บทที่ 1498 : ของขวัญวันเกิด
“อืมม..”
หลิงเสี่ยวพยักหน้าและมิได้ประหลาดใจที่หลิงหยุนสามารถล่วงรู้ขั้นพลังบ่มเพาะของตนเอง เขาตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เป็นเพราะเจ้าได้กำชับไว้ก่อนออกเดินทางในคืนวันไหว้พระจันทร์นั้น ตระกูลหลิงของเรามิได้มีงานเลี้ยงใดๆ เพียงแค่ทานข้าวร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างเรียบง่ายเท่านั้น”
“แม้แต่ท่านปู่ของเจ้ายังดื่มไวน์ไปเพียงแค่สองสามแก้วจากนั้นจึงสั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปฝึกวิชาดาราคุ้มกาย..”
“แม้ว่าพวกเราทายาทตระกูลหลิงจะฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวงซึ่งเป็นมรดกตกทอดของบรรพชนแต่วิชาบ่มเพาะกายาที่เจ้าถ่ายทอดให้นั้น นับเป็นวิชาที่ล้ำเลิศยิ่งนัก!”
“ในคืนนั้น..ข้าเองก็มิได้ฝึกวิชาดาราคุ้มกายอยู่ที่บ้าน แต่ได้ขึ้นไปบนยอดเขาใกล้ๆ และนั่งฝึกอยู่ที่นั่นตลอดทั้งคืน และในที่สุดข้าก็สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับย่อยที่หกในด่านที่สองได้..”
“แต่เพียงเท่านั้น..”
หลิงเสี่ยวเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยต่อ“เป็นดังที่เจ้าบอก.. คืนนั้นนับเป็นโอกาสทองที่มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น แต่มิว่าข้าจะพยายามเช่นใด ก็มิสามารถทะลวงขั้นได้มากกว่านั้น..”
หลังจากที่หลิงหยุนได้ฟังหลิงเสี่ยวบอกเล่าเช่นนั้นเขาเองถึงกับตกตะลึงไม่น้อย เพราะความก้าวหน้าในวิชาดาราคุ้มกายของหลิงเสี่ยวนั้น นับว่ามิได้รวดเร็วน้อยไปกว่าเขามากนัก
หลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยตอบยิ้มๆ“ท่านพ่อ.. แม้ว่านั่นจะเป็นโอกาสทอง และมีเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น แต่อย่าลืมว่าภายในหนึ่งปีย่อมมีพระจันทร์เต็มดวงถึงสิบสองครั้ง และพลังจันทราของมันก็มิได้ด้อยไปกว่าคืนวันไหว้พระจันทร์มากนัก อีกทั้งยังดีกว่าวันปกติทั่วไป..”
“ข้าเชื่อว่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงคราวถัดไปด้วยพลังจันทราที่แข็งแกร่งในคืนนั้น จะช่วยให้ท่านพ่อสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดของดาราคุ้มกายขั้นที่สองได้แน่!”
หลิงเสี่ยวเพียงแค่พยักหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาแล้วจึงหันมองไปยังขุนเขารอบกาย เวลานี้ท้องนภาเริ่มมืดครึ้ม พระจันทร์เสี้ยวเริ่มปรากฏขึ้น แล้วจึงเอ่ยกับหลิงหยุนว่า
“จริงดังที่เจ้าพูดข้าจะรอให้ถึงคืนวันพระจันทร์เต็มดวงอีกครา จึงค่อยเร่งฝึกฝนวิชาบ่มเพาะกายานี้ให้แข็งแกร่งโดยเร็ว!”
“กายาประหนึ่งเตาบ่มหลังจากบ่มเพาะกายาไปแล้ว ข้าจึงได้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะตามคัมภีร์เสวียนหวง แล้วปรากฏการณ์ดั่งไผ่แตกยอดก็ปรากฏขึ้น หลังจากนั้นเพียงแค่สามวัน ข้าก็สามารถเข้าสู่ขั้นเอ้อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-2) ได้ จากนั้นอีกเพียงแค่หนึ่งอาทิตย์ ข้าก็สามารถเข้าสู่ขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) ได้!”
“หลังจากผ่านไปสิบวันข้าก็เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ได้ อีกทั้งขั้นพลังบ่มเพาะของข้าเวลานี้ก็เสถียรมั่นคงยิ่งนัก!”
หลิงเสี่ยวหันมองไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านบรรพชนตระกูลหลิงเขาถอนหายใจออกมาพร้อมกับเอ่ยต่อ
“เฮ้อ..แต่จะว่าไปที่ข้ามีวันนี้ได้ก็เพราะเจ้า หากมิใช่เพราะค่ายกลหลุมพลังภายในคฤหาสน์ตรกูลหลิง และหลิวเทวะวิญญาณซึ่งปลูกอยู่ภายในสวนแล้วล่ะก็ ก็คงจะมิมีพลังชีวิตที่แผ่กระจายออกมาตลอดทั้งวันทั้งคืนอย่างต่อเนื่องเช่นนั้น หาไม่แล้วคนตระกูลหลิงคงมิสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้เป็นแน่..”
หลิงหยุนรับฟังแต่มิได้เอ่ยตอบกลับไปเขาเพียงแค่ถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ.. ท่านฝึกวิชาที่ยอดเขาใดกัน ช่วยพาข้าไปดูหน่อยจะได้หรือไม่?” ส่วนเรื่องการก่อสร้างด้านล่างนั้นเขาได้เห็นผ่านจิตหยั่งรู้ของตนอย่างละเอียดแล้ว จึงมิจำเป็นต้องเอ่ยถามอีก
หลิงเสี่ยวยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบหลิงหยุนกลับไปว่า“หลิงหยุน ที่นั่นเป็นเพียงแค่เขาสูงชั้นลูกหนึ่งเท่านั้น หาได้มีอะไรโดดเด่นไม่ เจ้ามิต้องเสียเวลาไปก็ได้..”
หลิงเสี่ยวเห็นว่าหลิงหยุนเพิ่งจะกลับมาถึงอีกทั้งมีเวลาอยู่ปักกิ่งเพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น เขาจึงมิต้องการให้หลิงหยุนเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้ และต้องการพาหลิงหยุนกลับไปตระกูลหลิง เพื่อที่ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งโดยเร็ว
แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะดื้อรั้นยิ่งนักเขาคว้าข้อมือของหลิงเสี่ยวไว้พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “ท่านพ่อ.. ใช้เวลาไม่นานหรอกน่า ท่านบอกเส้นทางข้าที..”
ในเมื่อท้องนภายามนี้มืดมิดเขาจึงพาร่างของหลิงเสี่ยวเหาะออกไปทันที และกำลังมุ่งหน้าไปทางขุนเขาด้านเหนือ “ที่หน้าผาบนยอดเขานั่นล่ะ!”
ยอดเขาแห่งนี้นับว่าสูงชันยิ่งนักแม้จะสูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึงห้าร้อยเมตร แต่กลับมีความลาดชันยิ่ง อีกทั้งยังมีทั้งต้นไม้และวัชพืนขึ้นหนาแน่น..
“อืมม..สถานที่แห่งนี้นับว่าเหมาะแก่การฝึกวิชายิ่งนัก แทบมิต้องกังวลว่าจะมีผู้คนทั่วไปมาพบเห็นเข้า!”
หลังจากที่หลิงหยุนเหาะลงบนยอดเขาแล้วเขาก็เหลือบมองไปทางเนินเขาพร้อมกับพยักหน้า..
“ท่านพ่อ..พรุ่งนี้หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดของท่านจบลง พวกเราจะมาที่นี่ เพื่อที่ท่านพ่อจะได้สามารถรับทัณฑ์สวรรค์ได้!”
ในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของตนเองให้หลิงเสี่ยวรู้..
เวลานี้หลิงเสี่ยวเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่และขั้นพลังบ่มเพาะก็เสถียรมั่นคงมากแล้ว เขาจึงมิปฏิเสธที่จะเข้าสู่ขั้นต่อไป อีกทั้งก่อนหน้านี้หลิงหยุนก็เคยย้ำกับเขาว่า หากจะทะลวงเข้าสู่ด่านกลางขั้นพลังชี่ หลิงหยุนจะต้องอยู่ด้วย..
แต่หลิงเสี่ยวก็อดที่จะเอ่ยถามออกไปมิได้“รับทัณฑ์สวรรค์.. จะมิรีบร้อนไปหน่อยรึ!”
เห็นได้ชัดว่าหลิงเสี่ยวเองก็มีความหวาดกลัวในเรื่องเดียวกับเย่ซิงเฉิน..
“ท่านพ่อ..ได้โปรดเชื่อใจข้า ย่อมมิรีบร้อนเป็นแน่..”
ระหว่างที่เอ่ยออกไปนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกหลิวเทวะวิญญาณที่อยู่กลางจุดตันเถียนของตนออกมา ก่อนจะนำไปปักไว้ที่ก้อนหินตรงหน้า
บูม!!
หลิวเทวะวิญญาณของหลิงหยุนขยายใหญ่โตขึ้นรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์เนื่องจากมันสามารถสื่อสารและรับรู้ความคิดของหลิงหยุนได้ มันจึงรู้ว่าหลิงหยุนนำมันออกมาเพื่อจุดประสงค์อันใด ทันทีที่ออกมาจากร่างของหลิงหยุน มันก็ได้ปลดปล่อยพลังชีวิตจำนวนมากมายออกมา และเวลานี้ปราณเสวียนหวงก็ได้ปกคลุมร่างของสองพ่อลูกเอาไว้..
บูม!!
สิ้นเสียงดังสนั่นอีกครั้งเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางก็ปรากฏขึ้น และได้ห่อหุ้มร่างของหลิงเสี่ยวและตนเองไว้ด้วยกัน เปลวไฟทั้งเจ็ดสีได้ทำการบ่มเพาะกายาและจุดซือไห่ของหลิงเสี่ยว..
“นี่มัน…”
หลิงเสี่ยวถึงกับตกตะลึงและเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้นเขาสัมผัสได้ว่าปราณเสวียนหวงภายในร่างนั้น ได้หมุนเวียนอย่างดุเดือด และเสินหยวนก็ได้ถูกกลั่นขึ้นด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมหลายเท่า เวลานี้หลิงเสี่ยวแทบจะสะกดขั้นพลังของตนเองไว้ไม่อยู่
หลิงหยุนจ้องมองสีหน้าตกตะลึงของหลิงเสี่ยวแล้วก็ได้แต่ยิ้มก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า “ท่านพ่อ.. ท่านรู้สึกเช่นใดบ้าง” “ดี..ดี..”
หลิงเสี่ยวเอ่ยตอบแทนความรู้สึกของตนได้เพียงเท่านั้นแล้วจึงบอกกับหลิงหยุนว่า “ข้าจะเชื่อฟังเจ้า รอจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้จึงค่อยทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไป!”
จากนั้นหลิงเสี่ยวก็ได้ก้มลงมองเปลวเพลิงที่ห่อหุ้มร่างกายของตนพร้อมกับเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความอัศจรรย์ใจ
“เปลวไฟเหล่านี้..”
หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ท่านพ่อ.. นี่คือเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง ข้าประมูลได้จากโรงประมูลตระกูลเย่ สิ่งนี้นับเป็นสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งนัก!”
สำหรับหลิงเสี่ยวผู้เป็นพ่อนั้นหลิงหยุนมิจำเป็นต้องปิดบังอะไร ระหว่างที่ทำการใช้เปลวไฟห้าธาตุชำระล้างและบ่มเพาะกายเนื้อให้กับหลิงเสี่ยวนั้น เขาก็ได้บอกเล่าถึงประโยชน์อันน่าอัศจรรย์ของเปลวไฟนี้ให้หลิงเสี่ยวฟังอย่างละเอียด ทำให้หลิงเสี่ยวตกใจครั้งแล้วครั้งเล่า! ในระหว่างที่หลิงหยุนใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางบ่มเพาะกายาให้กับหลิงเสี่ยวนั้นสองพ่อลูกจึงต้องอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ด้วยกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้ฟังหลิงเสี่ยวเล่าเรื่องต่างๆภายในตระกูลหลิงไปด้วย..
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้เรียกแหวนจักรวาล ซึ่งทำจากศิลากลั่นวิญญาณออกมามอบให้กับหลิงเสี่ยวหนึ่งวง ก่อนจะเรียกทรัพยากรในการฝึกวรยุทธบ่มเพาะออกมาให้เขาเก็บไว้อีกมากมาย
สุดท้าย..หลิงหยุนได้เรียกกระบี่เหินซึ่งเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณออกมาหนึ่งเล่ม หลังจากที่มอบให้กับหลิงเสี่ยวแล้ว ก็ได้ให้เขาทำการหยดเลือดลงไปบนตัวกระบี่
“ลูกพ่อ..เจ้าออกจากปักกิ่งครานี้ คงจะได้สมบัติล้ำค่ากลับมาอย่างมากมายสินะ!”
ในช่วงเวลาเพียงแค่สั้นๆแต่หลิงเสียวกลับได้รับสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งอย่างมากมายเขาเป็นบิดาของหลิงหยุน ย่อมอดที่จะกระอักกระอ่วนใจมิได้
“จริงดังที่ท่านพ่อกล่าว..ข้าได้สมบัติกลับมามากมายทีเดียว!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบกลับไปอย่างมิคิดที่จะปิดบัง“แต่สิ่งใดก็มิล้ำค่าเท่ากับแต้มของหน่วยนภากว่าสองร้อยล้านแต้ม!”
“…”
หลิงเสี่ยวได้แต่นิ่งอึ้งมิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้..
แต้มหน่วยนภาจำนวนสองร้อยล้านแต้มนั้นมากมายเพียงใดน่ะหรือ!แม้แต่หลิงเสี่ยวเองยังต้องใช้เวลาในการครุ่นคิดอยู่นาน กว่าจะทำความเข้าใจได้ว่า จะสามารถแลกทรัพยากรในการฝึกได้มากมายเพียงใด?!
เรียกได้ว่าหากนับรวมสมาชิกตระกูลหลิงทั้งหมดนักรบตระกูลหลิง รวมทั้งศิษย์ทั้ง 72 คนของสำนักหมอสวรรค์นั้น ยังสามารถใช้ไปได้อีกนานหลายปีมากเลยทีเดียว!
เช่นนี้แล้วในวันข้างหน้าตระกูลหลิงจะกลายเป็นตระกูลที่น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด
จนกระทั่งเวลาหกโมงครึ่งยามเย็นร่างกายของหลิงเสี่ยวก็ได้ถูกเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางชำระล้าง จนกลายเป็นกายาที่แข็งแกร่งประหนึ่งยุทธภัณฑ์ระดับสมบัติ!
“หลิงหยุน..ข้ารู้สึกว่าเวลานี้กายเนื้อของข้าช่างล้ำเลิศอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง..”
เวลานี้หลิงเสี่ยวรู้สึกราวกับว่าภายในร่างของตนนั้น ทุกรูขุมขนและทุกอณูในร่างกายนั้นบริสุทธิ์ยิ่ง ประหนึ่งว่ามีพลังอัดแน่นอยู่อย่างมากมาย จนเขาถึงกับต้องพึมพำออกมา..
และแทบมิต้องสงสัยว่า..นี่คือของขวัญวันเกิดที่สมบูรณ์ยิ่งซึ่งลูกชายของเขาได้จัดเตรียมไว้ให้!
“ท่านพ่อ..ด้วยความแข็งแกร่งของท่านเวลานี้ สามารถรับมือยอดฝีมือขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อย่างง่ายดาย!”
หลิงหยุนเอ่ยบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“เวลานี้ แม้แต่อาวุโสใหญ่แห่งหน่วยนภาโจวเหวินอี้ และหัวหน้าหน่วยมังกรจ้าวซิงหวู่ ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของท่านพ่อ..”
“นี่มัน…”
หลิงเสี่ยวตกใจอย่างที่สุดอีกคราและมิสามารถที่จะอธิบายความรู้สึกของตนออกมาเป็นคำพูดได้..
“แต่ศัตรูของเราก็หาใช่ผู้ใดในปักกิ่งไม่..มิใช่แม้แต่ตระกูลหลง หรือตระกูลเย่..”
หลิงหยุนเอ่ยบอกหลิงเสี่ยวต่อด้วยแววตาเป็นประกายแต่สีหน้าท่าทางกลับสงบนิ่งอย่างที่สุด
“ศัตรูที่แท้จริงของเราคือพรรคมารที่กักขังท่านแม่ของข้าไว้นานถึงสิบเก้าปีและคุนหลุนซึ่งยังมิรู้ว่าอยู่ที่ใด..”
ระหว่างที่เอ่ยชื่อศัตรูที่แข็งแกร่งของตนนั้นหลิงหยุนก็ได้หันไปบอกกับหลิงเสี่ยวว่า “ท่านพ่อ.. ท่านต้องรีบฝึกฝนให้แข็งแกร่งกว่านี้โดยเร็ว เพื่อเป็นเสาหลักปกป้องตระกูลหลิงในวันข้างหน้าข้าจะได้ออกเดินทางได้อย่างสบายใจ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร