บทที่ 1499 : พัฒนาขั้น
ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
หลิงเสี่ยวฝึกฝนควบคุมกระบี่เหินได้อย่างรวดเร็วเขาเริ่มฝึกควบคุมกระบี่เหินให้เหาะไปรอบๆเขาในระยะทางสั้นๆก่อน หลังจากที่ปรับตัวได้ดีมากขึ้นแล้ว จึงได้เร่งความเร็ว และเวลานี้สามารถเหาะไปมาบนท้องนภาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
หลิงเสี่ยวบังคับกระบี่เหินให้เหาะกลับไปหาหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยบอกเขาด้วยสีหน้าพออกพอใจ
“หลิงหยุน..นี่นับเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก ใช้เสินหยวนเปลี่ยนเป็นพลังวิเศษเพียงไม่กี่หยด ก็สามารถควบคุมกระบี่เหินเล่มนี้ได้อย่างง่ายดาย”
หลิงหยุนเองก็เริ่มใช้กระบี่เหินเมื่อเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-3) เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ครั้งนั้นกระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนเป็นเพียงแค่ยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณขั้นต่ำเท่านั้น จึงต้องใช้พลังวิเศษในการควบคุมมาก
แต่กระบี่เหินที่หลิงหยุนมอบให้กับหลิงเสี่ยวนั้นเป็นยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณขั้นสูงที่หลอมด้วยโลหะชั้นเลิศ และสามารถเชื่อมต่อสื่อสารกับเจ้าของกระบี่ได้ ลักษณะไม่ต่างจากกระบี่เหินของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
แต่ถึงอย่างไรยุทธภัณฑ์ระดับวิญญาณขั้นสูงนั้น แม้จะได้รับการหยดเลือดแสดงความเป็นเจ้านายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถควบคุมสั่งการได้ในทันที อย่างน้อยๆ พลังปราณของคนผู้นั้นก็ต้องอยู่ในขั้นซานเฉิงชี่ หรืออาจจะต่ำกว่าเล็กน้อย แต่มันก็อาจจะดื้อดึงได้บ้าง..
หลิงหยุนสังเกตเห็นฝ่าเท้าของหลิงเสี่ยวที่เหยียบอยู่บนกระบี่เหินและร่างสมส่วนที่ยืนตรงประหนึ่งหอกแหลม คิ้วทั้งสองบ่งบอกถึงความมั่นอกมั่นใจ และภาคภูมิใจ จึงได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้า ภาพของหลิงเสี่ยวที่อยู่ตรงหน้าหลิงหยุนเวลานี้ภาพชายหนุ่มที่แข็งแกร่งและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ นี่คือภาพของบิดาเขาเมื่อครั้งที่เป็นยอดฝีมือ ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะในครั้งนั้น!
“ท่านพ่อ..กระบี่เหินเล่มนี้ท่านใช้ไปพลางๆก่อน เมื่อท่านสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นที่สูงขึ้นได้ และขั้นพลังเสถียรมั่นคงแล้ว ข้าจะมอบกระบี่เหินขั้นสูงกว่านี้ให้กับท่าน”
“ดีมากทีเดียว!”หลิงเสี่ยวเอ่ยตอบหลิงหยุนในทันที
“หลิงหยุน..เจ้าจะกลับตระกูลหลิงก่อน หรือจะไปพบศิษย์ของเจ้าก่อน”
“นี่ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่มเลย..พวกเราไปพบหนุ่มๆกันก่อนดีกว่าท่านพ่อ..”
เมื่อนึกถึงศิษย์ทั้ง72 คนของสำนักหมอสวรรค์ หลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มและเอ่ยตอบหลิงเสี่ยวไป
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดท่านพ่อ..พวกเขาน่าจะต้องมาร่วมอวยพรให้กับท่านพ่อด้วย”
ระหว่างที่เหาะออกไปนั้นสองพ่อลูกก็ได้สนทนากันไปด้วย ทั้งคู่เหาะออกจากยอดเขามุ่งหน้าไปยังโรงเรียนฝึกสอนศิลปะการต่อสู้
……
โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ตระกูลหลิงนั้นอยู่ห่างจากไซส์งานก่อสร้างนี้ไปเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น
ไม่นานนักทั้งหลิงหยุนและหลิงเสี่ยวก็ได้เหาะไปถึงบริเวณโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
“หกคนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-8แล้วรึ.. ก้าวหน้าดีกันทุกคน!”
หลิงหยุนยังมิได้ตรงเข้าไปด้านในเขาเปิดจิตหยั่งรู้แอบสำรวจดูศิษย์ทั้ง 72 คนของตน และพบว่าหลังจากที่เขาจากไปกว่าหนึ่งเดือนนั้น นอกเหนือจากหกคนที่เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-8 นอกนั้นได้เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 กันหมดแล้ว
“ทรัพยากรในการฝึกฝนมิขาดแคลนอีกทั้งยังหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ หากมิก้าวหน้าข้าจะสามารถตอบเจ้าได้อย่างไรกันเล่า”
ตระกูลหลิงรู้ดีว่าทั้งเจ็ดสิบสองคนนี้ล้วนเป็นศิษย์ของหลิงหยุน และจะต้องเป็นหน่วยกล้าตายของหลิงหยุนในวันข้างหน้า ฉะนั้น.. แม้หลิงหยุนจะมิอยู่ ตระกูลหลิงก็มิลังเลที่จะจัดหาทรัพยากรในการฝึกฝนมาให้อย่างเต็มที่
ภายใต้การสนับสนุนของตระกูลหลิงมีหรือที่ศิษย์สำนักหมอสวรรค์จะขาดแคลนเงินทอง และทรัพยากรในการฝึกฝน
หลิงเสี่ยวทำถึงกระทั่งพิจารณาแจกจ่ายโอสถตามที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน อีกทั้งก่อนที่หลิงหยุนจะเดินทางออกจากปักกิ่งนั้น เขาได้สร้างค่ายกลหลุมพลังไว้ที่นี่ พลังชีวิตโดยรอบจึงถูกดูดเข้ามากักเก็บไว้ในบริเวณนี้ ซึ่งส่งผลดีอย่างยิ่งต่อการฝึกฝนวิชาของพวกเขา
ฉะนั้น..สภาพแวดล้อมของที่นี่จึงเอื้ออำนวยต่อการฝึกวรยุทธยิ่งนัก!
หากจะบอกว่าพวกเขาทั้งหมดมิต่างจากถูกโยนร่างลงไปในบ่อของเหลวพลังชีวิต ก็คงจะมิเกินจริงนัก!
หลิงเสี่ยวเคยฝึกนักรบตระกูลหลิง108 คนก่อนหน้านี้ แต่ทรัพยากรในการฝึกที่ใช้ไปในหนึ่งปี ยังมิสามารถเทียบได้กับที่ศิษย์ของหลิงหยุนทั้ง 72 คนใช้ไปในหนึ่งวัน!
เช่นนี้แล้ว..จะมิให้พวกเขาแข็งแกร่ง และก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเช่นใดกัน..
“ข้าได้คอยกำชับพวกเขาอยู่เสมอว่ามิควรรีบร้อนที่จะประสบความสำเร็จ จนปล่อยให้ความโลภครอบงำ มิใช่ว่าเห็นผู้อื่นสามารถพัฒนาขั้นได้ ก็รีบร้อนบังคับตนเองให้ต้องเป็นเช่นนั้น สิ่งจำเป็นคือความเสถียรของพลังในแต่ละขั้น และการพัฒนาขั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติเท่านั้น หากผู้ใดขัดคำสั่งจะต้องถูกไล่กลับบ้าน!”
หลิงเสี่ยวที่ยังคงเหาะอยู่บนท้องนภาเป็นผู้อธิบายให้กับหลิงหยุนฟัง.. “ฉะนั้นรากฐานของพวกเขาจึงได้แข็งแกร่งยิ่งนัก หาไม่แล้วทั้งหลัวอวี้ฉง หม่าเชียนจวิน และหลู่เหวินหลง คงจะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้ว..”
หลิงหยุนได้แต่หันไปเอ่ยกับหลิงเสี่ยว“ท่านพ่อ.. ขอบคุณท่านยิ่งนักที่ทุ่มเทฝึกสอนให้กับพวกเขาอย่างดีที่สุด!”
ศิษย์ทั้ง72 คนนี้ หลิงหยุนเป็นผู้คัดเลือกมาด้วยตนเอง เขาจึงให้ความสนใจต่อการฝึกฝนของพวกเขายิ่งนัก หลิงหยุนมิเกรงว่าศิษย์ของเขาจะก้าวหน้าได้ช้า แต่สิ่งที่เขากลัวคือการฝึกฝนผิดๆต่างหากเล่า และหากฝึกฝนผิดทางจนถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง หลิงหยุนคงจะรู้สึกเสียใจไม่น้อย!
“ลงไปพบพวกเขากันดีกว่า..”
สองคนพ่อลูกเหาะลงไปยังสนามด้านล่างภายในโรงฝึกทันที..
…..
“หลัวอวี้เฉิงหลู่เหวินหลง เหมิงเซวี่ยอี้หม่าเชียนจวิน ซูเชียงตง อู่เถิงเฟย….”
หลังจากที่เข้าไปในโรงฝึกแล้วหลิงเสี่ยวก็เรียกหัวหน้าของทั้งหกกลุ่มออกมา และเอ่ยกับทุกคนว่า
“เอาล่ะ..หยุดฝึกได้แล้ว! พวกเจ้าไปเรียกลูกน้องในกลุ่มของตนออกมา แล้วออกไปดูว่าผู้ใดมา”
หลังจากออกคำสั่งไปเช่นนั้นแต่ละคนต่างก็พากันพุ่งออกไปที่สนามใหญ่ด้านนอกทันที..
และแน่นอนว่าผู้ที่เร็วที่สุดย่อมต้องเป็นหลัวอวี้เฉิงซึ่งนับว่ามีพรสวรรค์มากที่สุด และแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม แล้วจึงตามมาด้วยคนอื่นๆ
“ท่านอาจารย์!!”
“ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว!!”
“ทุกคน..ท่านอาจารย์กลับมาแล้ว!!”
สำหรับศิษย์ทั้ง72 คนของสำนักหมอสวรรค์นั้น ผู้ที่อยู่ในจิตใจของพวกเขานั้นย่อมจะเป็นผู้ใดไปมิได้ นอกจากหลิงหยุน..
“หลัวอวี้ฉงคาราวะท่านอาจารย์!”
“หม่าเชียนจวินคาราวะท่านอาจารย์!”
หลัวอวี้ฉงซึ่งนำทุกคนมาก่อนรีบคุกเข่าคาราวะหลิงหยุนก่อนที่คนอื่นๆจะทำตามด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ และเวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลิงหยุน!
ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาสนามกีฬาขนาดใหญ่ก็มีร่างของศิษย์ทั้ง 72 คนคุกเข่าเรียงรายอยู่
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของแต่ละคน..
“พวกเจ้าแต่ละคนทำได้ดีมาก..”
หลิงหยุนก้มลงมองศิษย์ทั้ง72 คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ก่อนจะผายมือออกพร้อมกับสั่งว่า
“พวกเจ้าลุกขึ้นก่อน!”
เวลานี้..ต่อให้ศิษย์ทั้ง 72 คนยังอยากจะคุกเข่าอยู่เช่นนั้น ก็คงมิอาจทำได้ เพราะมีพลังอ่อนโยนดันร่างของพวกเขาให้ลุกขึ้นยืน..
ทั้งหมดมิได้รู้สึกตื่นเต้นกับพลังอันแข็งแกร่งที่ตนเองได้สัมผัสเพราะพวกเขาต่างก็เคยเห็นหลิงหยุนเหาะไปมาต่อหน้าแล้ว
“พรุ่งนี้เป็นเกิดของท่านพ่อนอกเหนือจากมาร่วมแสดงความยินดีให้กับท่านพ่อแล้ว ข้าก็มาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าด้วย..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาขณะที่จ้องมองหน้าศิษย์แต่ละคนหลังจากนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
“พวกเจ้ามิทำให้ข้าผิดหวังเลยแม้แต่น้อยแต่ละคนมิเพียงก้าวหน้าไปมาก แต่ขั้นพลังยังเสถียรมั่นคงมากด้วย พวกเจ้าทำได้ดีมาก!”
“ศิษย์ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่สอนสั่ง!”
ศิษย์สำนักหมอสวรรค์ทั้ง72 คนร้องตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน จนเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งท้องนภา!
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยภาพที่เห็นตรงหน้านี้ ทำให้เขามั่นใจได้ว่า วันหน้าสำนักหมอสวรรค์จะมิได้พ่ายแพ้ตระกูลเก่าแก่ หรือสำนักใดๆเป็นแน่!
ตึง!
ในขณะที่หลิงหยุนกำลังจะเอ่ยปากนั้นเขาก็เห็นศิษย์ทั้ง 72 คนคุกเข่าลงกับพื้นหันหน้าไปทางหลิงเสี่ยว พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ศิษย์ของให้ท่านอาจารย์มีความสุขในวันเกิด!”
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าศิษย์ทั้ง 72 คน จะคุกเข่าอวยพรให้กับหลิงเสี่ยว โดยที่เขามิต้องเอ่ยปากบอกเลยแม้แต่น้อย..
“ขอบใจพวกเจ้ามาก..ฮ่าๆๆ”
หลิงเสี่ยวหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขวันนี้เขามีความสุขยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ได้เห็นศิษย์สำนักหมอสวรรค์เชื่อฟัง และจงรักภักดีต่อหลิงหยุนเช่นนี้
“เอาล่ะ..พวกเจ้าแยกย้ายไปอยู่ตามกลุ่มของตนเอง จากนั้นให้มายืนล้อมร่างของข้าไว้ แล้วเดินลมปราณทั่วร่าง!”
“เร็วเข้า..ข้ามีเวลามิมากนัก!”
พรึบ..พรึบ.. พรึบ..
ศิษย์ทั้ง72 คนแยกออกเป็นหกกลุ่มอย่างรวดเร็ว และเข้าไปยืนล้อมร่างหลิงหยุนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
บูม!
จากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ทำปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออกมา และเริ่มทำการชำระล้างร่างกายให้กับพวกเขาอีกครั้ง!
ในเมื่อหลิงหยุนสามารถใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางสร้างทุ่งพลังชีวิตขนาดใหญ่ได้การจะแผ่ขยายรัศมีของเปลวไฟให้ครอบคลุมร่างของศิษย์ทั้ง 72 คนจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง
เวลานี้ร่างของศิษย์ทั้ง72 คนได้ถูกชำระล้างสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ออก เหลือเพียงสสารที่บริสุทธิ์ยิ่ง และสิ่งนี้จะส่งผลดีต่อพวกเขาอย่างมากมายมหาศาล!
ยิ่งไปกว่านั้นหลิงหยุนยังได้ใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง ทำการบ่มเพาะจุดตันเถียน เส้นลมปราณ และจุดฝังเข็มทั่วร่างให้กับพวกเขากว่าครึ่งชั่วโมงด้วย ทำให้จุดตันเถียนและเส้นลมปราณของพวกเขาขยายใหญ่มากขึ้น
ผลที่ได้จากการที่หลิงหยุนใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางชำระล้างและบ่มเพาะร่างกายให้นั้น ทำให้ศิษย์บางคนพัฒนาขั้นโดยมิรู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัวอวี้เฉิง และหลู่เหวินหลง ทั้งคู่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-9 ได้ในทันที!
นี่หาใช่การอวดอ้างไม่..เพราะในขั้นโฮ่วเทียนเป็นการฝึกฝนเพื่อขยายจุดตันเถียน และเส้นลมปราณนั่นเอง.. ส่วนศิษย์คนอื่นๆที่เคยอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-7ก็สามารถเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-8 ได้ในทันที!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา..หลิงหยุนจึงได้เก็บเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางกลับเข้าร่าง และกระโดดออกจากวงกลมที่รายล้อม
หลิงหยุนเดินกลับไปหาหลิงเสี่ยวและรอให้เหล่าศิษย์ทั้ง 72 คนหายจากอาการตื่นตะลึง ที่สามารพัฒนาขั้นพลังได้อย่างน่าอัศจรรย์!
เมื่อเห็นว่าทุกคนได้สติแล้วหลิงหยุนจึงได้เอ่ยออกไปว่า “โอกาสดีๆเช่นนี้มีมิบ่อยนัก! คืนนี้พวกเจ้าทำความคุ้นเคยกับขั้นพลังใหม่ และพรุ่งนี้ข้าจะให้พวกเจ้าพักครึ่งวัน เพื่อไปร่วมอวยพรวันเกิดให้กับท่านอาจารย์ของพวกเจ้า เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจ!”
ศิษย์สำนักหมอสวรรค์ร้องตะโกนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน หลิงหยุนยิ้มกว้างในขณะที่เอ่ยต่อว่า“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ข้าหวังว่าในวันพรุ่งนี้พวกเจ้าจะไม่ไปมือเปล่ากันนะ..”
ศิษย์สำนักหมอสวรรค์ได้แต่นิ่งอึ้งไป..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร