บทที่ 1526 : ตระกูลเย่มา
“เพียงแค่สองเดือน..กลับสามารถมีภาพเช่นนี้เกิดขึ้นกับตระกูลหลิงได้ ผู้ใดบ้างจะเชื่อ”
เวลา11.00 นาฬิกา..
ชายสูงอายุรูปร่างปานกลางและชายที่ดูคล้ายคนธรรมดาทั่วไป ได้ปรากฏกายขึ้นหน้าประตูบ้านตระกูลหลิง ทั้งคู่ต่างก็หยุดยืนมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ชายชราผู้นี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบปีแม้ว่าจะดูกลมกลืนไปกับกลุ่มคน แต่ฐานะของเขานั้นไม่ธรรมดาเลย
เขาก็คือโจวเหวินอี้หัวหน้าของหน่วยนภานั่นเอง!
ในเวลานั้นหลิงอี๋ หลิงชี และหลิงจิ่ว ซึ่งกำลังทำหน้าที่ต้อนรับแขกเหรื่ออยู่ด้านหน้า เมื่อได้เห็นโจวเหวินอี้ปรากฏตัว พวกเขาต่างก็ได้แต่ตกตะลึง ก่อนหน้านี้ไม่นานหลิงหยุนได้พาตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาไปรายงานตัวกับหน่วยนภาครั้งแรก ไม่เพียงตระกูลหลิงจะได้สิทธิ์การเป็นสมาชิกของหน่วยนภาถึงหกที่ แต่ทั้งสามคนยังได้เป็นอาวุโสของหน่วยนภาอีกด้วย
ในครั้งนั้นหลิงหยุนได้ใส่ชื่อของหลิงอี๋ หลิงชี และหลิงจิ่วเข้าเป็นสมาชิกของหน่วยนภา เพื่อที่จะได้รับผลประโยชน์ต่างๆจากหน่วยนภา ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน หรือว่าทรัพยากรในการฝึก
แต่จนกระทั่งวันนี้..ทั้งสามคนยังไม่เคยไปรายงานตัวกับหน่วยนภาเลย!
วันนั้นหลังจากที่หลิงหยุนกลับตระกูลหลิง เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก ในเมื่อโจวเหวินอี้ยังไม่เรียกพวกเขาไปรายงานตัว ทั้งสามคนจึงยังไม่เคยไปให้โจวเหวินอี้เห็นแม้แต่เงา
แต่โจวเหวินอี้แห่งหน่วยนภานั้นเหล่านักรบตระกูลหลิงล้วนแล้วแต่รู้จักเป็นอย่างดี..
หลังจากที่นักรบตระกูลหลิงทั้งสามสิบหกคนถูกส่งไปฝึกที่องค์กรนักฆ่านั้นทั้งหมดได้เรียนรู้การใช้อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆมากมาย ทำให้ทั้งหมดสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าก่อน
ฉะนั้นในเวลานี้หน่วยข่าวกรองของตระกูลหลิง จึงนับป็นหน่วยข่าวกรองที่รวดเร็ว และแม่นยำที่สุด ทำให้ตระกูลหลิงได้รับรู้ข่าวต่างๆมากมายได้อย่างละเอียด รวดเร็ว และแม่นยำ ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลหลงและตระกูลเย่เลย
แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของตระกูลหลิงการก่อตั้งหน่วยข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และยังต้องมีการพัฒนาอีกมาก
สิ่งมีชีวิตต่อให้มีแขนขาที่ดีมากเพียงใดแต่หากหูหนวกตาบอดก็ไร้ซึ่งความหมาย!
สำหรับการผงาดขึ้นมาอีกครั้งของตระกูลหลิงนั้นหน่วยนภาจึงนับเป็นหนึ่งในกองกำลังสำคัญ
แม้ว่าหลิงอี๋หลิงชี และหลิงจิ่ว จะไม่ได้พบเห็นโจวเหวินอี้มานาน และแม้ว่าโจวเหวินอี้จะกลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไป จนดูคล้ายกับเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบปีก็ตาม แต่ทุกคนย่อมสามารถจดจำเขาได้เป็นอย่างดี และกำลังคิดว่า..
พวกเขาจะเรียกโจวเหวินอี้อย่างไรดี..อาวุโส ผู้เฒ่า? หรือว่าหัวหน้าดี..
ในระหว่างที่นักรบตระกูลหลิงทั้งสามกำลังลังเลอยู่นั้นโจวเหวินอี้ก็ได้เหลือบมองพวกเขาทั้งสาม ในใจนั้นทั้งรู้สึกพอใจและประหลาดใจในคราวเดียว
หลิงหยุนไม่ได้โอ้อวดแต่ปากนอกเหนือจากสามารถฝึกฝนจนตนเองก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแล้ว เขายังสามารถฝึกฝนผู้อื่นให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน และอย่างน้อยอีกเพียงแค่หนึ่งปี คนเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นกำลังสำคัญของหน่วยนภา!
“นี่..พวกเจ้าสามคนมัวแต่ยืนงงอะไรกันอยู่ หัวหน้าของพวกเจ้ามา แต่กลับยังไม่รีบออกไปต้อนรับอีกรึ?”
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏตัวเบื้องหน้าโจวเหวินอี้ในทันที เขาเอ่ยทักทายโจวเหวินอี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“อาวุโสโจวไม่ได้กันเสียนาน ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาเสียอีก!”
“ข้าจะกล้าไม่มาได้อย่างไรกันเล่าเจ้าเองครองตำแหน่งอาวุโสหน่วยนภาถึงสามที่ หากเจ้าเล่นแง่ หน่วยนภาของข้ามิต้องปั่นป่วนหรอกรึ?”
โจวเหวินอี้ได้เห็นหลิงหยุนเวลานี้ถึงกับยิ้มกว้างไม่หุบเลยทีเดียว ภายในใจรู้สึกมีความสุขยิ่งนัก!
แต่แล้วจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจ เมื่อนึกถึงวิธีที่หลิงหยุนปรากฏตัวต่อหน้าตนเอง จึงได้เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจนัก
“หลิงหยุนเจ้าเองเป็นถึงหนึ่งในอาวุโสของหน่วยนภา กฏง่ายๆของหน่วยนภาเจ้ากลับลืมเสียแล้วรึ เจ้ามิควรใช้วรยุทธต่อหน้าผู้คนทั่วไป จู่ๆก็มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าเช่นนี้ ผู้คนจะแตกตื่นเอา..”
“ข้าเข้าใจแต่..” หลิงหยุนเอ่ยต่ออย่างไม่ใส่ใจ“เฮ้อ.. มีของดีไม่ใช้มันจะหมดอายุเสียก่อนน่ะสิ! อีกอย่าง.. ความเร็วขนาดนี้ อย่างมากพวกเขาก็คงคิดว่าตนเองตาฝาด..”
โจวเหวินอี้“….”
แน่นอนว่าเรื่องหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองนั้นโจวเหวินอี้ไม่มีทางตามหลิงหยุนทันอย่างแน่นอน!
“คาราวะอาวุโส!”
ระหว่างนั้นหลิงอี๋ หลิงชี และหลิงจิ่วก็เดินเข้ามาทักทาย และทำการคาราวะโจวเหวินอี้พอดี
“พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจเวลานี้คงจะยุ่งมาก มีอะไรก็ไปทำเถิด..”
โจวเหวินอี้ไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบวางท่าใหญ่โตแต่ต่อให้ชื่นชอบ ก็ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้นต่อหน้าหลิงหยุน..
หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นทันที“อาวุโสโจว พวกเขาทั้งสามเป็นเช่นใดบ้าง ไม่ได้ด้อยไปกว่าสมาชิกหน่วยนภาคนอื่นๆเลยใช่หรือไม่?”
โจวเหวินอี้เพียงแค่ทำเสียงพึมพำในลำคอ“อืมม..”
“ว่าแต่..ที่ผ่านมาไม่เห็นท่านเคยมอบหมายภารกิจให้ข้าเลย..” หลิงหยุนเอ่ยถาม
“หึ..ต่อให้ข้าอยากมอบภารกิจให้เจ้าทำ ข้าเคยหาตัวเจ้าพบรึ!”
“ได้ๆหากเป็นเช่นนั้นข้าจะเป็นฝ่ายไปหาท่านเอง อย่างน้อยก็ไปชวนท่านดื่มชา แล้วก็สนทนาปราศรัยกัน..” หลิงหยุนตอบกลับไป
แววตาของโจวเหวินอี้เป็นประกายอย่างผู้ชนะก่อนจะเอ่ยบอกหลิงหยุนไปว่า “หลังจากหมดเรื่องวุ่นๆแล้ว เจ้าต้องให้พวกเขาทั้งสามคนไปรายงานตัวกับข้าด้วย หน่วยนภามีกฏระเบียบ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรทำให้ถูกต้อง หาไม่แล้วข้าเองก็คงช่วยเจ้าไม่ได้..”
“ข้าทราบ..”หลิงหยุนเอ่ยตอบ พร้อมกับชักชวนโจวเหวินอี้ให้ไปนั่งในบ้าน
“ฮ่าๆๆวันนี้ข้าต้องดื่มกับปู่ของเจ้าเสียหน่อย!”
“ฮ่าๆๆๆ”
ในระหว่างนั้นเสียงหัวเราะของหลิงลี่ก็ดังขึ้น เขาเดินนำหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วออกมาทักทางโจวเหวินอี้เช่นกัน
ทั้งสามคนค่อยๆเดินมาจากด้านในไม่ได้ใช้วรยุทธเคลื่อนไหวดังเช่นหลิงหยุน จึงเดินมาถึงช้ากว่ามาก
“ท่านโจวมาด้วยตนเองเช่นนี้เป็นเกียรติแก่ตระกูลหลิงของข้ายิ่งนัก!” หลิงลี่รีบเอ่ยทักทายทันที
โจวเหวินอี้รีบเดินเข้าไปหาหลิงลี่เช่นกันพร้อมกับเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าได้ยินว่าวันนี้ตระกูลหลิงมีงานเลี้ยงใหญ่ ข้าคงมิยอมเป็นผู้เดียวที่ไม่ได้มางานนี้แน่ อย่างน้อยๆก็ต้องมาร่วมดื่มกับท่านสักจอก..”
“แต่พวกเราสองคนล้วนอยู่ในวัยเดียวกันเหตุใดยังเรียกข้าว่าท่านโจวอีกเล่า ต่อไปเรียกข้าว่าเหวินอี้เถิด..” ฐานะของทั้งคู่เวลานี้..
โจวเหวินอี้ยังคงเป็นโจวเหวินอี้ซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยนภาดังเดิมแต่ฐานะของตระกูลหลิงเวลานี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว!
ด้วยฐานะของโจวเหวินอี้เวลานี้แม้คนทั้งประเทศจะมิกล้าตะโกนใส่หน้าเขา แต่ด้วยฐานะของหลิงลี่เวลานี้ เขาย่อมสามารถทำได้!
“สักจอกอะไรกันเล่าอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นขวด..” หลิงลี่เอ่ยตอบในระหว่างที่เดินจูงมือโจวเหวินอี้เข้าไปในบ้าน
ทางด้านหลิงเสี่ยวกับหลิงเย่วได้แต่เดินตามไปยิ้มๆและไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดแทรก ในระหว่างที่ทั้งหมดเดินเลี้ยวเข้าไปในบริเวณบ้านแล้วนั้น รถสีดำสองคันก็ค่อยๆแล่นเข้ามาจากทางด้านทิศตะวันออก
คันแรกเป็นเย่ชิงเฟิงและเย่ชิงซินนั่งมาส่วนคันที่สองเป็นเย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตู่..
คนตระกูลเย่มาถึงแล้ว!
“โอ้โห!วันนี้ผู้นำตระกูลเย่มาด้วยตัวเองเชียวรึ!!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยทั้งเย่ชิงซิน เย่เทียนสุ่ย และเย่เทียนตูนั้น เขาเคยพบเจอมาหมดแล้ว มีเพียงเย่ชิงซินเท่านั้น ที่เขาจะได้พบเจอเป็นครั้งแรก
“โอ้..เฒ่าเหวินอี ดูท่าพวกเราคงต้องรอต่ออีกสักหน่อย!” หลิงลี่ปล่อยข้อมือโจวเหวินอี้พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ข้าเองก็ไม่รีบร้อน..”
โจวเหวินอี้เอ่ยตอบยิ้มๆเขาสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง และเลือดลมที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย..
ในจำนวนสมาชิกทั้งสี่ของตระกูลเย่ที่มานั้นหลิงลี่รู้จักเพียงแค่สองคนที่อยู่ในรถคันแรกเท่านั้น ส่วยเย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูนั้นเขาไม่รู้จัก หลิงเสี่ยวเองก็เช่นกัน
ส่วนหลิงเย่วนั้นรู้จักทั้งสามคนยกเว้นเย่เทียนตู..
และนี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบแปดปีที่ผู้นำตระกูลเย่มาเยือนตระกูลหลิงอย่างเป็นทางการด้วยตัวเองช่นนี้!
รถทั้งสองคันเคลื่อนมาจอดอยู่หน้าบ้าน..
ยังไม่ทันที่หลิงลี่จะขยับตัวเขาก็ได้ยินเสียงหลิงหยุนพูดขึ้นว่า “ท่านปู่ ข้าจัดการเอง!”
ในเมื่อหลิงหยุนออกไปต้อนรับด้วยตัวเองเช่นนี้ทั้งหลิงเสี่ยวและหลิงเย่วจึงได้แต่ยืนเฉยเช่นกัน
และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าแล้วและกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงรอให้ทั้งสี่คนเดินลงมาจากรถ
ประตูรถคันแรกเปิดออกเย่ชิงเฟิงค่อยๆก้าวลงมาจากรถ ตามมาด้วยเย่ชิงซิน..
หลิงหยุนไม่มีท่าทีสนใจเย่ชิงเฟิงที่เดินลงมาก่อนเลยแม้แต่น้อยแต่กลับยิ้มแย้มทักทายเย่ชิงซินที่เพิ่งก้าวตามหลังลงมา
“ท่านน้าเย่..ท่านก็มาด้วยหรือนี่” เย่ชิงเฟิงในฐานะผู้นำตระกูลเย่ที่กำลังยิ้มกว้างดั่งฤดูใบไม้ผลิถึงกับกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที แต่เขาก็ไม่สามารถตำหนิหลิงหยุนได้ เพราะทั้งคู่ต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก เขาก็คงทำอะไรไม่ได้..
เย่ชิงซินยิ้มกว้างให้กับหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปว่า “หลิงหยุน.. วันนี้เจ้าเองก็แต่งตัวหล่อเหลามากเลยทีเดียว”
“ฮ่าๆๆท่านน้ากล่าวชมข้าเกินไปแล้ว!”
เย่ชิงซินไม่รอช้ารีบดึงมือหลิงหยุนไปพร้อมกับเอ่ยว่า “มานี่เร็วเข้า ข้าจะแนะนำพี่ชายของข้า และเป็นบิดาของเทียนตูให้เจ้ารู้จัก คนผู้นี้คือเย่ชิงเฟิง ผู้นำตระกูลเย่คนปัจจุบัน!”
“พี่ใหญ่..คนผู้นี้คือหลิงหยุน ผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบัน!”
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร