บทที่ 1506 : เกิดใหม่
ทุกอย่างพร้อมแล้วขาดเพียงแค่โอกาสเท่านั้น..
หลิงเย่วกำลังบอกหลิงหยุนว่าโรงประมูลตระกูลหลิงนั้นพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว จะขาดก็เพียงแต่สมบัติล้ำค่าที่จะนำมาเปิดประมูลเท่านั้นเอง
หรือก็คือ..หลิงเย่วเฝ้ารอการกลับมาของหลิงหยุน เพราะสมบัติต่างๆที่จะนำออกประมูลนั้น เวลานี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในแหวนจักรวาลของเขาทั้งสิ้น
“ความจริงข้าคิดว่าเจ้าจะสามารถช่วยสะสางปัญหาของตระกูลเหอให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะถึงวันเกิดของพ่อเจ้าได้ และสามารถกลับตระกูลหลิงได้เร็วกว่านี้ ข้าจึงได้แต่รอคอยอยู่อย่างเงียบๆ”
“แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะจัดการสะสางปัญหาสองเรื่องในคราวเดียวเช่นนี้..” หลิงหยุนเพียงส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะตอบกลับไปว่า “เรื่องหนอนกู่ภายในร่างของท่านปู่เสี่ยวนั้น เป็นเรื่องที่ข้าได้รับปากกับท่านปู่ไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่พบกันคราแรก นี่เวลาก็ล่วงเลยมานานถึงครึ่งปีแล้ว ได้เวลาที่ข้าควรจะต้องสะสางให้เสร็จสิ้นเสียที หาไม่ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจเป็นแน่..”
“หลิงหยุนข้าหาได้ตำหนิเจ้าไม่ ที่เจ้าทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!”
หลิงเย่วยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยต่อ“ก่อนที่เจ้าจะผงาดขึ้นมานั้น ท่านหมอเสี่ยวเองก็ได้ฉายาหมอเทวดามาก่อน ผู้คนในแวดวงสังคมชั้นสูงต่างก็ให้ความเคารพเขายิ่งนัก!”
“ไม่เพียงเท่านั้น..ในช่วงที่เจ้ามิได้อยู่จิงฉู ท่านหมอเสี่ยวก็ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับเจ้า และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับหนิงเอ๋อ ท่านหมอเสี่ยวและตระกูลหลิงของเราจึงเปรียบเสมือนญาติ เจ้าไปช่วยสะสางปัญหาให้กับเขาเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่สมควรยิ่งแล้ว..”
หลิงเย่วเอ่ยจบก็ได้หยิบห่อชาข้างกายขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “เอาล่ะ ได้เวลาลิ้มรสชาจากเผ่าเหมี่ยวเจียงบ้าง ดูเหมือนว่าเจ้าไปเผ่าเหมี่ยวเจียงครั้งนี้ ภารกิจคงจะจบลงด้วยดีสินะ”
“จบลงอย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว..”
เมื่อหลิงเย่วเอ่ยถามเช่นนี้หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้ม และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลิงเย่วฟังคร่าวๆ หลิงเย่วฟังไปก็พยักหน้าไป
“ทุ่งพลังชีวิต..ปลูกชา ผัก ผลไม้ ทั้งหมดจะเติบโตและมีพลังชีวิตปะปนอยู่.. ยังมีสมุนไพรพลังชีวิตต่างๆอีก..”
หลิงเย่วฟังไปก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะไปด้วยแล้วจึงเอ่ยออกมาด้วยความชื่นชม “ทั้งสามคนปู่ ย่า และหลานสาว ต่างก็ฝึกวิชาพฤกษาขจีด้วย.. หลิงหยุน ครั้งนี้เจ้าช่างคิดการใหญ่นัก!”
เพียงแค่ฟังคำพูดประโยคนี้ของหลิงเย่วหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่า หลิงเย่วสามารถเข้าใจความต้องการของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“แต่ตอนนี้คงยังต้องอยู่ในช่วงของการทดลองเท่านั้น ยังเร็วเกินไปที่จะทำการปลูกพืชพลังชีวิตพร้อมกันในคราวเดียว..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“ท่านลุง ข้าเริ่มสร้างทุ่งพลังชีวิตทั้งหมดห้าแห่ง และพืชพรรณเหล่านั้นจะถูกส่งมาประมูลขายที่โรงประมูลตระกูลหลิงของเราด้วย..”
“เยี่ยมๆพืชพลังชีวิตเหล่านี้จะเป็นสินค้าหลักของโรงประมูลตระกูลหลิงในวันข้างหน้า ข้าเชื่อว่าหากทั้งตระกูลเก่าแก่ และสำนักต่างๆได้รู้ ย่อมต้องมาหาพืชพลังชีวิตเหล่านี้ เพื่อนำกลับไปกินเป็นอาหาร มิต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้เป็นแน่”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“เรื่องนำไปขายนั้นเป็นเรื่องรอง จุดประสงค์ของข้าคือการส่งพืชพลังชีวิตทั้งหมดนี้ให้กับตระกูลหลิงเสียก่อน หากเหลือจากนั้นจึงค่อยนำไปประมูลต่างหากเล่า”
มิว่าจะเป็นเรื่องใดหลิงหยุนต้องมั่นใจว่า คนตระกูลหลิงจะต้องเป็นผู้ได้รับประโยชน์ก่อน นี่คือเรื่องใหญ่สำหรับเขา!
หลิงเย่วได้ฟังแล้วถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยความตกตะลึงและเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ดูท่าจากนี้ไปตระกูลหลิงของเรา คงยากที่จะหลีกหนีความรุ่งเรืองได้สินะ!”
จะมีสักกี่ตระกูลที่จะมีพืชผักพลังชีวิตผลไม้พลังชีวิต และสมุนไพรพลังชีวิตดื่มกินบำรุงร่างกายตลอดทุกวันเช่นนี้ นี่นับเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่ง!
แต่หากเปรียบเทียบกับโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่แล้วหาใช่เรื่องที่เหลือเชื่อ หรืออัศจรรย์ใจแต่อย่างใดไม่!
เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลิงเย่วอดไม่ได้จนต้องเอ่ยถามออกมา “หลิงหยุน.. เจ้าหักโหมเช่นนี้ คิดที่จะนำพาตระกูลหลิงไปสู่จุดใดกันแน่!”
แม้แต่หลิงเย่วเองยังมิอาจจินตนาการได้ว่า หลิงหยุนจะนำพาตระกูลหลิงไปสู่จุดสูงสุดถึงเพียงใด
สำหรับเรื่องนี้หลิงหยุนเองยังคงหลีกเลี่ยงที่จะตอบหลิงเย่ว เพราะเชื่อว่าแม้แต่หลิงเย่วเองก็คงมิอาจนึกภาพตามได้แน่..
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านลุง.. เรื่องนั้นท่านค่อยๆรอดูไปทีละก้าวจะดีกว่า!”
“ส่วนเรื่องสินค้าที่จะนำมาประมูลนั้นไม่ว่าจะเป็นโอสถต่างๆ ยันต์ กระบี่ และทรัพยากรต่างๆในการฝึกวรยุทธบ่มเพาะ ข้ามีอยู่อย่างพร้อมเพรียงแล้ว หากข้านำออกมาประมูลแล้วล่ะก็ เชื่อว่าเหล่าชาวยุทธจะต้องแก่งแย่งกันประมูลเป็นแน่!”
“ฉะนั้นในการประมูลแต่ละครั้ง จำต้องมีการควบคุมจำนวนสินค้าที่จะนำขึ้นประมูลด้วย..”
หลิงเย่วได้ฟังถึงกับใจเต้นรุนแรง..
นั่นเพราะแต่ละครั้งที่ตระกูลเย่ทำการเปิดโรงประมูลนั้นจะห่างกันราวสามหรือห้าเดือน บางครั้งก็นานกว่าครึ่งปีเลยทีเดียว นั่นเพราะพวกเขาจำเป็นต้องมีเวลาไปกว้านหาสินค้าที่จะนำมาประมูลนั่นเอง
แต่เวลานี้หลิงหยุนกลับพูดว่า..จำเป็นต้องควบคุมสินค้าที่จะนำออกมาประมูล!!
หลิงเย่วอดคิดไม่ได้ว่า..เด็กคนนี้มีสมบัติล้ำค่าอยู่ในตัวมากมายเพียงใดกัน เวลานี้เขาตื่นเต้นอย่างมาก จนเอ่ยออกมาได้เพียงแค่ว่า
“เจ้าเก่งมาก!!”
หลังจากที่หายตกใจหลิงเย่วได้แต่เอ่ยออกไปว่า “เรื่องนี้ลุงจะทำตามความต้องการของเจ้า..”
“ในช่วงการเปิดและปิดประมูลเล่า..เจ้าคิดที่จะนำสิ่งใดออกมาประมูลกัน” หลิงเย่วเอ่ยถามต่อด้วยความตื่นเต้น
หลิงหยุนยิ้มสบายๆและตอบกลับไปว่า“ข้าว่าจะใช้โอสถเยาว์วัยและโอสถโฉมสะคราญในการเปิดประมูล เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับโรงประมูลของเรา ส่วนช่วงท้ายของการปิดประมูลนั้น.. ก็น่าจะเป็นแหวนพื้นที่ธรรมดาๆก็พอ”
แม้หลิงเย่วพอจะคาดเดาได้ก่อนบ้างแต่หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของหลิงหยุน เขาก็อดที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยความตกใจไม่ได้
“หลิงหยุนนี่เป็นการเปิดประมูลครั้งแรกของตระกูลหลิง เจ้าก็จะนำสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ออกมาประมูลเลยรึ!”
“ท่านลุง..อย่าลืมว่าตระกูลหลิงของเรากำลังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหตุใดต้องปล่อยเวลาให้เสียเปล่าด้วยเล่า อีกอย่าง หากท่านต้องการให้โรงประมูลตระกูลหลิง เหนือกว่าโรงประมูลตระกูลหลงและตระกูลเย่ ท่านจำเป็นต้องมีสินค้าที่สามารถดึงดูดความสนใจของชาวยุทธได้มากกว่า ให้พวกเขารู้สึกว่าไม่อยากพลาดการประมูลในครั้งนี้ให้ได้!”
ใครๆก็อยากมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี!
นี่คือวิธีการเปิดโรงประมูลเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด.. “ในวันที่เปิดโรงประมูลข้าจะไปดูแลด้วยตนเอง รับรองได้ว่ามิกล้ามีผู้ใดมาก่อกวนเป็นแน่!”
หลิงหยุนเอ่ยออกไปเช่นนั้นเพื่อต้องการให้หลิงเย่วสบายใจนั่นเอง..
“เยี่ยม!เยี่ยม!”
หลิงเย่วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจเขาพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอก!”
“ว่าแต่..เจ้าจะประกาศเรื่องนี้ออกไปเมื่อใด”
หลิงหยุนหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “พรุ่งนี้.. ในเมื่อทุกคนต่างก็มารวมตัวกัน นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการประกาศเรื่องนี้ออกไป!”
ทั้งลุงและหลานชายต่างก็จ้องหน้ากันนิ่งเงียบ..
พรึบ..
แต่แล้วจู่ๆเงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหลิงเย่ว และมิใช่ใครอื่นเป็นเหล่ากุ่ยนั่นเอง
“ท่านผู้นำตระกูล..คุณชายสอง..” เหล่ากุ่ยเอ่ยทักทายหลิงหยุนกับหลิงเย่วทันทีที่มาถึง
“เหล่ากุ่ยที่นี่มิมีผู้ใด เจ้าเข้ามาได้เลย!”
หลิงเย่วเอ่ยบอกเหล่ากุ่ยและเมื่อเขาเดินเข้ามา หลิงเย่วถึงกับจ้องมองอยู่นานก่อนจะเอ่ยบอกไปว่า
“ยินดีด้วยเหล่ากุ่ยในที่สุดเจ้าก็กลับมาหนุ่มแน่นอีกครั้งสินะ!”
“จงหวู่ขอบคุณคุณชายสองแต่ที่ข้ามีชีวิตใหม่นี้ได้ ก็เพราะความเมตตาของท่านผู้นำตระกูล!”
เหล่ากุ่ยเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเก้อเขินและความมหัศจรรย์ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้านั้น ก็ยากที่จะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
หลิงหยุนยิ้มพร้อมเอ่ยตอบกลับไปว่า“เหล่ากุ่ย.. ท่านมาที่นี่มีอะไรงั้นรึ” “เรียนท่านผู้นำตระกูลท่านให้หลิงอี๋กับหลิงชีไปคอยดูแลศิษย์ทั้ง 72 คนของท่าน แต่จนป่านนี้ข้ายังมิได้รับรายงานจากพวกเขาทั้งสองคน ข้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น และจะส่งผลต่องานในวันพรุ่งนี้ จึงมิอาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ อยากจะขออนุญาตออกไปดูพวกเขาเสียหน่อย..”
หลิงหยุนได้ฟังครั้งแรกต้องการจะปฏิเสธ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจตอบไปว่า “ได้สิ!”
“แต่ทางที่ดีท่านเพียงแค่เฝ้าดูก็พอมิต้องลงไปจัดการ ครั้งนี้ข้าเพียงแค่ต้องการประเมินศิษย์ของข้าเท่านั้น ผลจะออกมาเช่นใดหาใช่เรื่องสำคัญไม่”
หลิงหยุนกำชับเหล่ากุ่ยและบอกถึงจุดประสงค์ของตนเอง..
เหล่ากุ่ยตอบกลับไป“เรียนท่านผู้นำตระกูล ข้าเข้าใจและน้อมรับคำสั่ง!”
“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้องรบกวนท่านแล้วเหล่ากุ่ย!” เหล่ากุ่ยหน้าแดงก่ำเขายกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตนเองพร้อมกับบอกหลิงหยุนว่า “นายน้อย ท่านอย่าได้มีมารยาทกับข้าน้อยเช่นนี้อีก.. ข้า.. ข้ารับไม่ได้จริงๆ”
หลิงหยุนได้แต่ยกมือขึ้นโบกไล่พร้อมกับเอ่ยว่า“ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ไปได้แล้ว!”
เหล่ากุ่ยฟังแล้วค่อยรู้สึกดีขึ้นเขาโน้มตัวลงทำความเคารพแล้วจึงกระโดดออกจากบ้านไป
“หลิงหยุนเจ้าต้องการประเมินพวกเขาก็ไม่ผิด แต่หัวข้อที่เจ้าใช้ทดสอบจะมิยากเกินไปหรอกรึ”
หลิงเย่วเอ่ยถามส่วนหลิงหยุนก็ส่ายหน้า และตอบกลับไปว่า..
“หากเป็นวันเกิดของข้าต่อให้พวกเขานำแท่นหมึก กระดานหมากรุก และแม้แต่กระดาษที่มีเพียงอักษรอวยพร เพียงแค่นี้ข้าก็พอใจแล้ว..”
“แต่..” หลิงเย่วเอ่ยค้าน“แต่เจ้าอย่าลืมว่า นอกจากฝึกฝนวรยุทธแล้ว พ่อของเจ้ามีงานอดิเรกอะไร เด็กๆเหล่านั้นจะรู้ได้อย่างไรกัน..”
หลิงหยุนฟันขาวปากแดงยิ้ม:“ลุงหัวข้อนี้ยากจริงๆ! อย่างไรก็ตามถ้าสมองของพวกนี้เพียงพอพวกเขาก็น่าจะเดาได้ว่าพ่อของฉันหรือฉันต้องการอะไร”
หลิงหยุนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวก่อนจะตอบกลับไปว่า “ท่านลุง ข้าเชื่อว่าหากพวกเขามีมันสมองมากพอ ย่อมพอที่จะคาดเดาได้ว่าข้า หรือท่านพ่อต้องการสิ่งใด..”
หลิงเย่วได้แต่ถอนหายใจเพราะน้องชายของเขาผู้นี้ดูเหมือนจะมิต้องการสิ่งใดในโลก!
ล้างความอัปยศสร้างอำนาจบารมี!
ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาผู้คนทั่วทั้งปักกิ่ง ทั้งยุทธภพ ได้หัวเราะเยาะหลิงเสี่ยวมานานมากแล้ว และได้หลงลืมชื่อ ‘หลิงเสี่ยว’ ไปจากความทรงจำของพวกเขาแล้ว! หลิงหยุนจะไม่เพียงทำให้หลิงเสี่ยวกลับมาอยู่ในใจของทุกคนในตระกูลหลิงแต่เขายังจะทำให้หลิงเสี่ยวกลับมานั่งใจจิตใจของคนทุกคน เหมือนดังเช่นเมื่อยี่สิบปีก่อนนี้ด้วย!
แม้ว่าตัวหลิงเสี่ยวเองจะหาได้ใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้ไม่แต่สำหรับหลิงหยุนในฐานะบุตรชายของหลิงเสี่ยวนั้น จำเป็นอย่างที่เขาจะต้องใส่ใจ!
และวันพรุ่งนี้..ในวันเกิดของหลิงเสี่ยว จะเป็นวันที่เขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง!
หลิงหยุนจะทวงคืนทุกอย่างที่บิดาของตนต้องสูญเสียไปในอดีตกลับคืนมาให้เขาทั้งหมด!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร