บทที่ 1537 : สู้ตาย!
ส่งแขกงั้นหรือ
ทุกสายตาภายในห้องจับจ้องอยู่ที่ร่างของคนทั้งสองด้านหน้าบางคนถึงกับกระซิบกระซาบกันอย่างที่ไม่อาจจะอดทนได้
ดังคำโบราณว่า..ฆ่าได้หยามไม่ได้!
มีหลายคนที่ไม่เข้าใจตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ภายในใจก็ได้แต่รู้สึกว่าหลิงหยุนทำเกินไปมาก ในเมื่อแขกมาทั้งที เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้แขกเข้าไปร่วมรับประทานอาหารตามธรรมเนียม
เวลานี้ตั้งแต่หลงฮ่าวหลานมาถึงงานเลี้ยงนั้น ไม่เพียงยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปนั่งด้านใน แม้แต่น้ำชาสักถ้วยยังไม่ได้ดื่มด้วยซ้ำไป อีกทั้งยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้หลิงเสี่ยวเจ้าของงานเลย แต่ก็ต้องถูกหลิงหยุนไล่กลับก่อนเสียแล้ว
มีผู้ใดในใต้หล้าที่ต้อนรับแขกเหรื่อเช่นนี้กันบ้างเล่า
และที่สำคัญหลงฮ่าวหลานหาใช่คนไร้หัวนอนปลายเท้า แต่เป็นถึงผู้นำตระกูลหลง!
“โอ้ๆๆๆ”
เย่เทียนสุ่ยถึงกับร้องอุทานออกมาและอดที่จะเอ่ยชมหลิงหยุนไม่ได้ “เจ้านี่สุดยอดจริงๆ!”
ก่อนหน้านี้ในบรรดาทายาทของเหล่าตระกูลใหญ่ในปักกิ่งนั้น เย่เทียนสุ่ยนับเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด แต่เวลานี้ เขารู้สึกว่ารัศมีของตนนั้นได้ถูกหลิงหยุนบดบังจนมืดมิด และหากเขาอยู่ต่อหน้าหลิงหยุน ก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ทางด้านโจวเหวินอี้นั้นเมื่อหลิงหยุนผายมือออกพร้อมกับเอ่ยคำว่าว่า ‘ส่งแขก’ เขาถึงกับอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึง
แม้แต่เย่ชิงเฟิงยังถึงกับนั่งขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นครั้งนี้ทำให้เขาได้รู้ว่า เพราะเหตุใดที่ผ่านมาเย่เทียนสุ่ยจึงได้เป็นลูกไล่ให้กับหลิงหยุนมาโดยตลอด
นั่นเพราะหากหลิงหยุนต้องการทำสิ่งใดเขาจะไม่เคยใส่ใจกับฐานะ มารยาท หรือกฏเกณฑ์ใดๆเลยแม้แต่น้อย!
แม้แต่หลิงลี่เองยังไม่อาจทนนิ่งเฉยได้จนต้องแอบบอกกับหลิงหยุนผ่านทางกระแสจิต
–หยุนเอ๋อสิ่งที่เจ้าทำกับพ่อลูกตระกูลหลงเวลานี้ไม่ถูกต้องนัก เหตุใดรับของขวัญแล้ว แต่กลับมิยอมให้แขกเข้ามารับประทานอาหารเล่า-
หลิงเสี่ยวเองก็ต้องการที่จะบอกกับหลิงหยุนเช่นกันแต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตัดสินใจที่จะไม่ทำสิ่งใด เพราะจิตใจของหลิงหยุนนั้น ยากนักที่เขาจะเข้าใจ
–ท่านปู่ท่านยังไม่เข้าใจตื้นลึกหนาบาง ไว้ข้าจะอธิบายเหตุผลให้ท่านฟังทีหลัง– หลิงหยุนตอบกลับหลิงลี่
หากจะพูดกันตามตรงการที่หลงฮ่าวหลานมาถึง หลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปขวางทาง แย่งคนมา ทำการฉีกหน้า ยึดของขวัญ และในที่สุดก็ไล่กลับนั้น ทั้งหมดที่หลิงหยุนทำลงไป ก็เพื่อบีบให้อีกฝ่ายสิ้นสุดความอดทนนั่นเอง
หลงฮ่าวหลานเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าหลิงหยุนตั้งใจทำให้ตนเองไม่พอใจ เขาจึงได้พยายามอดทนอดกลั้นต่อความรู้สึกที่ปะทุอยู่ภายใน และเพื่อให้ตระกูลหลงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในคราวนี้ เขาจำเป็นต้องอดทนอดกลั้นที่จะไม่ตอบโต้หลิงหยุน
เสียหน้าแต่ไม่พ่ายแพ้! และนี่คือสิ่งที่หลงฮ่าวหลานกำลังทำ..
เพราะเมื่อครู่ที่หลงฮ่าวหลานมอบโอสถก่อสร้างรากฐานให้หลิงหยุนเป็นของขวัญพร้อมกับคำพูดที่งดงามนั้น ก็ได้พลิกให้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบมากแล้ว
ความรู้สึกของผู้คนในห้องจัดเลี้ยงเวลานี้ทุกคนต่างก็เห็นว่าสิ่งที่หลงฮ่าวหลานทำลงไปนั้น ไม่เพียงจะต้องได้รับการต้อนรับจากตระกูลหลิง แต่สมควรได้รับการต้อนรับในฐานะแขกวีไอพีด้วยซ้ำไป
หลงฮ่าวหลานเองก็คิดเช่นนั้นเขาจึงได้เปลี่ยนของขวัญที่มอบให้อย่างกะทันหัน เพราะคิดเช่นกันว่า ขืนมอบของขวัญที่ได้จัดเตรียมมาให้ก่อนหน้านี้ หลิงหยุนคงต้องขับไล่เขาออกจากงานเป็นแน่ แต่หากเป็นโอสถก่อสร้างรากฐาน อย่างน้อยหลิงหยุนก็จะยังไว้หน้าตนบ้าง..
และที่สำคัญโอสถที่เขามอบให้นั้นก็เป็นโอสถก่อสร้างรากฐานของจริง ซึ่งหลงฮ่าวหลานได้เตรียมไว้ให้ตนเอง หรือหากเขามิได้ใช้มัน ก็ย่อมสามารถมอบเป็นของขวัญให้กับผู้อื่นได้
แต่หลงฮ่าวหลานกลับไม่นึกไม่ฝันว่าตนเองทั้งส่งตัวหลงคุนคืน ส่งมอบกิจการของตระกูลหลิงให้ทั้งหมด และยังมีโอสถล้ำค่าอีก แต่กลับยังไม่สามารถทำให้หลิงหยุนซาบซึ้งใจได้..
ท้ายที่สุด..เขาก็ยังคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่ดี! นั่นเพราะคำว่า‘ส่งแขก’ ที่หลิงหยุนเอ่ยออกมานั้น ได้ทำให้เขาเสียหน้าอย่างที่สุด และเวลานี้ใบหน้าของหลงฮ่าวหลานก็แดงสลับกับซีดขาว เขาต้องใช้เวลาสงบสติอยู่ครู่ใหญ่ จนกระทั่งสามารถควบคุมไฟโทสะภายในใจได้แล้ว จึงได้เอ่ยถามออกไปว่า
“หลิงหยุนเจ้าเอ่ยเช่นนี้หมายความเช่นใดกันแน่”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ส่งแขกก็คือส่งแขก! เรื่องง่ายๆเพียงแค่นี้ตระกูลหลงยังไม่เข้าใจอีกรึ”
“หลิงหยุนเจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก! ท่านพ่อก็บอกกับเจ้าแล้วว่า เพื่อแก้ปัญหาความบาดหมางของพวกเราสองตระกูล ท่านพ่อจึงได้มอบโอสถล้ำค่าให้กับเจ้า แต่เจ้ารับโอสถไปแล้วกลับทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับไร้สัจจะไปหน่อยรึ”
หลงเทียนซิงซึ่งไม่อาจทนเห็นผู้เป็นบิดาถูกหลิงหยุนสร้างความอัปยศเช่นนี้ให้ได้จึงได้ก้าวเดินไปหาหลิงหยุน พร้อมกับร้องถามออกไปด้วยความเดือดดาลใจยิ่ง!
หลิงหยุนไม่แม้แต่จะปรายตามองหลงเทียนซิงเขายังคงเอ่ยตอบหลงฮ่าวหลานด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ในเมื่อเจ้าบอกเองว่าของขวัญที่มอบให้ตระกูลหลิงนั้น ก็เพื่อแก้ปัญหาความบาดหมางของพวกเราสองตระกูล ข้าเองก็บอกไปแล้วเช่นกันว่า ความบาดหมางระหว่างเราสองตระกูลเป็นอันสิ้นสุด..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้น แล้วโอสถก่อสร้างรากฐานก็ได้ปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง
“โอสถนี้..ในสายตาของพวกท่านทุกคน คงจะเป็นโอสถล้ำค่าในฝันสินะ! แต่ในสายตาของข้า–หลิงหยุน โอสถนี้ไม่ต่างจากโอสถขยะ ฉะนั้น สิ่งที่ข้าทำอยู่ในเวลานี้นับว่าให้หน้าตระกูลหลงมากแล้ว”
“แต่หากผู้นำตระกูลหลงนึกเสียดายโอสถนี้ข้าก็ขอมอบคืนให้ และนับจากนี้ความบาดหมางของพวกเราสองตระกูลจะยังคงดำเนินต่อไป..”
ระหว่างที่ประกาศกร้าวต่อหน้าทุกคนนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตเคลื่อนขวดโอสถออกจากมือ แล้วขวดโอสถก็ค่อยๆลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลงฮ่าวหลาน
“….”หลงฮ่าวหลานได้แต่นิ่งอึ้ง
เพราะเวลานี้คำพูดของหลิงหยุนทุกคำนั้น ไม่ต่างจากการลงมือสังหารหลงฮ่าวหลานเลยแม้แต่น้อย!
หลงฮ่าวหลานไม่มั่นใจว่าการที่หลิงหยุนคืนโอสถให้กับตนนั้น เป็นเพราะสามารถหลอมกลั่นโอสถก่อสร้างรากฐานได้จริง หรือเป็นเพราะตระหนักถึงข้อบกพร่องของโอสถเม็ดนี้กันแน่..
แม้หลงฮ่าวหลานจะไม่อาจคาดเดาเหตุผลที่แท้จริงได้แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง และถึงแม้คำพูดของหลิงหยุนจะไม่ชัดเจน แต่คำข่มขู่ของหลิงหยุนนั้นจะมิใช่เพียงแค่คำขู่แน่!
คืนโอสถสานต่อความบาดหมาง..หากเป็นเช่นนี้ หลิงหยุนย่อมสามารถเล่นงานตระกูลหลงเช่นใดก็ย่อมได้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลงฮ่าวหลานจึงได้แต่ยิ้มออกมา พร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า “คิดไม่ถึงว่าผู้นำตระกูลหลิงจะไม่เห็นโอสถล้ำค่าเช่นนี้อยู่ในสายตา ดูท่าวันนี้ตระกูลหลงของข้าคงต้องถูกผู้คนหัวเราะเยาะเสียแล้ว..”
จากนั้นหลงฮ่าวหลานก็หันไปทางหลิงลี่พร้อมกับประสานมือ และเอ่ยบอกเขาผ่านทางกระแสจิต
–ท่านลุงหลิงความตั้งใจของข้าคงจะเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้ว ในเมื่อหลานชายของท่านยินยอมที่จะให้เรื่องบาดหมางระหว่างพวกเราสองตระกูลสิ้นสุดลง ข้าคงต้องขอลาก่อน วันหน้าหากมีโอกาส ข้าจะไปเยี่ยมเยียน..-
จากนั้นหลงฮ่าวหลานก็หันหลังกลับพร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า “เทียนซิง พวกเรากลับ!”
ท่ามกลางความตระหนกตกใจของแขกเหรื่อนับพันภายในห้องจัดเลี้ยงผู้นำตระกูลหลงและบุตรชายก็ได้เดินจากไปอย่างง่ายดาย..
หลงฮ่าวหลานถูกหลิงหยุนเหยียบย่ำแม้แต่น้ำชาสักถ้วยยังไม่มีโอกาสได้ดื่มหรือนี่!!
และเวลานี้เหล่าชาวยุทธต่างก็พากันจ้องมองโอสถก่อสร้างรากฐานที่ยังคงลอยเคว้งอยู่กลางอากาศแน่นิ่ง สำหรับยอดฝีมือที่เข้าสู่ขั้นพลังเหนือธรรมชาติแล้ว สิ่งนี้คือโอสถที่ล้ำค่ายิ่งในสายตาของพวกเขา หาใช่โอสถขยะดังเช่นหลิงหยุนมองไม่!
เพราะทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่า..หลิงหยุนกล่าววาจาโอ้อวดเกินไปหรือไม่
“เอาล่ะ..ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอประกาศอีกหนึ่งเรื่อง!”
หลิงหยุนยืนยกมือขึ้นชี้ไปที่ขวดโอสถก่อสร้างรากฐานพร้อมกับประกาศด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“หากท่านใดต้องการโอสถนี้ได้โปรดอดใจรออีกเล็กน้อย ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า โรงประมูลตระกูลหลิงของข้าจะเปิดให้ประมูล และข้ารับรองว่าจะมีมากถึงแปดหรือสิบเม็ดเลยทีเดียว!”
หลังจากเก็บขวดโอสถกลับคืนไปแล้วหลิงหยุนก็หันไปบอกกับหลิงเย่วว่า “ท่านลุงสอง ท่านโยกย้ายแขกไปที่ห้องส่วนตัวได้เลย”
หลิงหยุนรู้ว่าหลายคนในที่นี้ยังเข้าใจผิด และไม่รู้เหตุผลแท้จริงที่เขาต้องขับไล่สองพ่อลูกตระกูลหลิงออกไปเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลใดๆให้กับคนเหล่านี้ฟัง..
หลังจากนั้นทุกคนต่างก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยง และแยกย้ายไปตามห้องส่วนตัวที่ตระกูลหลิงได้จัดไว้ให้..
……
ทางด้านหลงฮ่าวหลานและบุตรชายนั้นก็ได้นั่งรถออกไปจากโรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์แล้ว.. เวลานี้ใบหน้าของหลงฮ่าวหลานได้เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเพราะความโกรธส่วนหลงเทียนซิงนั้นก็นั่งนิ่งด้วยแววตาเคียดแค้น!
หลังจากรถแล่นออกห่างจากโรงแรมมากแล้วหลงเทียนซิงจึงได้เอ่ยออกไปด้วยความโมโห “ท่านพ่อ.. เหตุใดท่านจึงต้องมอบโอสถก่อสร้างรากฐานให้มันด้วย นั่นเป็นโอสถที่ท่านเตรียมไว้ให้ตนเองมิใช่รึ?!”
หลงฮ่าวหลานหันไปมองหลงเทียนซิงและตอบกลับไปว่า “เทียนซิง.. หลิงหยุนเวลานี้สามรถสังหารยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานตายได้อย่างง่ายดาย การที่เขาสามารถสังหารยอดฝีมือในขั้นนี้ได้ จิตหยั่งรู้ของเขาย่อมมีรัศมีครอบคลุมถึงหนึ่งหมื่นเมตร และเวลานี้พวกเราก็ยังอยู่ในรัศมีการรับรู้ของเขา..”
หลังจากนั้นหลงฮ่าวหลานก็ได้อธิบายต่อว่า “ไม่ว่าหลิงหยุนจะสามารถหลอมกลั่นโอสถก่อสร้างรากฐานได้จริงหรือไม่ โอสถเม็ดนั้นก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาอยู่ดี..” นั่นเพราะหลิงหยุนสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้อย่างง่ายดายเช่นนี้แล้วโอสถนี้จึงไม่ต่างจากโอสถขยะในสายตาของเขา
“เมื่อครั้งที่ท่านปู่ของเจ้ามอบโอสถนี้ให้แก่ข้าเขาเองก็ได้ย้ำกับข้าว่า โอสถก่อสร้างรากฐานเม็ดนี้คุณภาพค่อนข้างต่ำ เว้นแต่ว่าข้าจะหาทางเปิดวังใต้ดินได้ และใช้โลหิตมังกรอาบร่างกาย หาไม่แล้วต่อให้ข้าใช้โอสถนี้ ก็จะเป็นผลร้ายในวันข้างหน้า..”
“อีกอย่างหากข้าพัฒนาขั้นในเวลานี้ ย่อมสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้ในทันที และด้วยทรัพยากรที่ตระกูลหลงของเราที่มีอยู่นั้น ข้าย่อมสามารถพัฒนาเข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานได้ไม่ยากนัก..”
“และวันนี้ที่ข้ามอบโอสถนี้ให้แก่ตระกูลหลิงก็เพื่อที่ปกป้องหน้าตาของตระกูลหลงต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือ..”
“แต่น่าเสียดาย..ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลิงหยุนสามารถหลอมกลั่นโอสถนี้ได้จริง หรือเป็นเพราะเขาพบเห็นจุดบกพร่องของโอสถนี้กันแน่ จึงทำให้แผนการของข้าล้มเหลวไม่เป็นท่าเช่นนี้..”
หลงเทียนซิงพยักหน้าอย่างเข้าใจและได้เอ่ยตอบไปว่า “ท่านพ่อ.. หากหลิงหยุนสามารถหลอมกลั่นโอสถนี้ได้จริง เขาย่อมต้องมองเห็นข้อบกพร่องของโอสถที่ท่านให้เช่นกัน..”
หลงฮ่าวหลานถึงกับอึ้งไป..
นี่เขาพ่ายแพ้อย่างหมดท่าเลยรึ!มิน่า.. หลิงหยุนจึงได้ขับไล่เขากลับออกมาเช่นนี้!
แต่เวลานี้อยู่ต่อหน้าบุตรชายหลงฮ่าวหลานจำต้องพยายามรักษาสีหน้าให้สงบนิ่ง และกล่าวตอบไปว่า
“ก็อาจเป็นเช่นนั้น!แต่วันนี้พวกเราจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเวลา และรอจนกว่าน้องชายของเจ้าจะกลับมา หรือไม่ก็รอจนกว่าท่านปู่ของข้าจะออกจากการเก็บตัว จากนั้นจึงค่อยคิดหาวิธีจัดการกับตระกูลหลิงต่อไป..”
“อีกสองสามวันข้าว่าจะออกเดินทางไปแถบทะเลจีนตะวันออก เพื่อสถานที่เหมาะสมสำหรับทะลวงขั้นพลังบ่มเพาะของตนเอง!”
“ท่านพ่อหากหลิงหยุนได้กุญแจเปิดวังใต้ดินจากหลงคุน แล้วนำคนไปเปิดเล่า”
หลงฮ่าวหลานกัดฟันกรอดพร้อมกับเอ่ยตอบเสียงเย็น และดุดัน
“หากเป็นเช่นนั้นข้าย่อมต้องสู้ตายกับมันแน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร