Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1497

บทที่ 1497 : พอใจ!
  คำตอบของหลิงเสี่ยวนั้นแสนเรียบง่ายน้ำเสียงก็ราบเรียบมิบ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ หลี่จวิ้นหัวได้แต่เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
  “เขามิได้โทรหาเลยรึ!”
  “ไม่..”
  “หรือเขาได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้ว!”
  “ไม่เคย..”
  หลิงเสี่ยวได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆเขาหันไปมองหลี่จวิ้นหัวอย่างนึกขันพร้อมกับเอ่ยถาม “พี่จวิ้นหัว ดูเหมือนพี่จะเป็นห่วงเรื่องหลิงหยุนว่าจะมาวันเกิดของข้าหรือไม่”
  “ท่านมีเรื่องอะไรงั้นรึ!”
  “เอ่อ….”
  หลี่จวิ้นหัวมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจเขายกมือขึ้นเกาศรีษะก่อนจะชี้ไปทางไซส์งานก่อสร้างด้านล่าง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า  “น้องชาย..หลังจากที่พวกเราได้ทำการรื้อถอนบ้านเรือนของชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่ออกไปจนหมดแล้ว พื้นที่ขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ ต้องใช้เวลาในการก่อสร้ารากฐานนานเกือบเดือน รากฐานของบ้านเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง แม้พวกเราทั้งสองจะเข้ามาดูแลการก่อสร้างอยู่เป็นประจำ แต่ถึงอย่างไรบ้านหลังนี้ก็เป็นของหลิงหยุน..”
  “แต่จนกระทั่งตอนนี้หลิงหยุนยังมิเคยมาที่นี่เลยสักครั้ง หากเจ้ามิได้มาดูแลการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่นี้ด้วยตนเอง ข้าเองก็คงจะมิสบายใจนัก แต่หากหลิงหยุนพบเห็นแล้วเกิดมิพอใจ พวกเราสองคนจะมิยิ่งวุ่นวายหรอกรึ”
  คำพูดของหลี่จวิ้นหัวนับว่ามีเหตุผลยิ่งนักพื้นที่ขนาดยี่สิบเจ็ดตารางกิโลเมตร นับเป็นโครงการก่อสร้างที่ใหญ่โตยิ่งนัก หากรากฐานการก่อสร้างสำเร็จลงแล้ว และหลิงหยุนเกิดไม่พอใจขึ้นมา แน่นอนว่าคงต้องนำไปสู่ปัญหาที่น่าปวดหัวอย่างมาก  “ที่ท่านกล่าวมาก็จริงอยู่..”
  หลิงเสี่ยวฟังแล้วก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบยิ้มๆ“นี่เป็นเพียงแค่การวางรากฐานอาคาร และการเดินท่อต่างๆใต้ดินเท่านั้น ขอบอกตามตรง งานก่อสร้างขนาดใหญ่เช่นนี้ นอกเหนือจากตระกูลหลี่ของท่านแล้ว ข้าเองก็คงมิสามารถหาผู้อื่นที่เป็นมืออาชีพเท่าตระกูลหลี่ได้แน่..”
  เขาเอ่ยชมหลี่จวิ้นหัวก่อนหลังจากหยุดนิ่งไปเล็กน้อยจึงได้เอ่ยต่อว่า “ส่วนทีมวิศกรในการก่อสร้างที่ท่านนำมาครั้งนี้ มิว่าจะเป็นทีมวิศกรจากประเทศจีน เยอรมัน อังกฤษ หรือแม้แต่ญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่าทีมวิศกรที่ทำการออกแบบรากฐานและตัวอาคารนั้น นับว่าทำได้อย่างมิมีปัญหาใดๆ”
  “นอกเหนือจากรากฐานแล้วในเรื่องของรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้น ก่อนหน้านี้หลิงหยุนเคยบอกกับข้าว่า เขาต้องการให้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับพระราชวังต้องห้าม และสวนโบราณแห่งซูโจว..”   หลิงหยุนมิเพียงต้องการเพียงแค่พระราชวังที่โอ่อ่าและสง่างามแต่ยังต้องการให้มีสะพานและสายน้ำ รวมถึงความสะดวกสบายที่ทันสมัยเทียบเท่าโรงแรมระดับห้าดาวในยุคนี้ด้วย
  หลิงเสี่ยวเอ่ยต่อด้วยสีหน้าท่าทางกระตือรือร้นพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปยังผืนดินเบื้องล่าง “ที่ตรงนั้นกว้างใหญ่จึงควรก่อสร้างเป็นอาคารหลัก ส่วนพื้นที่บริเวณก็ปรับแต่งให้เข้ากับทัศนียภาพที่เหมาะสมกับท้องถิ่น..”
  หลังจากกล่าวจบหลิงเสี่ยวจึงหันไปบอกกับหลี่จวิ้นหัวว่า “พี่จวิ้นหัว หากพวกเราทำการก่อสร้างตามที่ข้าบอกเมื่อครู่ รับรองได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังเป็นแน่”
  “อีกอย่างนี่ก็เป็นรูปแบบการก่อสร้างที่พวกเราทั้งคู่ได้ปรึกษาพูดคุยกันก่อนที่พวกเราจะลงมือก่อสร้างมิใช่รึ..”
  หลิงเสี่ยวยิ้มให้กับหลี่จวิ้นหัวอีกคราแต่แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาในขณะที่เอ่ยถามออกไป  “ฉะนั้น..พี่จวิ้นหัว การที่พี่ถามถึงหลิงหยุนเช่นนี้ ความจริงแล้วท่านมีเรื่องอันใดกันแน่ ได้โปรดบอกข้ามาตามตรงเถิด..”
  “เรื่องนั้น…”
  หลี่จวิ้นหัวรู้ดีว่าหลิงเสี่ยวเป็นคนเฉลียวฉลาดและคงมิอาจปิดบังอีกฝ่ายได้ จึงได้แต่ยิ้มออกไปพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเก้อเขิน
  “ความจริงก็หาได้มีเรื่องใหญ่โตอันใดไม่ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าหลิงหยุนยังมีโอสถเยาว์วัยอยู่อีกหรือไม่…”
  “น้องชาย..นี่เป็นเรื่องเกี่ยวพันถึงตระกูลหลี่ของข้าซึ่งเจ้าเองก็น่าจะรู้ดี เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงท่านพ่อของข้า..”
  หลี่จวิ้นหัวจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของหลิงเสี่ยวซึ่งเวลานี้ดูอ่อนเยาว์ยิ่งกว่าเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบเสียอีก..
  แน่นอนว่าหลิงเสี่ยวย่อมเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพียงแต่มิคิดว่าอีกฝ่ายจะทุกข์ทรมานใจจนต้องเอ่ยปากออกมาเช่นนี้
  ก่อนที่จะออกจากปักกิ่งไปนั้นหลิงหยุนได้แจกจ่ายโอสถเยาว์วัย และโอสถโฉมสะคราญให้กับคนตระกูลหลิง ตระกูลเกา และสหายของเขา
  แต่ละคนที่หลิงหยุนมอบโอสถทั้งสองให้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต ซึ่งยากนักที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถพบเจอได้ หากมิมีเรื่องจำเป็นจริงๆ พวกเขาก็ยากที่จะออกมาข้างนอก
  และการที่อาวุโสเหล่านี้ในปักกิ่งได้เปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบอย่างน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ย่อมต้องเป็นที่ตกอกตกใจของผู้คนที่พบเห็น และเกิดแรงสั่นสะเทือนราวกับแรงระเบิดเลยทีเดียว
  หากจะกล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแผ่นดินก็คงจะมิเกินจริงนัก!
  ข่าวคราวในเรื่องนี้ก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้างราวกับเกิดระเบิดนิวเคลียร์ จนถึงตอนนี้.. มิเพียงแค่คนในแวดวงสังคมชั้นสูงเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปยังได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ด้วย ในแวดวงชั้นสูงนั้น หาใช่เพียงเศรษฐีที่มีเงินนับหลายพันล้าน แต่ยังรวมถึงเหล่าดาราระดับต้นๆในวงการบันเทิงอีกด้วย!
  ข่าวคราวในเรื่องนี้ได้ทำให้ปักกิ่งสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองหลายคนต่างต้องการรู้ว่าจะสามารถหาซื้อโอสถล้ำเลิศเช่นนี้ได้จากที่ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลร่ำรวยที่อยู่ในวัยหกสิบปีขึ้นไป แต่ก็ยังมีเหล่าคนบันเทิงที่อยู่ในวัยสี่สิบปีขึ้นไปที่ต้องการโอสถนี้ด้วยเช่นกัน!
  และเพื่อให้ได้โอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญมาพวกเขาต่างก็ยอมทุ่มเทเงินทอง โดยมีหวาดกลัวว่าจะต้องจ่ายเงินจนล้มละลายเลยแม้แต่น้อย!
  หลี่จวิ้นหัวนั้นมาที่ตระกูลหลิงแทบทุกวันแน่นอนว่าเขาย่อมต้องเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดแหล่งน้ำที่สุด แต่น่าเสียดายที่ตระกูลหลี่เพิ่งจะทำความสนิทสนมกับตระกูลหลิงได้ไม่นานนัก แม้จะมีการร่วมมือกันในโครงการใหญ่โตมากมาย แต่ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น หลิงหยุนจึงมิได้เต็มที่กับตระกูลหลี่นัก ซึ่งเรื่องนี้ตระกูลหลี่เองก็รู้ดีแก่ใจ
  ฉะนั้นนอกเหนือจากตระกูลเกา ตระกูลหลิน ตระกูลเสี่ยว และตระกูลฉินแล้ว หลิงหยุนก็มิได้มอบโอสถชนิดนี้ให้กับตระกูลหลี่ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากปักกิ่ง!
  เช่นนี้แล้วจะมิให้ตระกูลหลี่กระวนกระวายใจได้อย่างไรกันจะมิให้หลี่จวิ้นหัวกระวนกระวายใจได้เช่นใด?
  ฉะนั้น..เขาได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอว่าหลิงหยุนจะกลับมาเมื่อใด จะได้สอบถามเรื่องโอสถเยาว์วัยนี้กับหลิงหยุน!
  “พี่จวิ้นหัว..ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านดี!”
  หลิงเสี่ยวรู้ว่าเวลานี้หลี่จวิ้นหัวเป็นเสาหลักของตระกูลหลี่เขาเป็นผู้ดูแลกิจการของตระกูลหลี่ทั้งหมด จะว่าไปก็ไม่ต่างจากหลิงหยุนซึ่งต้องมีภารกิจรัดตัวในทุกๆวัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยอมทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง และเข้ามาเป็นผู้ดูแลการก่อสร้างบ้านให้กับหลิงหยุนด้วยตัวเอง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดระหว่างการก่อสร้างขึ้น
  “แต่สำหรับโอสถเยาว์วัยที่หลิงหยุนหลอมกลั่นขึ้นมาเองนั้นเรื่องที่จะมอบให้กับผู้ใด ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของเขา แม้ข้าจะเป็นพ่อก็มิอาจเข้าไปก้าวก่ายได้..”
  หลิงเสี่ยวเข้าใจความรู้สึกของบุตรชายเช่นหลี่จวิ้นหัวได้ดีเขาจึงได้แต่เอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
  หลี่จวิ้นหัวจึงรีบเอ่ยตอบกลับไปทันที“น้องชาย.. ข้ามิได้จะขอให้เจ้าไปขอร้องหลิงหยุนให้มอบโอสถแก่ข้า ข้าเองเข้าใจดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่กับตระกูลหลิง ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างยังคงไปมิถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนั้น ความหมายของข้าคือต้องการขอซื้อโอสถต่างหาก.. ข้าอยากจะขอซื้อโอสถนี้ให้กับท่านพ่อของข้า..”   “ข้าเองก็ได้ยินมาว่าหลิงหยุนเป็นผู้หลอมกลั่นโอสถนี้ด้วยตนเองจุดประสงค์ก็เพื่อต้องการนำมาประมูลขายในโรงประมูลของตระกูลหลิง ช้าเร็วโอสถนี้ก็ต้องนำออกประมูลขายอยู่แล้ว ข้าในฐานะผู้ดูแลตระกูลหลี่ จึงต้องการที่จะขอซื้อโอสถจากเขาล่วงหน้า หวังว่าจะมิมีสิ่งใดติดขัด”
  “เรื่องนี้…”
  หลิงเสี่ยวถึงกับพูดไม่ออกหลี่จวิ้นหัวเอ่ยเช่นนี้ เขาจะสามารถปฏิเสธได้อย่างไรกัน
  หลิงเสี่ยวจึงได้แต่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“หากวันข้างหน้าหลิงหยุนต้องการนำโอสถนี้ออกขายจริงๆ ข้าก็รับปากว่าจะ..”
  แต่แล้วจู่ๆหลิงเสี่ยวก็หยุดชะงักไว้เพียงเท่านั้นเมื่อสายตาของเขาสัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง ที่กำลังลอยอยู่เหนือศรีษะและกำลังพุ่งมาจากทางด้านทิศใต้!
  คำกล่าวว่าพ่อลูกมักจะสื่อถึงกันได้นั้นน่าจะเป็นความจริงเพราะแม้ว่าหลิงหยุนจะอยู่นอกเหนือรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงเสี่ยว แต่เขากลับสัมผัสถึงการมาของหลิงหยุนได้!
  ฟิ้ว..ฟิ้ว..
  เหนือท้องนภาไปทางด้านทิศใต้สูงขึ้นไปราวสามกิโลเมตรนั้นเสียงวัตถุปะทะกับอากาศดังอยู่ไกลๆ ร่างของหลิงหยุนกำลังเหาะมาด้วยความเร็วเหนือเสียงอยู่หลายเท่า..
  ความจริงแล้วหลิงหยุนได้ชะลอความเร็วลงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วและเวลานี้เขาก็เห็นร่างของหลิงเสี่ยวอยู่ด้านล่าง
  ร่างของหลิงหยุนเหาะต่ำลงมาเรื่อยๆและในที่สุดก็ลงมาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลิงเสี่ยว พร้อมกับร้องตะโกนออกไป
  “ท่านพ่อ..ข้ากลับมาแล้ว!”
  เมื่อได้เห็นร่างของหลิงหยุนปรากฏขึ้นหลิงเสี่ยวก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่บังเกิดขึ้นภายในใจ และโลหิตในกายที่กำลังพลุ่งพล่าน ยากนักที่เขาจะสามารถปกปิดความรู้สึกที่มีภายในใจไว้ได้
  “เจ้ากลับมาแล้วรึ!!”   หลิงเสี่ยวเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับไหล่ของเขาไว้แน่น และพยุงให้ลุกขึ้น
  “ลุกขึ้นก่อน..ไปทักทายท่านลุงหลี่เสียสิ!”
  “ท่านลุงหลี่!”
  หลิงหยุนหันไปทักทายหลี่จวิ้นหัวพร้อมกับผสานมือเข้าด้วยกัน..
  หลี่จวิ้นหัวยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง..
  หลิงหยุนเปลี่ยนไปอย่างมากครั้งนี้เขาปรากฏตัวขึ้นด้วยการเหาะมากลางอากาศงั้นรึ!
  แต่เมื่อนึกถึงเรื่องอัศจรรย์มากมายที่หลิงหยุนเคยทำในอดีตปรากฏการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจที่ได้เห็นหลิงหยุนเหาะมานั้น จึงทำให้เขาสามารยอมรับได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบพยักหน้าให้หลิงหยุนทันที
  “หลิงหยุนกลับมาแล้ว..ฮ่าๆๆ หลิงหยุนกลับมาแล้วจริงๆ!”   หลี่จวิ้นหัวเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ“ข้าเพิ่งจะถามพ่อเจ้าว่า พรุ่งนี้เจ้าจะกลับมาหรือไม่ แต่เจ้าก็กลับมาตั้งแต่วันนี้!”
  “ข้าคิดถึงบ้านจึงได้รีบกลับมาอีกอย่าง หลังวันเกิดของท่านพ่อข้าก็ต้องเดินทางออกจากปักกิ่งอีกครั้ง จึงต้องเดินทางกลับมาล่วงหน้า..”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับบอกถึงเหตุผลที่ตนเองกลับมาในวันนี้..
  “ห๊ะ!”
  หลี่จวิ้นหัวถึงกับอึ้งไป..และได้แต่เอ่ยออกไปว่า “เหตุใดจึงรีบร้อนเช่นนั้น! ในเมื่อเจ้ากลับมาปักกิ่งทั้งที เหตุใดจึงมิอยู่ต่ออีกสักสองสามวันเล่า?”
  “พอดีข้ามีภารกิจเร่งด่วนเล็กน้อยข้าจึงต้องรีบกลับไปสะสางให้เสร็จ!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเอ่ยต่อในทันที“ท่านลุงหลี่ได้โปรดอย่ากังวลใจไป หลังจากที่ข้ารักษาให้กับอาวุโสหลี่ไปในครั้งนั้น รับรองได้ว่าอาวุโสจะมิเป็นอะไรอีกภายในระยะเวลาสิบปีนี้..”
  “ส่วนเรื่องโอสถเยาว์วัยนั้นท่านลุงกล่าวว่าจะขอซื้อจากข้า นั่นคงเป็นเรื่องที่มากเกินไป และข้าคงมิสามารถขายให้ท่านลุงได้ รอให้ข้าสะสางภารกิจต่างๆให้เสร็จสิ้นเสียก่อน ข้าจะทำการหลอมกลั่นโอสถนี้อีกชุดใหญ่ และจะมอบให้กับตระกูลหลี่ของท่านด้วย”
  ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนหลี่จวิ้นหัวถึงกับดีอกดีใจและปิติยินดียิ่งนัก และนี่เป็นครั้งที่สามที่เขาตกตะลึงในวันนี้!
  “นี่..บทสนทนาระหว่างข้ากับท่านพ่อของเจ้า เจ้าได้ยินได้อย่างไรกัน!”
  “อ่อ..ข้ามาทันเวลาพอดี จึงได้ยินคำสนทนาระหว่างท่านกับท่านพ่อ!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า“ท่านลุงยังมิได้ตอบข้าเลยว่า พอใจกับข้อเสนอของข้าหรือไม่”   “พอใจ..พอใจสิ.. พอใจมาก!!”
  เวลานี้หลี่จวิ้นหัวรู้สึกราวกับได้ยกก้อนหินที่หนักอึ้งออกจากอกและรีบเอ่ยขอบคุณหลิงหยุนทันที แต่ขณะที่กำลังจะบอกหลิงหยุนเกี่ยวกับเรื่องบ้าน เขากลับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยออกไปว่า
  “หลิงหยุนความจริงข้าเองอยากจะขอเชิญเจ้าไปทานข้าวที่บ้านเช่นกัน เพียงแต่เจ้ากับพ่อมิได้พบหน้ากันมานานแรมเดือน ข้าจึงมิต้องการรบกวนเวลาของพวกเจ้าสองพ่อลูก ไว้พวกเราค่อยพบกันในวันพรุ่งนี้..”
  นับว่าหลี่จวิ้นหัวเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดีหลังจากหลิงหยุนปรากฏตัว เขาเอ่ยปากพูดเพียงไม่กี่คำก็รีบขอตัวแยกกลับไปโดยเร็ว..
  “หลิงหยุน..หลี่จวิ้นหัวเป็นคนในรุ่นเดียวกับข้า เขาเป็นคนผู้หนึ่งที่มิเคยสร้างเรื่องเสื่อมเสีย..”
  หลังจากที่หลี่จวิ้นหัวจากไปหลิงเสี่ยวจึงได้เอ่ยบอกหลิงหยุน “หลายปีที่ผ่านมานั้นตระกูลหลี่มิได้ทำผิดพลาดต่อตระกูลหลิงมากมายนัก อีกทั้งตั้งแต่ประกาศตัวร่วมมือกับตระกูลหลิง ตระกูลหลี่นับว่าเป็นส่วนเสริมให้ตระกูลหลิงของเรายิ่งใหญ่ขึ้นมาก หากสิ่งใดที่เจ้าพอจะช่วยเหลือพวกเขาได้ ก็จงทำเถิด..”
  “ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ..”
  หลิงหยุนพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถามหลิงเสี่ยวว่า “ท่านพ่อ.. นี่ท่านเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) แล้วรึ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร