Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1531

บทที่ 1531 : ชื่อของแม่ข้า!
  ตระกูลหลิงจะแก้แค้นทุกคนคืน..นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างก็คาดเดาได้อยู่แล้ว ฉะนั้น เรื่องที่ทุกคนกำลังรอฟังอยู่ก็คือเรื่องที่สอง
  ที่ผ่านมานั้นชาวยุทธต่างก็เริ่มรู้จักหลิงหยุนดีว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อเอ่ยกล่าวสิ่งใดไปแล้ว ก็จะไม่เปลี่ยนแปลโดยเด็ดขาด และที่สำคัญ เวลานี้เหล่าชาวยุทธล้วนไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งสำหรับหลิงหยุน
  “เรื่องที่สองที่ข้าต้องการจะประกาศก็คือ..”
  “นับจากนี้เป็นต้นไปนอกเหนือจากเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจแล้ว หากผู้ใดกล้าหาเรื่องตระกูลหลิง ตระกูลเกา ตระกูลฉิน..”
  หลิงหยุนจงใจหยุดนิ่งพร้อมกับเหลือบมองหลี่กวนผิงและหลี่จวิ้นหัวสองพ่อลูกแล้วจึงประกาศต่อว่า
  “และตระกูลหลี่..”   “ก็อย่าได้หาว่าข้า– หลิงหยุนโหดเหี้ยม! และหากข้าลงมือ ย่อมไม่มีการเตือนล่วงหน้าเป็นแน่!”
  ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าตระกูลเกาและตระกูลหลิงได้ดองกันแล้ว ส่วนฉินจิวยื่อแห่งตระกูลฉิน ก็เป็นแม่บุญธรรมของหลิงหยุน
  สำหรับตระกูลหลี่นั้นแม้จะไม่เคยมีสัมพันธ์กับตระกูลหลิงมาก่อนหน้านี้ แต่ตลอดระยะเวลาสองเดือนหลัง ตระกูลหลี่ก็ได้ลงทุนในบริษัท หลิงหยุน คอร์ปอเรชั่นจำนวนมาก อีกทั้งยังทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลการก่อสร้างบ้านให้กับหลิงหยุน และด้วยความจริงใจของตระกูลหลี่ที่มีต่อตระกูลหลิงนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดี..
  นอกจากนั้นยังมีคนอื่นๆอย่างเสี่ยวเฉิงเยี่วยหลินหงจวิน เฉิงเทียน มู่หลงเวิ่นฉี และอีกหลายคน ซึ่งไม่จำเป็นที่หลิงหยุนจะต้องเอ่ยชื่อออกมาทั้งหมด
  หลังจากที่ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงได้ฟังไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจทั่วไป หรือเหล่าชาวยุทธภพ ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจไม่น้อย
  นั่นเพราะเวลานี้หาได้มีตระกูลหลิงเพียงลำพัง แต่ยังเป็นการรวมเอาตระกูลเกา ตระกูลฉิน และตระกูลหลี่เข้าไปด้วย..
  เวลานี้ทั่วทั้งประเทศจีนมีตระกูลใหญ่อยู่เพียงแค่หกตระกูลแต่สี่ตระกูลใหญ่ได้รวมเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวเช่นนี้ ยังจะมีผู้ใดสามารถเอาชนะได้อีกเล่า
  ส่วนตระกูลเย่นั้น..หลังจากที่เย่ชิงเฟิงได้ประกาศสารภาพผิดอยู่ที่หน้าบ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว เวลานี้ก็ได้นั่งอยู่แถวหน้าของห้องจัดเลี้ยง!
  “เจ้านี่แย่มาก..ไม่แต้แต่จะเอ่ยชื่อตระกูลเย่ของเราออกมาด้วย!”
  เย่เทียนสุ่ยหันไปบ่นด้วยแววตาเศร้าหมองกับเย่เทียนตูที่นั่งอยู่ข้างๆ
  “เจ้างั่ง!เพียงแค่หลิงหยุนไม่มายุ่งกับตระกูลเย่ของเราก็พอแล้ว เหตุใดตระกูลเย่ยังต้องให้คนอื่นมาคอยปกป้องคุ้มครองด้วยเล่า อีกอย่าง หากหลิงหยุนไม่นับตระกูลเย่เป็นมิตร เจ้าคิดว่าพวกเราจะได้มานั่งอยู่แถวหน้าเช่นนี้อย่างนั้นรึ?”
  เย่เทียนตูกรอกตามองบนพร้อมกับแก้ตัวแทน“เจ้านี่ใช้ได้เลยทีเดียวต่างหาก!”
  “เรื่องที่สาม..”
  หลิงหยุนไม่ปล่อยให้ทุกคนได้หายตกใจนานนักและเริ่มประกาศเรื่องที่สามต่อทันที
  “นับจากวันนี้ไปหลังจากที่ตระกูลหลิงจัดการทำลายตระกูลซันกับตระกูลเฉินแล้ว ตระกูลหลิงของเราจะเริ่มทวงกิจการต่างๆ ที่เคยเป็นของตระกูลหลิง กลับคืนมาจากตระกูลอื่นๆที่เคยฉกฉวยไป!”
  สิ้นเสียงประกาศของหลิงหยุนหลังจากเสียงฮือฮาด้วยความตกใจดังขึ้น ก็ตามมาด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่เย็นยะเยือก
  ทุกคนที่มาในงานเลี้ยงวันนี้ต่างก็มิมีผู้ใดได้รับบัตรเชิญจากตระกูลหลิงหรือไม่มีแม้แต่การส่งคนไปเชื้อเชิญด้วยตนเอง ทุกคนที่ได้ข่าวเรื่องงานเลี้ยงวันเกิดนี้ ล้วนแล้วแต่ใคร่ครวญ และชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสียเอาเอง ท้ายที่สุดจึงได้ตัดสินใจมาที่นี่
  และการที่หลิงหยุนประกาศพันธมิตรระหว่างตระกูลหลิงตระกูลฉิน ตระกูลเกา และตระกูลหลี่ออกไปนั้น ย่อมหมายความว่าทั้งตระกูลเกาและตระกูลหลี่ ต่างก็ได้มอบกิจการที่เคยยึดครองไปคืนให้กับตระกูลหลิงทั้งหมดแล้ว
  ในอดีตนั้น..ตระกูลใหญ่ของประเทศจีนมีอยู่ทั้งหมดแปดตระกูล นับตั้งแต่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินถูกหลิงหยุนทำลายจนสิ้นชื่อไปนั้น ตระกูลฉิน ตระกูลเกา ตระกูลหลี่ ก็ได้ออกตัวเป็นพันธมิตรกับตระกูลหลิง ส่วนตระกูลเย่ก็เพิ่งจะประกาศไปว่า จะส่งมอบกิจการที่เคยยึดมาคืนให้กับตระกูลหลิงทั้งหมด
  ยังหลงเหลือผู้ใดอีกอย่างนั้นหรือ
  แน่นอนว่า..ยังเหลือตระกูลหลง!   หากคำประกาศที่สองของหลิงหยุนคือการประกาศกลุ่มพันธมิตรคำประกาศที่สามนี้ก็น่าจะเป็นการประกาศความเป็นศัตรู!
  เว้นแต่ว่าตระกูลหลงจะส่งคนมาและส่งมอบกิจการทั้งหมดคืนให้ตระกูลหลิง รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆเพื่อเป็นการชดเชย ดังเช่นที่ตระกูลเย่ทำ
  หลายคนในห้องจัดเลี้ยงที่เฉลียวฉลาดและพอจะคาดเดาได้ว่าหลิงหยุนกำลังสื่อถึงสิ่งใดนั้น ต่างก็พากันหันมองไปยังประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงทันที
  และเวลานี้ประตูห้องก็ปิดอยู่ ไม่มีผู้ใดเข้ามาเพิ่ม..
  “ดูเหมือนหลายท่านในห้องนี้จะเข้าใจ..”
  หลิงหยุนสังเกตเห็นปฏิกิริยาของหลายคนในห้องจัดเลียงจึงได้ยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยต่อว่า
  “และต่อให้เป็นตระกูลหลง..ข้าก็ไม่เว้นเช่นกัน!”   “สิ่งใดที่ตระกูลหลิงเสียไปพวกเราจะทวงคืนกลับมาให้หมด!”
  เย่ชิงเฟิงถึงกับต้องปรายตามองโจวเหวินอี้ที่อยู่ข้างๆและพบว่าโจวเหวินอี้เองก็กำลังปรายตามองมาทางตนเองเช่นกัน
  หลิงหยุนกล้าประกาศสงครามกับตระกูลหลงอย่างชัดเจน!
  เย่ชิงเฟิงถึงกับอึกอักเห็นได้ชัดว่าตระกูลหลิงกำลังประกาศสงครามกับตระกูลหลง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามโจวเหวินอี้
  –หน่วยนภาของท่านคิดจะจัดการเรื่องนี้เช่นใด-
  แต่โจวเหวินอี้กลับเพียงแค่ยิ้มและไม่ตอบอันใดกลับไป
  ในขณะที่เย่เทียนสุ่ยได้ฟังประโยคสุดท้ายของหลิงหยุนเขากถึงกับใจสั่น และกระซิบเสียงเบาว่า
  “ช่างดุเดือดไร้ความเกรงกลัวผู้ใดถึงเพียงนี้เชียวรึ!!”   เย่เทียนตูพยักหน้าเห็นด้วย“นั่นสินะ!”
  “เรื่องที่สี่..”
  หลิงหยุนประกาศเรื่องที่สี่ทันทีเขาก้าวเดินออกไปด้านหน้าสองก้าว พร้อมกับประกาศกึกก้อง
  “ในเมื่อชายหญิงต่างรักใคร่กันเหตุใดจึงกลายเป็นความผิดไปได้”
  “ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเพียงแค่รักใคร่ชอบพอกันพวกท่านทั้งสองหาได้แย่งชิงคนรักของผู้ใดไม่ พวกท่านทั้งสองหาได้เข่นฆ่าสังหารผู้ใดไม่ เช่นนี้อะไรคือความผิด”
  หลิงหยุนเอ่ยถาม..แต่มิได้ต้องการคำตอบ จึงได้กล่าวต่อทันที “ทุกท่านจงฟัง!”
  “ข้ามิได้สนใจว่าผู้ใดในที่นี้จะเรียกขานท่านแม่ของข้าว่าธิดาพรรคมารนางมาร หรือแม้แต่นางปีศาจ สิ่งเดียวที่ข้ารู้คือ.. นางเป็นมารดาของข้า!”
  “และจากนี้ไป..ไม่เพียงท่านพ่อของข้าจะต้องไม่ถูกผู้ใดข่มเหงอีก แต่ท่านพ่อและท่นแม่ของข้าจะต้องได้พบเจอกันด้วย..”
  “และข้า..จะเป็นผู้ชำระความแค้นครั้งนี้ให้กับท่านพ่อท่านแม่ของข้าเอง ข้า – หลิงหยุนจะเป็นผู้บุกไปพรรคมารช่วยท่านแม่ของข้าด้วยตัวเอง และให้พวกท่านทั้งสองได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง!”
  เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนหลิงเสี่ยวถึงกับตื่นเต้นจนร่างกายสั่นสะท้าน!
  “หยุนเอ๋อ..เจ้ากล่าวได้ดียิ่งนัก!”
  หลิงลี่ไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไปเลือดในกายของเขาพุ่งพล่าน และเป็นผู้ร้องตะโกนออกมาเป็นคนแรก!
  ความอัปยศอดสูของตระกูลหลิงตลอดสิบแปดปีนั้นในที่สุดหลิงหยุนก็สามารถลบล้างได้!
  จินเหยียวได้ฟังถึงกับลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา “หยุนเอ๋อ.. เจ้าช่างเป็นเด็กดีนัก!”
  ส่วนหลิงเย่วนั้นถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น“หลิงหยุน.. พวกเราทุกคนในตระกูลหลิงพร้อมสู้ตายเพื่อช่วยแม่ของเจ้าออกมา!”
  “….”
  เวลานี้ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็พากันลุกขึ้นยืนด้วยความฮึกเหิม ในขณะที่คนอื่นๆได้แต่นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง
  “หลิงหยุนเรื่องนี้ข้าเย่เทียนสุ่ยจะช่วยเจ้าอีกแรง! เมื่อถึงเวลานั้น อย่าลืมเรียกข้าด้วยล่ะ!”
  เย่เทียนสุ่ยถึงกับกระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะพร้อมกับประกาศเสียงดัง
  “…”
  ในขณะที่เย่เทียนตูได้แต่นั่งนิ่งและกำลังตกตะลึงกับท่าทางการแสดงออกของเย่เทียนสุ่ย ส่วนเย่ชิงเฟิงนั้นถึงกับแอบยิ้ม
  โจวเหวินอี้ถึงกับยิ้มกว้าง“ดูท่ายุทธภพนับจากนี้ คงจะร้อนแรงมากจริงๆ”
  ในระหว่างนั้นหลิงหยุนก็ได้ยกมือขึ้นชี้ไปทางเหล่าชาวยุทธระดับต้นๆของยุทธภพ พร้อมกับประกาศเสียงดัง
  “ข้ารู้ว่า..ผู้ที่อยู่ในห้องนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือระดับเจ้าสำนัก หรือแม้แต่อาวุโสของตระกูลชาวยุทธเก่าแก่ นักบวชพุทธ และเต๋า ซึ่งทุกท่านล้วนแล้วแต่อ้างตนเป็นฝ่ายธรรมะ..”
  “ทุกท่านโปรดฟังคำพูดของข้าให้ดี..”
  “ข้าหลิงหยุนยืนอยู่ที่นี่แล้วผู้ใดที่มิเห็นด้วยกับการไปช่วยท่านแม่ของข้า หรือต้องการผดุงความเป็นธรรม พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องบุกไปที่ตระกูลหลิงของข้าอีก ข้าหลิงหยุนอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ใดไม่เห็นด้วยก็ก้าวออกมาได้เลย!”
  “มีผู้ใดต้องการคัดค้านหรือไม่”หลิงหยุนร้องตะโกนถามเสียงดังกึกก้อง
  บรรยากาศภายในห้องจัดเลี้ยงเวลานี้มีเพียงความเงียบสงัด…
  จะมีผู้ใดกล้ากันเล่าในเมื่อก้าวเดินออกไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งเส้าหลินได้แต่นั่งก้มหน้าส่วนนักพรตชงซวีก็เองก็ได้แต่นั่งขมวดคิ้วนิ่งเงียบ
  เย่เทียนสุ่ยถึงกับต้องหันไปกระซิบกับเย่เทียนตู“ตั้งแต่ข้าเกิดมา ยังไม่เคยเห็นผู้ใดต้อนรับแขกเหรื่อเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ..”
  “ข้าเองก็เช่นกัน!แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นแขกประเภทใด..” เย่เทียนตูเอ่ยตอบ
  “มิมีผู้ใดคัดค้านสินะดีมาก..”
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะหันไปบอกกับหลิงเสี่ยวว่า “ท่านพ่อ.. ท่านเห็นหรือไม่ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่ท่านคิด!”
  จากนั้น..หลิงหยุนจึงหันกลับไปที่หน้าเวทีอีกครั้ง พร้อมกับกล่าวเสียงดังกึกก้อง
  “หวังว่าทุกท่านในห้องนี้คงจะยังจำได้ว่าท่านแม่ของข้าแซ่หยิน และชื่อของนางคือชิงเฉวียน นับจากนี้ไป หากข้าได้ยินผู้ใดกล้าเอ่ยถึงแม่ข้าในทางที่ไม่ดีแล้วล่ะก็ ข้าจะตัดลิ้นของมันผู้นั้นทิ้งเสีย!”
  “เรื่องที่ห้า..”
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมแสงสีแดงสว่างเจิดจ้าที่ปรากฏขึ้นและเวลานี้กระบี่โลหิตเทวะก็ได้ถูกนำออกมาจากแหวนจักรวาลของหลิงหยุน
  หลิงหยุนยกกระบี่สีแดงโลหิตในมือขึ้นพร้อมกับประกาศว่า “กระบี่โลหิตแดนใต้ ซึ่งเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของพรรคมารอยู่ในมือของข้าแล้ว!”
  และเวลานี้ภายในห้องจัดเลี้ยงก็ได้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน..
  “ข้าได้ยินคำร่ำลือว่ากระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือผู้ใด คนผู้นั้นจะเป็นเจ้าแห่งมาร! และกระบี่เล่มนี้ก็อยู่ในมือของข้ามานานมากกว่าครึ่งปีแล้ว..”
  “ชาวยุทธผู้ใดที่คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายธรรมะและต้องการที่จะสังหารเจ้าแห่งมารหรือผู้ใดที่ต้องการแย่งชิงกระบี่เล่มนี้ไปจากข้า ขอเชิญก้าวออกมาได้เลย..”
  “…”
  เวลานี้ทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวที ต่างก็เริ่มนั่งไม่ติด ราวกับว่ามีเข็มแหลมทิ่มแทงอยู่ที่ก้น แต่ก็มิมีผู้ใดกล้าลุกขึ้นยืน หรือกล่าววาจาใดๆออกไป
  “สิ่งที่เป็นอันตรายต่อมวลมนุษยชาติคือจิตใจที่ชั่วร้ายหาใช่อาวุธไม่! หากมีจิตใจที่ชั่วร้าย ไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถใช้ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันได้ แต่หากมิได้มีจิตใจชั่วช้า ต่อให้อาวุธกองอยู่ตรงหน้า ก็เสมือนกองเหล็กผุพังเท่านั้น..”
  “ไต้ซือเจี๋วยหยวน..มิทราบว่าคำกล่าวของข้าเป็นความจริงหรือไม่”
  หลวงจีนเจี๋วยหยวนได้แต่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวตอบกลับไปว่า “อามิตาพุทธ.. ท่านผู้นำตระกูลหลิงกล่าวได้ถูกต้อง ข้ามิอาจแย้งได้!”   หลังจากเชื้อเชิญให้หลวงจีนเจี๋วยหยวนนั่งลงแล้วหลิงหยุนจึงได้บอกกับเหล่าชาวยุทธว่า “ตลอดหกเดือนที่ผ่านมานั้น มีผู้คนที่ตายภายใต้คมกระบี่เล่มนี้นับพันคน และกว่าแปดร้อยคนที่สิ้นใจตายก่อนที่จะทันได้เห็นกระบี่เล่มนี้เสียอีก..”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร