บทที่ 1505 : ทุกอย่างพร้อมพรัก ขาดเพียงลมบูรพา
ชาที่หลิงหยุนนำออกมากองไว้บนโต๊ะนั้นถูกห่อไว้ด้วยกระดาษธรรมดาๆ และมิได้มีการปิดผนึกไว้เป็นอย่างดี ไม่มีการบรรจุที่งดงามอย่างที่ควรจะเป็น ดูราวกับสินค้าราคาถูกที่มีพ่อค้าแม่ค้านำมากองขายอยู่ตามถนนข้างทาง
แต่เมื่อชาถูกนำออกมากลิ่นหอมของมันก็ทำให้หลิงเย่วถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
“หลิงหยุนชานี้..!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยตอบไปตามตรง“ นี่เป็นชาชั้นยอดจากเผ่าเหมี่ยวเจียง และวันนี้ได้ผ่านการบ่มด้วยพลังชีวิตจากข้า ก่อนที่จะนำมามอบให้ท่านลุง..”
“เยี่ยมมาก!นับว่าเจ้าไปเผ่าเหมี่ยวเจียงครั้งนี้ไม่เสียเปล่าจริงๆ!” หลิงเย่วเอ่ยชมหลิงหยุนพร้อมกับยื่นมือออกไปคว้าห่อกระดาษตรงหน้าขึ้นมาแกะเขาพินิจพิจารณารูปลักษณ์และสีของใบชาอย่างละเอียด จากนั้นจึงทำการสูดดมกลิ่น และสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมสดชื่นของใบชา
“หากท่านลุงไม่นำชุดเครื่องชาชั้นเลิศที่มีออกมาชงชานี้แล้วล่ะก็ข้าคงจะไม่ยอมดื่มชานี้แน่!”
หลิงเย่วลืมตาขึ้นจ้องมองหลิงหยุนยิ้มๆพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขาจ้องมองชาชั้นเลิศในกาอย่างเสียดาย แล้วจึงเอ่ยบอกหลิงหยุนว่า
“เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลใจถ้วยชาชุดนี้ของข้านับเป็นชุดชาชั้นเลิศ เพียงแต่ต้องดื่มชาที่เหลือในกาให้หมดเสียก่อน แล้วจึงค่อยชงชาที่เจ้านำมาจะมิดีกว่ารึ จะได้เป็นการเปรียบเทียบรสชาติของชาทั้งสองชนิดไปในตัวด้วย..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาพร้อมกับผลักห่อชาทั้งหมดตรงหน้าไปไว้ทางด้านข้างของหลิงเย่วจากนั้นจึงยกกาขึ้นรินชาใส่ถ้วย แล้วเริ่มคุยธุระของตนต่อทันที
“ลุงสอง..ไม่ทราบว่าถังเมิ่งเล่าเรื่องอะไรของข้าให้ท่านฟังบ้าง”
“เขาเป็นคนของเจ้าจะกล้าเล่าอะไรให้ข้าฟังเล่า”
หลิงเย่วเอ่ยยิ้มๆก่อนจะพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “อย่าลืมว่าเวลานี้เจ้าเองเป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง ไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใดแม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของตระกูลหลิงทั้งสิ้น ฉะนั้น.. จำเป็นอย่างยิ่งที่ข้าควรจะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดเจ้า หาไม่แล้วคงต้องถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเป็นแน่..”
หลิงเย่วเอ่ยตอบหลิงหยุนไปตามความจริงแม้เขาพยายามที่จะใช้คำพูดที่เลี่ยงให้ฟังดูดีมากแล้ว แต่ความหมายทั้งหมดก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า เขาต้องการรู้เรื่องทั้งหมดของหลิงหยุนนั่นเอง
นั่นเพราะทุกวันนี้ทุกการเคลื่อนไหวของหลิงหยุนนั้น แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อตระกูลหลิงทั้งสิ้น!
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้หน้าแดงเขายกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “ข้าอยู่ข้างนอก.. หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ก็มีแต่หาสถานที่เงียบๆฝึกฝนวิชาอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทั้งวิทยุสื่อสารและโทรศัพท์มือถือ ก็ถูกเก็บไว้แต่ในแหวนพื้น แทบมิเคยนำออกมาเลย..”
ปกตินิสัยของหลิงหยุนนั้นหากมิมีเรื่องด่วนอะไร เขาก็จะไม่เคยติดต่อหาผู้ใดก่อนเลย และมักปลีกตัวจากโลกภายนอกมิให้ผู้ใดรบกวนได้ อีกอย่างสำหรับหลิงหยุนแล้ว เรื่องอื่นใดก็มิสำคัญเท่ากับการฝึกฝน
หลิงเย่วเห็นท่าทางของหลิงหยุนจึงได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราทุกคนต่างก็เข้าใจเจ้าดี เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป! หากมิมีเรื่องที่น่ากังวลอะไร พวกเราก็จะไม่โทรหาเจ้า หรือแม้แต่ส่งข้อความให้เจ้า ข้าเองก็ได้กำชับหลิงซิ่ว หลิงซวี่ แล้วก็เด็กคนอื่นๆ มิให้ติดต่อเจ้าโดยไม่จำเป็นด้วย..”
“ขอบคุณลุงสองที่เข้าใจ..” หลิงหยุนได้ฟังแล้วก็ได้แต่คิดว่าหลิงเย่วช่วยเขาลดปัญหาเรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ไปได้อย่างมากทีเดียว
“หลิงหยุน..เรื่องวันเกิดท่านพ่อของเจ้านั้น เดิมทีพวกเราคิดเพียงแค่ว่าจะเลี้ยงฉลองกันภายในตระกูลเท่านั้น แต่ตลอดทั้งเดือนที่เจ้าไม่อยู่นั้น เจ้าเองก็ได้สร้างวีรกรรมไว้อย่างมากมาย ฉะนั้น เรื่องที่เคยคิดว่าจะมีงานเลี้ยงฉลองกันเฉพาะภายในนั้น คงแทบเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว!”
หลิงเย่วเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ..
หลิงหยุนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยตอบยิ้มๆ“ท่านลุง เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี..”
“ท่านพ่อของเจ้าต้องการเพียงแค่รับประทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตากันภายในครอบครัวเท่านั้นเขามิต้องการให้มีงานเลี้ยงใหญ่โต แต่เวลานี้ สถานการณ์ต่างๆได้เปลี่ยนไปมาก คงยากที่พ่อของเจ้าจะหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว..” หลิงหยุนยิ้มขื่นพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“เฮ้อ.. ถ้าทำตามที่ท่านพ่อต้องการจริงๆ ข้าว่าพวกเราคงได้กินเพียงแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฉลองวันเกิดเท่านั้น!”
“เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง!”
หลิงเย่วเองก็ถึงกับยิ้มขื่นเช่นกัน“เมื่อครู่พ่อของเจ้าก็เพิ่งจะบอกข้าว่า ด้วยฐานะของตระกูลหลิงเวลานี้ เขาเข้าใจดีว่าคงยากที่จะหลีกเลี่ยงการจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ใหญ่โตได้ แต่เขาต่อรองว่าให้รองานของท่านปู่เจ้า หรือไม่ก็งานของข้าแทน ถึงเวลานั้นจะจัดงานเลี้ยงใหญ่โตเช่นใดก็ตามใจ..”
หลิงหยุนรีบเอ่ยถามทันที“แล้วท่านลุงตอบท่านพ่อกลับไปเช่นใด”
หลิงเย่วเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง“ข้าก็ตอบไปว่าข้าเองก็อยากทำเช่นนั้น เพียงแต่ข้ามิได้มีลูกชายชื่อหลิงหยุน ต่อให้ข้าอยากจะจัดงานเลี้ยงใหญ่โตเช่นนั้น จะมีสักกี่คนที่อยากจะให้หน้าข้า..”
“ลุงสอง..ท่านกล่าวเกินไปแล้ว! ข้าว่าเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ท่านจะรับไม่ไหวน่ะสิ!”
หลานชายและลุงต่างก็มองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมา..
“เรื่องงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพ่อเจ้านั้นตระกูลหลี่อาสาที่จะหัวเรียวหัวแรงจัดการเรื่องนี้เอง เขาจะจัดหาสถานที่ที่ดีที่สุด พ่อครัวที่เก่งที่สุด และพนักงานต้อนรับที่เป็นมืออาชีพมาคอยดูแลงานเลี้ยงทั้งหมดเอง พวกเขามั่นใจอย่างมากว่า ในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ไม่ว่าแขกชาย หญิง หรือว่าเด็ก.. ทุกคนจะต้องมีความสุขกับการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน!”
“จะว่าไป..หลี่จวิ้นหัวได้แอบเตรียมการเรื่องนี้มานานก่อนหน้านับสิบวันแล้ว ข้าเชื่อว่างานนี้จะต้องออกมาดีอย่างไม่มีที่ติเป็นแน่!”
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกแปลกใจเพราะเขาเองก็ได้คาดการไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า ตระกูลหลี่จะต้องรีบฉวยโอกาสทองนี้ไว้อย่างแน่นอน!
นับว่าหลี่จวิ้นหัวเก็บความลับได้ดีมากทีเดียวเพราะเมื่อวานตอนเย็น แม้จะอยู่ต่อหน้าหลิงหยุน เขากลับมิได้หลุดปากในเรื่องนี้ออกมาแม้แต่น้อย
“ว่าแต่เจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่”
หลิงเย่วเอ่ยถามความเห็นของหลิงหยุนหลังจากที่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ออกไป
“ข้ามิมีปัญหาอันใดอยู่แล้ว..ท่านลุงทำตามที่เห็นควรได้เลย!”
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนทนากันเรื่องงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหลิงเสี่ยวโดยที่ตระกูลหลิงมิต้องใช้เงินของตนเลยแม้แต่หยวนเดียว..
“หลิงหยุน..เรื่องที่เจ้าไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธ กลับไปจิงฉู ไปทะเลจีนตะวันออก ไปตระกูลฉิน ไปช่วยแม่บุญธรรมที่เขาเทียนซาน จนกระทั่งไปช่วยสะสางปัญหาระหว่างท่านหมอเสี่ยวกับเหมี่ยวเฟิงหวงนั้น ข้าเองรู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว ข้าจึงจะมิจำเป็นต้องถามเจ้าในเรื่องเหล่านี้อีก..” “แต่เจ้ากลับมาปักกิ่งในครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นภายในตระกูลหลิงให้เจ้ารับรู้ เจ้าพร้อมที่จะรับฟังหรือไม่”
หลิงหยุนรีบเอ่ยตอบทันที“เชิญท่านลุงเอ่ยได้เลย..”
“ก่อนจะเล่าเรื่องสำคัญให้เจ้าฟัง..ข้าอยากจะบอกว่าด้วยสถานการณ์ของตระกูลหลิงเวลานี้ หากมิได้โอสถเยาว์วัยของเจ้า ด้วยวัยของข้าก็ยากที่จะรับมือไหว!”
“โอ้..ข้าทำให้ท่านลุงต้องลำบากแล้ว!”
หลิงหยุนที่กว้านซื้อกิจการต่างๆไว้มากมายแต่กลับมิเคยดูแลด้วยตัวเอง ถึงกับกระอักกระอ่วนจนต้องรีบรินชาให้หลิงเย่วแก้เก้อ..
“อ่อ..เจ้ารู้ด้วยรึว่าข้าทำงานหนัก!!”
หลิงเย่วเหลือบมองหลิงหยุนครู่หนึ่งและเลิกพูดถึงเรื่องนี้อีกแต่กลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มีสามเรื่องใหญ่ๆที่เจ้าจำเป็นต้องรับรู้!”
“เรื่องแรก..หลังสิ้นสุดงานชุมนุมชาวยุทธแล้ว ได้มีตระกูลเก่าแก่หลายตระกูล และสำนักต่างๆในยุทธภพ ส่งคนสำคัญของตนมาที่ตระกูลหลิงของเราอย่างมากมาย”
“ห๊ะ!”
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาแต่ใบหน้าบ่งบอกว่ามีความสุขยิ่งนักเขาเอ่ยตอบยิ้มๆ “ดูท่าสิ่งที่พวกเขาได้เห็นจากงานชุมนุมชาวยุทธ คงจะสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเขาไม่น้อยสินะ..”
“พ่อหนุ่ม..เจ้าสังหารชาวยุทธไปกว่าครึ่งภายในคืนเดียวเช่นนั้น ยังมีผู้ใดบ้างที่จะไม่หวาดผวาได้เล่า!”
หลิงเย่วเอ่ยตอบยิ้มๆพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุน..
“เรื่องที่สอง..หลังจากวันไหว้พระจันทร์ผ่านไปสามวัน เย่ชิงเฟิงผู้นำตระกูลเย่ก็ได้เชิญข้าไปที่ตระกูลเย่ สรุปจากคำพูดของเขาทั้งหมดนั้นได้ความว่า ตระกูลเย่มิต้องการขัดแย้งกับตระกูลหลิงอีกนับจากนี้ไป..”
“งั้นรึ!”
หลิงหยุนที่นั่งอยู่ถึงกับเอ่ยขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ“มิใช่เรื่องง่ายที่คนอย่างเย่ชิงเฟิง จะเป็นฝ่ายเชื้อเชิญท่านไปถึงบ้านเช่นนั้นใช่หรือไม่”
การกระทำเช่นนั้นย่อมเป็นการพิสูจน์ฐานะที่แท้จริงของตระกูลหลิงในเวลานี้ได้เป็นอย่างดี!
“ใช่แล้ว!”
หลิงเย่วเอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้าด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะเอ่ยบอกหลิงหยุนเรื่องสุดท้ายต่อทันที
“ส่วนเรื่องสุดท้ายนั้นค่อยข้างสำคัญมากที่สุด!”
“หลิงหยุน..เรื่องโรงประมูลตระกูลหลิงนั้น ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างไวพร้อมแล้ว!”
“เวลานี้ทุกอย่างพร้อมพรักขาดเพียงลมบูรพา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร