Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1496

บทที่ 1496 : ตระกูลหลิงเวลานี้
  นับตั้งแต่หลิงหยุนออกจากปักกิ่งไปครานั้นเมืองหลวงแห่งนี้ก็มีเพียงความเงียบสงบอย่างผิดปกติ ทำให้หลี่จวิ้นหัวอดที่จะนึกแปลกใจไม่ได้!
  หลังจากที่หลิงหยุนได้จัดการถอนรากถอนโคนตระกูลซันกับตระกูลเฉินไปแล้วแต่ภายในปักกิ่งก็ยังมิมีตระกูลอื่นขึ้นมามีบทบาทแทนสองตระกูล ภายในปักกิ่งจึงมีตระกูลโดดเด่นอยู่เพียงแค่ห้าตระกูลเท่านั้น
  ตระกูลหลงตระกูลเย่ ตระกูลหลิง ตระกูลเกา และตระกูลหลี่..
  หากจัดเรียงลำดับความแข็งแกร่งของตระกูลใหญ่ในปักกิ่งก็ย่อมต้องเป็นเช่นนี้แต่หากนับรวมตระกูลฉินซึ่งมิได้อยู่ในเมืองหลวงด้วยแล้ว แน่นอนว่าตระกูลฉินจะต้องจัดอยู่ในอันดับสี่หลังตระกูลหลิง
  และเวลานี้..ผู้บริหารสูงสุดของประเทศจีน ก็ได้ยอมรับแล้วว่า ตระกูลหลิงได้กลับขึ้นมาอยู่เป็นสามอันดับแรกของตระกูลใหญ่อีกครั้งแล้ว
  เว้นแต่ว่าหลิงหยุนจะต้องออกแรงอย่างเต็มที่ในการที่จะท้าทายตระกูลหลงและตระกูลเย่ว หาไม่แล้วก็นับว่ายากยิ่งที่ตระกูลหลิงจะขึ้นไปเป็นตระกูลอันดับหนึ่งอย่างเป็นทางการได้..
  แต่ดูเหมือนตระกูลหลิงเองมิได้ต้องการทำเช่นนั้นนั่นเพราะแต่ละตระกูลย่อมรู้ความแข็งแกร่งของตระกูลตนเองดีกว่าใคร แม้ตระกูลหลิงจะถูกจัดอยู่ในอันดับสาม แต่หากมีหลิงหยุนอยู่ด้วย ทุกคนย่อมรู้ดีแก่ใจว่าตระกูลหลิงคืออันดับหนึ่ง..
  สำหรับตระกูลต่างๆนั้นความแข็งแกร่งของผู้นำตระกูลนับว่าสำคัญยิ่ง!
  แม้หลิงหยุนจะไม่อยู่ปักกิ่งนานเกือบเดือนแต่สิ่งที่เขาทำอยู่ข้างนอกตลอดนั้น..
  ไม่ว่าจะเป็นการสังหารชาวยุทธไปมากมายในงานชุมนุมชาวยุทธและความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวของเขาในครั้งนั้นก็ทำให้ชาวยุทธมากมายถึงกับตื่นตะลึง!
  ที่ทะเลสาบผอหยางหลิงหยุนก็ได้ทำร้ายหลงฮ่าวเฉียนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนหลงเทียนฟางก็หายไปในทะเลสาบผอหยาง จนป่านนี้ยังมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีเช่นใด
  ที่ทะเลจีนตะวันออกหลิงหยุนก็ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับหลงลั่วอวี๋ หลงจ้าวเจียง และหลงจ้าวไห่ กับเล่ยถิงนักบวชฝ่ายชางจิงกงจากเขาหลงหู่ และจางหลู่เอวี๋ยนนักบวชจากฝ่ายเทียนชี่ฝู
  หลังจากเหตุการณ์ที่ทะเลจีนตะวันออกตระกูลหลงกลับเอาแต่เก็บตัวเงียบ มิพูดถึงเรื่องแก้แค้นเอาคืนเลยแม้แต่น้อย..
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้บุกไปช่วยมารดาของตนที่เขาเทียนซานเพียงลำพัง และทำลายสำนักกระบี่เทียนซานจนสิ้น อีกทั้งยังได้สังหารคนสำคัญของตระกูลตี๋จนหมด มิหนำซ้ำยังสังหารศิษย์คุนหลุนตายอีกด้วย!
  และศิษย์คุนหลุนทั้งสี่นั้นล้วนแล้วแต่เข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานแล้วทั้งสิ้น!   เรื่องเช่นนี้ชาวยุทธทั่วไปย่อมมิอาจรู้รายละเอียดได้แต่คนสำคัญในตระกูลหลิงย่อมรู้รายละเอียดดี!
  ในเมื่อหลิงหยุนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้..แล้วเหตุใดยังต้องตะเกียกตะกายขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งของปักกิ่งด้วยอีกเล่า!
  มิจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย..
  อีกทั้งเวลานี้ตระกูลหลิงได้กลายเป็นตระกูลนักสู้ไปแล้วเหล่าทายาทล้วนฝึกวรยุทธบ่มเพาะ และได้ถูกปลูกฝังความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง และความเป็นนักสู้ขึ้นในกายในใจ พร้อมเข้าสู่สงครามได้ทุกเมื่อ!
  แทบมิต้องผู้ถึงผู้นำตระกูลอย่างหลิงหยุน..เพียงแค่นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนเวลานี้ แต่ละคนล้วนผ่านการฝึกฝนที่แตกต่างจากในอดีต เวลานี้นักรบหนึ่งคนของตระกูลหลิงสามารถรับมือศัตรูได้นับสิบในคราวเดียว หากออกปฏิบัติภารกิจย่อมเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งยิ่ง!
  ยามนี้หากเกิดเรื่องราวอันใดแทบมิต้องให้หลิงเสี่ยวหรือเหล่ากุ่ยออกหน้า เพียงแค่หลิงอี๋กับหลิงชีก็นับว่าเพียงพอแล้ว!
  แต่ทั้งหมดนั้นต้องยกความดีความชอบให้กับหลิงหยุนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบันนั่นเอง..
  แน่นอนว่าเวลานี้ทุกคนล้วนรับรู้ถึงความแข็งแกร่งยิ่งของตระกูลหลิง..
  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง..
  จ้าวซิงหวู่หัวหน้าหน่วยมังกรหรือโจวเหวินอี้อาวุโสใหญ่แห่งหน่วยนภา รวมทั้งหลงฮ่าวหลานผู้นำตระกูลหลง และเย่ชิงซิน เย่เทียนสุ่ย เย่เทียนตู..
  หากจัดอันดับตระกูลใหญ่ด้วยความแข็งแกร่งแน่นอนว่าตระกูลหลี่ย่อมต้องเป็นอันดับรั้งท้ายอยู่ดี แต่หากจัดอันด้วยความร่ำรวยมั่งคั่งแล้วล่ะก็ อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
  ตระกูลหลี่นั้นจัดว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งเลยทีเดียว!
  เป็นที่รู้กันดีว่าหลี่จวิ้นหัวนั้นจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลี่คนต่อไปอย่างมิต้องสงสัยเขาคือทายาทที่จะสืบทอดตำแหน่งจากหลี่กวนผิง ฐานะของเขาในตระกูลหลี่จึงเทียบเท่ากับฐานะของหลิงเสี่ยว และหลิงเย่ว
  หลังจากที่หลี่กวนผิงวางมือตระกูลหลี่ก็ค่อยๆถูกลดทอนความสำคัญลง แต่ที่ตระกูลหลี่ยังคงเป็นหนึ่งในแปดอันดับตระกูลใหญ่ของจีนได้นั้น ก็เพราะหลี่กวนผิงยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น และอีกหนึ่งเหตุผลก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องฐานะทางการเงินของตระกูลหลี่นั่นเอง
  ซึ่งแตกต่างจากตระกูลหลิวและตระกับถันที่นับว่ายังแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่..
  ความจริงเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้หลังจากงานประมูลชาวยุทธซึ่งจัดที่โรงประมูลตระกูลเย่นั้น หากหลี่จวิ้นหัวมิได้พบกับหลิงหยุนในงานประมูล และหากหลิงหยุนมิตัดสินใจลงมือช่วยเหลือ ในคืนนั้นหลี่จวิ้นหัวก็คงไม่รอด และเมื่อหลี่กวนผิงเสียชีวิต ตระกูลหลี่ก็คงต้องถูกถอดชื่อออกจากแปดตระกูลใหญ่เป็นแน่  แต่นับว่าเป็นความโชคดีที่ครั้งนั้นหลี่จวิ้นหัวตัดสินใจเลือกที่จะสวามิภักดิ์ตระกูลหลิง ทำให้หลิงหยุนประทับใจจนต้องลงมือช่วย ทำให้ตระกูลหลี่รอดพ้นจากหายนะมาได้!
  อีกทั้งในขณะที่หลี่กวนผิงหมดหวังกับการรักษาอาการป่วยของตนเองนั้นหลิงหยุนกลับมาช่วยเขาไว้ ทำให้ผู้เฒ่าตระกูลหลี่ถึงกับประกาศขอติดตามตระกูลหลิง
  และนับเป็นความโชคดีที่ตระกูลหลี่ภายใต้การนำของหลี่กวนผิงนั้นเขามิเคยบาดหมางกับตระกูลอื่นเพราะการแข่งขันทางธุรกิจ เขาเพียงแค่ปกป้องดูแล และพัฒนาธุรกิจของตนเท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมาจึงมิเคยมีเรื่องขัดแย้งกับตระกูลหลิงมากนัก การร่วมมือกันในระยะยาวระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลหลี่จึงมิใช่ปัญหา
  หลังจากหลิงหยุนเดินทางออกจากปักกิ่งไปแล้วหลี่กวนผิงก็มิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เขาได้กำชับบุตรชายของตนว่าเรื่องสำคัญที่สุดของเขาคือการผูกสัมพันธ์กับตระกูลหลิงฉะนั้นหลี่จวิ้นหัวจึงได้พยายามทำความใกล้ชิดกับหลิงเสี่ยว และหลิงเย่วมาโดยตลอด!
  หลี่จวิ้นหัวเข้าหาหลิงเย่วด้วยเหตุผลที่ต้องการให้ตระกูลหลี่และตระกูลหลิงร่วมมือกันทางธุรกิจโดยเร็วที่สุด ส่วนที่เขาเข้าหาหลิงเสี่ยวนั้น เพียงเพราะสิ่งเดียวเท่านั้นคือ การเอาชนะใจหลิงเสี่ยวให้ได้ เพราะนั่นย่อมหมายถึงการได้ชนะใจหลิงหยุนด้วย!
  หลิงเสี่ยวเคยบอกหลิงหยุนก่อนไปว่าวันข้างหน้าเขาต้องการทำเพียงแค่สองสิ่งเท่านั้นคือ ช่วยหลิงหยุนสร้างบ้านให้เสร็จ และฝึกวรยุทธให้กับศิษย์ทั้ง 72 คนของหลิงหยุน
  นอกเหนือจากนั้นหลิงเสี่ยวก็จะเข้าไปทำความสะอาดห้องบรรพชนตระกูลหลิง และช่วยเหล่ากุ่ยฝึกนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคน
  นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนล้วนแล้วแต่ยังหนุ่มยังแน่นอีกทั้งยังมีพรสวรรค์ เวลานี้ได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนที่เพียงพอ ขั้นพลังจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิงอี๋กับหลิงชี ซึ่งเวลานี้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 แล้ว
  ส่วนนักรบคนอื่นๆก็ล้วนแล้วแต่เข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-4แล้วเช่นกัน..
  ปกติแล้วนักรบเหล่านี้จะถูกส่งไปฝึกกับเหล่าราชันย์นักฆ่าขององค์กรนักฆ่า หลังจากผ่านการฝึกฝนกับองค์กรนักฆ่ามาร่วมเดือน พวกเขาก็ได้เรียนรู้ทักษะแปลกๆอื่นๆเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
  แน่นอนว่า..นักรบทั้งสามสิบหกคนนั้นล้วนเชื่อฟังคำสั่งของเหล่ากุ่ย นั่นเพราะคำสั่งของเหล่ากุ่ยย่อมเสมือนคำสั่งของผู้นำตระกูลหลิง แต่เวลานี้ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจนเกือบจะเทียบเท่าเหล่ากุ่ย ทำให้เหล่ากุ่ยรู้สึกว่าตนเองขาดความสามารถในการที่จะดูแล..
  ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องปกติหาใช่เรื่องที่เข้าใจไม่ได้..
  เช่นเดียวกับลูกๆที่วันหนึ่งเมื่อเติบใหญ่ขึ้นย่อมต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แม้แต่พ่อแม่พวกเขายังมิเชื่อฟัง นับประสาอะไรกับคนอื่นเล่า
  แต่สำหรับหลิงเสี่ยวนั้น..มิมีทางที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่ นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนยินดีพลีชีพเพื่อเขาอย่างมิต้องสงสัย
  แต่มิใช่เพียงเพราะแค่หลิงเสี่ยวเป็นบุคคลสำคัญของตระกูลหลิงแต่เป็นเพราะตั้งแต่ในวัยหนุ่มมานั้น หลิงเสี่ยวเป็นผู้ที่มีจิตใจเมตตา มีหรือที่นักรบทั้งสามสิบหกคนจะมิชื่นชอบ
  และที่สำคัญ..หลิงเสี่ยวคือบิดาผู้ให้กำเนิดหลิงหยุนซึ่งเป็นผู้นำตระกูลหลิงเวลานี้!
  เวลานี้หลิงหย่งเองก็ได้เข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนแล้วเขาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ฝึกวรยุทธให้กับศิษย์ทั้ง 72 คนของหลิงหยุน ส่วนหลิงเสี่ยวก็เพียงแค่เข้าไปดูและคอยให้คำแนะนำทุกๆสองวันเท่านั้น มิจำเป็นต้องเข้าไปทุกวัน
  ก่อนจากไปหลิงหยุนได้เคยย้ำกับหลิงเสี่ยวเรื่องรากฐานของการสร้างบ้านว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง หลิงเสี่ยวจึงได้มาอยู่ที่นี่แทบทุกวัน
  เวลานี้เขาจิตหยั่งรู้ของเขาเกิดขึ้นแล้วจึงสามารถใช้จิตหยั่งรู้ของตนตรวจสอบจุดบกพร่องของการก่อสร้างได้ ทำให้สะดวกต่อการแก้ไข..
  และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดหลิวจวิ้นหัวจึงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วย..
  “น้องชาย..”
  ทุกครั้งที่หลี่จวิ้นหัวเรียกหลิงเสี่ยวเช่นนี้เขาจะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่ง เพราะเวลานี้ใบหน้าของหลิงเสี่ยวนั้นอ่อนกว่าเขาถึงยี่สิบปี..
  เวลานี้ทั้งคู่ยืนเคียงข้างกันเช่นนี้ยิ่งดูประหนึ่งบุตรชาย กับบิด..
  หลี่จวิ้นหัวยังมิรู้ว่าควรจะเรียกหลิงเสี่ยวเช่นใดดีจึงต้องเรียกเช่นเดิมไปก่อน
  หลี่จวิ้นหัวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง“น้องชาย.. วันนี้ตรงกับวันที่แปดเดือนเก้ามิใช่รึ”
  หลิงเสี่ยวพยักหน้า“อืมม..”
  หลี่จวิ้นหัวเอ่ยต่อ“พรุ่งนี้ตรงกับวันที่เก้าเดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคติ ข้าจำได้ว่าเป็นวันเกิดของเจ้ามิใช่รึ!”
  หลิงเสี่ยวฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม“พี่จวิ้นหัว.. ท่านเอ่ยถึงเรื่องน่าเบื่อนี้ทำไมกัน ข้าลืมวันเกิดตนเองไปนานถึงสิบเก้าปีแล้ว..”
  หลิงเสี่ยวเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบหลี่จวิ้นหัวจึงได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยว่า
  “ข้าต้องการจะบอกว่า..”
  หลี่จวิ้นหัวยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ“ในเมื่อเป็นวันเกิดของเจ้า หลิงหยุนลูกชายของเจ้าย่อมต้องกลับมามิใช่รึ”
  “อาจเป็นไปได้..”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร