บทที่ 1520 : ศักดิ์ศรีผู้นำตระกูล
หลิงเย่วยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวต่อ“ส่วนเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ ตระกูลหลิงของเราไม่จำเป็นต้องกังวลใจ”
“เป็นเรื่องที่ตระกูลหลี่รับผิดชอบดูแลเองทั้งหมดหลี่จวิ้นหัวได้จัดเตรียมทีมพนักงานต้อนรับระดับมืออาชีพมานับสิบคน แขกนอกเหนือจากที่พูดมาก่อนหน้านี้ ทีมพนักงานต้อนรับจะพามาส่งให้หลิงเฟิงกับหลิงซิ่ว พวกเจ้าก็ค่อยพาทุกคนไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้อีกที..”
ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าแขกที่มาในวันนี้จะเป็นผู้ใด ฐานะเช่นใด ตระกูลหลิงย่อมมีผู้ที่จะออกไปต้อนรับอย่างเหมาะสม และนำแขกแยกย้ายไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ต่อไป
แขกที่มาในงานวันนี้สามารถกินดื่มกันได้อย่างเต็มที่ และจะมีพนักงานคอยบริการอยู่ตลอดเวลา แต่หากต้องการที่จะมาสนทนาสร้างสัมพันธไมตรีกับตระกูลหลิงอย่างจริงจังแล้วล่ะก็ คงจะยาก เพราะวันนี้สมาชิกตระกูลหลิงล้วนแล้วแต่ไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้น
โรงแรมที่ตระกูลหลี่จัดเตรียมไว้ต้อนรับแขกนั้นก็คือโรงแรมปันกูเซเว่นสตาร์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ใหญ่โตและหรูหราที่สุดในปักกิ่ง โรงแรมนี้มีระดับเทียบเท่ากับโรงแรมปันกูในดูไบเลยทีเดียว
ด้วยสายสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยมระหว่างตระกูลหลิงและตระกูลหลี่เวลานี้หลี่จวิ้นหัวทุ่มเงินเหมาโรงแรมแห่งนี้เป็นเวลาติดต่อกันถึงสามคืน เพื่อมิให้เกิดข้อบกพร่องในการรับรองแขกเหรื่อครั้งนี้
เรียกได้ว่าไม่ให้กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียง และฐานะของตระกูลหลิงในเวลานี้ได้เป็นแน่
ด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังของหลี่จวิ้นหัวในการตระเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับหลิงเสี่ยวครั้งนี้ ไม่เพียงหลิงเย่วจะพอใจอย่างมาก แม้แต่หลิงหยุนเองก็พอใจมากเช่นกัน นั่นเพราะหลี่จวิ้นหัวไม่เพียงใช้เงินจำนวนมากแต่ยังใช้สรรพกำลัง และอำนาจทั้งหมดที่ตระกูลหลี่มีเพื่องานนี้!
หลังจากหลิงเย่วอธิบายจนจบแล้วหลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ แม้กระทั่งหลิงลี่ยังอดที่จะเอ่ยออกมาไม่ได้
“ง่ายถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงเย่วยิ้มพร้อมกับพยักหน้า“ง่ายเช่นนี้ล่ะท่านพ่อ!”
“โรงแรมปันกูเซเว่นสตาร์ที่ติดกับปันกูพลาซ่าเชียวรึ”
หลิงลี่ส่ายหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“คิดไม่ถึงจริงๆว่าตระกูลหลี่จะลงทุน และจัดงานใหญ่โตถึงเพียงนี้..”
จากนั้นหลิงลี่จึงหันไปมองหลิงเสี่ยวที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าลูกชาย งานเลี้ยงวันเกิดของเจ้ายิ่งใหญ่กว่าของข้าไม่รู้กี่เท่า..”
แม้หลิงลี่จะหยอกเย้าหลิงเสี่ยวแต่มันก็คือความจริง ตลอดระยะหลายสิบปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ หลิงลี่ยังไม่เคยได้จัดงานวันเกิดยิ่งใหญ่ดังเช่นวันเกิดของหลิงเสี่ยวครั้งนี้มาก่อนเลย
หลิงเสี่ยวได้ยินเช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากบอกกับหลิงลี่ไป “ท่านพ่อ งานวันเกิดของท่านพ่อครั้งต่อไป รับรองว่าข้ากับพี่สองจะต้องจัดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้แน่!”
“ฮ่าๆๆๆ”
หลิงลี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเขาส่ายหน้าไปมากพร้อมกับตอบไปว่า “ไม่ล่ะ.. ไม่ต้องจัดอะไรใหญ่โตให้เสียเวลา สำหรับข้า ขอให้มีพวกเจ้าอยู่กันพร้อมหน้า นั่งกินข้าวด้วยกันสักมื้อก็เพียงพอแล้ว ส่วนเด็กๆก็มาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนข้า เพียงแค่นี้ข้าก็มีความสุขยิ่งแล้ว!”
ทุกคนในห้องถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเช่นกัน!
สมาชิกตระกูลหลิงทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหลิงลี่มิใช่คนที่พอใจกับเปลือกที่จอมปลอม คำพูดของเขาล้วนออกมาจากใจ และความรู้สึกจริงๆ
“เอาล่ะ..ส่วนน้องสาม เจ้าเป็นพระเอกของงานในวันนี้ เจ้าใคร่พบผู้ใดก็ออกมาพบ หากมิต้องการพบเจอผู้คนก็ไม่จำเป็นต้องออกมา จากนั้นในตอนบ่าย จึงค่อยเดินทางไปปรากฏตัวที่โรงแรมปันกูในคราวเดียว”
หลังจากที่หลิงเย่วบอกกับหลิงเสี่ยวแล้วเขาก็หันไปถามทุกคนในห้องประชุม “ผู้ใดยังมีอะไรสงสัย หรือต้องการถามอีกหรือไม่”
ทุกคนในห้องประชุมต่างก็พากันพยักหน้าในเมื่องานทั้งหมดจัดเตรียมไว้พร้อมเช่นนี้ พวกเขายังต้องสงสัยอะไรอีกเล่า
“หากไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้าย..ท่านพ่อ น้องสาม หลิงหยุน ขอเชิญทั้งสามไปนั่งดื่มชารอแขกที่กำลังจะมาที่บ้านของข้า..”
บ้านของหลิงเย่วอยู่ภายในสวนชั้นที่สองของคฤหาสน์ตระกูลหลิงซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางเข้า จึงสะดวกต่อการที่ทั้งสามคนจะออกไปต้อนรับแขกคนสำคัญได้อย่างหมาะสมและทันท่วงที
“เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่ากุ่ย หลิงหย่ง หลิงเฟิง แล้วก็เด็กๆจัดการกันก็แล้วกัน..”
เหล่ากุ่ยได้ยินเช่นนั้นร่างที่มีใบหน้าราวกับเด็กหนุ่มก็รีบลุกขึ้นยืนทันที พร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณชายสองวางใจได้ข้าจะดูแลทุกอย่างให้เรียบร้อย จะมิให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย!”
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกจากห้องประชุม ไปทำหน้าที่ของตนเอง..
แม้ว่าทุกคนในตระกูลหลิงจะตื่นเต้นกันอย่างมากแต่ก็มิมีผู้ใดรู้สึกหนักใจแต่อย่างใด ตรงข้าม.. จิตใจของพวกเขาล้วนเบาสบาย
และในเวลาแปดโมงครึ่งทั้งหมดต่างก็เดินออกจากห้องประชุมตระกูลหลิง
……
เหล่ากุ่ยเดินนำหลิงหย่งและหลิงเฟิงออกไปด้านนอกทันที หาใช่ว่าตระกูลหลิงขาดแคลนคนทำงาน แต่เป็นเพราะหลิงเย่วได้กำชับให้เขาช่วยตรวจตราดูความเรียบร้อย
“ซวี่เอ๋อ..วันนี้เจ้ามีความสุขหรือไม่”
ระหว่างทางที่เดินออกจากห้องประชุมนั้นหลิงหยุนก็ได้อาศัยโอกาสนี้สนทนากับพี่ๆน้องๆ เพื่อไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ และแลกเปลี่ยนความคิดกับพวกเขาไปด้วย
“มีความสุขสิ..ข้าย่อมต้องมีความสุขอยู่แล้ว!”
ริมฝีปากเล็กๆของหลิงซวี่เอ่ยตอบอย่างตื่นเต้นใบหน้าแดงระเรื่อนั้นผงกขึ้นผงกลงราวกับไก่จิกข้าว
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าเพียงแค่เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนเจ้าจะสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ข้ามีความสุขมากที่เจ้าสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 แล้ว..”
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหลิงซวี่กับหลิงเลี่วย พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “พี่หลิงซิ่วเจ้าเองก็ไม่เลวทีเดียว ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8..”
“หลิงเลี่วยระหว่างที่ข้าอยู่ปักกิ่งนี้ หากเจ้าติดขัดที่ใดก็ให้มาสอบถามข้าได้ทันที หรือต้องการทรัพยากรใดๆในการฝึก ก็ขอให้บอกข้า ข้าจะจัดหาให้เจ้าอย่างเต็มที่!”
หลิงเลี่วยถึงกับหน้าแดงก่ำเวลานี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 อีกทั้งขั้นของเขายังไม่เสถียรอีกด้วย ในบรรดาทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิงนั้น เขานับว่าอ่อนด้อยที่สุด
แต่เรื่องนี้มิอาจตำหนิหลิงเลี่วยได้นั่นเพราะเมื่อครั้งที่หลิงหยุนกลับเข้าตระกูลหลิงนั้น เขาก็พบว่าหลิงเลี่วยเป็นผู้ที่อ่อนด้อยสุดอยู่แล้ว การที่เขาพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ก็นับว่าเป็นความก้าวหน้าที่รวดเร็วมากแล้ว
“พี่หลิงหยุนข้าได้ยินว่าท่านมีโอสถมากมาย.. ท่านมอบให้ข้าจะได้หรือไม่!”
แม้ว่าจะรู้สึกเขินอายแต่หลิงเลี่วยก็เลือกที่จะเอ่ยปากของหลิงหยุนไปตรงๆ
“เจ้าห้ามมอบให้เขาเด็ดขาด!”
ทันทีที่หลิงซิ่วได้ยินเช่นนั้นนางก็ไม่รอให้หลิงหยุนตอบ แต่รีบเอ่ยห้ามหลิงหยุนเสียงดัง พร้อมกับเอ่ยต่อในทันที
“หลิงหยุนเจ้าเด็กคนนี้ต้องการหาทางลัดในการฝึกฝน เจ้าห้ามมอบโอสถให้เขาโดยเด็ดขาด หาไม่แล้วเขาจะไม่สนใจที่จะฝึกฝนอีก และจะคอยพึ่งพาแต่โอสถของเจ้า..”
หลิงหยุนจึงได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก..
หลิงเลี่วยเองก็โต้กลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก“พี่หลิงซิ่ว ข้าต้องไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแทบทุกวัน ไม่เหมือนกับท่าน นอกจากจะได้กินโอสถเยาว์วัยกับโอสถโฉมสะคราญแล้ว พี่ยังได้อาบพลังชีวิตจากหลิวเทวะวิญญาณตลอดทั้งวันด้วย..”
หลิงหยุนฟังแล้วก็แต่ยิ้ม..
“เจ้าเด็กนี่..เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับข้างั้นรึ!”
หลิงซิ่วโมโหยิ่งกว่าเดิมและยื่นมือออกไปบิดหูหลิงเลี่วยพร้อมกับดุว่า “เหตุใดเจ้าไม่โทษตัวเองที่ไม่ขยันฝึกฝนเล่า”
“พี่หลิงซิ่วข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าแล้ว..” หลิงเลี่วยร้องตะโกนขอความเมตตา
“ดีมาก..ที่เจ้ารู้สึกสำนึกผิด ไม่เช่นนั้นข้าจะบิดให้หูขาดเลยทีเดียว”
หลิงซิ่วปล่อยมือออกจากหูของหลิงเลี่วยพร้อมกับยิ้มออกมาจากนั้นจึงหันไปจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับขู่ว่า
“หลิงหยุนอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าแอบให้โอสถกับหลิงเลี่วย ไม่เช่นนั้นข้าจะจัดการกับเจ้าอีกคน!”
หลิงหยุนได้ยินเช่นนั้นก็แทบอยากจะบอกไปว่า“ข้าเป็นถึงผู้นำตระกูลหลิง เหตุใดจะไม่สามารถมอบโอสถให้กับน้องชายตนเองได้..!”
แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเอาจริงของหลิงซิ่วหลิงหยุนก็ได้แต่กลืนคำพูดทั้งหมดกลับคืนไป และตอบกลับไปว่า
“พี่หลิงซิ่วเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไปเอาใจแล้วก็ช่วยเหลือน้องในทางที่ผิดๆแน่!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าศักดิ์ศรีของตำแหน่งผู้นำตระกูลหายไปไหนกัน นี่เขาถึงกับต้องเปลี่ยนคำพูดเพียงแค่เห็นสีหน้าของหลิงซิ่ว..
ทั้งเกาเฉินเฉินและหลิงซิ่วต่างก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข..
……
“คาราวะท่านผู้นำตระกูล!”
“คาราวะท่านผู้นำตระกูล!”
หลิงอี๋และหลิงชีที่ได้รับมอบหมายให้ไปคอยต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้าประตูเอ่ยทักทายหลิงหยุนระหว่างทาง
วันนี้นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนอยู่ในชุดสูทสวมรองเท้าหนังเงางาม ต่างก็เดินกันขวักไขว่ไปมาอยู่ภายในงาน
แม้ว่าทุกคนจะมีท่าทีเร่งรีบแต่เมื่อเดินผ่านหลิงหยุน ทุกคนก็ไม่ลืมที่จะหยุดทักทายเขาด้วยความเคารพยิ่ง หลิงหยุนได้แต่พยักหน้าไปตลอดทางจนกระทั่งทนไม่ได้ เขาจึงได้ส่งกระแสจิตบอกกับนักรบตระกูลหลิงทุกคนว่า มิจำเป็นต้องทักทายเขาอีกแล้ว..
ทางด้านเหล่ากุ่ยนั้นมือหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ส่วนอีกมือหนึ่งก็ถือโทรศัพท์มือถื เพื่อคอยประสานงานกับต่งซานชวน และหลี่จวิ้นหัวในเรื่องต่างๆ
หลี่จวิ้นหัวได้จัดขบวนรถยนต์หรูหราเตรียมไว้สำหรับรับแขกจากคฤหาสน์ตระกูลหลิงไปที่โรงแรมปันกู ตลอดทางจึงมีรถหรูจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
ภายใต้รัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเขาพบว่ารถแต่ละคันที่หลี่จวิ้นหัวจัดเตรียมไว้นั้น แต่ละคันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าสองล้านหยวน!
และภาพที่ปรากฏขึ้นในเวลานี้แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปย่อมตกอกตกใจไม่น้อย! ��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร