Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1494

บทที่ 1494 : มรดกของจักรพรรดิอีกหนึ่งองค์
  เวลาบ่ายสามบนยอดเขาฉาซานทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านเหมี่ยว..
  หลังจากที่หลิงหยุนจากไปเหมี่ยวเฟิงหวงก็มายังเขาแห่งนี้ นางเดินไปผ่านทุ่งสีเขียวซึ่งหนาแน่นไปด้วยทิวแถวของต้นชา
  ระหว่างที่ที่นางเดินไปนั้นนางก็จะหยุดเป็นครั้งคราวเพื่อก้มลงมองไปยังผืนดินเบื้องล่าง พร้อมกับกำดินที่เท้าขึ้นมาพินิจดูอย่างละเอียด ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นตกใจและมีความสุขปะปนกัน ราวกับว่าดินในกำมือของนางนั้นคือสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง!
  นั่นเพราะดินบนเขาปลูกใบชาทั้งหมดนั้นได้ถูกหลิงหยุนทำให้กลายเป็นดินพลังชีวิต ดินนี้มีลักษณะเป็นเม็ดขนาดต่างๆกัน และมีขนาดเล็กประมาณข้าวสาลี ใสราวคริสตัล และเปล่งประกายระยิบระยับในยามที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์  แม้นี่จะเป็นเพียงแค่ผืนดินพลังชีวิตเท่านั้นแต่ในสายตาของเหมี่ยวเฟิงหวงแล้ว มันเสมือนผืนแผนดินทอง ดินแต่ละเม็ดนั้นมิต่างจากทองคำเลยทีเดียว!
  ในที่สุดเหมี่ยวเฟิงหวงก็เดินขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของเขาฉาซานนางจ้องมองทุ่งสีเขียวที่ราดลดหลั่นลงไป และมองไปทางหมู่บ้านเหมี่ยวซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาแห่งนี้เนิ่นนาน
  ความรักระหว่างนางกับเสี่ยวเจิ้งจี๋เป็นเรื่องของพรหมลิขิตอย่างนั้นหรือ
  เหมี่ยวเฟิงหวงเองก็มิอาจตอบได้ชัดเจนเวลานี้นางบอกได้เพียงแค่น่าจะเป็นความต้องการของสวรรค์ และนางก็ซาบซึ้งในบุญคุณยิ่งนัก!
  สวรรค์อาจมิเพียงตั้งใจให้นางต้องรอคอยเสี่ยวเจิ้งจี๋นานถึงสี่สิบเจ็ดปีแต่ยังต้องการให้นางรอพบหลิงหยุนผู้ครอบครองกระบี่โลหิตเทวะ ซึ่งเป็นทายาทของเผ่าจิ่วหลีอีกด้วย  เหมี่ยวเฟิงหวงรู้ดีว่านับจากนี้ตนกับเสี่ยวเจิ้งจี๋จะมิเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปอีกนานหลายปี แต่เขายังจะมีชีวิตอยู่อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย
  การรอคอยด้วยความทุกข์ทรมานมานานถึงสี่สิบเจ็ดปีนับว่าคุ้มค่ายิ่งนัก!
  หลายวันหลายคืนที่หลิงหยุนได้แสดงความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ให้เหมี่ยวเฟิงหวงเห็นนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง และจักเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเหมี่ยวทั้งหมด จะมิให้เหมี่ยวเฟิงหวงตกตะลึงได้อย่างไรเล่า ในเมื่อสิ่งที่หลิงหยุนทำนั้น ผลลัพธ์ที่ได้มิแตกต่างจากมนต์คาถาที่บรรพชนชาวเหมี่ยวสืบทอดกันมาแต่โบร่ำโบราณเลย
  เหมี่ยวเฟิงกวาดสายตามองไปทั่วหมู่บ้านเหมี่ยวนางสำรวจไปทั่วทั้งบริเวณภายในหมู่บ้านอยู่นาน แต่ในที่สุด.. สายตาชองนางก็จับจ้องอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่ง
  มันคืออารามภายในหมู่บ้านเหมี่ยวและเป็นสถานที่สำคัญยิ่งต่อจิตใจของนาง และชาวเผ่าเหมี่ยวเจียงทุกคน นั่นเพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพเจ้าซือโหยว ซึ่งเป็นบรรพชนซานเหมี่ยวนั่นเอง
  “บรรพชนผู้ยิ่งใหญ๋..กระบี่ของท่านถือกำเนิดแล้ว จากนี้ไป.. ท่านจะฟื้นคืนชีพหรือไม่”
  ดวงตาของเทพธิดาเหมี่ยวเจียงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำและร้อนผ่าวในขณะที่พึมพำกับตนเอง..
  ฟ่อ..ฟ่อ..
  มิรู้ว่าอสรพิษมังกรซึ่งเป็นงูเหลือมหลากสีมีมงกุฏสีดำอยู่บนศรีษะนั้นเลื้อยมาตั้งแต่เมื่อใด มันปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเหมี่ยวเฟิงหวงพร้อมกับส่งเสียงฟ่อๆ ในขณะที่ดวงตาของมันดูเย็นชาล้ำลึกยิ่ง
  เวลานี้ด้านหลังของอสรพิษมังกรได้ปรากฏปีกเนื้อคู่หนึ่งขนาดเท่าฝ่ามือทารกมีสีแดง และอ่อนนุ่ม แม้จะเพิ่งก่อร่างขึ้น แต่ก็ดูประหลาดไม่น้อย  ฟิ้ว..ฟิ้ว..
  บนท้องนภาปรากฏแสงสีทองขึ้นและมันก็คือเจ้าทองอ้วนซึ่งเป็นดักแด้ทองคำของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา เจ้าทองอ้วนเติบโตเร็วยิ่งนัก และเวลานี้ลำตัวของมันก็ยาวถึงสามนิ้วแล้ว อีกทั้งยังมีสีทองสุกสว่างมากด้วย แข้งขาเล็กเรียวนั้นยาวขึ้นมาก น่าจะราวหนึ่งเซ็นติเมตรหรืออาจยาวกว่านั้นเล็กน้อย อีกทั้งลำตัวด้านหลังก็เริ่มมีเกล็ดสีทองปรากฏขึ้นแล้ว
  ช่วงหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมาในระหว่างที่หลิงหยุนได้ใช้เปลวไฟห้าธาตุบ่มผืนดินสร้างทุ่งพลังชีวิตนนั้น เขามิได้จงใจหลบเลี่ยงอสรพิษมังกร และเจ้าทองอ้วนเลย ทั้งคู่จึงได้อาบเปลวไฟห้าธาตุไปด้วย และนั่นก็มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อพวกมันทั้งคู่
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตามเจ้าทองอ้วนไปนางสวมชุดชนเผ่าสีสันสดใส และมิได้ปิดบังขั้นพลังบ่มเพาะของตนเอง
  “ท่านย่า..เหตุใดมาอยู่ที่นี่เล่า”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาร้องถามด้วยความประหลาดใจในขณะเดียวกันก็บ่นกับนางว่า “ท่านยา.. ท่านมิได้พักผ่อนมาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ควรจะต้องหยุดพักได้แล้ว อีกอย่าง.. ผืนดินที่หลิงหยุนทำการเปลี่ยนแปลงแล้วนี้ก็มิได้หายไปไหน ท่านจะมาดูอีกเมื่อใดก็ย่อมได้..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงยืนจ้องมองเหมี่ยวเสี่ยวเหมาด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความรักยิ่ง..
  ก่อนที่จะทำการสร้างทุ่งพลังชีวิตนั้นหลายพื้นที่ในหมู่บ้านเหมี่ยวยังปลูกพืชอยู่มากมาย เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ใช้วิชาพฤกษาขจีเร่งการเจริญเติบโตของพวกมัน จนสามารเก็บเกี่ยวได้ในระยะเวลาสั้นๆ
  ฉะนั้นช่วงเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนที่ผ่านมา เหมี่ยวเฟิงหวงจึงได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา..
  “เสี่ยวเหมา..เจ้าโตขึ้นมาก และเวลานี้เจ้าก็แข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว..”
  เหมี่ยวเฟิงหวงเอ่ยขึ้นอย่างพึงพอใจพร้อมกับเอ่ยชมหลานสาว “หกเดือนที่ผ่านมานี้ เจ้าทำได้ดีมากทีเดียว!”   หลังจากเอ่ยชมแล้วนางจึงเอ่ยถามต่อทันที “แล้วปู่ของเจ้าเล่า”
  เหมี่ยวเสี่ยวเหมาทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนัก“หลังจากหลิงหยุนจากไปแล้ว ท่านปู่ก็ไปหาที่ฝึกฝนวิชาพฤกษาขจี..”
  “เอาล่ะ..ข้าเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนเช่นกัน หาไม่แล้วทุ่งพลังชีวิตกว้างใหญ่เช่นนี้ ปล่อยให้เจ้าทำตามลำพังคงไม่ไหวแน่ ผืนดินพลังชีวิตก็จะเสียเปล่า!”
  นั่นเพราะทุ่งพลังชีวิตในหมู่บ้านเหมี่ยวนี้หลิงหยุนตั้งใจยกให้เสี่ยวเจิ้งจี๋และครอบครัวอยู่แล้ว หลังจากที่ทำการบ่มเพาะผืนปฐพีแล้ว หลิงหยุนจึงได้ถ่ายทอดวิชาพฤกษาขจีให้กับเสี่ยวเจิ้งจี๋กับเหมี่ยวเฟิงหวงด้วย และนี่นับเป็นของขวัญอีกหนึ่งชิ้นที่เขาตั้งใจมอบให้คู่สามีภรรยานี้
  “ท่านย่า..ท่านลืมแล้วหรือว่าหลิงหยุนได้สร้างค่ายกลหลุมพลังไว้ให้ ในวันข้างหน้าพลังชีวิตภายนอกจะถูกดูดเข้ามารวมไว้ในบริเวณนี้ ไม่กระจายออกไปที่อื่น”   เหมี่ยเสี่ยวเหมาเอ่ยตอบยิ้มๆ
  “แต่ถึงอย่างไรข้าก็ต้องหมั่นฝึกฝนข้ามิยอมให้ปู่ของเจ้าฝึกฝนก้าวหน้ากว่าข้าเป็นแน่!”
  “ไปกันดีกว่า..”
  หลังจากนั้นเหมี่ยวเฟิงหวงก็หันมองไปทางอารามสักการะรูปปั้นบรรพชน ก่อนจะนำเหมี่ยวเสี่ยวเหมาลงเขาไป
  …………
  ในเวลานั้นหลิงหยุนก็ได้กลับไปถึงโรงแรมจงเทียนแล้ว..
  หลังจากไปทักทายถังเมิ่งเหออวี้ฉงและคนอื่นๆแล้ว หลิงหยุนก็ได้กลับเข้าห้องพักอาบน้ำแต่งตัวเสียใหม่
  หลิงหยุนในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตสีขาวสวมรองเท้าผ้าใบนั่งพักผ่อนอยู่ในบนโซฟาในห้องนั่งเล่น ระหว่างนั้นเขาก็ได้เรียกผ้าแพรไหมดำออกมา และใช้นิ้วมือทั้งห้าโบกสะบัดพริ้วไปมา  นิ้วทั้งห้าในมือขวาของหลิงหยุนเวลานี้พริ้วไหวไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ในขณะที่มือซ้ายกำศิลากลั่นวิญญาณไว้แน่น
  ระหว่างนั้นสมองของหลิงหยุนก็เฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องของเผ่าจิ่วหลี ซานเหมา กระบี่โลหิตเทวะ และเทพเจ้าซือโหยว..
  ใช่แล้ว!!
  พู่กันจักรพรรดิแห่งมนุษย์สมุดจักรพรรดิแห่งพิภพ กระบี่โลหิตเทวะ ทั้งสามสิ่งล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าในระดับเดียวกัน แต่ก็ยังขาดไปอีกหนึ่งอย่าง
  มรดกของสามจักรพรรดินั้น..เวลานี้ทั้งมรดกของจักรพรรดิแห่งมนุษย์ และจักรพรรดิแห่งพิภพได้อยู่ที่เขาทั้งสองสิ่งแล้ว แล้วสมบัติของอีกหนึ่งจักรพรรดิเล่า
  แล้วมรดกของจักรพรรดิเหลือง(หวงตี้) เล่า เวลานี้อยู่ที่ใดกัน
  หลิงหยุนเฝ้าครุ่นคิดถึงสถานที่แห่งหนึ่ง..
  “เวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะไปสำรวจรอให้ข้าเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นพลังชี่เสียก่อน ข้าจะต้องไปสำรวจเป็นแน่!”
  เห็นได้ชัดว่าหลิงหยุนนั้นมีความยับยั้งชั่งใจและมิได้รีบร้อน หรือโลภอยากได้มากนัก..
  จากนั้น..หลิงหยุนจึงได้เรียกโน๊ตบุ๊คของตนเองออกมา และเริ่มหาข้อมูลทันที และด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ เพียงแค่เหลือบมองหน้าจอผ่านๆ ข้อมูลทั้งหมดก็เข้าสู่ความทรงจำของเขาจนหมดสิ้นแล้ว
  หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหลิงหยุนจึงได้เก็บโน๊ตบุ๊ค และออกจากห้องไปพบถังเมิ่งกับเหออวี้ฉง เขามิได้พูดอ้อมค้อมและตรงเข้าประเด็นทันที
  “คืนนี้ข้าจะกลับไปปักกิ่งและจะพักอยู่ปักกิ่งหนึ่งวัน จากนั้นจะกลับมาพบพวกเจ้าที่ีนี่ แล้วพวกเราจึงค่อยเดินทางไปพบกับครอบครัวของเจ้า”
  เหออวี้ฉงมิมีความเห็นใดๆนางรอมานานแล้ว หากจะรอต่ออีกหนึ่งวันย่อมมิใช่ปัญหาใหญ่โต
  “พี่หยุน..จู่ๆทำไมถึงต้องกลับไปปักกิ่ง มีเรื่องด่วนอะไรเหรอ” ถังเมิ่งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง..
  หลิงหยุนเองก็ได้ตอบกลับไปตามตรงโดยมิคิดที่จะปิดบัง“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อของข้า ข้าจึงต้องกลับไป..”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร