บทที่ 1517 : ข้าวใหม่ปลามันอีกครา
“เช่นนั้นลูกขอตัว..”
หลิงหยุนไม่รอช้ารีบร่ำลาหลิงเสี่ยวในทันที จากหลิงหยุนก็ได้เดินออกจากห้องบรรพชนตระกูลหลิง และหายวับไปจากบริเวณนั้นทันที
พรึบ..
ร่างของหลิงหยุนมาปรากฏอีกครั้งภายในสวนชั้นที่สามเขาค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าบ้าน ก่อนจะใช้พลังจิตเคลื่อนก้อนหินสร้างเป็นค่ายกลสกัดดวงจิตขนาดเล็กไว้รอบบ้าน เพื่อมิให้ผู้ใดสามารถใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปด้านในได้
การที่หลิงหยุนทำเช่นนี้หาใช่เพราะเห็นสมาชิกตระกูลหลิงเป็นคนนอก แต่เขายังจดจำคืนวันหมั้นหมายระหว่างเขากับเกาเฉินเฉินได้ดี เสียงร้องของพวกเขาทั้งคู่ในคืนนั้น ได้สร้างปัญหาตามมามากมาย ครั้งนี้หลิงหยุนจึงไม่ลืมที่จะสร้างค่ายกลปกปิดไว้ หาไม่แล้ววันรุ่งขึ้น เกาเฉินเฉินคงจะต้องเขินอายจนมิกล้าออกนอกบ้านเป็นแน่!
บทเรียนในครั้งนั้นหลิงหยุนไม่มีวันลืมได้เป็นแน่!
“หลิงหยุนนี่เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออกใบหน้างดงามของเกาเฉินเฉินก็สดใสขึ้นมาทันที ดวงตาคู่นั้นของนางบ่งบอกถึงความสุขยิ่ง
สำหรับเกาเฉินเฉินแล้วการกลับเข้าตระกูลหลิงของหลิงหยุน ยังมิถือเป็นการกลับบ้านอย่างแท้จริง นั่นเป็นเพียงแค่การกลับมาเยี่ยมเยียนครอบครัวเท่านั้น แต่การที่หลิงหยุนกลับเข้าบ้านต่างหาก ที่นางจะรู้สึกว่าเขาได้กลับมาบ้านแล้วอย่างแท้จริง
“อืมม..กลับมาแล้ว!”
หลิงหยุนอ้าแขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างของเกาเฉินเฉินไว้ทันที
ทั้งคู่โอบกอดกันอย่างแนบแน่นใกล้ชิดต่างคนต่างรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น และหัวใจที่เต้นถี่และรุนแรงขึ้นของอีกฝ่าย ต่างฝ่ายต่างปลอบประโลมกันให้หายเจ็บปวด จากการที่ต้องคิดถึงและโหยหากันมานาน
“ความจริงเจ้าน่าจะบอกข้าล่วงหน้าว่าเจ้าจะกลับมา ข้าจะได้อยู่รอเจ้าที่บ้าน”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดเกาเฉินเฉินก็ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของหลิงหยุน นางเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับตำหนิทันที
“หากข้าบอกเจ้าก่อนเจ้าก็ไม่ตื่นเต้นน่ะสิ!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“โทรศัพท์มือถือก็สร้างปัญหาน่าปวดหัวให้ข้ามากมาย ข้าจึงมิอยากจะใช้มันอีกแล้ว”
“ข้ารู้น่า!”เกาเฉินเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ “เจ้าคงเกรงว่ามันจะกินเวลาฝึกฝนของเจ้าสินะ”
“เจ้าช่างฉลาดนัก!”
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับบอกเกาเฉินเฉินด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ“เวลานี้ ทั่วทั้งประเทศจีน ทั้งเหนือจรดใต้ ตะวันออกจรดตะวันตก ภายในระยะทางกว่าห้าพันกิโลเมตร ข้าสามารถเหาะไปได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง..”
“ห๊ะ!!เร็วถึงเพียงนั้นเชียวรึ!!”
เกาเฉินเฉินร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
หลิงหยุนมิได้โอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใดสองสามวันก่อนหน้านี้ที่หลิงหยุนเหาะจากจิงฉูไปหมู่บ้านบ้านเหมี่ยวนั้น ระยะทางหนึ่งพันสี่ร้อยกิโลเมตร เขายังใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที ฉะนั้นแล้ว ระยะทางเจ็ดพันกิโลเมตร เขาก็ใช้เวลาเพียงแค่ห้าสิบนาทีเท่านั้น
อีกทั้งก่อนหน้านั้นเขาก็พาเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเหาะไปพร้อมกันด้วย หากเขาเหาะไปคนเดียวแล้วล่ะก็ ระยะทางห้าพันกิโลเมตรในหนึ่งชั่วโมงนั้น เขามิจำเป็นต้องเหาะไปด้วยกำลังสูงสุดของตนเองด้วยซ้ำ
“….” เกาเฉินเฉินถึงกับนิ่งอึ้งไปและค้างอยู่ในท่าเดิมเช่นนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ปรบมือด้วยความดีอกดีใจ พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเจ้าก็ไป ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใดของประเทศนี้ ก็สามารถกลับมาบ้านได้ทุกวันสินะ!”
หลิงหยุนจ้องมองใบหน้าของเกาเฉินเฉินพร้อมกับยิ้มขื่นก่อนจะรีบอธิบายต่อว่า “การเหาะไปตามที่ต่างๆนั้น จำเป็นต้องใช้เสินหยวนในการเร่งความเร็ว หากทำเช่นนั้นจะมิเป็นการทรมานตนเอง และใช้เสินหยวนไปอย่างเปล่าประโยชน์หรอกรึ”
และความจริงก็เป็นเช่นนั้นแม้แต่นกที่บินอยู่บนท้องนภา ยังต้องใช้พละกำลังของร่างกาย ประสาอะไรกับมนุษย์ที่เหาะอยู่บนท้องนภาเล่า..
“เอิ่ม..”
เกาเฉินเฉินถึงกับนิ่งอึ้งไปและเห็นว่าคำพูดของหลิงหยุนนั้นมีเหตุมีผล หากเขาต้องเหาะกลับไปกลับมาเช่นนี้ทุกวัน ความสุขเล็กน้อยของตนคงต้องมีมูลค่ามหาศาล และมีต้นทุนที่สูงยิ่ง!
เกาเฉินเฉินเองก็เดินอยู่บนเส้นทางบ่มเพาะพลังนางจึงเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่า การจะกลั่นเสินหยวนสักหยดนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่ง และกว่าที่หลิงหยุนจะฝึกฝนมาจนถึงขั้นนี้ได้นั้น ย่อมมิใช่เรื่องง่ายเลย หลังจากใคร่ครวญ นางก็ยิ่งเข้าใจหลิงหยุนมากขึ้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้เกาเฉินเฉินก็ถึงกับหน้าแดงก่ำ นางก้มหน้าลงด้วยความเขินอายพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา
“ข้าไม่อดทนและคิดถึงแต่ความต้องการของตนเองมากจนเกินไปสินะ..”
“เอาล่ะ..เช่นนั้นก็รีบเข้าห้องนอนกันดีกว่า!!”
ระหว่างที่เอ่ยออกไปนั้นหลิงหยุนก็โน้มตัวลงช้อนร่างของเกาเฉินเฉินขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที เกาเฉินเฉินตาโตเมื่อหลิงหยุนวางร่างของตนลงบนเตียงพร้อมกับกระซิบเสียงเบา “ยิ่งห่างกันไกล ก็จะยิ่งเหมือนข้าวใหม่ปลามัน..”
“รีบๆพักผ่อนกันดีกว่าพรุ่งนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากมาย..” หลิงหยุนจ้องมองเรือนร่างของเกาเฉินเฉิน พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“เดี๋ยวก่อน..”
เกาเฉินเฉินรีบร้องห้ามเสียงหลงพร้อมกับบอกไปว่า “ข้ายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกับเจ้าก่อน..”
“เรื่องสำคัญอะไรรึ!”
หลิงหยุนจ้องหน้าเกาเฉินเฉิน“ยังมีเรื่องสำคัญอะไรอีก! ตั้งแต่ข้ากลับมา ก็ได้ฟังเรื่องสำคัญมากมายไปกว่าครึ่งวันแล้ว..”
เกาเฉินเฉินมองค้อนพร้อมกับกล่าวตอบไปว่า“หึ.. เรื่องสำคัญนี้เป็นเจ้าก่อขึ้นเอง!”
“..!!เรื่องอันใดรึ?!” หลังจากได้ยินน้ำเสียงของเกาเฉินเฉินเขาก็ไม่กล้าล้อเล่นอีกเลย “ได้ๆ ข้าตั้งใจฟังแล้ว!”
“งานเลี้ยงวันเกิดของท่านพ่อพรุ่งนี้เจ้าเตรียมการเรียบร้อยดีแล้วรึ!”
หลังจากที่เกาเฉินเฉินเข้ามาอยู่ในตระกูลหลิงได้ช่วงเวลาหนึ่งนางก็คุ้นเคยกับทุกคนในตระกูลหลิงเป็นอย่างดี และคำเรียกขานต่งยั่วหลานและหลิงเสี่ยวก็ได้เปลี่ยนไปด้วย
หลิงหยุนยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว“ย่อมต้องเรียบร้อย และที่ข้ากลับปักกิ่งคราวนี้ก็เพราะเรื่องนี้!”
“แต่ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเองเวลานี้หลี่จวิ้นหัวรับอาสาเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้ และหากเทียบกับข้าแล้ว เขาย่อมต้องทำออกมาได้ดีกว่าข้าเป็นแน่!”
เกาเฉินเฉินได้แต่ยิ้มและบอกกับหลิงหยุนไปว่า“ก่อนที่ข้าจะกลับมา ข้าได้ยินท่านปู่บอกว่า พรุ่งนี้จะมีแขกต่างชาติมาร่วมอวยพรท่านพ่อด้วยมากมาย” “แขกต่างชาติงั้นรึ!”
หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยความสนอกสนใจก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจ “ท่านพ่อของข้าเลี้ยงฉลองวันเกิดเท่านั้น จะมีชาวต่างชาติมาเกี่ยวข้องได้อย่างไรกัน”
“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง..”
แววตาของเกาเฉินเฉินเป็นประกายในขณะที่เอ่ยกับหลิงหยุน“ท่านพ่อของข้าบอกว่า หลายวันมานี้มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตมากมาย เข้ามาสอบถามเรื่องงานวันเกิดของท่านพ่อ มีทั้งเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตสหรัฐอเมริการ บางประเทศใน EU อ่อ.. แล้วก็ญี่ปุ่นด้วย..”
“อืมม..น่าสนใจ!”
หลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่บนเตียงมังกรเอ่ยออกมาด้วยความสนอกสนใจ เพราะทุกประเทศล้วนมีทั้งสหายและศัตรู แต่ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ หลิงหยุนมิได้ใส่ใจกับคนเหล่านี้นัก “เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะฐานะของตระกูลหลิงเวลานี้แต่ข้าเองก็มิรู้ว่า บุคคลที่จะมาในงานเลี้ยงพรุ่งนี้ ผู้ใดจะเป็นศัตรู หรือเป็นมิตรบ้าง คงต้องรอดูอีกที..”
“ส่วนชาวต่างชาติที่จะมานั้นแน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นย่อมมาในฐานะศัตรูแน่ ไหนจะเรื่องแวมไพร์ทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารของเจ้าอีก..”
เกาเฉินเฉินวิเคราะห์ให้หลิงหยุนฟัง..
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน..”
หลิงหยุนพยักหน้าก่อนจะเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย เรื่องเล็กๆน้อยๆทั้งนั้น”
หลิงหยุนหรี่ตาพร้อมกับกล่าวต่อว่า“ในวันพรุ่งนี้ ทุกคนที่มาล้วนต้องแสดงความเป็นมิตร มากกว่าจะเปิดเผยธาตุแท้ของตนเองออกมา..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าหากมาอย่างเป็นมิตรก็ได้ดื่มไวน์ แต่หากมาหาเรื่องเขาก็จะต้อนรับด้วยปืนลูกซองแทน “เห็นเจ้ามั่นใจเช่นนี้ข้าก็สบายใจ..” เกาเฉินเฉินเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกโล่งใจ
“อ่อ..ยังมีอีกเรื่อง!”
“เรื่องอะไรอีกเล่า!”
หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับใช้พลังจิตดับไฟในห้องลง แล้วหันไปบอกกับเกาเฉินเฉินว่า
“มีเรื่องอะไรไว้ค่อยพูดวันพรุ่งนี้..”
เวลานี้หลิงหยุนไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้นเกาเฉินเฉินเข้าใจความหมายได้ดี จึงได้แต่กระซิบถามเสียงเบา
“หลิงหยุน..นี่เจ้าสร้างค่ายกลไว้แล้วหรือไม่”
“เรียบร้องตั้งแต่ก่อนเข้าบ้านแล้ว!”
หลังจากนั้นคู่รักข้าวใหม่ปลามันก็ได้เข้าห้องหอกัน แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งคืน..
…….
ในค่ำคืนเดียวกันนี้.. ในเมืองจิงฉูมณฑลเจียงหนาน
“นี่มันอะไรกัน!ฉันควรต้องนั่งเครื่องไปปักกิ่งไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมถึงต้องกลับมาจิงฉูด้วย ถังเมิ่งบ่นพึมพำด้วยความโมโห!”
ในเวลานั้นถังเมิ่งนั่งอยู่บนโซฟาภายในบ้านเลขที่-1 มือสองข้างกุมศรีษะหน้าเศร้า พร้อมกับบ่นพึมพำ
เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก..
เสียใจมากจริงๆ!!
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร