บทที่ 1519 : ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
วันที่9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน
วันเทศกาลฉงหยาง..
ในตำราอี้จิ้งซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงเลข 6 หมายถึงหยิน และเลข 9 หมายถึงหยาง ซึ่งตัวเลขทั้งสองนี้ถือเป็นเลขมงคลของจีนทั้งคู่ ส่วนคำว่า ‘ฉง’ นั้นมีความหมายว่าคู่ จึงเรียกวันที่ 9 เดือน 9 ว่า ‘ฉงหยาง’ นั่นเอง
เทศกาลฉงหยางนี้มีมานานกว่าสองพันปีแล้วและนับเป็นเทศกาลใหญ่ของชาวจีนในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง
และในวันเกิดของหลิงเสี่ยวแห่งตระกูลหลิงก็ตรงกับวันนี้พอดี..
เมื่อรุ่งอรุณใหม่มาเยือนผู้คนในตระกูลหลิงไม่ว่าผู้ใด ต่างก็ตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใส ต่างคนต่างทักทายกันด้วยความสดชื่น
นั่นเพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าวันนี้นับเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของคนตระกูลหลิง นอกเหนือจากจะเป็นวันเกิดของคุณชายสามแห่งตระกูลหลิงแล้ว วันนี้ยังเปรียบเสมือนวันที่ตระกูลหลิงได้ประกาศขึ้นมาผงาดอย่างเป็นทางการในครั้งแรก และเป็นวันที่ตระกูลหลิงได้ขึ้นไปอยู่ในฐานะตระกูลที่ทุกคนในประเทศต่างก็ให้ความเคารพอีกครั้ง
มิรู้ว่าเป็นเพราะเทพเจ้าดลบันดาลหรืออย่างไรท้องนภาในยามนี้จึงได้สดใสไร้ซึ่งเมฆหมอก ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใสประหนึ่งกระจก ลมเย็นสดชื่นพัดโชยมาเป็นครั้งคราว นำความสดชื่นมาสู่คนตระกูลหลิงที่เวลานี้ตื่นเต้นกันอย่างมาก
แม้เมื่อคืนจะเป็นคืนข้าวใหม่ปลามันของคู่รักที่เพิ่งกลับมาพบกันอีกครั้งแต่หลังจากร่วมรักกันไปแล้ว เกาเฉินเฉินก็คะยั้นคะยอให้หลิงหยุนรีบนอนหลับพักผ่อนทันที
ในวันนี้เกาเฉินเฉินก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้า และกำลังง่วนอยู่กับการค้นตู้เสื้อผ้า เพื่อหาชุดที่เหมาะสมจะสวมใส่ในงานวันนี้ให้กับหลิงหยุน
“นี่เจ้ากำลังหาอะไร”
หลิงหยุนตื่นขึ้นมาแล้วแต่ก็คร้านที่จะลุกจากเตียง จึงได้แต่ร้องตะโกนถามออกไป..
“ข้าก็กำลังหาเสื้อผ้าให้เราสองคนอยู่น่ะสิวันนี้เป็นวันเกิดของท่านพ่อทั้งที พวกเราคงต้องสวมใส่ชุดที่เหมาะสม เพื่อเป็นการให้เกียรติท่านพ่อ..”
หลิงหยุน“…..”
“ไม่ต้องหาแล้ว..ในแหวนของข้ามีเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมามากมาย เดี๋ยวหยิบออกมาใส่สักตัวก็ได้แล้ว..”
เกาเฉินเฉินดูเหมือนจะทำหูทวนลมนางยังคงรื้อค้นตู้เสื้อผ้าต่อไม่หยุด ก่อนจะหันไปยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับตอบไปว่า
“ไม่ล่ะ..เสื้อผ้าของเจ้าล้วนเป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ยังไม่เคยแกะไปซักรีดเลยสักครั้ง แกะมาก็มีแต่รอยพับ ดูไม่เรียบร้อย” หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเวลานี้เกาเฉินเฉินดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก
“เจ้าลุกจากเตียงได้แล้วจะได้มาลองเสื้อเชิ้ตตัวนี้..”
เกาเฉินเฉินเลือกได้เสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งและคะยั้นคะยอให้หลิงหยุนลุกขึ้นมาลอง หลิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำ
“เฮ้อ..ช่างดูวุ่นวายนัก!”
แต่หลิงหยุนก็ทำได้เพียงแค่นั้นและในที่สุดก็ต้องลุกไปลองเสื้อผ้าอยู่ดี ปากก็พร่ำบ่นว่า “ความจริงไม่ต้องลองก็ได้ ข้าใส่ได้หมดล่ะ นี่ตื่นเช้ามาข้ายังไม่ได้ฝึกวิชาเลยแม้แต่น้อย..”
สำหรับหลิงหยุนแล้วการฝึกฝนวิชานับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง แม้แต่งานวันเกิดของหลิงเสี่ยวก็ไม่อาจหยุดยั้งการฝึกฝนวิชาของเขาได้
ในบรรดาคนทำงานที่จัดอยู่ในกลุ่มบ้างานนั้นยังเทียบไม่ได้กับหลิงหยุนที่บ้าฝึกวิชา!
ยิ่งในวันที่9 เดือน 9 ซึ่งมีทั้งพลังสุริยะและจันทรากล้าแกร่งเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นวันที่พลังหยางหนาแน่นที่สุดวันหนึ่ง เหมาะแก่การที่หลิงหยุนจะปรับร่างกาย และบ่มเพาะพลังชี่ยิ่งนัก และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้แน่!
“เจ้าลองเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ไปฝึกวิชาจากนั้นค่อยกลับมาอาบน้ำแต่งตัวก็ยังทัน..”
หลิงหยุนจำต้องลุกขึ้นมาลองเสื้อผ้าที่เกาเฉินเฉินจัดหาให้และเขาก็สวมใส่ได้อย่างพอดีทุกชิ้น
“เห็นหรือไม่ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ต้องลอง สามีของเจ้ามีเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ใส่อะไรก็น่าดูน่ามองไปหมด!”
เกาเฉินเฉินจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข“อืมม.. นับว่าเจ้าเองก็ไม่ได้โอ้อวดเกินจริงนัก..” “เช่นนั้นข้าจะรีบออกไปฝึกวิชาก่อน..”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคดีนักร่างของหลิงหยุนก็หายไปจากบ้านทันที และเวลานี้ร่างของเขาก็ได้เหาะอยู่เหนือคฤหาสน์ตระกูลหลิง
เวลาตีห้าครึ่ง..
หากมองจากพื้นเบื้องล่างขึ้นไปบนท้องนภาจะพบว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างเจิดจ้าดีนัก แต่เหนือจากพื้นดินไปหลายกิโลเมตรนั้น กลับสว่างไสวไปด้วยแสงสว่างของดวงตะวัน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่บนยอดเขา ที่จะต้องได้เห็นแสงแรกก่อนผู้ที่อยู่ด้านล่าง
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิเหาะอยู่กลางผืนนภาว่างเปล่าหันหน้าเข้าหาแสงอรุณที่ส่องมาทางทิศตะวันออก ในเช้าที่พลังหยางหนานแน่นเป็นพิเศษเช่นนี้ แน่นอนว่าหลิงหยุนต้องฝึกวิชาดาราคุ้มกายก่อนสิ่งอื่น!
เมฆสีแดงกุหลาบที่เปล่งประกายเจิดจ้านี้ทำให้การฝึกฝนของหลิงหยุนก้าวหน้าไปได้ไกลอย่างน่าประหลาด “รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนลืมตาขึ้นหลังจากฝึกวิชาไปร่วมสองชั่วโมงแววตาคู่งามของเขาเป็นประกายลึกล้ำยิ่ง..
“น่าแปลกจริงๆคิดไม่ถึงว่าการฝึกในวันฉงหยางนี้ จะได้ผลรวดเร็วจากเดิมถึงสองเท่า..”
และในวันนี้หลิงหยุนก็ตระหนักแล้วว่า ในวันที่ 5 เดือน 5 วันไหว้พระจันทร์ และวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคตินั้น หากสามารถเลือกฝึกวรยุทธบ่มเพาะที่เหมาะสมได้ จะช่วยให้คนผู้นั้นก้าวหน้าได้รวดเร็วมากขึ้น
หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามประหนึ่งสรวงสวรรค์นั้นพร้อมกับพึมพำเบาๆ “หรือเทพเจ้าองค์ใดจงใจทำให้วันเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ฝึกวรุยทธบ่มเพาะ..”
“หากเป็นเช่นนั้นจริงไม่แน่ว่าในการรับทัณฑ์สวรรค์ของท่านพ่อกับท่านปู่ในคืนนี้ อาจได้รับประโยชน์อย่างมากมายเกินกว่าที่จะคาดคิด!” หลิงหยุนคาดเดาด้วยความดีอกดีใจจากนั้นจึ้งก้มลงมองไปที่ผืนดินเบื้องล่างผ่านเนตรหยิน–หยาง เขาค่อยๆเคลื่อนสายตาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิง ไปที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ตระกูลหลิง โรงงานผลิตยุทธภัณฑ์ตระกูลหลิง ที่ทำการของหน่วยนภา และไปหยุดอยู่ที่พระราชวังต้องห้าม
หลิงหยุนสำรวจไปทีละแห่งและท้ายที่สุดก็ไม่ลืมที่จะสำรวจเข้าไปภายในคฤหาสน์ตระกูลหลง และตระกูลเย่ด้วย..
“ฮ่าๆๆทั้งสองตระกูลคงจะวุ่นวายเตรียมการกันทั้งคืนสินะ ไม่รู้ว่าวันนี้พวกเขาจะส่งผู้ใดมาร่วมงานกันแน่ แต่คงจะมีไม่ธรรมดาเป็นแน่!”
หลังจากที่คิดถึงผลงานชิ้นเอกของตนเมื่อคืนนี้หลิงหยุนก็อดที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ จากนั้นจึงได้เหาะกลับลงไปที่บ้านของตนเองดังเดิม
หลิงหยุนกลับเข้าบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมใส่ชุดที่เกาเฉินเฉินได้ตระเตรียมไว้ให้ ซึ่งเป็นชุดสูท รองเท้าหนัง ตามแบบธรรมเนียมชาวตะวันตก!
เกาเฉินเฉินเองก็แต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกันนางสวมใส่ชุดที่เรียบร้อยงดงามเข้ากับหลิงหยุน จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกจากบ้านไปทักทายหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และหลิงเย่วที่บ้าน
เวลาแปดนาฬิกาสิบห้านาที..
หลังจากที่คนในตระกูลรับประทานอาหารเช้าร่วมกันเสร็จแล้วบรรดาเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงก็ได้ร่วมประชุมกันอีกครั้ง เพราะอีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง แขกเหรื่อก็จะเริ่มทะยอยกันมาแล้ว ทุกคนจึงต้องประชุมกันเพื่อหารือเรื่องการต้อนรับอีกที
แน่นอนว่าแขกเหรื่อมาถึงบ้าน เป็นหน้าที่ของเจ้าภาพที่จะต้องต้อนรับขับสู้ทุกคนให้ได้รับความพอใจ
ภายในห้องประชุม..
ทุกคนในห้องไม่ว่าจะเป็นหลิงเสี่ยวหลิงเย่ว หลิงหย่ง หลิงเฟิง หลิงเลี่วย หลิงซิ่วและหลิงซวี่ หรือแม้แต่เหล่ากุ่ย ทุกคนต่างก็เอ่ยทักทายหลิงลี่กันเป็นเสียงเดียว
เวลานี้เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงล้วนก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทายาทรุ่นเยาว์ แต่ละคนล้วนเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนกันหมดแล้ว ส่วนเหล่ากุ่ยนั้น แม้จะไม่ใช่ทายาทตระกูลหลิง แต่ก็เป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของตระกูลหลิง และมีความสนิทสนมกับหลิงเสี่ยวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีหน้าที่ดูแลหลายสิ่งหลายอย่างภายในตระกูลหลิง หากไม่มีเขาร่วมประชุมด้วยแล้ว คงจะไม่เป็นการดีนัก
และแน่นอนว่าหลิงหยุนและเกาเฉินเฉินย่อมต้องเข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน!
หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันและทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วต่างก็แยกย้ายกันนั่งประจำตำแหน่ง และเริ่มประชุมปรึกษาหารือกันทันที
“ท่านพ่อข้าได้จัดเตรียม และสั่งการทุกคนไว้เรียบร้อยแล้ว!” หลิงเย่วเป็นฝ่ายเปิดปากพูดเป็นคนแรก..
“เยี่ยมมาก!”
หลิงลี่พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยต่อว่า“เจ้าเป็นพ่องานในวันนี้ ทุกอย่างก็แล้วแต่เจ้า ส่วนข้า.. วันนี้คงต้องดื่มฉลองให้เต็มที่!”
ระหว่างที่พูดนั้นหลิงลี่ก็หันไปเตือนหลิงเสี่ยวด้วยสายตา เพราะเกรงว่าหลิงเสี่ยวจะห้ามมิให้เขาดื่มอีก
วันนี้หลิงลี่มีความสุขอย่างมากนอกจากจะเป็นวันที่ตระกูลหลิงได้ประกาศตัวกลับมาผงาดในประเทศนี้อีกครั้งแล้ว คืนนี้ยังจะเป็นคืนที่เขารับทัณฑ์สวรรค์ด้วย และหลังจากรับทัณฑ์สวรรค์แล้ว การจะฝึกฝนจนเข้าสู่ด่านสุดท้ายขั้นเซียงเทียนอย่างที่เขาเคยใฝ่ฝันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรอีก
ทุกคนในห้องได้แต่นั่งยิ้มส่วนหลิงเสี่ยวเองก็ได้แต่นั่งเงียบเมื่อเห็นสายตาของหลิงลี่
“อะแฮ่ม..อะแฮ่ม..”
หลิงเย่วกระแอมเบาๆก่อนจะเปิดประเด็นใหม่ “ในเมื่อครั้งนี้ตระกูลหลิงของเรามิได้ส่งเทียบเชิญออกไป ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ฐานะใด ก็ล้วนแล้วแต่สามารถเข้าตระกูลหลิงของเราได้”
หลิงหยุนพยักหน้าเห็นด้วยในเมื่อทุกคนตั้งใจที่จะมาร่วมอวยพรวันเกิดให้หลิงเสี่ยว และงานก็จัดขึ้นภายในตระกูลหลิง หากพวกเขาไม่มาที่นี่ จะให้พวกเขาไปที่ใดกันอีกเล่า
“เท่าที่ข้ารู้..วันนี้จะมีแขกมาร่วมงานมากมายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อาจเรียกได้ว่าผู้ใดที่มีคุณสมบัติพอที่จะล่วงรู้เรื่องนี้ ย่อมต้องอยากจะมากันทุกคน..”
“ในเมื่อจะมีแขกเหรื่อมาจากทั่วทุกสารทิศเช่นนี้แน่นอนว่าเพียงแค่ตระกูลหลิงของเรา คงไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะต้อนรับทุกคนได้หมดแน่”
“ฉะนั้นแล้วแขกที่จะมาร่วมงานในครั้งนี้ หลี่จวิ้นหัวจะเป็นผู้จัดการคัดสรร และแบ่งแยกตามกลุ่ม.. สหาย คนแปลกหน้า และพิจารณาตามฐานะของแต่ละคนไป..” หลิงลี่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับขมวดคิ้วและรีบค้านขึ้นทันที “ทำเช่นนั้นจะดีรึ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด ฐานะเช่นใด ในเมื่อมาถึงตระกูลหลิง ทุกคนต่างก็เป็นแขกของเราทุกคน..”
หลิงเย่วถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่เหลือบมองหลิงหยุนเพื่อของความช่วยเหลือ..
หลิงหยุนจึงได้กล่าวขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ท่านปู่ การที่ท่านลุงต้องทำเช่นนี้ เพราะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ข้าเองก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร..”
“ท่านปู่อย่าลืมว่าแขกที่จะมาในวันนี้มิได้มีแต่ตระกูลหลง ตระกูลเย่ หรือคนของหน่วยนภากับหน่วยมังกรเท่านั้น ยังจะต้องมีคนสำคัญๆของตระกูลเก่าแก่ และสำนักต่างๆอีกมากมายในยุทธภพ..”
“อ่อ..ยังต้องมีเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลจีน คนในแวดวงธุรกิจ ตัวแทนจากสถานฑูตต่างๆ แล้วก็อีกมากมาย เช่นนี้แล้วพื้นที่ภายในตระกูลหลิงของเราจะรองรับแขกทั้งหมดได้อย่างไรกันเล่า” หากแขกทั้งหมดที่มาไม่ถูกแบ่งแยกไปตามกลุ่มแต่กลับเข้ามารวมกันอยู่ที่เดียว คงจะไม่เหมาะสมยิ่งนัก
“อืมม..หลิงหยุนกล่าวมีเหตุผล เช่นนั้นก็ดำเนินการตามนั้น!”
หลิงเย่วพยักหน้าและเอ่ยต่อทันที“ข้าได้ปรึกษากับหลี่จวิ้นหัวแล้วว่า ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิงของเรานั้น หลิงอี๋และหลิงชีจะรับหน้าที่ต้อนรับแขกสำคัญด่านหน้าก่อนนำส่งมาให้ข้า และหากเป็นระดับผู้นำตระกูลของตระกูลใหญ่มา เป็นหน้าที่ของหลิงหยุนที่ต้องไปต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง..”
หลิงลี่ได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่พยักหน้าแต่ก็อดที่จะถามออกไปไม่ได้ “แล้วข้าล่ะ!”
“ท่านพ่อท่านมิจำเป็นต้องออกไปต้อนรับผู้ใด หากคนผู้นั้นมีคุณสมบัติทัดเทียมกับท่าน พวกเขาจะเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายท่านพ่อเอง หาไม่แล้วท่านพ่อก็มิจำเป็นต้องออกไปทักทายผู้ใด!”
หลิงลี่ยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งตระกูลหลงส่งตัวแทนมา เขายังต้องออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง
แต่เวลานี้..ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!
หลิงลี่ได้แต่เอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข“ดีๆ ฮ่าๆๆๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร