Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1530

บทที่ 1530 : คำประกาศที่น่าขนหัวลุก
  คฤหาสน์ตระกูลหลิงตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของถนนวงแหวนรอบนอกที่ห้าและอยู่ทางด้านตะวันตกของพระราชวังต้องห้าม
  คฤหาสน์ตระกูลหลิงเป็นบ้านเก่าแก่โบราณซึ่งปลูกสร้างมานับศตวรรษตั้งแต่ยุคบรรพชนสมัยนั้นอย่าว่าแต่ถนนวงแหวนรอบนอกสายที่ห้านี้เลย แม้แต่สายที่สามยังไม่มีด้วยซ้ำไป
  แม้กระทั่งเมื่อยี่สิบปีก่อนหน้านี้บริเวณนี้ยังเป็นเพียงแค่เนินเขาแห้งแล้ง ยังไม่ถูกเรียกว่าเป็นชานเมืองของปักกิ่งด้วยซ้ำไป รอบๆมีเพียงป่ารกร้าง ไม่มีแม้แต่ชาวบ้านมาตั้งรกร้างในบริเวณพื้นที่ที่หลิงหยุนสร้างบ้านด้วยซ้ำไป
  และนี่บ่งบอกถึงความถ่อมตนเก็บเนื้อเก็บตัวของบรรพชนตระกูลหลิง!
  จนกระทั่งเริ่มมีการสร้างถนนวงแหวนรอบนอกสายสามขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อนจึงได้มีถนนวงแหวนรอบนอกสายที่สี่และห้าเพิ่มขึ้นมา ทำให้บริเวณนี้เริ่มกลายเป็นแหล่งที่มีรถสัญจรไปมาหนาแน่นเมื่อสิบกว่าปีก่อน บ้านบรรพชนตระกูลหลิงจึงเริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น
  แต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเป็นช่วงที่ตระกูลหลิงตกต่ำ กิจการและทรัพย์สินต่างๆได้ถูกตระกูลอื่นฉกฉวยไปครองจนเกือบหมด หาไม่แล้วถนนวงแหวนรอบนอกสายห้านี้ คงจะต้องถูกสั่งให้เปลี่ยนทิศทางเป็นแน่
  คงไม่มีผู้ใดอยากให้บ้านของตนเองอยู่ติดกับถนนหลักเช่นนี้เพราะจะต้องถูกเสียงรถรารบกวนตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
  ด้วยเหตุนี้ตลอดสิบปีที่ผ่านมา นอกจากหลิงลี่กับหลิงเสี่ยวที่อยู่ในบ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว คนอื่นๆต่างก็โยกย้ายไปอยู่ที่อื่น และจะกลับมาบ้านบรรพชนตระกูลหลิงเฉพาะในเทศกาลสำคัญเท่านั้น
  แต่ในปีนี้โดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่ตระกูลหลิงกำลังใกล้จะล่มสลาย และเกือบถูกศัตรูสังหารตายจนหมดนั้น หลิงหยุนก็กลับเข้าตระกูลพอดี หลังจากนั้นก็ได้นำพาตระกูลหลิงให้ผงาดขึ้นมาในประเทศนี้ได้อีกครั้งอย่างน่าตกใจ!
  นั่นเพราะหลิงหยุนได้สร้างค่ายกลหลุมพลังขึ้นภายในบ้านบรรพชนตระกูลหลิงทำให้บรรดาบุคคลสำคัญภายในตระกูลหลิงก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และเหล่าสมาชิกในตระกูลต่างก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านบรรพชนกันถ้วนหน้า
  เพียงแค่หนึ่งคนในตระกูลที่แข็งแกร่งก็เพียงพอที่จะพลิกผืนนภาได้แล้ว..
  โรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์อยู่บริเวณเส้นถนนวงแหวนที่สี่และอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระราชวังต้องห้าม จึงอยู่ห่างจากบ้านบรรพชนตระกูลหลิงไปไม่ไกลนัก รวมแล้วเพียงแค่ห้ากิโลเมตร หากการจราจรไม่ติดขัด ก็ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
  และเวลานี้ภายในโรงแรมเซเว่นสตาร์ก็กำลังโกลาหลวุ่นวายยิ่งนักเจ้าหน้าที่โรงแรมนับร้อยๆคน ต่างก็กำลังวิ่งเข้าวิ่งออกเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็รายล้อมอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
  เรียกได้ว่า..ไม่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นเป็นแน่!
  ……
  จนกระทั่งเวลา11.50 นาฬิกา รถของหลิงหยุนก็แล่นเข้าประตูทางด้านทิศเหนือของโรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์
  เขาเป็นผู้ที่มาถึงโรงแรมเป็นคนสุดท้าย..
  เมื่อมองออกไปก็จะพบพรมสีแดงกว้างกว่าสิบเมตรและปูเป็นทางยาวนับร้อยเมตร วันนี้ศิษย์ทั้ง 72 คนของหลิงหยุนอยู่ในชุดสูทสีน้ำทะเล และยืนเป็นแถวเรียงรายสองฝั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อรอต้อนรับหลิงหยุน
  ระหว่างทางที่รถของหลิงหยุนแล่นเข้าไปภายในโรงแรมนั้น..
  “คาราวะท่านอาจารย์..”   “คาราวะท่านอาจารย์..”
  เสียงร้องตะโกนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งโรงแรม..
  เย่เทียนสุ่ยคอยๆเปิดกระจกรถลง พร้อมกับยื่นศรีษะออกไปดูด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
  “หลิงหยุนพวกเขาเป็นศิษย์ของเจ้างั้นรึ แต่ละคนล้วนมีพรสวรรค์ยิ่งนัก!”
  หลิงหยุนถึงกับยิ้มจนแก้มปริและเอ่ยตอบกลับไปด้วยความภาคภูมิใจยิ่งนัก “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น..”
  “อ่อ..แล้วกลุ่มคนที่บุกไปตามที่ตั้งกิจการต่างๆ ของตระกูลเย่กับตระกูลหลงเมื่อคืนนี้ ก็คือเด็กพวกนี้..”
  หลิงหยุนไม่ลืมที่จะบอกให้เย่เทียนสุ่ยรู้..
  “นี่เจ้า..#[email protected]##”
  เย่เทียนสุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง“พวกเขาคงจะเป็นเครื่องมือชิ้นใหม่ของเจ้าสินะ!”
  หลิงหยุนได้แต่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข..
  จากนั้นกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม ก็ได้เดินออกมาต้อนรับหลิงหยุนเป็นการเฉพาะ
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยขึ้นว่า“งานครั้งนี้จัดได้ใหญ่โตอลังการมากทีเดียว..”
  เย่เทียนสุ่ยได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับไปว่า“นี่ถ้าไม่ได้ตระกูลหลี่จัดงานให้ คงไม่ใหญ่โตถึงเพียงนี้สินะ..”
  เกาเฉินเฉินเอ่ยตอบกลับไปยิ้มๆ“ต่อให้ไม่มีตระกูลหลี่ ตระกูลเกาก็สามารถจัดงานใหญ่โตเช่นนี้ได้..”
  หลิงซวี่ซึ่งอยู่ในรถก็พูดขึ้นเช่นกันว่า“นั่นสิ.. ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
  เย่เทียนสุ่ยถูกรุมอยู่ในรถคนเดียวจึงได้แต่หัวเราะแก้เก้ และตอบทุกคนกลับไปว่า “ข้าเองก็กำลังจะบอกว่า หากให้ข้าจัดงานน่าจะออกมาดีกว่านี้..”   หลิงหยุนจึงรีบตอบกลับไปทันที“ก็ดี.. คราวหน้างานวันเกิดของข้า ข้าจะมอบให้เจ้า เฉินเฉิน และซวี่เอ๋อจัดการให้”
  เย่เทียนสุ่ยถึงกับทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก..
  ระหว่างที่ทั้งหมดกำลังสนทนากันไปหัวเราะกันไปอย่างมีความสุขนั้นรถก็แล่นไปกว่าหนึ่งร้อยเมตรแล้ว จากนั้นหลิงหยุนและคนอื่นๆ ก็ลงจากรถเดินตรงไปที่หน้าโรงแรม
  หลี่จวิ้นหัวยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับเอ่ยทักทายหลิงหยุนทันทีและเวลานี้เขาก็คือผู้ที่รับผิดชอบงานนี้ทั้งหมด และทุกครั้งที่สมาชิกตระกูลหลิงมา เขาจะต้องออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
  ความพยายามตลอดเวลากว่าครึ่งเดือนที่หลี่จวิ้นหัวทุ่มเทนั้นก็เพื่อต้องการให้ผู้ใดพอใจกันเล่า หากไม่ใช่หลิงหยุน!
  “ท่านลุงหลี่..ท่านคงจะเหนื่อยมากสินะ!”
  ทันทีที่หลิงหยุนก้าวเดินลงจากรถเขาก็หันไปยิ้มและทักทายหลี่จวิ้นหัว แต่เพียงคำพูดสั้นๆของหลิงหยุน ก็ทำให้หลี่จวิ้นหัวถึงกับน้ำตารื้นได้แล้ว..
  คนอื่นๆที่เดินตามมาต่างก็พากันทักทายหลี่จวิ้นหัวเช่นกัน..
  จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดเขาสามารถรับรู้เหตุการณ์ภายในโรงแรมแห่งนี้ได้ตั้งแต่ยังไม่เข้ามาด้านใน
  เวลานี้ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่นั้น มีโต๊ะนับร้อยๆโต๊ะ และมีแขกเหรื่อนับพันๆคน แต่ละโต๊ะล้วนมีแขกนั่งกันอยู่เต็มแทบทุกโต๊ะ
  และเวลานี้โลกยุทธภพกับโลกปัจจุบันก็ได้มารวมกันอยู่ในที่เดียว!
  ด้านหน้าห้องจัดเลี้ยงมีเวทีขนาดใหญ่ซึ่งตกแต่งไว้ด้วยแสงสีงดงาม อีกทั้งยังมีตัวอักษรขนาดใหญ่ติไว้ว่า
  ‘สุขสันต์วันเกิดหลิงเสี่ยว’
  “หลิงหยุนหากเจ้าเข้าไปด้านใน ก็อย่าได้ตำหนิว่าลุงหลี่เชยล่ะ ทุกสิ่งที่ข้าจัดเตรียมล้วนแล้วแต่ได้ปรึกษาลุงสองของเจ้ามาก่อนแล้ว..”
  หลี่จวิ้นหัวเกรงว่าหลิงหยุนอาจไม่ถูกใจจึงรีบอธิบายให้เขาฟังก่อน หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า
  “ท่านลุงหลี่กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรกันงานในวันนี้ท่านลุงจัดได้ดียิ่งนัก!”
  “งั้นรึ..ดีๆ!!”
  หลี่จวิ้นหัวถึงกับปาดเหงื่อและรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที!
  ……
  “หลิงหยุนมาถึงแล้ว!!”เสียงใครคนหนึ่งร้องตะโกนออกมา..
  และทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปภายในห้องจัดเลี้ยงโดยมีหลี่จวิ้นหัวเดินตามเข้าไปนั้น ทุกคนในห้องต่างก็พากันลุกขึ้นยืนพร้อมกันหันมองไปในทิศทางเดียวกัน
  ใครคนหนึ่งปรบมือนำจากนั้นเสียงปรบมือจึงได้ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง..   ระหว่างทางที่เดินไปตามพรมแดงนั้นหลิงหยุนก็ได้ยกมือขึ้น พร้อมกับใช้มังกรคำรามร้องสั่งว่า
  “ทุกท่านเชิญนั่งลงได้!”
  สิ้นเสียงพูดของหลิงหยุนเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงปรบมือดังสนั่นนั้น หลิงหยุนค่อยๆก้าวเดินตรงไปบนเวทีด้านหน้า เจ้าหน้าที่โรงแรมรีบเดินนำไมโครโฟนมาส่งให้หลิงหยุนทันที แต่หลิงหยุนกลับตอบไปว่า
  “ข้าไม่จำเป็นต้องใช้..”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบพร้อมกับโบกมือให้พนักงานสาวกลับออกไปจากนั้นหลิงหยุนก็เอ่ยขึ้นต่อหน้าแขกเหรื่อภายในห้อง
  “ข้ามีบางสิ่งบางอย่างที่จำต้องกล่าวเล็กน้อย..”
  หลังจากนั้นคลื่นพลังบางอย่างก็ได้แผ่กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งห้องจัดเลี้ยง และนี่คือพลังปราณในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6)
  จากนั้น..ภายในห้องจัดเลี้ยงก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ!
  ด้วยเหตุนี้เหล่าชาวยุทธภายในห้องต่างก็พากันส่งกระแสลมปราณของตนออกมาต้านทานพลังลมปราณของหลิงหยุนไว้
  เย่ชิงเฟิงเองก็โคจรลมปราณภายในร่างต้านทานแรงกดดันจากหลิงหยุนไว้เช่นกันเขาแอบชำเลืองมองไปทางโจวเหวินอี้ที่นั่งร่วมโต๊ะ ซึ่งเวลานี้ดูเหมือนสีหน้าจะเจื่อนไปเล็กน้อย
  นั่นเพราะเวลานี้หลิงหยุนกำลังควบคุมการปลดปล่อยพลังของตนออกมาให้น้อยที่สุด แต่นั่นก็เพียงพอที่จะสามารถกดดันเหล่าชาวยุทธภายในห้องได้มาก
  ส่วนคนธรรมดาทั่วไปนั้นจะรู้สึกเพียงแค่ว่า บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัด หายใจติดขัด และเลือดลมภายในกายพุ่งพล่าน
  เวลานี้ชาวยุทธมากกว่าสองร้อยคนต่างก็เริ่มหายใจรุนแรงขึ้น และจ้องมองหลิงหยุนซึ่งอยู่บนเวทีด้วยสีหน้าตกใจ
  ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก..
  หลังจากที่ทุกคนต่างก็เริ่มหายใจรุนแรงมากขึ้นพวกเขาต่างก็หันมามองหน้ากันเอง และในระหว่างนั้นเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้น
  “ข้ารู้ว่านี่หาใช่เป็นวิธีต้อนรับแขกที่ถูกต้องนักแต่ข้าเองก็ตั้งใจที่จะทำเช่นนี้! และวันนี้ข้าก็มีสองเรื่องที่จะต้องประกาศต่อหน้าทุกท่าน..”
  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายจากเวทีไปปรากฏตัวตรงหน้าหลิงเสี่ยว พร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “ท่านพ่อ.. ได้โปรดมากับข้า”
  เสียงร้องฮือฮาดังขึ้นอีกเป็นระลอกที่สองนั่นเพราะแขกภายในห้องกว่าเจ็ดแปดร้อยคน ล้วนแล้วแต่เป็นคนธรรมดาทั้งสิ้น เมื่อได้เห็นหลิงหยุนเหาะลงจากเวทีเช่นนั้น มีหรือที่จะไม่ส่งเสียงร้องออกมาเช่นนั้นได้
  โจวเหวินอี้เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ยิ้ม“เจ้าเด็กนี่..”
  ส่วนเย่ชิงเฟิงก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำออกไปว่า“ยากที่จะหยุดยั้งคนผู้นี้ได้จริงๆ!”
  เมื่อเห็นหลิงหยุนเหาะลงจากเวทีเช่นนั้นหลิงเสี่ยวพึงกับมีสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ก็เดินตามหลิงหยุนขึ้นเวทีไปคนปกติธรรมดา
  และเวลานี้..สองพ่อลูกก็ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่บนเวทีด้านหน้า
  “วันนี้..ข้าหลิงหยุนขอประกาศให้ทุกท่านทราบอย่างเป็นทางการว่า เวลานี้ข้าคือผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบัน!”
  “ส่วนชายที่ยืนเคียงข้าเวลานี้คือท่านพ่อของข้า– หลิงเสี่ยว! งานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ หาใช่จัดขึ้นเพื่อเลี้ยงฉลองวันเกิดให้กับท่านพ่อของข้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น..”
  หลิงหยุนไม่สนใจสีหน้าตกอกตกใจและเสียงกระซิบกระซาบของผู้คนด้านล่าง นั่นเพราะหลิงเสี่ยวนั้นดูเด็กเกินกว่าที่จะเป็นบิดาของหลิงหยุนได้ เขาดูแก่กว่าหลิงหยุนเพียงแค่สองหรือสามปีเท่านั้น
  อีกทั้งหลายคนต่างก็ไม่เคยพบเห็นหลิงเสี่ยวมานานและไม่รู้ว่าหลิงเสี่ยวได้กลืนโอสถเยาว์วัยเข้าไป..
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหน้าหลิงเสี่ยวดวงตาพยัคฆ์ของเขาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา “ท่านพ่อ.. เรื่องที่ลูกจะกล่าวต่อไปนี้ อาจทำให้ท่านพ่อกระทบกระเทือนใจ แต่ลูกจำต้องพูด..”
  หลิงเสี่ยวยิ้มกว้างพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“หยุนเอ๋อ.. เจ้าอยากจะกล่าวอะไรก็จงกล่าวเถิด..”
  หลิงหยุนโน้มศรีษะลงเล็กน้อยจากนั้นจึงหันไปทางแขกที่อยู่ด้านล่าง พร้อมกับใช้มังกรคำรามกล่วออกไป
  “ทุกท่าน..เมื่อสิบเก้าปีก่อน ท่านพ่อของข้าได้พบกับท่านแม่ของข้า ซึ่งมีฐานะเป็นธิดาพรรคมารในเวลานั้น พวกเขาทั้งคู่รักกัน และท่านแม่ก็เป็นผู้ให้กำเนิดข้า..”   หลิงหยุนกล่าวประโยคสุดท้ายพร้อมกับยกมือขึ้นชี้มาที่ตนเอง!
  “เมื่อครั้งที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ากลับเข้าตระกูลหลิงและได้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อาวุโสของตระกูลฟัง แต่คืนนั้นมารสองตนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ตระกูลหลิงของข้า และได้ลงมือเข่นฆ่าสังหารคนตระกูลหลิงแทบหมดสิ้น อีกทั้งยังบีบบังคับให้ท่านพ่อของข้าทำลายวรยุทธของตนเอง และให้พวกท่านทั้งสองประกาศจะไม่พบหน้ากันอีก นับแต่นั้นมา.. ตระกูลหลิงของข้าก็ตกต่ำลง!”
  แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะกล่าวจบดีเสียงสะอื้นของหลิงเสี่ยวก็ดังขึ้น!
  ด้านล่างเวทีนั้นทั้งหลิงลี่ หลิงเย่ว และเหล่าทายาทรุ่นเล็กของตระกูลหลิง แม้กระทั่งเหล่ากุ่ย หลิงอี๋ และหลิงชี ทุกคนต่างก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกัน..
  ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็มีสีหน้าตื่นเต้นยิ่งนักเพราะคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลิงหยุนจะเอ่ยเรื่องนี้ต่อหน้าแขกนับพันๆคน  ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็คาดเดาได้ว่าหลิงหยุนกำลังจะพูดสิ่งใดต่อ พวกเขาจึงได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น!
  “ฉะนั้น..ข้าในฐานะผู้นำตระกูลหลิง ขอประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เวลานี้ตระกูลหลิงได้ผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งแล้ว”
  “และนับจากนี้ไปหนี้เลือดที่เกิดกับตระกูลหลิงในอดีต ตระกูลหลิงของจ้าจะเริ่มทวงคืนจากพวกมันทีละคนๆ”
  เวลานี้ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ซึ่งจุคนได้มากกว่าพันคนนั้นกลับเงียบสนิท และแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร