเจิ้งจี๋อยู่ที่ใดเขาจึงรีบเดินตรงไปเคาะประตูทันที
  “ท่านปู่เสี่ยว..ข้ามาพบเจ้าบ่าวแล้ว!”
  “เจ้าเด็กร้ายกาจ..ยังไม่รีบเข้ามาอีกรึ!”
  เสียงร้องตะโกนของท่านหมอเสี่ยวดังออกมาและดูเหมือนจะเจือไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว..
  ��

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร