Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1528

บทที่ 1528 : เพื่อตระกูลเย่!
  หลังจากที่เย่ชิงเฟิงกล่าวจบทุกคนในที่นั้นถึงกับพากันตกตะลึง และนิ่งอึ้งไปในทันที ตามด้วยเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมารอบๆ
  เวลานี้เย่ชิงเฟิงผู้นำตระกูลเย่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายที่หน้าประตูบ้านตระกูลหลิง และกำลังเอ่ยขอโทษเด็กหนุ่มรุ่นลูกอย่างนั้นหรือ
  นี่เป็นเรื่องที่ผู้ใดก็คาดคิดไม่ถึง..
  อีกทั้งท่าทางของเย่ชิงเฟิงซึ่งอยู่ต่อหน้าหลิงหยุนเวลานี้ยังถ่อมเนื้อถ่อมตน ทำตัวราวกับฝุ่นต่ำต้อยเช่นนี้ มันหมายความเช่นใดกัน
  ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายเช่นนี้ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่หาใช่คนโง่ไม่ มีหรือที่จะไม่เข้าใจท่าทางการแสดงออกของเย่ชิงเฟิงว่า เวลานี้ตระกูลเย่กำลังประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่า ตระกูลหลิงนั้นแข็งแกร่งเหนือตระกูลเย่!
  เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!!
  นั่นเพราะหากต้องการศิโรราบต่อตระกูลหลิงจริงๆก็ควรจะไปเจรจากันอย่างเงียบๆ จำเป็นหรือที่จะต้องประกาศต่อหน้าคนทั้งโลกเช่นนี้..
  แต่ต่อให้ทำเช่นนั้น..ช้าเร็วผู้คนก็ต้องรู้อยู่ดีเช่นกัน!
  แต่เย่ชิงเฟิงนั้นได้ใคร่ครวญและไตร่ตรองมาเป็นอย่างดีแล้ว เขารู้ว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียว และโอกาสสุดท้าย หากเขาไม่เอ่ยทุกอย่างออกไปในวันนี้ วันข้างหน้าก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเข้าตระกูลหลิงได้อีก
  และหากเป็นเช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนสุ่ยและเย่เทียนตูกับหลิงหยุน ซึ่งเพิ่งจะก่อร่างสร้างตัวได้เพียงแค่เล็กน้อยนั้น ก็ย่อมพังทะลายลงด้วยเช่นกัน!
  ตระกูลหลิงกำลังผงาดขึ้นอย่างที่ผู้ใดก็มิอาจหยุดยั้งได้และตราบใดที่หลิงหยุนยังคงอยู่ในตระกูลหลิง ถึงเวลานั้นตระกูลเย่คงจะต้องถูกเขาบดขยี้จนตาย และยากที่จะลืมตาอ้าปากขึ้นได้อีกครั้งเป็นแน่
  เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าเขาเวลานี้รักและชัง.. แบ่งแยกชัดเจน!
  และแน่นอนว่าเย่ชิงเฟิงจะไม่ยอมให้เรื่องนี้กลายเป็นหนามที่คอยทิ่มแทง และช้าเร็ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เวลานี้ ก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี จะกล่าวต่อหน้าคนตระกูลหลิงเพียงลำพัง หรือต่อหน้าคนนับร้อย จะแตกต่างกันเช่นใดเล่า
  แทนที่จะรอให้ต้องเผชิญหน้ากับความตายเสียก่อนสู้แสดงความจริงใจออกมาเช่นนี้ก่อนจะมิดีกว่าหรือ
  ยอมเสียหน้าในวันนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตระกูลเย่เอาไว้หรือจะรักษาหน้าตนเอง และยอมให้ตระกูลเย่ต้องเผชิญหน้ากับความโชคร้ายในวันข้างหน้า!
  ในเมื่อสถานการณ์เวลานี้ได้เปลี่ยนไปแล้วทุกคนย่อมต้องก้มหัวเมื่ออยู่ภายใต้ชายคา และในวันนี้เย่ชิงเฟิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน
  “พอใจ!ข้าย่อมพอใจอย่างมาก! ผู้นำตระกูลเย่ ท่านช่างเหนือความคาดหมายของข้ายิ่งนัก!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความพอใจและไม่คิดที่จะกดดันเย่ชิงเฟิงอีก เขารีบเปิดทางให้เย่ชิงเฟิงพร้อมกับเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้านทันที
  “ขอเชิญท่านผู้นำตระกูลเย่เข้าไปดื่มชาด้านใน..”
  “เจ้าเด็กคนนี้นี่จริงๆเลย!!”
  หลิงเสี่ยวรีบเดินเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบเสียงเบาว่า “เจ้าช่างไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่.. เจ้าปฏิบัติต่อท่านลุงเย่เช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
  จากนั้นหลิงเสี่ยวก็รีบเดินตรงเข้าไปหาเย่ชิงเฟิงพร้อมกับประสานมือไว้ข้างหน้า และเอ่ยออกไปว่า  “ท่านพี่เย่..ไม่ได้พบกันนาน! หลิงหยุนยังเด็กนัก ไม่รู้มารยาท ขอท่านพี่เย่อย่าได้ถือสา!”
  ในเมื่อลูกชายเล่นเป็นตัวโกงที่สามารถเรียกหน้าตาให้กับตระกูลหลิงได้อย่างมากมายแล้ว ในฐานะที่หลิงเสี่ยวเป็นพ่อ ย่อมต้องเล่นบทขอโทษขอโพย เพื่อให้อีกฝ่ายมีทางลงจึงจะถูกต้องมิใช่หรือ
  “น้องชายเจ้ากล่าวหนักเกินไปแล้ว!”
  เย่ชิงเฟิงได้แต่แอบถอนหายใจพร้อมกับคิดว่าหลิงเสี่ยวเปลี่ยนไปมากจริงๆ แต่ปากก็เอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
  “เรื่องนี้จะโทษหลิงหยุนก็ไม่ถูกนักเป็นความตั้งใจของข้าเอง ข้าอยากจะใช้การมาของตนเองในครั้งนี้ ได้สะสางความผิดพลาดของตนเองในอดีต เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเราสองตระกูล”
  ระหว่างนั้นหลิงเย่วก็ได้เดินเข้าไปทักทายเย่ชิงเฟิงทันที “น้องชิงเฟิง.. พบกันอีกแล้ว วันนี้คงต้องคุยกันให้หนำใจ!”
  ทั้งคำพูดและการแสดงออกของหลิงเย่วนั้น ย่อมต้องมีความหมายซ่อนอยู่..
  หากจะพูดกันตามตรงเมื่อครู่ที่เย่ชิงเฟิงถูกหลิงหยุนบีบคั้นนั้น หลิงเย่วได้แต่แอบนึกหวั่นอยู่ในใจ เขาเกรงว่าเย่ชิงเฟิงจะไม่อาจอดทนต่อแรงบีบคั้นของหลิงหยุนได้ และทั้งคู่จะประมือกันอยู่ที่หน้าประตูเสียก่อน
  แต่หลิงเย่วมิได้กลัวว่าตระกูลหลิงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แต่เพียงแค่เกรงว่า วันนี้เป็นงานวันเกิดของหลิงเสี่ยว เขาไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นเท่านั้น..
  ที่สำคัญกว่านั้นเขาเพิ่งจะไปพบเย่ชิงเฟิงที่ตระกูลเย่มาไม่นาน และเย่ชิงเฟิงก็ได้ยอมรับกับเขาถึงความผิดพลาดในอดีตไปแล้ว อีกทั้งยังได้แสดงเจตจำนงค์ว่า ต้องการที่จะสานสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิงต่อไป
  แต่หากวันนี้ผู้นำของสองตระกูลปะทะกันขึ้นมาจริงๆทุกอย่างก็จะพลิกผลัน และหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ยากที่ทั้งสองตระกูลจะกลับมามีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้อีก
  เย่ชิงเฟิงเองก็เข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงเย่วได้ดีเขาจึงได้แต่ยิ้มออกมา พร้อมกับเอ่ยตอบให้หลิงเย่วมั่นอกมั่นใจ
  “แน่นอนวันนี้พวกเราย่อมต้องมีเรื่องสนทนากันมากมาย!”
  หลังจากที่เอ่ยตอบหลิงเย่วไปแล้วเย่ชิงเฟิงก็ได้ทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครา เขาก้าวเดินเข้าไปหาหลิงลี่ พร้อมกับคุกเข่าลงต่อหน้า
  “ข้าน้อยเย่ชิงเฟิงคาราวะท่านปู่หลิง!”
  หากเป็นเมื่อก่อนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่เย่ชิงเฟิงจะทำเช่นนี้ แต่วันนี้เขากลับทำเช่นนี้ภายในบ้านตระกูลหลิง และต่อหน้ายอดฝีมือระดับสูงนับร้อยคน
  ในยุทธภพนั้น..นับถือกันที่ความแข็งแกร่งเป็นอันดับแรก รองลงมาคือชื่อเสียง และท้ายที่สุดจึงเป็นระดับความอาวุโส
  และแน่นอนว่าเย่ชิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าหลิงลี่แต่เวลานี้เขากับคุกเข่าคาราวะหลิงลี่ซึ่งเพียงแค่อาวุโสกว่าเท่านั้น!
  อีกทั้งการคุกเข่าคาราวะผู้คนนั้นนับเป็นการกระทำที่ลดตัวได้ต่ำมากแล้ว มิมีการกระทำใดที่จะต่ำมากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
  “ท่านผู้นำตระกูลเย่..ท่านช่างห้าวหาญยิ่งนัก!”
  หลิงลี่ถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่างและรีบยื่นมือออกไปประคองร่างของเย่ชิงเฟิงให้ลุกขึ้น พร้อมกับเอ่ยต่อในทันที
  “อย่าได้ทำเช่นนี้เลยลุกขึ้นเถิด.. เข้าไปดื่มชากันด้านในจะดีกว่า!”
  แต่เย่ซิงเฟิงกลับไม่ยอมลุกขึ้นพร้อมกับเอ่ยเสียงดังต่อหน้าทุกคน “หลานชายผู้นี้ได้เคยทำผิดต่อท่านปู่ในอดีต! ครั้งนั้นเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล ถึงกับทำให้ท่านปู่ต้องตกอยู่ในความลำบากมานานนับสิบปี เมื่อสิบกว่าปีก่อน.. ข้าในฐานะผู้นำตระกูลเย่ เข้าใจได้ดีว่า ท่านปู่และลูกหลานตระกูลหลิงต้องอยู่อย่างลำบาก และเจ็บปวดมากเพียงใดหลานรู้สึกละอายใจต่อการกระทำของตนเองยิ่งนัก หลานไม่กล้าขอให้ท่านปู่อภัยให้ แต่เพียงแค่อยากจะจะคุกเข่าขอขมาต่อท่านปู่เท่านั้น..”
  คำพูดที่เย่ชิงเฟิงเอ่ยกับหลิงหยุนก่อนหน้านั้นเรียกว่าทำเพราะความจำเป็น และไม่มีทางเลือก แต่ต่อหน้าหลิงลี่เวลานี้ เย่ชิงเฟิงแสดงออกถึงความรู้สึกผิดจากใจจริง!
  และเย่ชิงเฟิงก็ยังคงเป็นเย่ชิงเฟิง..ไม่ว่าเขาจะยอมรับผิดเพราะสำนึกผิดจริงๆหรือไม่นั้น แต่อย่างน้อย ทั้งสีหน้า ท่าทาง และคำพูดที่งดงามของเขาเวลานี้ ก็ได้ใจคนตระกูลหลิงหมดทุกคนแล้ว
  คำกล่าวของเย่ชิงเฟิงนั้นทำให้หลิงลี่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก และได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
  “ชิงเฟิง..เจ้ากล่าวเกินไปแล้ว! หากจะว่าไป.. ในฐานะผู้นำตระกูลเช่นเรา มีผู้ใดบ้างที่มิเคยทำผิดพลาดเล่า อีกอย่าง เรื่องนี้ก็ได้ผ่านไปนานแล้ว วันนี้เป็นวันที่ตระกูลหลิงมีความสุขยิ่งนัก ในเมื่อเจ้าเองก็ตั้งใจมาอวยพรแล้ว ข้าก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอีตอีก พวกเราเข้าไปคุยกันในบ้านจะดีกว่า..”
  ในที่สุดเย่ชิงเฟิงก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะโน้มศรีษะลงพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
  “ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันแล้วครั้งนี้ได้พบกับท่านปู่หลิงในรอบหลายสิบปี หลานขออวยพรให้ท่านปู่หลิงมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง!”
  หลิงลี่ถึงกับหัวเราะเสียงดังและเอ่ยตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดี “เยี่ยมๆๆ เอาล่ะ เข้าไปคุยกันในบ้านได้แล้ว!”
  นับตั้งแต่โจวเหวินอี้มาถึงจนกระทั่งเวลานี้ได้ผ่านไปร่วมสี่สิบนาทีแล้ว และเวลานี้แขกเหรื่อก็มาอออยู่หน้าบ้านตระกูลหลิงกันมากมาย หลิงลี่จึงได้คะยั้นคะยอให้เข้าไปคุยกันด้านใน
  เวลานี้หลิงลี่ เย่ชิงเฟิง โจวเหวินอี้ และคนอื่นๆ ได้เดินนำเข้าไปด้านใน โดยมีเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงเดินตามเข้าไป
  “นี่!!ข้าเคยได้ยินมาว่าตระกูลเย่ของพวกเจ้ามักเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ทำตัวโอ้อวด วันนี้ได้เห็นกับตา ข้ารู้สึกชื่นชมมากจริงๆ!”
  หลิงหยุนเดินเข้าไปหาเย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูพร้อมกับเอ่ยขึ้น แต่เวลานี้ทั้งสามคนต่างมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน..
  หลิงหยุนดูภูมิอกภูิใจในขณะที่เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูกัดฟันกรอด..
  แต่เย่เทียนสุ่ยก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรนักเพราะหลังจากนั้นเขาก็เอาแต่มองไปรอบๆ อีกทั้งยังเปิดจิตหยั่งรู้ค้นหาหลิงซิ่วอีกด้วย
  “หลิงหยุน..พ่อของข้ามาเยือนตระกูลหลิงด้วยตัวเองเช่นนี้ เหตุใดเจ้ายังต้องทำให้เขาต้องอับอายเช่นนี้ด้วย”
  เย่เทียนตูจ้องหน้าหลิงหยุนเขม็งหน้าตาบูดบึ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ..
  หลิงหยุนตั้งใจหาเรื่องเย่ชิงเฟิงคนเดียวเท่านั้นเขาไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับเย่เทียนตูเป็นส่วนตัว แต่จะให้เขาทำอย่างไรได้ ในเมื่อทั้งคู่ต่างเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หลิงหยุนจึงได้แต่เอ่ยตอบกลับไปว่า
  “ข้าขอบอกกับเจ้าตามตรง..เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ ข้าคงไม่ยอมให้พ่อของเจ้าพูดจาไม่กี่คำแล้วก็จบได้ มันง่ายเกินไป!”
  “และครั้งนั้น..หากไม่ใช่เพราะเจ้าอ้วนเย่เทียนสุ่ยยอมไม่ตอบโต้ข้าก่อนหน้านี้ และหากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าสองคนไปช่วยข้าที่งานชุมนุมชาวยุทธแล้วล่ะก็ พวกเจ้าคิดว่า วันนี้พวกเจ้าสองคนจะรอดจากความอับอายไปได้งั้นรึ”
  หลังจากอธิบายให้เย่เทียนตูฟังแล้วหลิงหยุนก็รีบยกมือขึ้นตบเข้าที่แผ่นหลังของเย่เทียนสุ่ยทันที
  “นี่!!เจ้ากำลังมองหาอะไร”
  เย่เทียนสุ่ยถูกตบหลังอย่างแรงจึงได้แต่ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “นี่เจ้าทำบ้าอะไร”   หลิงหยุนเอ่ยถามขึ้นทันที“นี่.. ข้าขอถามพวกเจ้าสองคน เวลานี้เรื่องบาดหมางระหว่างเราสองตระกูล ได้ถูกสะสางแล้ว เจ้าว่าตระกูลหลิงของข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือไม่”
  “เสียเปรียบบ้าอะไรกัน!!”
  เย่เทียนสุ่ยแสร้งทำเป็นร้องตะโกนออกมาเสียงดัง“เจ้าไม่รู้รึว่า.. ที่ท่านลุงสองทำไปทั้งหมดเมื่อครู่นั้น นับว่าให้หน้าตระกูลหลิงของเจ้าอย่างมากมายทีเดียว!”
  “แล้วที่ลุงสองประกาศว่าจะคืนกิจการที่เคยเป็นของตระกูลหลิงกลับคืนให้นั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันมากมายเพียงใด”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข!
  “มากเพียงใดงั้นรึ!!”
  เย่เทียนสุ่ยแทบไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้เพราะทุกครั้งที่นึกถึง เขาจะรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก แต่ก็ต้องกัดฟันตอบหลิงหยุนไปว่า
  “หึ..เอาเป็นว่ามากกว่ากิจการที่เจ้าได้จากตระกูลซันและตระกูลเฉินรวมกันเสียอีก!”
  “…”หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมากมายถึงเพียงนั้น
  แต่ท่าทางของหลิงหยุนที่ตอบกลับมาก็ทำเอาสองพี่น้องตระกูลเย่โกรธจนแทบคลั่ง “ก็ได้ๆ เอาเป็นว่าในเมื่อตระกูลเย่มีเจตนาดีถึงเพียงนี้ ความบาดหมางของสองตระกูลก็เป็นอันสิ้นสุด!”
  “หลิงหยุน..ข้าจะฆ่าเจ้า!!!”
  แต่ถึงแม้สองพี่น้องจะร้องตะโกนออกไปเช่นนั้นแต่ความจริงแล้วภายในกลับรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่เทียนสุ่ย!
  เพราะเขาจะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเย่คนต่อไปและในวันนี้ที่เย่ชิงเฟิงถ่อนเนื้อถ่อมตัวถึงเพียงนี้ ต้องบอกว่าสมแล้วที่ได้ฉายาจิ้งจอกเฒ่า เพราะการแสดงออกของเย่ชิงเฟิงในวันนี้ ก็เพื่อปูทางให้กับตระกูลเย่ในวันข้างหน้านั่นเอง!   ในเมื่อเย่ชิงเฟิงใกล้จะถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่แล้วการที่เขายอมลดความยะโสโอหังลงเช่นนี้ นับว่าได้ใจหลิงหยุนเป็นอย่างมาก หลังจากที่เย่เทียนสุ่ยขึ้นเป็นผู้นำตระกูลแทนเมื่อใด เขาก็เพียงแค่เฝ้าดูอยู่ห่างๆเท่านั้น
  และทั้งหมดที่เขาทำนั้นก็เพื่อตระกูลเย่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร