บทที่ 1504 : ทำตามหลิงหยุน!
เนื่องจากเวลาที่ค่อนข้างจำกัดหลิงหยุนจึงมิได้มีเวลาที่จะนั่งสนทนา หรือบอกเล่าเรื่องราวหลังเดินทางออกจากปักกิ่งไปครั้งนั้นอย่างละเอียดนัก เขาเพียงแค่สรุปสั้นๆ บอกเล่าเฉพาะเรื่องสำคัญ เพื่อให้ทุกคนได้สบายใจก็เท่านั้น
เพราะหากให้เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดอย่างละเอียดแล้วล่ะก็เขาคงมิต้องใช้เวลาทั้งคืนกว่าจะเล่าจบเลยหรือ
แต่นับว่าโชคดีที่การสื่อสารในยุคสมัยนี้พัฒนาไปไกลยิ่งนักเรื่องราวของหลิงหยุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น คนตระกูลหลิงต่างก็สามารถรับรู้ได้ผ่านการสื่อสารอื่นๆหลายช่องทาง และถึงแม้ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับความก้าวหน้าที่เหลือเชื่อของหลิงหยุน แต่ก็มิมีผู้ใดจับเขานั่งไต่ถาม..
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเรื่องใดสำคัญและควรต้องทำก่อน.. เพราะการที่หลิงหยุนกลับมาตระกูลหลิงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทุกคนในตระกูลต่างก็รู้ดีว่านี่มิใช่เวลาที่จะจับตัวหลิงหยุนมานั่งไต่ถามเรื่องต่างๆ
แม้แต่หลิงลี่กับเหล่ากุ่ยก็ยังมิทำเช่นนั้นสำหรับคนทั้งคู่ เพียงแค่หลิงหยุนกลับมาอย่างปลอดภัย ก็นับเป็นความสบายใจอย่างยิ่งแล้ว!
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่หลิงหยุนตามหลิงลี่ไปดื่มครู่ใหญ่แล้ว เมื่อมีโอกาสเขาจึงรีบปลีกตัวออกมาทันที เพราะรู้ว่าหลิงเย่วกำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน
“จงหวู่..ข้าเดาว่าแม้แต่ตัวเจ้าเองก็คงจะหลงลืมไปแล้วกระมังว่า หน้าตาของตนเองเมื่อยังหนุ่มนั้นเป็นเช่นใด”
เมื่อหลิงหยุนผละไปแล้วหลิงลี่ก็ได้แต่จ้องมองใบหน้าของกุ่ยจงหวู่อยู่ครู่หนึ่ง และภาพในอดีตก็ค่อยๆผุดขึ้นมาในความทรงจำของเขา หลิงลี่จึงได้เอ่ยออกไปเช่นนั้น
หลิงลี่กำลังจะเอ่ยเรียก‘เหล่ากุ่ย’ ด้วยความเคยชิน แต่เมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่เวลานี้เด็กกว่าหลิงเสี่ยวเสียอีก ทำให้หลิงลี่ไม่สามารถเอ่ยเรียกกุ่ยจงหวู่เช่นเดิมได้
“นายน้อยคือเทพเจ้า..นายน้อยเปรียบเสมือนเทพเจ้าในร่างมนุษย์เสียเหลือเกิน!!”
เหล่ากุ่ยที่ยังคงตกตะลึงราวกับว่าตนกำลังฝันไปนั้นได้แต่พึมพำออกมาเช่นนั้นไม่หยุด..
วันหนึ่ง..หลังจากที่เหล่ากุ่ยกลับจากฝึกซ้อมนักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคน แต่เมื่อกลับเข้าตระกูลหลิง เขาก็พบว่าทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และหลิงเย่ว ต่างก็ได้กลายเป็นเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบปีกันไปหมด เขาถึงกับตกใจอย่างที่สุด หากเขามิได้พบเห็นด้วยตาตัวเอง ก็ยากนักที่จะเชื่อได้!
ความรู้สึกตกใจของเขาในเวลานั้นคล้ายๆกับความรู้สึกตกใจเมื่อกลับมาพบเห็นใครบางคนกำลังได้รับบาดเจ็บเลือดไหล แต่ตนเองมิได้รู้สึกเจ็บปวดด้วย!
แต่เวลานี้โอสถที่เขาเพิ่งจะกินเข้าไปนั้นเป็นถึงโอสถระดับที่สูงกว่า ผลของมันจึงเหนือกว่าโอสถระดับวิญญาณที่คนตระกูลหลิงกินเข้าไปก่อนหน้า ความตกใจของเหล่ากุ่ยเวลานี้จึงแตกต่างจากครั้งนั้น เพราะเป็นความรู้สึกตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง!
หลิงลี่ยิ้มกว้างพร้อมกับยกชามเหล้าขึ้นกระดกใส่ปากจนหมดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ จงหวู่.. เจ้าตามข้าเข้าไปส่องกระจกในบ้าน จะได้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเองเวลานี้ ดูสิว่าเจ้าจะพออกพอใจหรือไม่”
โป๊ก..
แต่เพียงแค่หลิงลี่หันหลังจะเดินเข้าบ้านนั้นเขาก็ได้ยินดังขึ้นด้านหลัง เวลานี้เหล่ากุ่ยได้คุกเข่าลงกับพื้นทำการโขกศรีษะต่อหน้าหลิงลี่เสียงดัง
“นายท่าน..บ่าวผิดไปแล้ว!! บ่าวผิดต่อนายท่าน!!”
เวลานี้กุ่ยจงหวู่มีสีหน้าเศร้าสร้อยและรู้สึกเสียใจยิ่งนักที่ได้กินโอสถระดับสูงกว่าที่คนตระกูลหลิงได้กิน ทำให้เขามิสามารถข้ามผ่านความรู้สึกผิดนี้ไปได้
“จงหวู่..ลุกขึ้นก่อน!”
หลิงลี่ไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ยิ้มออกมาและหันไปพยุงร่างของกุ่ยจงหวู่ให้ลุกขึ้นจากพื้น หลังจากปล่อยมือแล้วเขาจึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“ตาเฒ่า..อย่าได้คิดว่าตนเองเป็นบ่าวต่ำต้อยอีก เวลานี้ตระกูลหลิงของเราเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าเองก็รู้ดี!”
“เวลานี้พวกเรามิจำเป็นต้องกังวลใจในเรื่องใดๆอีกเพียงแค่ทำตามความต้องการของหลิงหยุนก็พอ ข้าเชื่อว่าหลิงหยุนกำลังพัฒนาตระกูลหลิง แต่ทุกอย่างอาจรวดเร็วจนพวกเราไม่เข้าใจ ฉะนั้น.. เจ้าเองก็ไม่ควรคิดมาก หรือคิดเล็กคิดน้อยให้เขาต้องกังวลใจ ว่าอย่างไรเล่ากุ่ยจง เจ้าคิดเห็นเช่นใดกับคำพูดของข้า”
“ใช่..ใช่แล้ว!! จริงดังที่นายท่านกล่าว จะมีผู้ใดล่วงรู้ว่านายน้อยกำลังคิดเช่นใดอยู่กันแน่…” เหล่ากุ่ยตำหนิตนเองทันที หลิงลี่หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับยื่นมือออกไปตบบ่าเหล่ากุ่ยเป็นการปลอบประโลม
“เอาล่ะ..เลิกตำหนิตนเองเสียที! เรื่องนี้หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ ตระกูลหลิงอยู่อย่างขาดแคลนมานานเกินไป จึงมิแปลกที่เจ้าจะรู้สึกเช่นนั้น แต่วันเวลาที่ยากลำบากได้ผ่านพ้นไปแล้ว เจ้าเองก็พ่อบ้านให้กับข้ามานาน พวกเราสองคนล้วนผ่านทั้งเรื่องดีและร้ายมาด้วยกัน..”
“เวลานี้..เจ้าเองก็เสมือนเป็นสมาชิกตระกูลหลิงคนหนึ่ง!”
หลิงลี่เอ่ยบอกเหล่ากุ่ยอย่างตรงไปตรงมามีผู้ใดบ้างที่มิต้องการกลับมาเยาว์วัยอีกครั้ง แต่การที่เหล่ากุ่ยปฏิเสธไม่ยอมรับโอสถไว้นั้น เพราะต้องการให้ตระกูลหลิงนำไปแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรอื่นๆสำหรับสมาชิกตระกูลหลิงต่างหาก ความเสียสละเช่นนี้มีหรือที่หลิงลี่จะโง่จนมิอาจเข้าใจ..
“ฉะนั้น..เจ้าสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องกินโอสถนี้ และอย่าได้คิดมากจนส่งผลร้ายต่อพลังบ่มเพาะในตัวเจ้า!”
“ตั้งแต่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงความยากลำบากต่างๆ ที่ทุกคนในตระกูลต้องประสบพบเจอก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว นับจากนี้ไป เจ้าต้องมาฝึกวิชาเป็นเพื่อนข้า จากนั้นจึงค่อยไปฝึกสอนให้หลิงอี๋กับหลิงชีต่อ..” หลิงลี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
เหล่ากุ่ยเอ่ยตอบหลิงลี่ด้วยความซาบซึ้งใจยิ่งใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาผงกไปมา..
“เอาล่ะ..เข้าไปในบ้านกันได้แล้ว!”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็เดินนำเหล่ากุ่ยเข้าไปในบ้านโดยมิกล่าวอันใดอีก..
……
หลิงหยุนเดินส่ายหัวไปมาพร้อมกับเผยอยิ้มออกมาเมื่อได้ฟังบทสนทนาของชายชราทั้งสองคน และอดที่จะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหลิงลี่ไม่ได้ นี่หาใช่กลอุบายไม่..แต่เป็นการซื้อใจคน! ถึงอย่างไรเหล่ากุ่ยก็มิได้แซ่หลิง แต่หลิงหยุนกลับมอบโอสถล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่งนี้แก่เขา หลิงลี่ซึ่งเป็นผู้เฒ่าแห่งตระกูลหลิงมีหรือที่จะไม่เข้าใจ..
หลังจากแยกกับหลิงลี่แล้วหลิงหยุนก็ค่อยๆเดินไปตามทาง ผ่านสวนภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิงแต่ละชั้นไป
หลิงอี๋และหลิงชีได้นำนักรบตระกูลหลิงส่วนหนึ่งออกไปเพื่อคอยดูแลศิษย์ทั้ง 72 คนของหลิงหยุนตามคำสั่ง ด้วยเหตุนี้ภายในสวนชั้นที่แปดจึงว่างเปล่าและเงียบสงบ
“พี่หลิงหย่ง..”
หลิงหยุนเดินผ่านสวนชั้นที่หกและพบหลิงหย่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นหลิวเทวะวิญญาณ จึงได้เอ่ยทักทาย
หลิงหย่งเองก็ได้ลืมตาขึ้นและสังเกตเห็นหลิงหยุนที่กำลังเดินเข้ามาเช่นกันเขาจึงได้เอ่ยทักทายตอบกลับไป “น้องสาม..เจ้าคงมีหลายเรื่องที่ต้องทำสินะ! เชิญเจ้าตามสบาย มิต้องกังวลเกี่ยวกับข้า!”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”
หลังจากที่หลิงหยุนได้เปิดอกคุยกับหลิงหย่งในครั้งนั้นทั้งสองคนก็ได้กลับมาเป็นพี่น้องที่รักใคร่สามัคคีกันดังเดิม และไม่มีเรื่องไร้สาระรบกวนจิตใจของคนทั้งคู่อีก
กา..กา..
อีกาทองคำที่เกาะอยู่บนต้นหลิวเทวะวิญญาณส่งเสียงร้องดังพร้อมกับบินตรงเข้ามาหาหลิงหยุน มันกระพือปีกบินอยู่กลางอากาศ ดวงตาสีทองสุกสว่างทั้งสองข้างจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนอย่างน่าสงสาร
“เจ้านี่ช่างตะกละนัก!!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบเพียงแค่สั้นอีกาทองคำยังจดจำพลังหยางบริสุทธิ์ที่หลิงหยุนเคยให้มันกินได้ และเวลานี้แววตาของมันก็จ้องมองอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าให้เจ้าก็ได้!”
หลิงหยุนปลดปล่อยพลังหยางบริสุทธิ์ออกจากร่างพลังหยางได้หลอมรวมเข้าด้วยกันจนมีขนาดกลมเท่าลูกบอล แสงสีขาวของมันนั้นส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ
อีกาทองคำรีบอ้าปากของมันออกอย่างรวดเร็วแล้วบินตรงเข้าไปที่พลังหยางลูกกลมๆนั้น ก่อนจะกลืนเข้าไปในปากของมันทันที จากนั้นมันก็กระพือปีกขึ้นๆลง และบินกลับไปกลับมาด้วยความดีอกดีใจ แล้วจึงบินกลับไปเกาะที่กิ่งไม้ดังเดิม
หลังจากที่ป้อนพลังหยางบริสุทธิ์ให้กับอีกาทองคำแล้วร่างของหลิงหยุนก็หายไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว..
เวลานี้..ร่างของหลิงหยุนมาปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าบ้านของหลิงเย่ว!
“ท่านลุงสอง!’
“เข้ามาข้างในสิ!”
หลิงเย่วซึ่งกำลังนั่งรออยู่บนเก้าอี้ไม้ไผ่ลุกขึ้นทักทายหลิงหยุนพร้อมกับเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านใน ก่อนจะเอ่ยต่อในทันที
“พ่อของเจ้าเพิ่งจะกลับไปเขามิอยากอยู่รบกวนการสนทนาของเราสองคน..”
หลิงหยุนเดินเข้าไปในบ้านและนั่งลงบนเก้าอี้ที่หลิงเสี่ยวนั่งอยู่ก่อนหน้า จากนั้นจึงได้เรียกชาที่นำมาจากเผ่าเหม่าเจียงออกมาให้หลิงเย่ว พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“ลุงสอง..นี่เป็นของฝาก พวกเรามาลองดื่มกันดีกว่า!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร