บทที่ 1529 : แผนการรับมือของหลงฮ่าวหลาน
“เป็นความจริงงั้นรึเย่ชิงเฟิงสารภาพผิดกับตระกูลหลิงต่อหน้าชาวยุทธมากมายรึ?”
วันนี้หลงฮ่าหลานฝึกวิชาเสร็จตั้งแต่เช้าและเตรียมพร้อมที่จะเดินทางไปงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหลิงเสี่ยวแล้ว แต่ยังนั่งรอฟังข่าวคราวก่อนออกเดินทางเท่านั้นเอง
และแน่นอนว่าข่าวคราวที่เขารอฟังอยู่นั้นย่อมต้องเป็นข่าวคราวเกี่ยวกับตระกูลหลิงในวันนี้ แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะยอมก้มหัวให้ตระกูลหลิงครั้งหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะตลอดไป และยังคงรอคอยเวลาที่จะเอาคืน
“จริงครับท่านพ่อ!”
หลงเทียนซิงซึ่งยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามหลงฮ่าวหลานเอ่ยรายงานต่อทันที“จากที่นักรบตระกูลหลงของเราไปเฝ้าสังเกตการณ์ เย่ชิงเฟิงไปพร้อมกับเย่ชิงซิน เย่เทียนตู และเย่เทียนสุ่ย พวกเขาไปถึงหน้าบ้านตระกูลหลิงราวสิบเอ็ดโมงเช้า แต่ทันทีที่ก้าวลงจากรถก็ถูกหลิงหยุนออกมาดักหน้าประตูไว้ จากนั้นก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้เดินหน้า หรือถอยหลังกลับได้..”
“หลังจากถูกหลิงหยุนไล่ต้อนในที่สุดเยชิงเฟิงจึงหมดหนทาง จนต้องยอมสารภาพผิดกับหลิงลี่ อีกทั้งยังแทนตนเองว่าผู้น้อยด้วย..”
หลงเทียนซิงรายงานสิ่งที่ได้รับฟังมาให้หลงฮ่าวหลานฟังอย่างละเอียด..
“หึ..”
หลังจากได้ฟังเช่นนั้นหลงฮ่าวหลานถึงกับทำเสียงฮึดฮัดออกมาอย่างไม่พอใจ!
เขารู้ดีอยู่แล้วว่า..ไม่ว่าอย่างไรในวันนี้ เย่ชิงเฟิงก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะยอมรับการถูกยั่วยุ หรือถูกทำให้เสียหน้าไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆเย่ชิงเฟิงจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากสารภาพความผิดของตนต่อหน้าคนตระกูลหลิงง่ายๆเช่นนี้
“ไร้ยางอายสิ้นดี!” หลงฮ่าวหลานหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะร้องตะโกนออกไปเสียงดัง“เจ้าจิ้งจอกเฒ่าถึงกับยอมเสียหน้า เพื่อที่จะปูทางให้กับตระกูลเย่เชียวรึ”
หลงฮ่าวหลานร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโหแล้วก็หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งและไม่สามารถคิดหาคำกล่าวใดๆออกมาได้อีก เพราะเขาเองก็มิรู้ว่า ควรจะต้องชื่นชมเย่ชิงเฟิง หรือว่าสมเพชเขาดีกันแน่..
“เทียนซิง..ดูท่าอีกไม่นานคงต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้นำตระกูลเย่แน่ หากข้าคาดการไม่ผิด ผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลเย่คนต่อไป คงไม่พ้นเย่เทียนสุ่ยเป็นแน่”
ต้องยอมรับว่านอกเหนือจากมรดกตระกูลหลงแล้วก็ยังพลังอำนาจซ่อนเร้นและเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ตระกูลหลงยืนหยัดมาถึงเวลานี้ได้ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ความสามารถของหลงฮ่าวหลานนี่เอง
“จริงด้วยท่านพ่อ..ตระกูลเย่ได้วางแผนไว้แล้วนี่เอง หาไม่แล้วคงจะไม่ลงทุนทำถึงเพียงนี้แน่!”
แววตาทั้งสองของหลงฮ่าวหลานเป็นประกายขึ้นมาทันทีและหันไปถามหลงเทียนซิงผู้เป็นลูกว่า
“เทียนซิงเจ้าเห็นว่าพวกเราควรทำเช่นใดดี”
หลงเทียนซิงไตร่ตรองเล็กน้อยในที่สุดจึงเอ่ยตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อ.. ข้าว่าท่านไม่ควรไปด้วยตัวเอง ให้ข้าไปแทนจะดีกว่า อีกอย่าง.. ข้าไปครั้งนี้ก็เพื่ออวยพรให้กับท่านลุงหลิงเสี่ยว ตระกูลหลิงคงจะไม่ทำเกินไปกับข้านัก”
ความหมายของหลงเทียนซิงก็คือ..ต่อให้ตระกูลหลิงจะกลั่นแกล้งเขาเช่นใด เขาก็จะอดทน และต่อให้ต้องได้รับความอับอายเพียงใด เขาก็จะไม่ยอมแพ้..
แต่หลงฮ่าวหลานกลับส่ายหน้า“เทียนซิง.. หากเป็นเมื่อก่อนเจ้าย่อมไปแทนข้าได้ แต่เวลานี้ แม้แต่ประตูบ้านตระกูลหลิง เจ้ายังไม่มีทางที่จะผ่านเข้าไปได้เลย!” “….”หลงเทียนซิงถึงกับพูดไม่ออก
จากนั้นเมื่อตั้งสติได้เขาก็รีบร้องตะโกนบอกไปว่า “แต่ลูกก็ไม่อาจยอมให้ท่านพ่อไปตระกูลหลิง เพื่อให้พวกมันสร้างความอัปยศอดสูให้ได้เช่นกัน!”
“แม้กระทั่งเย่ชิงเฟิงยังโดนมากมายถึงเพียงนั้นเพียงแค่ฟังลูกยังแทบทนไม่ได้ หากท่านพ่อต้องไปเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกัน แล้วข้า..”
หลงฮ่าวหลานไม่รอให้หลงเทียนซิงกล่าวจบเขาส่ายหน้าและเอ่ยแทรกขึ้นมาในทันที “เรื่องนั้นเจ้าอย่าได้กังวลใจไป..”
“ตระกูลหลงของเราเวลานี้ใช่ว่าจะต่ำต้อยที่สุดในสามตระกูลสูงสุด และข้าเองก็ได้เตรียมแผนการสำหรับรับมือกับตระกูลหลิงไว้แล้วเช่นกัน..”
และนี่คือความแตกต่างระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลเย่!
ระหว่างตระกูลเย่กับตระกูลหลิงนั้นหาได้มีความแค้นลึกซึ้งต่อกันไม่ อีกทั้งเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีที่ผ่านมา เย่ชิงเฟิงก็เพียงแค่ลงเรือลำเดียวกันกับผู้อื่นเท่านั้น..
แต่ระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลหลิงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่..
เบื้องหน้าอาจดูเหมือนตระกูลหลงมิได้ลงมือทำสิ่งใดต่อตระกูลหลิงอีกทั้งยังดูเหมือนว่าเป็นฝ่ายช่วยคลี่คลายปัญหาให้กับตระกูลหลิงอีกด้วย แต่แท้ที่จริงแล้ว ล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งสิ้น
ความจริงแล้วหลงฮ่าวหลานเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องทำลายวรยุทธของหลิงเสี่ยว บีบคั้นหยินชิงเฉวียน รวมไปถึงการยืนมองตระกูลหลิงตกต่ำลง ก่อนจะฉวยโอกาสยึดเอากิจการต่างๆของตระกูลหลิงไป และในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมของตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนนั้น ตระกูลหลงนับเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากมายที่สุด!
และหลังจากที่ตระกูลหลิงพังทะลายและตกต่ำลงตระกูลหลงจึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับสูงสุดของประเทศนี้!
แต่ในวันนี้ทุกอย่างได้สลับกลับขั้วไปหมดแล้วเวลานี้ตระกูลหลิงได้ก้าวขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดแทน ในขณะที่ฐานะของตระกูลหลงเวลานี้กำลังจะไม่แตกต่างจากตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อน และหากพวกเขาประมาท ก็คงต้องตกลงไปอยู่ในอันดับเดียวกับที่ตระกูลหลิงเคยอยู่เป็นแน่..
และสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้หลงฮ่าวหลานกับหลิงหยุนมาถึงจุดแตกหักก็คือการฝึกฝนของหลิงหยุนที่ต้องอาศัยปราณมังกร และเขาก็ได้ดูดซับเอาปราณมังกรที่อยู่ภายในพระราชวังต้องห้ามเข้าไปจนหมด รวมถึงการต่อสู้กับสมาชิกตระกูลหลงที่ทะเลสาบผอหยาง และทะเลจีนตะวันออก..
ด้วยเหตุนี้ตราบใดที่หลิงหยุนยังคงฝึกฝน และก้าวหน้าอย่างยิ่งยวดเช่นนี้ต่อไป ตระกูลหลงและตระกูลหลิงคงยากที่จะหลีกเลี่ยงข้อขัดแย้งไปได้.. นี่คือความขัดแย้งในเรื่องทรัพยากรการฝึกบ่มเพาะและผลประโยชน์ของตระกูล จึงยากที่สองฝ่ายจะสามารถกลับกลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้อีก..
นั่นเป็นเพียงความแตกต่างระหว่างตระกูลหลงกับตระกูลเย่เพียงข้อเดียวเท่านั้น..
ความแตกต่างอีกข้อก็คือ..ตระกูลหลงยังหลงเหลือบรรพชน ซึ่งตระกูลเย่ไม่หลงเหลือแล้ว!
เมื่อตระกูลหลิงผงาดขึ้นมาแข็งแกร่งได้อีกคราตระกูลเย่ซึ่งไม่มีบรรพชนหลงเหลืออยู่แล้วนั้น จึงได้กลายเป็นฝ่ายที่อ่อนด้อยกว่าในทันที แต่ตระกูลหลงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่..
เวลานี้ตระกูลหลงยังเหลือบรรพชนอีกหนึ่งคนอยู่ในปักกิ่งเวลานี้ซึ่งก็คือปู่ของหลงฮ่าวหลานซึ่งเก็บตัวฝึกวิชาอยู่นั่นเอง และต่อให้ปู่ของเขาไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ในทันที แต่ก็ย่อมสามารถรับมือหลิงหยุนได้นานถึงสามวันสามคืนเลยทีเดียว.. ยิ่งไปกว่านั้น..เมื่อคืนก่อนหลงฮ่าวหลานก็มั่นใจอย่างยิ่งว่า หลงเทียนฟางซึ่งตกลงไปในบริเวณสามเหลี่ยมปีศาจของทะเลสาบผอหยางนั้นยังไม่ตาย และหากหลงเทียนฟางกลับออกมาได้ ย่อมต้องไม่เป็นรองหลิงหยุนเป็นแน่!
นอกเหนือจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วยังมีเรื่องสำคัญที่สุดอีกหนึ่งเรื่องนั่นก็คือ อาวุโสตระกูลหลงที่เก่งกาจนับสิบคนซึ่งได้เดินทางไปเผิงไหลนั้น หลงฮ่าวหลานเพิ่งจะได้รับข่าวคราวว่า คงจะมีการเคลื่อนไหวเร็วๆนี้
และด้วยไพ่อันทรงพลังในมือเหล่านี้หลงฮ่าวหลานมั่นใจว่าตนเองจะสามารถต่อกรกับหลิงหยุนได้ไม่ยาก
สรุปแล้วก็คือว่า..ผลประโยชน์เป็นเรื่องที่ตกลงกันไม่ได้ และหลงฮ่าวหลานเชื่อมั่นว่า วันข้างหน้าจะมีการพลิกผันอย่างแน่นอน
“จะช้าหรือเร็วข้าก็ต้องเผชิญหน้ากับหลิงหยุนอยู่ดีคงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ อีกอย่าง.. หากข้ามิไปด้วยตนเอง เจ้าเด็กนั่นจะคิดว่าข้าหวาดกลัวมัน!”
หลงฮ่าวหลานเอ่ยตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนคล้ายกับจะบอกว่าเขาได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว!
“เทียนซิง..เจ้าไปเตรียมสิ่งของทั้งหมดให้ข้าที!”
หลงฮ่าวหลานได้เตรียมการเรื่องนี้ตลอดทั้งคืนเขาเตรียมทรัพย์สินทั้งหมดที่เคยเป็นของตระกูลหลิงในอดีต เพื่อนำไปคืนกลับให้ตระกูลหลิงดังเดิม
“ท่านพ่อ..ท่านจะไปตอนนี้เลยหรือ อีกครึ่งชั่วโมงก็จะเที่ยงตรงแล้ว..” หลงเทียนซิงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ใครบอกว่าเราจะไปที่บ้านตระกูลหลิงเล่า”
หลงฮ่าวหลานตอบยิ้มๆพร้อมกับอธิบายต่อทันที“ข้าจะไปที่โรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์เลยต่างหาก หลังจากนั้นข้าจะจัดการส่งมอบของขวัญทั้งหมดให้ ถึงตอนนั้นหลิงหยุนมาถึงเขายังจะทำอะไรได้อีก”
“อีกอย่าง..ตระกูลหลงของเราก็ดีกับตระกูลหลิงมาตลอดสิบแปดปี นอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว คนอื่นๆ ย่อมต้องให้หน้าข้าบ้างไม่มากก็น้อย!”
“….”หลงเทียนซิงถึงกับนิ่งไปอีกครา
เขาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยแววตาชื่นชมและได้แต่คิดอยู่ในใจว่าขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดจริงๆ!
“เช่นนั้นลูกจะรีบไปเตรียมของก่อน”
หลงเทียนซิงกล่าวจบก็รีบออกจากห้องไปทันที
“อ่อ..ยังมีอีกเรื่อง..”
แต่ในระหว่างนั้นหลงฮ่าวหลานก็ร้องตะโกนไล่หลังไป“เทียนซิง หลังจากเจ้าเตรียมของเสร็จแล้ว ให้คนนำตัวหลงคุนมาพบข้าด้วย!”
“ท่านพ่อ..นี่ท่านต้องการที่จะส่งหลงคุนให้กับหลิงหยุนจริงๆงั้นรึ” หลงฮ่าวหลานพยักหน้า“ในเมื่อมันไร้ประโยชน์กับข้าแล้ว ก็สู้ทำตัวเป็นคนดีส่งมอบมันคืนให้กับหลิงหยุนไปมิดีกว่ารึ อย่างน้อย ก็จะได้ช่วยให้การสร้างสัมพันธภาพทั้งสองฝ่ายเป็นไปอย่างง่ายดายมากขึ้น”
หลงเทียนซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยเตือนว่า “แล้วเรื่องกุญแจสำหรับเปิดวังเล่า”
หลงฮ่าวหลานเอ่ยตอบเสียงเย็น“ข้าเชื่อว่ามันต้องมอบกุญแจนี้ให้กับหลิงหยุนเป็นแน่ ตราบใดที่หลิงหยุนรู้ความลับเรื่องนี้ มันจะต้องไปสำรวจไม่วันใดก็วันหนึ่ง ข้าจะให้คนของเราเฝ้าดูอยู่ที่นั่นตลอดทั้งวันทั้งคืน จนกว่าพวกมันจะทำการเปิดประตูวัง..”
“ลูกเข้าใจแล้วท่านพ่อ!”
จากนั้นหลงเทียนซิงก็เดินออกไปจัดการเตรียมสิ่งของทันที
……
เวลา11.30 นาฬิกา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิง หลิงเย่วไปหาหลิงหยุนที่สวนด้านในพร้อมกับเอ่ยเตือนว่า“หลิงหยุน นี่ก็จะได้เวลาแล้ว พวกเราควรต้องไปที่โรงแรมได้แล้ว!”
หลังจากที่หลิงหยุนหยอกเย้ากับเย่เทียนสุ่ยและเย่เทียนตูอยู่หน้าประตูแล้ว เขาก็ได้เชื้อเชิญสองพี่น้องตระกูลเย่ให้เข้าไปนั่งในบ้านของตนเอง พร้อมกับเรียกตี้เสี่ยวอู๋ ตู้กู่โม่ และตงฟางถิงให้เข้ามาทำความรู้จักกับคนทั้งคู่ด้วย จากนั้นทั้งหมดก็นั่งสนทนากันต่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นานเย่เทียนสุ่ยก็ผลุนผันออกจากบ้านไป หลิงหยุนรู้ดีว่าเขาคิดที่จะทำอะไร จึงคร้านที่ห้ามปราม
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของหลิงเย่วหลิงหยุนก็ได้แต่คิดในใจว่า แขกคนสำคัญของตระกูลหลิงอีกคนยังไม่มาเลย..
และแน่นอนว่าหลิงหยุนหมายถึงตระกูลหลง!
เมื่อคืนหลิงหยุนลงมือกับตระกูลหลงเช่นนั้นแน่นอนว่าหลงฮ่าวหลานย่อมไม่อยู่เฉยแน่ แต่เขาไม่รู้ว่าหลงฮ่าวหลานคิดที่จะตอบโต้เช่นใดกันแน่
หากหลงฮ่าวหลานไม่มาด้วยตัวเองนั้นหลิงหยุนย่อมพอที่จะเข้าใจได้ แต่เวลานี้ตระกูลหลิงมีงานใหญ่โต หากตระกูลหลงไม่ส่งคนมา ย่อมเท่ากับไม่เห็นตระกูลหลิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
‘หากเจ้าไม่มา..ก็อย่าหาว่าข้าทำเกินไปล่ะ!’
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจแต่สีหน้าของเขากลับนิ่งเรียบ และตอบหลิงเย่วกลับไปว่า “ท่านลุงดำเนินการไปตามตารางที่เตรียมไว้ได้เลย..”
จากนั้นหลิงหยุนก็สั่งการหลิงหย่งผ่านทางกระแสจิต–พี่หลิงหย่ง เจ้ากับหลู่เหวินหลงไปที่โรงแรมก่อนเลย–
จากนั้นหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนและหันไปบอกกับทุกคนว่า “เอาล่ะ พวกเราไปดื่มกินกันต่อที่โรงแรมดีกว่า!”
จากนั้นภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิงก็เริ่มวุ่นวายโกลาหลไปหมด ภายใต้การสั่งการของเหล่ากุ่ย รถยนต์วิ่งเข้าวิ่งออกรับแขกสำคัญภายในห้องรับรองไปที่โรงแรมไม่หยุดหย่อน รถหรูมากมายแล่นออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลิงคันแล้วคันเล่า มุ่งหน้าสู่โรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ออกเดินทางไปที่โรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์เช่นกัน..
เพียงแค่สิบนาทีแขกทั้งหมดภายในห้องรับรองตระกูลหลิง รวมทั้งบุคคลสำคัญของตระกูลหลิง ต่างก็ออกเดินทางไปที่โรงแรมกันหมด
……
“หลิงหยุนวันนี้นับเป็นวันที่งดงามยิ่งของตระกูลหลิง ตระกูลหลี่เองก็จัดเตรียมงานได้อย่างยิ่งใหญ่ และยอดเยี่ยมนัก..”
เย่เทียนสุ่ยที่เอาแต่เฝ้าตามหลิงซิ่วในที่สุดก็วิ่งเข้าไปในรถคันเดียวกับหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยถามออกมา “นี่..ตระกูลหลี่ทุ่มเทถึงเพียงนี้ เจ้าไปรับปากว่าจะให้อะไรกับพวกเขางั้นรึ”
หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“เจ้าก็ลองคาดเดาเอาเองสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร