Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1527

บทที่ 1527 : ผยองอวดดี!
  “ผู้นำตระกูลเย่มาด้วยตัวเอง!”
  ในเวลานั้นแขกราวสิบกว่าคนที่อยู่ภายในห้องรับรองของตระกูลหลิง ถึงกับผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับร้องอุทานออกมา
  ห้องรับรองที่ตระกูลหลิงจัดเตรียมไว้นั้นค่อนข้างกว้างขวางแต่ภายในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมง กลับแน่นไปด้วยแขกเหรื่อนับพัน
  แต่นับว่าโชคดีที่เหล่ากุ่ยได้เคลื่อนย้ายเหล่าชาวยุทธที่มีฐานะต่ำต้อย ไปที่โรงแรมปากูเซเว่นสตาร์ก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ ชาวยุทธที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องรับรองเวลานี้ จึงล้วนแล้วแต่เป็นระดับผู้นำของตระกูลเก่าแก่ และเจ้าสำนัก
  และทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นไปตามคำสั่งการของหลิงเย่ว ดังที่ได้ประชุมกันในช่วงเช้า..
  หลิงเย่วรู้ดีว่าไม่อาจให้ต้อนรับเหล่าชาวยุทธร่วมกับแขกธรรมดาทั่วไปได้ จึงต้องแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกันอย่างชัดเจน หาไม่แล้วคงมีเรื่องสนุกสนานให้เห็นไม่น้อยเป็นแน่
  ก่อนหน้านี้ภายในห้องรับรองเดียวกัน เหล่านักธุรกิจก็ได้ทักทายกัน และสนทนากันเรื่องธุรกิจ และตลาดการค้า
  ข้างๆก็เป็นชาวยุทธผู้หนึ่งซึ่งเข้ามาทักทาย และเอ่ยยินดีกับความก้าวหน้าในการฝึกวิชาของหลวงจีนเจี๋วยหยวน
  ส่วนถัดไปก็เป็นกลุ่มของชาวต่างชาติ ที่สนทนาภาษาต่างประเทศกันอยู่..
  สภาพของตระกูลหลิงจะเป็นเช่นใดนั้นคงคาดเดาได้ไม่ยากนัก!
  แต่นับว่าโชคดีที่หลิงเย่วและหลี่จวิ้นหัวได้เตรียมการมาอย่างดีเพราะคาดคิดไว้อยู่แล้วว่า สถานการณ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น จึงได้เตรียมการแก้ไขไว้ล่วงหน้าแล้ว
  ชาวยุทธที่มีคุณสมบัติจะนั่งอยู่ในห้องรับรองตระกูลหลิงจะต้องเป็นอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ขึ้นไป หากจิตหยั่งรู้ยังไม่ถือกำเนิด อย่างน้อยก็ต้องมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไปมาก
  ฉะนั้นเวลานี้ที่ประตูทางเข้าตระกูลหลิงเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผู้ใดสนทนาอะไรกันบ้าง เหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในห้องรับรองนี้ ย่อมสามารถได้รู้ได้เห็นอย่างชัดเจน!
  ตระกูลเย่เปิดโรงประมูลชาวยุทธมาหลายปีเหล่าชาวยุทธที่อยู่ภายในห้องรับรองเวลานี้ ต่างก็เคยไปร่วมประมูลกันหลายต่อหลายครั้ง เย่ชิงเฟิงเองก็จะไปปรากฏตัวที่โรงประมูลอย่างน้อยหนึ่ง หรือสองครั้งต่อปี พวกเขาย่อมต้องรู้จักเย่ชิงเฟิงเป็นอย่างดี
  ฉะนั้นทันทีที่เย่ชิงเฟิงก้าวลงจากรถ เหล่าชาวยุทธที่อยู่ภายในห้องรับร้อง จึงได้พากันลุกขึ้นยืน และส่งเสียงฮือฮา
  “ออกไปข้างกันดีกว่าผู้นำตระกูลเย่มาทั้งที นี่เป็นโอกาสดี พวกเรารีบออกไปทักทายกันดีกว่า..”
  จากนั้นทุกคนที่อยู่ภายในห้องรับรองต่างก็พากันเดินตรงไปที่หน้าประตูทางเข้าตระกูลหลิงทันที
  ห้องรับรองตระกูลหลิงอยู่ห่างจากประตูทางเข้าเพียงแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น..
  และเมื่อทุกคนภายในห้องรับรองเดินออกมาที่หน้าประตูทางเข้าตระกูลหลิง จึงมีผู้คนมุงดูกันอยู่อย่างหนาแน่น
  ไม่เพียงแขกของตระกูลหลิงเท่านั้นแม้แต่เกาจิ้นสง หลี่กวนผิง และคนอื่นๆที่อยู่ด้านใน เมื่อรู้ว่าเย่ชิงเฟิงมาด้วยตัวเอง ต่างก็รีบเดินตามออกมาเช่นกัน
  ต่างฝ่ายต่างอยู่ในฐานะที่เสมอกันหากไม่ออกมาต้อนรับ เกรงว่าจะไม่เป็นการเหมาะสมนัก
  ทางด้านเย่ชิงเฟิงกับรู้สึกกระอักกระอ่วนใจยิ่งนักเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มานานนับสิบปีแล้ว
  แน่นอนว่าเย่ชิงเฟิงย่อมรู้จักหลิงเสี่ยวกับหลิงลี่และเพิ่งได้พบเจอพูดคุยกับหลิงเย่วเมื่อสองสามวันก่อน
  เวลานี้ทั้งสามคนก็ได้มาถึงหน้าประตูแล้ว และถึงแม้เขาจะสังเกตเห็นโจวเหวินอี้ แต่ก็มิได้ใส่ใจนัก เขาต้องการที่จะทักทายหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และหลิงเย่ว แต่เวลานี้ทั้งสามคนกลับยืนอยู่ด้านหลังของหลิงหยุน
  และหลิงหยุนก็เป็นถึงผู้นำตระกูลหลิงจำเป็นที่เขาจะต้องเอ่ยทักทายหลิงหยุนในฐานะผู้นำตระกูลเช่นกัน แต่ก็เห็นได้ชัดว่า หลิงหยุนจงใจที่จะดูว่าเย่ชิงเฟิงจะจัดการกับเหตุการณ์เฉพาะหน้านี้เช่นใด
  แต่วันนี้..เย่ชิงเฟิงเองก็ได้เตรียมใจที่จะถูกหลิงหยุนกลั่นแกล้งมาพร้อมแล้ว!
  หลิงหยุนจงใจแสดงท่าทีเมินเฉยกับเย่ชิงเฟิงอยู่ร่วมสิบกว่าวินาทีจนกระทั่งเย่ชิงซินต้องเป็นฝ่ายเอ่ยแนะนำขึ้นก่อน
  แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่ประสานมือพร้อมกับเอ่ยทักทายโดยไม่แม้แต่จะโน้มกายลง “ผู้นำตระกูลเย่ ข้ารอท่านอยู่นาน!”   ไม่มีแม้แต่คำว่าอาวุโสหรือท่านลุง..
  เย่ชิงเฟิงได้แต่แอบยิ้มขื่นในใจแต่อยู่ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เขาทำได้เพียงแค่ประสานมือ และตอบหลิงหยุนกลับไปว่า
  “ข้าได้ยินมาว่าขั้นพลังบ่มเพาะของผู้นำตระกูลหลิงนั้นล้ำเลิศยิ่งนัก วันนี้ได้มาเห็นกับตานับว่าเป็นโชคดีของข้า.. สมแล้วที่เป็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ เสมือนมังกรในหมู่มวลมนุษย์..”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ“ท่านมีอะไรก็เชิญพูดมาเถิด..”
  แม้เย่ชิงเฟิงจะแสดงท่าทีที่โอนอ่อนมากแล้วแต่หลิงหยุนกลับไม่มีท่าทีที่จะลดราวาศอกลงเลยแม้แต่น้อย..
  และแน่นอนว่าหลิงหยุนจะไม่มีทางทำเช่นนั้นโดยเด็ดขาด!นั่นเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของหลิงเสี่ยวผู้เป็นบิดา และเขาก็เฝ้ารอเวลานี้มานาน!
  วันนี้จะเป็นวันที่ตระกูลหลิงประกาศกึกก้องด้วยการกระทำว่าจากนี้ไปตระกูลหลิงจะเป็นตระกูลที่ผยอง และไม่ก้มหัวให้แก่ผู้ใดอีก!
  “ผู้นำตระกูลเย่มาทั้งทีเหตุใดจึงทำเช่นนี้”
  เหล่าชาวยุทธที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์..
  ช่างผยองยิ่งนัก!
  ทำเกินไปแล้ว!
  นี่หาใช่สิ่งที่คนเป็นเจ้าภาพควรทำ!
  แขกคนสำคัญมาถึงที่หลังจากทักทายกันแล้ว ควรต้องเชื้อเชิญเข้าไปในบ้านจึงจะถูก แต่หลิงหยุนกลับแสร้งทำเป็นลืม และยังคงยืนคุยกับเย่ชิงเฟิงอยู่หน้าประตู
  หลิงหยุนเป็นเจ้าภาพแบบไหนกัน
  แน่นอนว่าหากเป็นแขกที่หลิงหยุนสมควรมาต้อนรับด้วยตนเอง เขาก็จะออกมาต้อนรับขับสู้ทุกคนอย่างเต็มที่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับแขกแต่ละคนด้วย..   และเย่ชิงเฟิงก็เป็นหนึ่งคนที่จะไม่ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากหลิงหยุนแน่!
  นั่นเพราะเรื่องของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นแม้เย่ชิงเฟิงจะมิได้เข้าร่วมด้วยตนเอง แต่ก็แอบช่วยเหลืออย่างลับๆ อีกทั้งหลังจากตระกูลหลิงได้รับโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น ตระกูลเย่ยังฉวยโอกาสยึดเอาธุรกิจบางส่วนของตระกูลหลิงไปด้วย
  ฉะนั้นแล้วเพียงแค่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดของหลิงเสี่ยว ใช่ว่าจะสามารถหักล้างการกระทำในอดีตได้ง่ายๆ!
  และการที่หลิงหยุนจงใจต้อนรับเย่ชิงเฟิงต่อหน้าเย่ชิงซินเย่เทียนสุ่ย และเย่เทียนตูเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เช่นกัน..
  เวลานั้นทั้งเย่เทียนสุ่ยและเย่เทียนตูเพิ่งจะก้าวลงมาจากรถ และยังคงยืนอยู่ด้านหลังเฝ้าดูเหตุการณ์
  “ข้าเป็นฝ่ายชนะ!ข้าบอกกับเจ้าแล้วว่า หลิงหยุนจะไม่มีทางให้หน้าลุงสองเป็นแน่..”   เย่เทียนตูกับดฟันตอบกลับไป“นี่เจ้าอยู่ข้างผู้ใดกันแน่”
  แม้หลิงหยุนจะเป็นสหายที่ดีแต่เย่ชิงเฟิงก็เป็นบิดาของเขา เมื่อได้เห็นหลิงหยุนแสดงกิริยาเช่นนี้กับเย่ชิงเฟิง เย่เทียนตูเองก็ไม่อาจทนได้ และต้องการที่จะเดินเข้าไปหาหลิงหยุนเช่นกัน
  “คิดไม่ถึงว่าต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้หลิงหยุนยังไม่เห็นแก่หน้าท่านพ่อแม้แต่น้อย!” เย่เทียนตูคำรามอยู่ในลำคอ..
  “อย่าได้ลงมือเด็ดขาด!”
  เย่เทียนสุ่ยรีบเอ่ยห้ามทันที“อย่าว่าแต่เจ้าเลย ต่อให้พวกเราทั้งสี่ร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางเอาชนะหมอนั่นได้แน่!”
  “อีกอย่างข้าเชื่อว่าน้าหญิงเองก็จะไม่ช่วยพวกเราด้วย!”
  เย่เทียนตูหันมาตวาดใส่เย่เทียนสุ่ย“นี่เจ้าไม่คิดที่จะรักษาหน้าตนเองเลยงั้นรึ อย่าลืมว่าเจ้าเพิ่งจะได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่ไปเมื่อคืนนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าไปจัดการกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น?”
  เย่เทียนสุ่ยเอ่ยตอบกลับไปทันที“น้องชาย ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเรื่องของท่านลุง อีกอย่าง.. เจ้าคงไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่ข้าทำอะไรมาบ้างแล้วเพื่อแก้ปัญหาเหล่นี้”
  “….”เย่เทียนตูถึงกับพูดไม่ออก
  นั่นเพราะไม่ว่าหลิงหยุนกับเย่ชิงเฟิงจะพบกันที่ใดหรือเวลาใดภาพเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นแน่ ยากนักที่จะหลีกเลี่ยงได้!
  และไม่แน่ว่า..อาจจะเลวร้ายเสียยิ่งกว่าที่พบเห็นในตอนนี้เสียอีก!
  “เจ้าวางใจได้..ท่านลุงสองย่อมต้องรับมือได้เป็นแน่ หลิงหยุนเองก็คงมิได้คิดที่จะเข่นฆ่าเอาชีวิตกัน..”
  เย่เทียนตูเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจนัก“หึ.. วันข้างหน้าข้าต้องเอาคืนหลิงหยุนแน่!”   ทางด้านเย่ชิงซินนั้นหลังจากที่แนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันแล้ว นางก็มิได้สนใจใยดีอีก และหันหน้าไปมองหลิงเสี่ยวซึ่งอยู่ห่างออกไป
  “นี่เขากลายเป็นเด็กหนุ่มในวัยยี่สิบไปแล้วจริงๆ..”
  ทั้งหลิงเสี่ยวและเย่ชิงซินต่างก็กลืนโอสถเยาว์วัยและได้กลับกลายเป็นหนุ่มสาวในวัยยี่สิบด้วยกันทั้งคู่
  หลิงเสี่ยวได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มเป็นการทักทายเย่ชิงซินแต่มิได้เอ่ยทักทายผ่านกระแสจิต หรือแม้แต่ก้าวเดินออกมาด้านหน้า
  เย่ชิงซินถึงกับนิ่งอึ้งไปเวลานี้แม้แต่คำเรียก ‘น้องสาวตัวรน้อย’ ที่คุ้นเคยกลับไม่ได้ยินจากปากของหลิงเสี่ยวอีก!
  หลังจากที่บรรยากาศนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ในที่สุดเย่ชิงเฟิงจึงเป็นฝ่ายกระแอมออกมาเบาๆ พร้อมกับจ้องมองไปทางหลิงหยุนแน่นิ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงดัง..   “เมื่อสิบแปดปีก่อนที่ตระกูลหลิงต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมครั้งนั้นข้าเย่ชิงเฟิงอยู่ในฐานะผู้นำตระกูลเย่พอดี และเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลเย่ ถึงแม้ข้าจะมิได้เข้าร่วมกับทุกคน แต่ก็แอบช่วยเหลือผลักดันอย่างลับๆ และหลังจากที่ตระกูลหลิงอ่อนแอลง ข้าเย่ชิงเฟิงก็ได้อาศัยโอกาสนี้ยึดเอากิจการหลายอย่างของตระกูลหลิงมา..”
  “เวลานี้..ไม่เพียงหลิงเสี่ยวจะหายบาดเจ็บดีแล้ว แต่พลังบ่มเพาะของเขายังเหนือกว่าก่อนมากนัก หลังจากที่ข้า – เย่ชิงเฟิง ได้ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ทำลงไปในอดีตแล้ว รู้สึกละอายใจยิ่งนัก จึงต้องการอาศัยโอกาสซึ่งเป็นวันเกิดของหลิงเสี่ยวนี้ กระทำการสี่เรื่องด้วยกัน..”
  “เรื่องแรกคือ..อวยพรวันเกิดให้กับหลิงเสี่ยว”
  “เรื่องที่สอง..ขออภัยต่อตระกูลหลิงกับความผิดที่ข้าได้ทำลงไปในดีต”
  “เรื่องที่สาม..ขอคืนกิจการและผลกำไรที่ได้ยึดมาในครั้งนั้นให้แก่ตระกูลหลิง”
  “และเรื่องสุดท้าย..ในวันแห่งความสุขนี้ ข้าหวังว่าจะสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิงขึ้นเช่นเดิมได้”
  “ท่านผู้นำตระกุลหลิง..ไม่ทราบว่าข้าทำเช่นนี้ ท่านพอใจหรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร