บทที่ 1525 : หลิงหยุน-เทพสังหาร
“เจ้าชวนเข้าไปคุยด้านในเหตุใดต้องบีบไหล่ข้าแรงเช่นนี้ด้วย!”
ตู้กู่โม่ถูกมือข้างหนึ่งของหลิงหยุนโอบไหล่ไว้เขาเห็นหลิงหยุนมีท่าทีปกติ แต่กลับรู้สึกว่าไหล่ของตนนั้นกลับค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งแทบก้าวขาเดินต่อไปไม่ไหว จึงได้พยายามดิ้นรน และร้องตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ
“อ่อ..”หลิงหยุนหันไปยิ้มให้ตู้กู่โม่ พร้อมกับคลายกำลังแขนที่กดลงบนไหล่ของเขาออก
แม้หลิงหยุนจะมองเห็นขั้นพลังของคนทั้งคู่แต่ก็ต้องการที่จะทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขาดู
ปรากฏว่าตู้กู่โม่กลับไม่สามารถทนได้ในขณะที่ตงฟางถิงซึ่งอยู่ทางด้านขวามือของหลิงหยุน กลับยังมีท่าทีที่ปกติ แต่ก็กัดฟันแน่นเช่นกัน “หลิงหยุน..”
“ขอบอกตามตรง..เมื่อคราที่เราได้พบกันที่ก้นหลุมยักษ์ครั้งแรกนั้น ข้าเองก็คาดเดาไว้แล้วว่า ชีวิตของเจ้าในวันข้างหน้าต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ แต่ยอมรับว่าไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้าจะเป็นทายาทตระกูลหลิง อีกทั้งยังได้เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิงอีกด้วย มิหนำซ้ำเจ้ายังเป็นบุตรชายของอดีตธิดาพรรคมาร!!”
“และภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งปีชื่อเสียงของเจ้ากลับขจรไกลไปทั่วทั้งยุทธภพ หลังจากขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลิง ก็สามารถนำพาตระกูลหลิงผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดของประเทศนี้อีกครั้ง..”
“ตั้งแต่ข้าแยกจากพวกเจ้าสองคนก็ได้กลับไปตระกูลและเก็บตัวฝึกฝนวิชาทันที และเพิ่งจะออกจากการเก็บตัวเมื่อไม่กี่วันนี้เอง แต่ไม่ว่าข้าจะไปแห่งหนใด ก็ล้วนได้ยินชื่อเสียงของเจ้า ต่อให้ไม่อยากได้ยิน ก็คงยากที่จะเลี่ยงได้..”
ตงฟางถิงที่อายุมากกว่าหลิงหยุนสองสามปีเอ่ยออกมายาวเหยียดในคราวเดียว แม้จะเป็นการพูดประชดประชันหยอกเย้า แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง..
“อ่อ..งั้นรึ!!”
หลิงหยุนแสร้งหันไปกล่าวกับตงฟางถิงบ้าง“นี่ข้าโด่งดังถึงเพียงนั้นเชียวรึ!”
“ยิ่งกว่าคำว่าโด่งดังเสียอีก!!”
ตู้กู่โม่เป็นฝ่ายพูดแทรกขึ้นมาบ้าง“เมื่อครั้งงานชุมนุมชาวยุทธ เจ้าเองก็สังหารชาวยุทธภพไปกว่าครึ่ง หลังจากข่าวนี้แพร่สะพรัดออกไป ไม่ว่าจะเป็นเหล่าคนตระกูลเก่าแก่ หรือสำนักต่างๆ ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่หวาดกลัวเจ้า มีใครบ้างที่จะไม่ยอมก้มหัวให้เจ้าเล่า”
“นี่เจ้ายังจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ตัวอีกรึ!”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ตู้กู่โม่ก็หันไปถามหลิงหยุนยิ้มๆ “นี่.. เวลานี้ผู้คนต่างก็ตั้งฉายาให้กับเจ้า เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าพวกเขาเรียกเจ้าว่าอะไร”
“ผู้คนตั้งฉายาอะไรให้ข้ากัน”หลิงหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสนุก และขบขัน
“เทพสังหาร!”
หลิงหยุน– เทพสังหาร!
“……”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า“ความจริง.. ข้าก็ไม่ได้สังหารผู้คนมากมายนักนี่..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นถูจมูกตนเองเบาๆก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ข้าสังหารเฉพาะศัตรูของตนเอง ข้าไม่อาจปล่อยให้พวกมันหนีไป และมีชีวิตรอดอยู่ต่อได้ จึงต้องสังหารพวกมันเท่านั้นเอง..”
ตู้กู่โม่และตงฟาถิงหันไปมองหน้ากันยิ้มๆทั้งคู่ได้สนทนากันเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแล้ว และรู้ว่า จึงรู้ว่าชาวยุทธที่ไปร่วมงานชุมนุมในครั้งนั้น มีผู้รอดชีวิตมากน้อยเพียงใด
ตงฟางถิงจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที“เอาล่ะ.. ตระกูลหลิงมีความแค้นที่ต้องสะสางกับเหล่าชาวยุทธในคืนงานชุมนุม พวกเราเข้าใจดี.. แต่วันนี้เป็นวันเกิดท่านลุงหลิง ข้าว่าพวกเราอย่าไปพูดเรื่องการเข่นฆ่าสังหารจะดีกว่า..”
หลิงหยุนและตู้กู่โม่พยักหน้าพร้อมกันอย่างเห็นด้วย..
ชายหนุ่มทั้งสามเดินคุยกันไปจนถึงสวนชั้นที่แปดของตระกูลหลิงหลิงหยุนจึงพาทั้งคู่เข้าไปนั่งพักที่ห้องฝึกวิชา
ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงนับเป็นแขกในสายตาของหลิงหยุนเขาจึงได้จัดการชงชามาต้อนรับทั้งคู่ด้วยตนเอง
หลิงหยุนจัดการเรียกถาดชุดน้ำชาออกมาจากแหวนจักรวาลใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ทำให้น้ำในกาเดือด แล้วจึงนำชาพลังชีวิตที่ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือใส่ลงไปในกา!
ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาที..
ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแน่นิ่งแต่ท้ายที่สุดสายตาของคนทั้งคู่ก็จับจ้องอยู่ที่แหวนในนิ้วมือข้างซ้ายของหลิงหยุน ซึ่งเป็นแหวนจักรวาลสีเทาเข้ม..
ความรู้สึกของคนทั้งคู่เวลานี้คือ..อิจฉาหลิงหยุนอย่างที่สุด!
ตงฟางถิงถึงกับต้องสะบัดหน้าและถอนหายใจออกมา“เมื่อครั้งที่อยู่ก้นหลุมยักษ์นั้น ข้าเองก็คาดเดาอยู่ว่าเจ้าน่าจะมีของวิเศษประเภทบรรจุ แต่เมื่อออกจากการเก็บตัวฝึกวิชา ข้าก็ได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องที่เจ้าสามารถเรียกอาวุธหลากหลายออกมาได้ คิดไม่ถึงว่า.. วันนี้จะได้เห็นของวิเศษชิ้นนี้ด้วยตาตัวเอง จากนี้ไปข้าคงตายตาหลับแล้ว!!”
ตงฟางถิงนั้นทั้งอิจฉาและทั้งตื่นเต้นแต่แววตาของเขานั้นบ่งบอกชัดเจนว่า มิได้มีความโลภเลยแม้แต่น้อย..
คนผู้นี้เป็นคนซื่อตรงหลิงหยุนเองก็รู้มานานแล้ว..
แต่ตู้กู่โม่นั้นแตกต่างกันเขาเป็นคนตรงๆ “หลิงหยุน ของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ เจ้าแบ่งให้ข้าเล่นบ้างสิ!” “เล่นงั้นเหรอ..!”
หลิงหยุนจงใจหยอกเย้าตู้กู่โม่“หากพี่ตงฟางต้องการ ข้าสามารถให้เขาได้ แต่สำหรับเจ้า.. เสียใจด้วย!!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นตงฟางถิงถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีอกดีใจ แต่ตู้กู่โม่กลับโมโห!
“ข้า..”หลังจากโมโหฮึดฮัดอยู่ครู่ใหญ่ ตู้กู่โม่จึงเอ่ยออกไปว่า
“หลิงหยุน..เจ้าลืมแล้วหรือว่าในอดีตผู้ใดไปสู้กับซันเทียนเปียวกับเจ้า เมื่อครั้งที่เจ้าไม่อยู่บ้านนานนับเดือน ผู้ใดกันที่เฝ้าบ้านให้กับเจ้า? อย่าลืมว่าที่ผ่านมาข้าเองก็ช่วยงานเจ้ามากมาย..”
หลิงหยุนกรอกตาไปมาพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าย่อมไม่ลืมแน่!”
“แต่..ข้าจำได้ว่าข้าเองก็ได้ตอบแทนเจ้าด้วยการให้เจ้ายืมกระบี่มังกรขาวแล้ว และที่ข้าไม่ให้เจ้ายืมแหวน ก็ด้วยเหตุผลอื่น..”
ตู้กู่โม่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง“เหตุผลอันใดกัน”
“เพราะเจ้าไม่รักษาคำพูด..”
ตู้กู่โม่เอ่ยถามขึ้นทันที“ข้าผิดคำพูดกับเจ้าเมื่อใดกัน”
“เจ้าลองใคร่ครวญให้ดี!”
หลิงหยุนนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า“เมื่อครั้งที่เจ้ากับข้าแยกย้ายจากกัน พวกเราตกลงกันว่าจะไปพบกันอีกคราที่งานชุนนุมชาวยุทธ แต่ข้ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้า!”
“เอ่อเรื่องนั้น…”
ตู้กู่โม่ถึงกับยิ้มขื่นและรู้สึกผิดต่อหลิงหยุน จึงได้แต่อธิบายให้เขาฟัง “เรื่องนี้จะโทษข้าก็ไม่ถูกนัก.. เพราะจู่ๆงานชุมนุมชาวยุทธก็ถูกเลื่อนออกไป ความจริงหลังจากกลับบ้านไปกว่าครึ่งเดือน ข้าเองก็ได้เตรียมพร้อมที่จะเดินทางแล้ว แต่กลับพบว่างานชุมนุมชาวยุทธถูกเลื่อนออกไป และดันเป็นช่วงที่ข้าต้องเก็บตัวฝึกฝนเพื่อเข้าสู่ด่านกลางขั้นเซียงเทียนพอดี แต่หลังจากข้าออกจากการเก็บตัว งานชุมนุมก็สิ้นสุดลงแล้ว..”
และทั้งหมดนี้คือความจริง..
เมื่อครั้งที่ตู้กู่โม่แยกจากหลิงหยุนนั้นเขาเกือบจะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-2 แล้ว แต่หลังจากที่หลิงหยุนให้น้ำลายมังกรเขาดื่ม และให้เขานำกลับไปด้วยจำนวนหนึ่ง เมื่อตู้กู่โม่กลับไปถึงบ้าน ก็รีบเก็บตัวฝึกฝนจนสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3 ได้อย่างง่ายดาย
ตู้กู่โม่ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจเวลานั้นได้เตรียมตัวจะไปพบกับหลิงหยุนในงามชุมนุมชาวยุทธตามที่ได้นัดหมายกันไว้ แต่กลับได้ข่าวว่างามชุมนุมได้ถูกเลื่อนออกไป และเป็นช่วงสำคัญที่เขาอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ซึ่งจะต้องทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปพอดี
ด้วยเหตุนี้ทำให้ตู้กู่โม่พลาดที่จะไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธที่ถูกเลื่อนออกไป ครั้งนั้น ตู้กู่โม่เองก็โมโหอย่างมาก และตำหนิเหล่าอาวุโสในตระกูล ที่ไม่ยอมบอกกับตนในระหว่างที่เก็บตัวอยู่
หลังจากนั้นตู้กู่โม่จึงได้ข่าวคราวเรื่องที่หลิงหยุนสังหารชาวยุทธไปมากมายในงานชุมนุม เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และรีบออกเดินทางมาปักกิ่งทันที โดยไม่สนใจคำทัดทานของบรรดาอาวุโสทั้งหลาย
แต่ครั้งนั้นหลิงหยุนได้เดินทางไปตระกูลฉิน และสำนักกระบี่เทียนซานเพื่อช่วยแม่ของเขาพอดี ตู้กู่โม่จึงพลาดที่จะได้พบเจอกับหลิงหยุนอีกครั้ง
หลังจากที่พลาดกับหลิงหยุนตู้กู่โม่เองก็ไม่มีทางเลือก จึงได้แต่เตร็ดเตร่ท่องเที่ยวไปทั่วปักกิ่ง ระหว่างที่รอให้หลิงหยุนกลับมาก็เฝ้าฝึกฝนวิชาไปด้วย แต่ในระหว่างนั้นก็ทราบข่าวว่าตงฟางถิงก็ได้เดินทางออกจากตระกูลมาเช่นกัน
ทั้งสองคนจึงได้นัดพบกันที่ปักกิ่งและตั้งใจที่จะรอคอยหลิงหยุนอยู่ที่นี่ แต่ในระหว่างนั้นก็ได้ยินข่าวเรื่องงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหลิงเสี่ยว จึงได้ตัดสินใจที่จะมาร่วมอวยพร
ชายหนุ่มทั้งสามนั่งดื่มชาไปและสนทนากันไป ในที่สุดหลิงหยุนก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากตู้กู่โม่
“เรื่องราวเป็นเช่นนี้เองหรอกรึ”
หลิงหยุนหันไปบอกกับตู้กู่โม่ว่า“หากเป็นเช่นนี้ เป็นอันว่าข้าไม่ติดใจเรื่องนั้นอีกแล้ว!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงได้ลุกขึ้นยืนต่อหน้าสหายทั้งสอง พร้อมกับประสานมือโน้มกายลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“เมื่อครู่ข้าแค่ล้อพวกเจ้าสองคนเล่นเท่านั้นขอบคุณพี่น้องทั้งสองยิ่งนัก!”
ชายหนุ่มทั้งสองพอจะเข้าใจได้ว่าหลิงหยุนกำลังขอบคุณพวกตนเรื่องอะไร..
นั่นเพราะเหตุการณ์ภายใต้ก้นหลุมยักษ์ในครั้งนั้นทายาทตระกูลเก่าแก่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซีเหมิน ตระกูลชางกวน ทวนเหล็กตระกูลเล่ย และอีกหลายตระกูล ล้วนต้องตายอย่างอนาถ ทำให้หลายฝ่ายโกรธแค้นหลิงหยุนเป็นอย่างมาก แต่หลังจากส่งคนไปสอบถามความจริงจากตระกูลตู้กู่ และตระกูลตงฟาง จึงได้ล่วงรู้ความจริงว่าทายาทของตนนั้นไม่ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตาย
นับแต่นั้นมาจึงไม่มีผู้ใดคิดที่จะมาแก้แค้นหลิงหยุนอีก ทำให้เขาลดปัญหาวุ่นวายใจไปได้มาก
และแน่นอนว่า..หลิงหยุนจำเป็นที่จะต้องขอบคุณสหายทั้งสองจากใจ!
ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็รีบโบกไม้โบกมือพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า “เรื่องเล็กน้อยน่า พวกเราก็แค่เล่าความจริงให้พวกเขาฟัง ก็เท่านั้นเอง!”
ตู้กู่โม่ยังได้เสริมขึ้นว่า“ความจริงที่พวกเราทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่พวกเราเกรงว่า หากพวกเขาเหล่านั้นมาวุ่นวายกับเจ้ามากๆ เจ้าจะรำคาญใจจนลงมือสังหารพวกเขาตายต่างหากเล่า..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมตอบกลับไปว่า“เจ้ากล่าวมีเหตุผล!” ในเมื่อสหายทั้งสามได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหลิงหยุนจึงไม่รีรอที่จะเรียกตี้เสี่ยวอู๋ให้มาหา
แม้ถังเมิ่งเกาเฉินเฉิน และฉางหลิงจะรู้จักตู้กู่โม่ แต่เพราะทั้งคู่ต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับการต้อนรับแขกเหรื่อ หลิงหยุนจึงได้เรียกตี้เสี่ยวอู๋มาเพียงคนเดียว
หลังจากแนะนำตี้เสี่ยวอู๋ให้รู้จักกับตงฟางถิงแล้วหลิงหยุนก็ได้ลุกขึ้นขอตัว “พวกเจ้าสนทนากับเสี่ยวอู๋ไปพลางๆก่อน ข้าขอตัวไปต้อนรับแขกด้านนอกเสียหน่อย วันนี้พวกเจ้าทั้งสองยังไปไหนไม่ได้ หลังจากงานเลี้ยงเลิกราพวกเราจะได้อยู่สนทนากันต่อ..”
ทั้งตู้กู่โม่และตงฟางถิงต่างก็เข้าใจดีว่าวันนี้เป็นวันที่หลิงหยุนมีภารกิจรัดตัว เพียงแค่หลิงหยุนสละเวลามาสนทนากับพวกตนเช่นนี้ ทั้งคู่ก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
“เชิญเจ้าตามสบายไม่ต้องห่วงพวกเรา!”
“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน..” หลิงหยุนจำเป็นต้องออกไปต้อนรับเพราะเวลานี้มีคนสำคัญมาถึงหน้าตระกูลหลิงแล้ว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร