บทที่ 1507 : ทวงหนี้
“เฮ้อ..หลังจากฝึกฝนอยู่แต่ในโรงยิมตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดข้าก็ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาเสียที!! มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ!!”
ท่ามกลางความมืดมิดหลู่เหวินหลงใช้วิชาเท้าทองคำหมื่นลี้นำหน้าพี่น้องทั้งสิบเอ็ดคนไป และเวลานี้ทั้งหมดก็กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองปักกิ่ง
หลังจากที่หลิงเสี่ยวกับหลิงหยุนกลับไปแล้วหลู่เหวินหลงก็ได้นำทีมพี่น้องทั้งสองกลุ่มออกไปปรึกษาหารือกัน และเป็นชุดแรกที่ออกนอกโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
“พี่หลง..พี่จะพาพวกเราไปไหนงั้นรึ”
เด็กหนุ่มร่างผอมที่กำลังตามมาติดๆนั้นเป็นผู้เอ่ยถามหลู่เหวินหลงด้วยความอยากรู้อยากเห็น..
“เขาเซียงซาน..” หลู่เหวินหลงเอ่ยตอบในขณะที่ยังคงวิ่งไปตามเส้นทางรกร้างว่างเปล่าซึ่งไร้ผู้คน..
“พี่หลง..พี่จะไปเขาเซียงซานทำไมกัน จะไม่เสียเวลาเปล่าหรอกรึ?!”
ทันทีที่ได้ยินจุดหมายปลายทางที่หลู่เหวินหลงบอกเสียงบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้นทันที
“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร..คืนนี้เป็นคืนที่เขาเซียงซานนับว่างดงามที่สุด! ไปดูเสียหน่อยจะเสียหายอะไรมากมายเล่า”
หลู่เหวินหลงอบรมสั่งสอนพี่น้องที่เอาแต่บ่นพึมพำ..
“งดงามแล้วยังไง!นี่สามทุ่มแล้ว.. ดึกดื่นค่ำมืดแบบนี้ ยังจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์บนเขาเซียงซานได้งั้นรึ?! หากยังไม่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-9 ในยามค่ำคืนเช่นนี้ แม้แต่แสงสีแดงกับสีเหลืองก็ยังแยกไม่ออกเลยกระมัง?”
“ที่นี่ใกล้กับตัวเมืองปักกิ่ง!” หลู่เหวินหลงเอ่ยออกมาแต่ดูเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าจะบอกคนอื่น และในใจกลับคิดว่าที่นี่ยังใกล้กับคฤหาสน์ตระกูลหลิงมากที่สุดด้วย..
เวลาสามทุ่มตรงทั้งหมดต่างก็ขึ้นไปบนยอดเขาเซียงซาน แต่ไม่มีผู้ใดมีอาการเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย
“ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก!!”หลู่เหวินหลงยืนเอามือไขว้หลังพร้อมกับเอ่ยออกมา
“พี่หลง..นี่พี่มองเห็นสีของใบไม้บนนี้จริงๆรึ!”
พี่น้องสองสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆหลู่เหวินหลงเอ่ยถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ..
“เจ้างั่ง!!ข้าไม่ได้พูดถึงสีของใบไม้ แต่กำลังพูดถึงภาพเมืองปักกิ่งในยามค่ำคืนต่างหากเล่า!”
“…..”
ทุกคนได้ฟังถึงกับกรอกตาไปมา..
หลู่เหวินหลงไม่สนใจท่าทีของพี่น้องเขานั่งลงบนก้อนหินใหญ่พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ความคิดเห็นที่พวกเจ้าเสนอมาแต่ละอย่าง ข้าฟังแล้วรู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก!”
“พี่หลง..ถ้าเช่นนั้นพี่มีความเห็นเช่นใดก็เอ่ยออกมาเลยดีกว่า!”
หนึ่งในพี่น้องตอบโต้หลู่เหวินหลงทันที..
“อย่าลืมว่าเวลานี้พวกเราไม่ได้อยู่ในแก๊งมังกรเขียวแล้ว..!ประการแรก.. ท่านอาจารย์ไม่ต้องการให้พวกเราไปฉกชิงสิ่งของของผู้อื่น และประการที่สองท่านอาจารย์สั่งไว้ว่าอย่าได้ไปสร้างปัญหา..”
“คำสั่งของอาจารย์ทั้งสองข้อปิดหนทางที่คิดจะไปฉกชิงสิ่งของ..”
คำพูดของหลู่เหวินหลงทำให้ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบไปตามๆกันแต่แล้วใครคนหนึ่งก็ร้องตะโกนออกมาว่า
“หรือพี่จะให้พวกเราไปหาซื้องั้นรึ”
“เจ้าหุบปากไปเลย!”
หลู่เหวินหลงร้องตะโกนตอบกลับไปทันทีเขายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ของขวัญวันเกิด.. ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของเสมอไปไม่ใช่รึ!”
“พี่หลง..พี่เลิกพูดอ้อมค้อมเสียทีจะได้หรือไม่ บอกมาเลยดีกว่าว่าจะให้พวกเราทำอะไรกันแน่?”
หลู่เหวินยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปักกิ่งซึ่งเวลานี้สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
“ในเมืองปักกิ่งนี้มีผู้คนมากมายที่ยังคงเป็นหนี้ตระกูลหลิง ท่านอาจารย์ต้องการให้พวกเราไปทวงกลับคืนมาต่างหาก!”
ทุกคนในที่นั้นได้แต่ตกตะลึง!
หากหลิงหยุนอยู่ด้วยเวลานี้เขาจะต้องให้รางวัลหลู่เหวินหลงเป็นแน่ แต่น่าเสียดายที่เวลานี้หลิงหยุนมิได้อยู่ด้วย และเขาเซียงซานแห่งนี้ก็อยู่ห่างจากคฤหาสน์ตระกูลหลิงมากกว่าสิบกิโลเมตร จึงอยู่นอกเหนือรัศมีจิตหยั่งรู้ของเขา อีกทั้งเวลานั้น..ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่หลิงหยุนอยู่ในสวนของหลิงลี่ และกำลังใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางชำระร่างกายให้กับหลิงลี่และเหล่ากุ่ยอยู่พอดี จึงมิมีเวลามาสนใจเรื่องภายนอก
และหลังจากที่หลิงหยุนตัดสินใจที่จะปลดปล่อยศิษย์ทั้ง72 คน ซึ่งเสมือนกับหมาป่าให้ออกไปเพ่นพ่านแล้ว เขาก็มิได้สนใจว่าศิษย์ทั้ง 72 คนจะไปทำอะไรที่ใดบ้าง..
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะมิได้ยินย่อมต้องมีใครบางคนได้ยินเป็แน่!
“สวรรค์!มิน่าท่านผู้นำตระกูลจึงได้ส่งพวกเรามาคอยจับตาดูพวกเขาอย่างเงียบๆ ที่แท้พวกเขาก็คิดการใหญ่ถึงเพียงนี้นี่เอง!!”
ท่ามกลางความมืดมิด..หลิงอี๋ในชุดสีดำซ่อนตัวอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาเซียงซาน จึงได้ยินเสียงสนทนาบนยอดเขาได้อย่างชัดเจน
แทบมิต้องถามว่าหลิงอี๋หากลุ่มของหลู่เหวินหลงพบได้อย่างไรเพราะหากแม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 อีกทั้งยังได้รับการฝึกฝนจากองค์การนักฆ่ามาเป็นแรมเดือน ยังมิสามารถหาเป้าหมายขนาดใหญ่เช่นนี้พบ ก็คงไม่คู่ควรที่จะทำงานให้กับตระกูลหลิงต่อไปเป็นแน่
“เด็กหนุ่มเลือดร้อนใจใหญ่ ห้าวหาญเช่นนี้ ข้าชื่นชอบยิ่งนัก!”
หลิงอี๋เอ่ยออกมาอย่างชื่นชมจากนั้นจึงหันไปสั่งนักรับตระกูลหลิงสองคนด้านหลังว่า
“พวกเจ้าสองคนรีบแจ้งพี่น้องนักรบคนอื่นๆเล่าเรื่องที่ได้ยินในคืนนี้ให้พวกเขาฟังด้วย บอกทุกคนให้เตรียมพร้อม คืนนี้คงปั่นป่วนทั้งคืนแน่!”
หลิงอี๋ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา พวกเขาต่างก็ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากคนในปักกิ่งมามากมาย และคืนนี้คือคืนที่เขารอคอย!
“ลูกพี่..แล้วพวกเราต้องห้ามเด็กๆหรือไม่” หลิงสืออู่เอ่ยถาม “ไม่..ท่านผู้นำตระกูลบอกว่าให้พวกเราแอบมองอยู่เงียบๆเท่านั้น มิให้ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว ฮ่าๆๆๆ” หลิงอี๋เอ่ยตอบเพียงแค่นั้น
แต่ทั้งหลิงสือซื่อและหลิงสืออู่ต่างก็เข้าใจความหมายดี..
ความอัปยศที่ได้รับมาตลอดเกือบยี่สิบปีก็เพื่อรอคอยวันนี้!
“เด็กหนุ่มที่อยู่บนเขานั้นพรสวรรค์ของพวกเขาเป็นเช่นใดบ้างรึ!”
“เท่าที่ข้ารู้มา..พวกเขาเพิ่งได้รับการถ่ายทอดและฝึกฝนวรยุทธไม่ถึงสามเดือน แต่ทั้งหมดกลับสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว แม้สิ่งแวดล้อมในการฝึกฝนของพวกเขาจะเหนือกว่าพวกเราในสมัยก่อนมาก แต่หากพรสวรรค์ของพวกเขาไม่ดีจริง ต่อให้อาบพลังชีวิตทั้งวันทั้งคืน ก็คงยากที่จะก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ได้..”
“ท่านผู้นำตระกูลช่างตาแหลมยิ่งนักที่สามารถเลือกสรรลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ และมีเอกลักษณ์เช่นนี้ได้..” “หากหลู่เหวินหลงคิดเช่นนี้ได้ศิษย์คนอื่นๆที่เหลือก็ย่อมต้องคิดได้เช่นกัน!”
“เอาล่ะหลิงสืออู่เจ้ารีบกระจายข่าวออกไปให้พี่น้องของเรารู้ ข้าจะไปฟังดูว่าเด็กหนุ่มพวกนั้นคุยอะไรกันอีก!”
บนยอดเขาเวลานี้เด็กหนุ่มอีกสิบเอ็ดคนได้แต่นิ่งเงียบ หลังจากที่ฟังคำพูดของหลู่เหวินหลง..
จากนั้นต่างคนต่างก็เริ่มออกความเห็น..
“พี่หลง..ฉันยอมรับว่าความคิดพี่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่ทำได้ยากนัก!”
“ข้าได้ยินว่าในปักกิ่งมียอดฝีมือขั้นเซียงเทียนอยู่มากมายโดยเฉพาะยอดฝีมือตระกูลหลงกับตระกูลเย่ ทั้งสองตระกูลต่างก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ตระกูลหลิง แล้วฝีมืออย่างพวกเราจะไปทำอะไรกับสองตระกูลใหญ่นี้ได้”
เด็กหนุ่มทั้ง72 คนนั้น ทั้งหลิงเสี่ยวและหลิงหย่งเป็นผู้ที่ฝึกสอนวิชาให้ ฉะนั้น ตลอดเวลาร่วมหนึ่งเดือนนั้น พวกเขามิได้เพียงแค่ฝนฝนวรยุทธและพัฒนาขั้นพลังเท่านั้น แต่ยังได้รับรู้ประวัติตระกูลหลิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอีกด้วย รวมถึงเรื่องราวต่างๆในยุทธภพ..
ฉะนั้นแล้วเด็กหนุ่มเหล่านี้จึงมิได้ยะโสโอหังแบบดวงตามืดบอด ทั้งหมดต่างก็รู้ถึงความสามารถของตนเองดี..
เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหลู่เหวินหลงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า“พี่หลง.. พี่บอกพวกเรามาตรงๆได้หรือไม่ว่า จะให้พวกเราไปที่ไหน และทำอะไร”
“แทบไม่ต้องพูดถึงตระกูลหลงกับตระกูลเย่ในปักกิ่งมีตระกูลต่างๆอยู่หลายร้อยตระกูล พวกเราไม่รู้แม้กระทั่งเป็นใคร และอยู่ที่ใดบ้าง..”
“นั่นน่ะสิพี่หลง!!ข้าว่าพี่ใจร้อนเกินไปที่รีบเร่งออกมาก่อนเช่นนี้ พวกเราน่าจะได้สอบถามซานชีเสียก่อน”
ใครบางคนถอนหายใจพร้อมกับตำหนิหลู่เหวินหลงที่ใจร้อนและซานชีที่เด็กหนุ่มพูดถึงนั้น ก็คือหลิงซานชีซึ่งทำหน้าที่ส่งเสบียงไปที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ตระกูลหลิงนั่นเอง
“ขืนข้าถามซานชี..คนอื่นๆก็รู้และพากันทำตามจนหมดน่ะสิ!”
“แต่ปักกิ่งกว้างใหญ่นัก..พวกเราพบเจอปัญหาเข้าแล้วล่ะ..”
หลู่เหวินหลงยกมือขึ้นเกาศรีษะจากนั้นจึงนั่งลงขัดสมาธิพร้อมกับเอ่ยว่า “ที่นี่บรรยากาศเงียบสงบ พวกเจ้านั่งลงฝึกวิชาไปพลางๆก่อน ขอเวลาให้ข้าครุ่นคิดหาหนทางสักครู่..”
เด็กหนุ่มทั้งหมดต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยควางงุนงงเมื่อเห็นหลู่เหวินหลงนั่งหลับตา ทั้งหมดจึงได้แต่นั่งลง และทำเช่นเดียวกัน
….
“หึ..เจ้าเด็กพวกนี้ บีบให้ข้าต้องปรากฏตัวจนได้สินะ!” หลิงอี๋ที่แอบฟังอยู่ถึงกับบ่นพึมพำออกมาก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนยอดเขาทันที
“หลู่เหวินหลง..เจ้ามิต้องคิดแล้ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง!”
หลิงอี๋ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับร้องตะโกนบอก
และในคืนนั้นนักรบตระกูลหลิง และศิษย์ของหลิงหยุน ก็ได้แยกย้ายกันออกไปตามถนนทั้งหกเส้นในปักกิ่ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร