Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1524

บทที่ 1524 : สหายเก่า
  หลังจากได้ฟังจินเหยียวบอกเล่าเรื่องราวต่างๆจิตใจที่เคยหนักอึ้งประหนึ่งแบกหินก้อนโตไว้นั้น ถึงกับเบาลงอย่างบอกไม่ถูก
  การที่เย่ซิงเฉินสามารถฝึกวรยุทธบ่มเพาะก้าวหน้ามาถึงเช่นนี้ได้นั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรสวรรค์ของตัวนางเอง และพื้นฐานอันแข็งแกร่งที่หยินชิงเฉวียนเฝ้าพร่ำสอน อีกส่วนหนึ่งย่อมสืบเนื่องมาจากการทุ่มเทถ่ายทอดวิชาของหลิงหยุน แต่เวลานี้.. พรรคมารกลับได้ประโยชน์ไป โดยให้นางไปทำลายค่ายกล..
  นี่เป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจสำหรับหลิงหยุนยิ่ง!
  “หลิงหยุนข้ารู้ว่าเจ้าคงจะไม่พอใจนัก!”
  จินเหยียวเห็นสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจของหลิงหยุนก็ได้แต่เอ่ยปลอบใจว่า “มันไม่มีหนทางอื่นจริงๆ”
  “เจ้าเองก็คงรู้แล้วว่าที่ผ่านมานับพันๆปีนั้น โอรสพรรคมารที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นนั้น จะต้องผ่านการต่อสู้คัดเลือก และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นจึงจะได้รับการคัดเลือก..”
  “แต่ธิดาพรรคมารนั้นไม่ว่าผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด แต่ละรุ่นก็จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น..”
  “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดหากธิดาพรรคมารมิได้มีค่าและมีประโยชน์ต่อพรรคมารมากพอ มีเหตุผลอันใดที่พรรคมารจะต้องมีกฏเช่นนี้?”
  “ท่านน้าจินเหยียว..เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี!”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าจินเหยียวกล่าวด้ถูกต้องและหลิงหยุนเองก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ “ข้าเพียงแค่คิดว่า ท่านแม่กับซิงเฉินถูกคนของพรรคมารบีบบังคับให้ทำเช่นนั้น ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก..”
  “แต่นั่นก็ไม่ใช่การลงทุนโดยมิได้รับสิ่งใดตอบแทน..”
  จินเหยียวอธิบายต่อ“เพราะตราบใดที่ค่ายกลถูกทำลายได้ ประโยชน์ที่จะได้รับก็มีมากมายมหาศาลเลยทีเดียว!”
  “ดังเช่นที่พี่ชิงเฉวียนได้รับประโยชน์จากดินแดนลี้ลับในคราวก่อนมันมากมายมหาศาลอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้เลย..”
  “เอาล่ะ..ข้าไม่ติดใจอะไรแล้วท่านน้า พวกเราสนทนาเรื่องอื่นกันเถิด” หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
  จากนั้นทั้งสอบคนก็นั่งสนทนาเกี่ยวกับเรื่องลี้ลับภายในพรรคมารอยู่นานกว่ายี่สิบนาทีจนกระทั่งเข้าสู่เวลาสิบโมงครึ่งโดยไม่รู้ตัว
  เวลานี้นับเป็นช่วงเวลาที่แขกหนาแน่นที่สุด และเวลานี้ที่หน้าประตูทางเข้าตระกูลหลิง ก็มีผู้คนหลั่งไหลเดินทางมากันอย่างเนืองแน่น
  เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็ต้อนรับแขกเหรื่อจนไม่มีเวลาได้พักทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และหลิงเย่ว ก็เดินเข้าเดินออกอยู่ตลอดเวลา ทั้งสามคนต่างก็ทักทายคลื่นมวลชนระลอกแล้วระลอกเล่า
  เวลานี้ไม่ว่าผู้ใดที่เดินอยู่บนท้องถนน ก็ล้วนแล้วแต่ตรงเข้ามาตระกูลหลิงทั้งสิ้น นี่เป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตระกูลหลิงมาสิบกว่าปีแล้ว..
  หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าในบรรดาแขกระลอกใหม่ที่มานั้น ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนธรรมดาทั่วไปในสังคมชั้นสูง และบางคราก็มีชาวต่างชาติปะปนมาบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหน้าที่จากสถานฑูตของประเทศต่างๆ ดังที่เกาเฉินเฉินบอกเขาเมื่อคืนนี้ แต่ทุกคนก็มาด้วยท่าทางสุภาพและมีมารยาท หลิงหยุนจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแขกอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำให้หลิงหยุนรู้สึกสนใจ จนต้องจับตามองได้..
  จากที่คนกลุ่มนั้นแนะนำตัวเองทำให้หลิงหยุนได้รู้ว่า.. ทั้งหมดก็คือหม่าซือหยุน หม่าซิ่วจุน หวังฉางหลิง และซูต้าหยิน  ความจริงแทบไม่ต้องแนะนำตัวก็ได้เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จอย่างมากของประเทศนี้ เรียกได้ว่าตลอดกว่าสองทศวรรษมานี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่ติดโผนักธุรกิจที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จอย่างสูงมาโดยตลอด
  “แม้กระทั่งคนเหล่านี้ก็มาด้วยงั้นรึ”
  หลิงหยุนถึงกับยิ้มออกมาและได้แต่คิดว่า การเคลื่อนไหวออกทวงหนี้จากตระกูลหลง และตระกูลเย่เมื่อคืนนี้ ดูเหมือนจะสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อยทีเดียว
  แต่จนกระทั่งถึงตอนนี้ศิษย์ทั้ง 72 คนที่ออกทวงหนี้เมื่อคืนนี้ ก็ยังไม่ปรากฏตัว..
  “เอ๊ะ!!เหตุใดสองคนจึงมาด้วยกันได้?”
  จู่ๆหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ แล้วรีบหันไปบอกกับจินเหยียวว่า
  “ท่านน้าจินเหยียวท่านกลับเข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อน ข้าจะต้องออกไปพบสหายเก่าเสียหน่อย!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็จัดการถอนค่ายกล และรีบพุ่งไปที่สวนด้านหน้าทันที มีไม่กี่คนนักที่จะทำให้หลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจ และเอ่ยปากเรียกสหายเก่าเช่นนี้ได้
  และชายหนุ่มทั้งสองที่เพิ่งมาถึงนั้นก็คือคุณชายจากสองตระกูลเก่าแก่ที่หลิงหยุนพบเจอเมื่อครั้งยังอยู่จิงฉู เขาทั้งคู่ก็คือตู้กู่โม่และตงฟางถิงนั่นเอง
  สหายเก่าทั้งสองมาเช่นนี้มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่นึกประหลาดใจ และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องออกไปต้อนรับด้วยตนเอง!
  สหายก็คือสหาย..มิจำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องของขั้นพลังบ่มเพาะ มิจำเป็นต้องเอ่ยถึงความสนิทสนม ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องของใจ..
  เมื่อหลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูอย่างทันทีทันใดนั้นทุกคนต่างก็ให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่หลิงหยุนกลับไม่สนใจ และพุ่งออกไปทางทิศตะวันออกแทน  นั่นเพราะตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็กำลังเดินมาจากทางทิศตะวันออกทั้งคู่อยู่ในชุดประจำของตนเอง ในมือถือของขวัญ และกำลังเดินสนทนากันมาพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข
  เมื่อหลิงหยุนมาถึงหน้าประตูนั้นชายหนุ่มทั้งสองยังอยู่ห่างไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร แต่เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏกายยืนขวางหน้าทั้งสองคนไว้แล้ว
  หลิงหยุนเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ไม่ได้พบกันนานเลยสหาย!”
  ตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็เอ่ยถามออกมาพร้อมกัน..
  “ท่านคือ…”
  ตงฟางถิงมิได้พบเจอหลิงหยุนนานมากแล้วและเวลานี้หลิงหยุนก็ได้เปลี่ยนมาก เขาจึงได้แต่ยืนงุนงงเพราะจดจำไม่ได้
  ส่วนตู้กู่โม่นั้นเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเขาก็ยืนยิ้มกว้าง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “หลิงหยุนเจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าพวกเราสองคนเดินทางมาที่นี่ นี่เจ้าถึงกับออกมาต้อนรับพวกเราสองคนด้วยตัวเองเชียวรึ?”
  จากนั้นตู้กู่โม่ก็ยกมือขึ้นกำหมัดชกเข้าที่ร่างของหลิงหยุนไม่หนักไม่เบา..
  หลิงหยุนตื่นเต้นดีใจยิ่งนักทั้งสองคนเปรียบเสมือนพี่น้องที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา เวลานี้ได้กลับมาพบเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครา เขาจึงตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด
  “นี่..พวกเจ้าสองคนเดินทางมาตั้งไกล ข้าออกมาต้อนรับพวกเจ้าไม่กี่ก้าว..”
  “เอาล่ะเข้าไปในบ้านก่อนแล้วค่อยสนทนากัน! ข้าจะพาพวกเจ้าไปเข้าประตูด้านข้างจะดีกว่า ประตูใหญ่มีแขกเหรื่อออกันอยู่หนาแน่น..”
  จากนั้นหลงิหยุนก็ได้เดินนำสหายทั้งไปเข้าทางประตูด้านข้างแทน พร้อมกับเอ่ยบอกทั้งคู่ว่า “พวกเราไปที่สวนชั้นสุดท้ายดีกว่า เงียบสงบดี!”   ตู้กู่โม่ยื่นของในมือให้กับหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยว่า“หลิงหยุน ข้านำของขวัญวันเกิดมามอบให้ท่านพ่อของเจ้าด้วย จะให้ข้าเอาของขวัญนี้ไปไว้ที่ใด”
  “มอบให้ข้าได้เลย!”
  หลิงหยุนยื่นมือออกไปรับของขวัญจากสหายทั้งสองและทันทีที่หลิงหยุนยื่นมือออกไป ของขวัญทั้งสองชิ้นก็หายเข้าไปในมือของหลิงหยุนอย่างน่าอัศจรรย์
  “……”
  ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงได้แต่นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง..
  “นี่..นี่มันวิชาอะไรกัน!!”
  “นี่หลิงหยุน..เกินไปแล้วนะ เพียงแค่พบกันเจ้าก็โอ้อวดแล้วรึ”
  หลิงหยุนแบมือออกให้สหายเก่าแก่ทั้งสองดูพร้อมกับตอบไปว่า “โอ้อวดอะไรกัน ก็แค่พลังเหนือธรรมชาติธรรมดาๆ!”
  ตู้กู่โม่และตงฟางถิงตกใจอย่างมากทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน และต่างฝ่ายต่างก็เห็นแววตาตกอกตกใจของกันและกัน!
  หลังจากหลิงหยุนมอบน้ำลายมังกรให้กับคนทั้งคู่แล้วพวกเขาต่างก็กลับตระกูลไปเก็บตัวฝึกฝนวิชาอย่างหนัก แต่เวลานี้กลับเห็นหลิงหยุนก้าวหน้าไปอย่างมากจึงได้แต่ตกตะลึง
  “ที่ข้าเฝ้าฝึกฝนมาช่างไร้ประโยชน์!”
  “นั่นสินะ!”
  “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น!”
  หลิงหยุนเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของสหายทั้งสองจึงได้แต่ตบบ่าพร้อมกับหยอกเย้าว่า “สหาย.. ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองมาถึงที่นี่ ย่อมต้องไม่กลับไปมือเปล่าแน่ บอกข้ามาว่าพวกเจ้าสองคนต้องการเรียนอะไร ข้าจะสอนให้พวกเจ้าเอง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร