บทที่ 1501 : หลิงเย่ว
แต่ไม่เห็นเกาเฉินเฉินหลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลใจแต่อย่างใด เพราะเขาเองก็ได้เดินทางกลับปักกิ่งอย่างกะทันหัน เป็นไปได้ว่านางอาจกลับตระกูลเกา หรือไม่ก็อยู่ที่มหาวิทยาลัยหยานจิง
“ท่านลุงสอง!”หลิงหยุนเอ่ยทักทายหลิงเย่ว
หลิงเย่วยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับพยักหน้าสีหน้าท่าทางของเขาเมื่อพบกับหลิงหยุนนั้น ดูเหมือนจะสงบนิ่งกว่าคนอื่นๆ จากนั้นจึงเอ่ยตอบไปว่า
“ครั้งนี้เจ้าจะกลับมาอยู่เลยหรือไม่”
หลิงหยุนจ้องมองหลิงเย่วพร้อมเอ่ยตอบกลับไปว่า“ท่านลุง.. ข้ากลับมาชั่วคราวเท่านั้น และมิได้อยู่ปักกิ่งนานนัก..”
“อ่อ..”
หลิงเย่วทำเสียงรับรู้ก่อนจะเอ่ยต่อว่า“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็อยู่รับประทานอาหารมื้อค่ำ และสนทนากับท่านปู่ไปก่อน เจ้าว่างเมื่อใดพวกเราค่อยสนทนากันก็ได้..”
ทุกครั้งที่หลิงหยุนอยู่กับหลิงเย่วนั้นเขาจะรู้สึกสบายอกสบายใจอย่างมาก เพราะหลิงเย่วเป็นคนที่เข้าใจเรื่องต่างๆได้ง่าย อีกทั้งมักคิดถึงผู้อื่นก่อนเสมอ ทำให้หลิงหยุนมิต้องคอยหาเหตุผลมาอธิบาย หรือทำให้หลิงหยุนต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
หลิงหยุนเองยังแอบคิดว่าหากมิใช่เพราะตำแหน่งผู้นำตระกูลหลิงของตน หลิงเย่วคงจะมิออกมารับด้วยซ้ำไป เขาคงจะเพียงแค่นั่งรอคอยอย่างสงบอยู่ในบ้านของตน รอให้หลิงหยุนเสร็จสิ้นภารกิจของตนเอง จึงค่อยไปพบเขาที่บ้านเอง
นอกเหนือจากหลิงเย่วแล้วก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ทำให้หลิงหยุนรู้สึกเช่นนี้ได้ ซึ่งก็คือฉินชุนเฟิงแห่งตระกูลฉิน
“ได้ครับท่านลุง!”หลิงหยุนตอบกลับทันที หลังจากนั้นหลิงเย่วก็ได้ช่วยหลิงหยุนจัดการกับความโกลาหลวุ่นวาย ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ด้วย..
“หลิงซิ่วหลิงเฟิง หลิงเลี่วย ซวี่เอ๋อ.. พวกเจ้าหยุดส่งเสียงโหวกเหวกกันได้แล้ว หลิงหยุนเพิ่งจะกลับมาถึง ปล่อยให้เขาจัดการธุระส่วนตัวของตนเองให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยให้เขาไปพบพวกเจ้าเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังจะมิดีกว่ารึ”
แน่นอนว่าหลิงเย่วสามารถห้ามปรามได้เฉพาะเด็กๆเท่านั้นแต่กับหลิงลี่เขาย่อมมิกล้าเป็นแน่..
เวลานี้..หลิงลี่คือผู้ที่อาวุโสที่สุดในตระกูลหลิง อีกทั้งยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของตระกูลหลิงอีกด้วย ปัจจุบันหลิงลี่แทบมิได้ออกไปปรากฏตัวต่อโลกภายนอกด้วยซ้ำ เขามักจะอยู่แต่ในบ้าน หมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน และแทบมิเคยสอบถามถึงเรื่องราวภายในตระกูลหลิงด้วยซ้ำไป..
นั่นเพราะชายชรามั่นใจว่าหากยังมิเกิดเหตุใดๆกับหลิงหยุน ตระกูลหลิงของตนย่อมอยู่ได้อย่างสงบและปลอดภัย!
ส่วนหลิงเสี่ยวนั้นมิเพียงมีฐานะเป็นบิดาของหลิงหยุน แต่ขั้นพลังบ่มเพาะของเขานั้นก็แข็งแกร่งไม่น้อย ด้วยฐานะของหลิงเสี่ยวในตระกูลหลิงเวลานี้ วาจาของเขามิมีผู้ใดกล้าขัดขืนหรือไม่เชื่อฟัง!
แต่หลิงเสี่ยวนั้นกลับมิเคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวภายในตระกูลหลิงเลยแม้แต่น้อยเขาได้เคยประกาศออกไปแล้วว่า เขาจะขอดูแลรับผิดชอบเพียงแค่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ตระกูลหลิง และการก่อสร้างบ้านของหลิงหยุนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้หลิงเสี่ยวจึงแทบมิเคยสอบถามถึงสถานการณ์ต่างๆภายในตระกูลหลิงเลย และได้มอบหมายให้เหล่ากุ่ยเป็นผู้ดูแลจัดการแทน
ด้วยเหตุนี้แม้หลิงเสี่ยวจะยังอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง แต่เขาจะกลับใช้ชีวิตในตระกูลหลิงเพียงแค่ช่วงเวลาค่ำคืนเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ภารกิจทั้งภายในและภายนอกตระกูลหลิง จึงต้องตกไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหลิงเย่วแต่เพียงผู้เดียว
สถานการณ์ของตระกูลหลิงเวลานี้แม้จะสามารถใช้คำว่ารุ่งเรืองได้ แต่ก็ประหนึ่งแสงสว่างเจิดจ้าซึ่งเกิดจากระเบิดนิวเคลียร์ เพราะได้สร้างแรงสั่นสะเทือน และคลื่นต่างๆรอบตัวอย่างมากมาย!
ภาระหนักอึ้งทั้งหมดของตระกูลหลิงในเวลานี้จึงตกไปอยู่บนบ่าทั้งสองข้างของหลิงเย่วผู้เดียว และเขาก็ทำหน้าที่บริหารดูแลกิจการทั้งในและนอกของตระกูลหลิงได้เป็นอย่างดี แม้หลิงเย่วจะได้ฉายาว่าเป็นมันสมองตระกูลหลิง ประหนึ่งขงเบ้งกลับชาติมาเกิดก็ตามที แต่การใช้มันสมองที่มากจนเกินไป ก็ทำให้ประสาทของหลิงเย่วตึงเครียดไปด้วย อีกทั้งยังมิมีเวลาแม้แต่จะทำความสงบให้ตนเอง..
ฉะนั้น..เวลานี้หลิงเย่วจึงต้องมองหาผู้มีพรสวรรค์ ที่จะสามารถมาช่วยงานตนเองได้! ทั้งต่งซานชวนถังเมิ่ง และเฉิงเม่ยเฟิง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่หลิงเย่วกำลังพยายาม ที่จะทำให้พวกเขาช่วยเหลืองานขอตน เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อตระกูลหลิงมากที่สุด
แต่เป็นเพราะความก้าวหน้าอันรวดเร็วของหลิงหยุนทำให้จำนวนคนช่วยงานเพียงน้อยนิดเวลานี้ยังไม่เพียงพอ หลิงเย่วจึงยังคงต้องทำงานหนักอยู่ดี..
ถึงแม้ว่าเวลานี้ตระกูลหลิงจะมีบุคคลหลักอยู่ถึงสี่คนคือหลิงหยุน หลิงลี่ หลิงเสี่ยว และตัวเขาเอง แต่นั่นก็หาได้เพียงพอไม่กับกิจการที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาดแต่หลิงเย่วกลับมีความสุขอย่างยิ่ง เขาสนุกกับความวุ่นวายตลอดทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเกิดจากการบริหารจัดการเรื่องราวและกิจการต่างๆของตระกูลหลิง เพราะนี่คือความใฝ่ฝันของเขา
แม้ว่าตระกูลหลิงจะยิ่งใหญ่เพียงใดแต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ตระกูลหนึ่งเท่านั้น หาใช่มณฑลหรือประเทศ หากเพียงแค่เรื่องราวภายในตระกูล เขายังไม่สามารถบริหารจัดการได้ ประสบการณ์ต่างๆที่เขาเคยมีมา จะมิเป็นเพียงแค่เรื่องตลกหรอกหรือ
ในเมื่อหลิงหยุนต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิ่งเหล่านี้กลับคืนมาได้จึงเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องหาวิธีจัดการ และบริหารให้พัฒนาเติบโตยิ่งๆขึ้น
และเวลานี้หลิงเย่วก็มีอำนาจอย่างแท้จริง!
ที่ผ่านมาเกือบยี่สิบปีนั้นหลิงเย่วแห่งตระกูลหลิงแทบมิเคยมีผู้ใดในโลกธุรกิจให้ความสำคัญเหมือนเช่นตอนนี้ และเวลานี้เขาก็เปล่งรัศมีเจิดจรัสยิ่งนัก!
และอำนาจนี้หลิงหยุนก็เป็นผู้มอบให้กับเขาเวลานี้.. ยกเว้นเรื่องของหลิงหยุน ทุกเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องใหญ่ๆ ของตระกูลหลิง ล้วนต้องให้หลิงเย่วตัดสินใจทั้งสิ้น
ฉะนั้นแล้ว..‘ความสง่างาม’ ของหลิงเย่วที่กำลังเปล่งแสงเจิดจรัสอยู่นี้ หาใช่เพราะอายุและความอาวุโสของเขาไม่ แต่เป็นเพราะอำนาจในมือของเขาเวลานี้ต่างหากเล่า
คำสั่งของหลิงเย่วนั้นไม่เพียงองค์หญิงทั้งสองของตระกูลหลิง – หลิงซิ่วกับหลิงซวี่ที่จะต้องเชื่อฟังแล้ว แม้แต่หลิงเฟิงกับหลิงเลวี่ยก็ยังต้องเชื่อฟัง..
หลิงหยุนหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และเหล่ากุ่ย ต่างก็ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข หลังจากที่เหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงกลับออกไปกันหมดแล้ว
หลิงลี่หันไปขยิบตาให้กับบุตรชายคนที่สองพร้อมกับเอ่ยว่า“ลูกสอง.. ข้าต้องการตัวหลิงหยุน ข้าอยากจะดื่มกับหลานชายของข้า!”
“ท่านพ่อ..ที่ข้าไล่เด็กๆกลับไป ก็เพื่อให้ท่านได้สนทนากับหลิงหยุนตามลำพังอย่างไรเล่า!” หลิงเย่วเอ่ยตอบยิ้มๆ
“เอาล่ะ..ถ้าเช่นนั้นก็ไปสั่งให้พ่อครัวจัดเตรียมอาหารไปให้ที่บ้านของข้าด้วย!”
หลิงลี่ออกคำสั่งพร้อมกับหันไปบอกเหล่ากุ่ยว่า“เหล่ากุ่ย.. เจ้าก็มากับข้าด้วย!”
จากนั้น..หลิงหยุน หลิงลี่ และเหล่ากุ่ยก็ได้เดินจากไป
“น้องสาม..พวกเราสองพี่น้องไม่ได้คุยกันมานานห้าหกวันแล้ว เจ้าไปนั่งคุยกับข้าที่บ้านจะดีหรือไม่”
หลิงเย่วเอ่ยเชิญชวนหลิงเสี่ยวทันทีที่ทั้งสามคนแยกตัวออกไป
“เช่นนั้นก็ดีเหมือนกันพี่สอง..”หลิงเสี่ยวพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยตอบ แล้วสองพี่น้องก็ได้เดินออกไป
…..
เวลานี้ที่สวนด้านหน้าของคฤหาสน์ตระกูลหลิงจึงเหลือเพียงแค่นักรบตระกูลหลิงสามสิบกว่าคนเท่านั้น และเวลานี้ทั้งหมดก็กำลังยืนนิ่งเงียบ..
แม้จะเงียบสงบแต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียด นั่นเพราะหลิงปาและหลิงจิ่วกำลังยืนกัดฟันกรอด จนกระทั่งหลิงเย่วกับหลิงเสี่ยวจากไป ทั้งคู่จึงได้ร้องตะโกนออกมาว่า
“พี่หลิงอี๋..พี่หลิงชี.. พวกท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”
“ข้าเองก็นึกแปลกใจว่าเพราะเหตุใดจู่ๆพวกท่านทั้งสองจึงได้อาสามาเฝ้าประตูแทนพวกเราสองคน.. เป็นเพราะพวกท่านรู้อยู่แล้วว่าท่านผู้นำตระกูลจะกลับมานี่เอง!”
หลังจากที่หลิงปากับหลิงจิ่วเอ่ยออกมาตรงๆเช่นนั้นนักรบที่เหลือต่างก็พากันจ้องมองหลิงอี๋กับหลิงชีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เอ่อ..อะแฮ่ม..”
หลิงอี๋กระอักกระอ่วนใจจนมิรู้จะตอบกลับไปเช่นใดจึงได้แต่กระแอมเบาๆพร้อมกับหันมองไปทางหลิงชี เพื่อให้เขาเป็นฝ่ายอธิบายแทน
“ลุย!”
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้มีโอกาสอธิบายหลิงปากับหลิงจิ่วก็ร้องตะโกนออกมา จากนั้นนักรบตระกูลหลิงที่เหลือต่างก็กรูเข้าไปหาหลิงอี๋กับหลิงชีทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร