บทที่ 1532 : ฮุบกิจการ
หลิงหยุนไม่ได้กล่าวโอ้อวดเกินจริงเลยนั่นเพราะตลอดเวลากว่าหกเดือนที่ผ่านมานั้น เขาผ่านการต่อสู้มามากกว่าสิบครั้ง และหลายครั้งที่ศัตรูของเขาต้องตายภายใต้คมกระบี่โลหิตแดนใต้..
หลังจากที่หลิงหยุนประกาศห้าเรื่องออกไปในคราวเดียวแล้วเขาก็ไม่ต้องการสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับแขกทุกคนอีก จึงได้เว้นระยะเวลาชั่วคราว ด้วยการส่งหลิงเสี่ยวกลับไปนั่งที่โต๊ะดังเดิม จากนั้นจึงได้เดินกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
“เอาล่ะ..เรื่องที่ห้าที่ข้าประกาศออกไปนั้น หวังว่าทุกคนจะจดจำได้ดีแล้ว เช่นนั้นข้าจึงขอประกาศเรื่องสำคัญอีกสองเรื่อง”
เมื่อเห็นเหล่าชาวยุทธภพที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองบนเวที หลิงหยุนก็ได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจ
“ทุกท่านอย่าได้ตกใจไป..สองเรื่องที่ข้ากำลังจะประกาศต่อจากนี้นับเป็นเรื่องดี หาได้มีแต่เรื่องเข่นฆ่าข่มขู่ไม่”
เมื่อได้ยินหลิงหยุนประกาศว่าเป็นเรื่องดีทุกคนภายในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันเงยหน้าขึ้นมามองทันที
“เรื่องแรก..”
“ตระกูลหลิงจะเปิดโรงประมูลชาวยุทธขึ้น..”
หลังจากประกาศออกไปแล้วหลิงหยุนได้จงใจหยุดเล็กน้อย พร้อมกับหันมองไปทางโจวเหวินอี้ และเย่ชิงเฟิงที่อยู่ด้านล่าง
และครั้งนี้..ริมฝีปากและแววตาของเย่ชิงเฟิงถึงกับกระตุกพร้อมกัน ภายในใจรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ธุรกิจของหน่วยนภาคงต้องจบสิ้นแล้วจริงๆ..”
ในขณะที่โจวเหวินอี้ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับรำพึงรำพันกับตัวเอง และได้แต่คิดว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้ ส่วนเย่เทียนสุ่ยนั้นใบหน้าถึงกับเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด และได้แต่พึมพำออกมาว่า
“หลิงหยุน..เจ้าบ้า!! นี่ไม่เท่ากับยึดกิจการของคนอื่นไปหรอกรึ แล้วคนอื่นจะทำมาหากินอะไรกัน?”
หลังจากเห็นสีหน้าท่าทางของคนทั้งสามแล้วหลิงหยุนก็ได้แต่หันไปมองหลิงเย่วพร้อมกับยิ้มให้
“ตระกูลหลิงของข้าใช้เวลาเตรียมการเรื่องโรงประมูลชาวยุทธนี้มานานมากกว่าสามเดือนแล้ว และข้าคาดว่าจะสามารถเปิดการประมูลได้ในเร็วๆนี้เป็นแน่!”
“นี่จะเป็นการเปิดประมูลครั้งแรกของตระกูลหลิงเราเรื่องนี้ข้ายอมรับว่าตระกูลหลิงยังขาดประสบการณ์ไปมาก หากถึงเวลานั้นมีสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควร ข้าหวังว่าสหายชาวยุทธจะไม่ถือสานัก และข้าเองก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า..”
หลังจากกล่าวจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นผสาน พร้อมกับโน้มศรีษะลงเล็กน้อย..
และเวลานี้ผู้คนภายในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันนั่งไม่ติด เสียงผู้คนด้านล่างต่างก็พากันกระซิบกระซาบ
“อะไรนะตระกูลหลิงจะเปิดโรงประมูลชาวยุทธขึ้นงั้นรึ?”
“จะต้องตกอกตกใจไปทำไมกันตระกูลหลงเปิดได้ ตระกูลเย่เปิดได้ เวลานี้ตระกูลหลิงนับว่าแข็งแกร่งที่สุด เหตุใดจึงจะเปิดโรงประมูลบ้างไม่ได้เล่า”
“แต่มันจะไม่มีปัญหากับตระกูลหลงและตระกูลเย่ที่เปิดก่อนงั้นรึ..”
“หลิงหยุนกล้าประกาศต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ข้าว่าเขาคงไม่ได้คำนึงถึงทั้งสองตระกูลเป็นแน่ คนเช่นหลิงหยุน หากคิดอยากจะเปิด ก็คือเปิด..”
“รอดูดีกว่าว่าโรงประมูลตระกูลหลิงจะมีสมบัติล้ำค่าอะไรออกมาประมูลข้าง”
“นั่นสินะ!!” เวลานี้ด้านล่างเวทีกลับมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่วทั้งห้อง จนหลิงหยุนต้องกระแอมเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้ทุกคนกลับมาอยู่ในความสงบ จากนั้นจึงกล่าวต่อว่า
“แม้ว่านี่จะเป็นการประมูลครั้งแรกของตระกูลหลิงแต่ข้ารับรองได้ว่าสมบัติต่างๆที่จะนำออกประมูลนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่าซึ่งหาได้ยากยิ่ง ข้าเชื่อว่าหากทุกท่านได้เห็น จะต้องยินดีประมูลเพื่อให้ได้ไปไว้ในครอบครองเชียวล่ะ..”
“ไม่ว่าจะเป็นอาวุธชั้นเลิศโอสถ ยันต์ สมุนไพรพลังชีวิต แม้แต่ชาพลังชีวิต รวมถึงสมบัติล้ำค่าอื่นๆที่ทุกท่านไม่อาจหาจากที่ใดในโลกได้ ข้า – หลิงหยุน.. รับรองว่าทุกท่านจะพบได้ที่โรงประมูลตระกูลหลิงแห่งนี้!”
“และรับรองได้ว่าแขกวีไอพีของโรงประมูลตระกูลหลิง จะได้ลิ้มรสชาชั้นเลิศซึ่งพวกท่านจะไม่เคยได้ลิ้มลองจากที่ใดมากก่อนเป็นแน่!”
แขกหลายคนในงานต่างก็พยักหน้าเพราะหลายคนได้ลิ้มลองรสชาดของชาที่หลิงหยุนบอกในห้องรับรองบ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว และรู้สึกว่ายังไม่พอใจ และอยากลิ้มรสชาดของชานั้นอีก
“ชาที่ข้าพูดถึงนี้คือ..ชาพลังชีวิตซึ่งปลูกอยู่บนยอดเขาทางด้านใต้ของซินเจียงประเทศจีน แม้ข้าจะมิกล้าเอ่ยเต็มปากว่าชาของข้าเป็นชารสชาดล้ำเลิศที่สุดในโลก แต่ข้ากล้ารับรองว่าชาของข้าเป็นชาที่เปี่ยมด้วยพลังชีวิตอย่างแท้จริง หากคนธรรมดาได้ดื่มเข้าไป จะช่วยชำระหัวใจและปลอด ขจัดโรคภัยไข้เจ็บ ช่วยให้มีอายุยืนยาว..”
“แต่หากผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะได้ดื่มชาของข้าเข้าไปเป็นเวลาติดต่อกันนานๆพลังชีวิตในใบชาจะช่วยบำรุงเส้นลมปราณ และหัวใจของพวกเขา ทำให้การฝึกบ่มเพาะพลังก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น..”
“เจ้าอวดสรรพคุณมากเกินไปแล้ว!!!”
เย่เทียนสุ่ยพึมพำเสียงเบาแต่กลับดังไปเข้าหูของหลิงหยุนอย่างชัดเจน หลิงหยุนจ้องมองเย่เทียนสุ่ยด้วยแววตาท้าทาย พร้อมตอบกลับไปว่า
–หาข้าโอ้อวดเจ้ามีปัญญาหยุดข้ารึ!!-
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้กล่าวต่อว่า“หลายท่านในที่นี้อาจจะยังคลางแคลงใจว่า ชาพลังชีวิตของข้าจะมีสรรพคุณวิเศษล้ำเลิศถึงเพียงนั้นจริงรึ เรื่องนั้นพวกท่านคงต้องหาคำตอบเอาเอง..”
จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือผายออกเป็นการเชื้อเชิญ พร้อมกับประกาศเสียงดัง “ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว ท่านปู่เกา ท่านปู่มู่หลง ท่านปู่ต่ง.. ได้โปรดให้เกียรติขึ้นมาบนเวทีด้วย”
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็ขึ้นไปยืนเรียงแถวอยู่บนเวที ต่อหน้าแขกเหรื่อภายในห้องจัดเลี้ยง
“ข้าเชื่อว่าหลายท่านในที่นี้คงจะมีคำถามอยู่ในใจว่า เหตุใดท่านปู่ของข้าจึงดูราวกับชายหนุ่มอายุสี่สิบ และเหตุใดท่านพ่อของข้า จึงได้ดูมีอายุกว่าข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น?” “นั่นน่ะสิ!ข้าเองก็รู้จักอาวุโสหลิงมานาน ต่อให้การฝึกวรยุทธบ่มเพาะจะช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ดูหนุ่มขึ้นนับหลายสิบปีเช่นนี้ได้ ข้าเองก็นึกสงสัยอยู่ว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่..”
“จริงด้วย..เมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยพบอาวุโสเกามาก่อน ครั้งนั้นหนวดเคราและเส้นผมของอาวุโสยังเป็นสีขาวโพลนอยู่เลย แต่เวลานี้กลับดูคล้ายชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงห้าสิบปี..”
“อาวุโสมู่หลงก็เช่นกันข้าเคยพบเขาที่งานประมูลสินค้าโบราณเมื่อปีที่แล้ว และได้สนทนากันสองสามคำ ครั้งนั้นผมเผ้าของเขาก็ขาวโพลนเช่นกัน แต่ตอนนี้รูปร่างหน้าตากลับดูเป็นชายหนุ่มในวัยฉกรรจ์ เป็นไปได้อย่างไรกัน”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อของหลิงหยุน..เจ้าดูสิ หากสองคนเดินไปไหนต่อไหนด้วยกัน จะมีผู้ใดคิดบ้างว่าพวกเขาสองคนเป็นพ่อลูกกัน หลิงเสี่ยวดูแก่กว่าหลิงหยุนแค่สองปีเท่านั้นเอง..”
แม้ทุกคนจะรู้สึกประหลาดใจแต่ก่อนหน้านี้ก็มิมีผู้ใดกล้าที่จะเอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ หากหลิงหยุนไม่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน ดังนั้นเมื่อหลิงหยุนเป็นฝ่ายพูดขึ้น จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังออกมาไม่หยุด
แต่ก็มีบางคนที่เอาแต่นั่งยิ้มไม่เอ่ยอะไรทำท่าทางราวกับว่าเป็นคนในที่รู้เรื่องราวเบื้องหลังเรื่องนี้..
แต่ความจริงแล้วพวกเขาก็คือชาวยุทธที่เคยร่วมงานประมูลชาวยุทธ ในคืนก่อนวันชุมนุมชาวยุทธนั่นเอง และคืนนั้นหลิงหยุนก็ได้นำโอสถเยาว์วัยออกมาประมูลด้วย
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นว่า“การที่ท่านปู่ของข้า ท่านพ่อของข้า รวมถึงทุกท่านที่อยู่บนเวทีนี้ กลับกลายเป็นอ่อนเยาว์เช่นนี้ได้นั้น มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น..”
“พวกเขาทุกคนล้วนกลืนโอสถเยาว์วัยที่ข้าหลอมกลั่นด้วยตัวเองเข้าไป!” “ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ได้กลืนโอสถเยาว์วัยของข้าเข้าไปก็จะกลับกลายเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ในเวลาสั้นๆ!”
หลังจากที่ความลับเบื้องหลังความอ่อนเยาว์ถูกเปิดเผยออกมาหลายคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันตกตะลึง!
“โอสถเยาว์วัยงั้นรึ!!”
“โอสถนั่นสามารถทำให้ผู้คนกลับกลายเป็นหนุ่มเป็นสาวได้จริงๆ!!”
“นี่นับเป็นสมบัติล้ำค่ายิ่งนัก!!”
“ข้าต้องการซื้อ..ไม่ว่าจะต้องใช้เงินทองมากมายเพียงใดก็ตาม เพราะมันสามารถทำให้ข้ามีชีวิตยืนยาวได้อีกนับสิบๆปี!”
หลิงหยุนพึงพอใจอย่างมากกับท่าทีของทุกคนเขานิ่งรออยู่ร่วมสามนาทีกว่าที่ทุกคนจะสงบลงได้ จากนั้นหลิงหยุนจึงได้ใช้มังกรคำรามประกาศว่า
“ทุกท่าน..โอสถเยาว์วัยที่ข้าหลอมกลั่นนั้น เป็นโอสถที่หาได้ยากยิ่งนัก และข้ามีอยู่ในมือไม่มากมายนัก แต่..”
“แต่ข้ารับรองว่าในการเปิดโรงประมูลตระกูลหลิงครั้งแรก ข้าจะนำโอสถเยาว์วัยออกประมูลด้วยเป็นแน่!”
หลิงหยุนผายมือออกกว้างพร้อมกับประกาศต่อไปว่า“สหายทุกท่านได้โปรดฟังให้ดี ในวันเปิดโรงประมูลตระกูลหลิงนั้น หากท่านใดวางมัดจำสำหรับร่วมประมูลกับตระกูลหลิง รับรองว่าตระกูลหลิงของข้าย่อมมีของกำนัลล้ำค่ามอบให้เป็นแน่!”
เย่เทียนสุ่ยถึงกับนั่งไม่ติดและได้แต่ตบโต๊ะด้วยความไม่พอใจ พร้อมกับบ่นพึมพำ “ไร้ยางอายสิ้นดี ทำเช่นนี้เท่ากับแย่งลูกค้าของตระกูลเย่ไปชัดๆ เจ้าทำเช่นนี้พวกเรามิต้องปิดกิจการงั้นรึ!”
หลังจากประกาศเรื่องโอสถเยาว์วัยไปแล้วหลิงหยุนก็ได้เชิญอาวุโสทุกท่านลงจากเวทีกลับไปนั่งที่เดิม แต่ในระหว่างที่หลิงลี่ หลิงเสี่ยว และจินเหยียวกำลังจะหันหลังก้าวเดินลงไปนั้น หลิงหยุนก็ได้ร้องเรียกไว้ก่อน “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว พวกท่านอยู่บนเวทีก่อน ข้ายังมีเรื่องสุดท้ายที่ต้องประกาศกับทุกคน..”
หลิงลี่หยุดชะงักและหันไปถามหลิงหยุนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“หยุนเอ๋อ.. ยังมีเรื่องอะไรอีกงั้นรึ”
หลิงหยุนยิ้มกว้าง“ย่อมต้องมีแน่ท่านปู่!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันกลับไปทางหน้าเวที“เรื่องสุดท้ายที่ข้าจะประกาศนั้น นับเป็นเรื่องเล็กที่สุดของตระกูลหลิงเรา”
“เวลานี้..ท่านปู่ ท่านพ่อ และท่านน้าจินเหยียว ต่างก็เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) แล้ว และคืนนี้ ทั้งสามคนจะเข้ารับทัณฑ์สวรรค์!”
“หากสหายท่านใดต้องการได้เห็นการรับทัณฑ์สวรรค์หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ก็จงพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมก่อน จากนั้นคืนนี้ค่อยตามพวกเราไป..”
แม้หลิงหยุนจะประกาศต่อหน้าทุกคนแต่เป้าหมายของเขาคือเหล่าชาวยุทธ เขาจำเป็นต้องให้ชาวยุทธเห็นความแข็งแกร่งของตนเองกับตา เพราะย่อมดีกว่าได้ฟังจากปากผู้อื่น
ถึงแม้เวลานี้หลิงหยุนจะแข็งแกร่งมากเพียงใดแต่หากเขาไม่อยู่บ้านเล่า
ไม่ว่าอย่างไรหลิงหยุนก็ยังกลัวว่าจะมีคนที่คิดจะลอบกัดด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องการอาศัยโอกาสนี้ ให้เหล่าชาวยุทธทั้งหลายได้เห็นความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงด้วยตาตัวเอง!
“เอาล่ะ!สิ่งที่ข้าต้องการจะประกาศก็มีเพียงเท่านี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร