Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1540

บทที่ 1540 : ทั้งสามทะลวงขั้น
  เวลาสองทุ่มตรง..
  หลิงหยุนที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และเวลานี้ดวงตาของเขาข้างหนึ่งเป็นสีดำ ส่วนอีกข้างเป็นสีขาว ปรากฏการณ์ที่แสดงออกมาเช่นนี้ เป็นผลจากการฝึกวิชาพลังลับหยิน–หยางนั่นเอง
  เวลานี้สมาชิกตระกูลหลิงต่างก็ตั้งใจฝึกฝนกันอย่างมาก หลิงหยุนเองก็เช่นกัน หลังจากที่กลับไปบ้านของตนเอง เขาก็ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าในการกลั่นเสินหยวนจนเต็มเปี่ยมอีกครั้ง จากนั้นจึงได้หยุด..
  เวลานี้ภายในจุดซือไห่ของหลิงหยุน มีเสินหยวนอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ยิ่ง และเขาก็พร้อมที่จะคุ้มครองการรับทัณฑ์สวรรค์ของคนทั้งสามแล้ว
  กา..กา..
  ระหว่างที่หลิงหยุนก้าวเดินออกมาจากบ้านนั้นไม่รู้ว่าอีกาทองคำซึ่งถูกเขาขับไล่ไปเมื่อคืน ได้บินกลับมาบ้านบรรพชนตระกูลหลิงตั้งแต่เมื่อใด และเวลานี้มันก็กำลังบินโฉบไปโฉบมาอยู่ระหว่างสวนชั้นที่ห้ากับสวนชั้นที่หก
  “เจ้าทองใหญ่..”
  หลิงหยุนกระโจนออกไปยังสวนชั้นที่หกทันทีจากนั้นจึงแบฝ่ามือออก และพลังหยางบริสุทธิ์ขนาดเท่าลูกฟุตบอลก็ปรากฏขึ้น
  “พรุ่งนี้ข้าจะต้องไปแล้วมาเร็วเข้า.. ข้าจะให้อาหารกับเจ้าก่อนไป!”
  กา..กา..
  ทันทีที่อีกาทองคำเห็นแสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นมันก็พุ่งกายเข้าไปหา พร้อมกับใช้จะงอยปากสีทองโฉบเอาพลังหยางขนาดเท่าลูกบอลนั้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบินกลับไปเกาะที่กิ่งของต้นหลิวเทวะวิญญาณเช่นเคย
  “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว เหตุใดจึงไม่ฝึกฝนต่อเล่า”   หลิงหยุนสังเกตเห็นคนทั้งสามที่จะเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ที่เอาแต่นั่งขัดสมาธิอาบเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางนิ่ง โดยมิได้ฝึกบ่มเพาะพลังต่อ จึงได้แต่เอ่ยถามออกไป
  “ยังต้องฝึกอะไรอีกเล่าอีกเพียงแค่เล็กน้อย พวกเราก็จะสามารถทะลวงขั้นได้แล้ว..”
  หลิงลี่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังในขณะเอ่ยตอบหลิงหยุน
  “ที่นี่เป็นบ้านบรรพชนตระกูลหลิงซึ่งมีอายุนับศตวรรษข้าไม่ต้องการให้มันพังทะลายไปเพราะอสุนีบาต..”
  “จริงสินะ..”
  หลิงหยุนสำรวจดูอย่างละเอียดและพบว่าเวลานี้ทั้งสามคนอยู่ในจุดที่สามารถจะทะลวงสู่ขั้นต่อไปได้ตลอดเวลา
  แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วจู่ๆเขาก็ยกมือขึ้นพร้อมกับทำท่าจะปาแสงสว่างขนาดเท่าลูกบอลเข้าใส่คนทั้งสาม  อีกาทองคำซึ่งเกาะอยู่ที่กิ่งของหลิวเทวะวิญญาณเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับตาโตมันรีบบินตรงเข้าไปหาแสงสว่างลูกนั้นทันที แต่เมื่อได้เห็นในระยะใกล้ มันถึงกับหยุดชะงักกลางคัน แล้วรีบหันหลังบินกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
  นั่นเพราะแสงสว่างเจิดจ้าขนาดเท่าลูกบอลนั้นกลับมีสายฟ้าไหลเวียนอยู่จำนวนมากมาย และนี่คือพลังสายฟ้าที่หลิงหยุนดึงมาจากบ่อสุนีบาตภายในจุดตันเถียนของตนเอง
  “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว ในเมื่อพวกท่านกำลังรอคอยการรับทัณฑ์สวรรค์ พวกท่านคงอยากจะรู้สินะว่ารสชาดของมันจะเป็นเช่นใด”
  นี่เป็นครั้งที่คนทั้งสามจะเข้ารับทัณฑ์สวรรค์หลิงหยุนกังวลว่าทั้งสามจะหวาดกลัวต่ออสุนีบาตที่ต้องเผชิญ จึงต้องการจะจำลองเหตุการณ์ให้พวกเขาได้รับรู้คร่าวๆเสียก่อน เมื่อต้องเผชิญกับทัณฑ์อสุนีบาตจริงๆ จะสามารถรับมือกับมันได้ดีมากขึ้น  “..…”
  ทั้งหลิงลี่หลิงเสี่ยว และจินเหยียว ต่างก็พากันนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง
  “เจ้าเด็กร้ายกาจนี่เจ้าคิดที่จะใช้พลังสายฟ้านี้กับปู่และพ่อของเจ้าเชียวรึ!!”
  หลิงลี่ถึงกับร้องตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลและดูเหมือนเขาพร้อมที่จะมีเรื่องกับหลิงหยุนอย่างมาก แต่หลิงหยุนกลับกระโดดหนีไปหลบซ่อน พร้อมกับร้องตะโกนบอกไปว่า
  “ท่านปู่..ท่านต้องทดลองลิ้มรสชาดก่อน หาไม่แล้วเมื่อเจอของจริงท่านอาจจะตื่นตระหนกก็เป็นได้..”
  “เจ้าเด็กนี่!!ปู่ของเจ้าผ่านร้อนผ่านหนาวมาตั้งมากมาย คิดว่าข้าจะหวาดกลัวเพียงแค่ทัณฑอสุนีบาตเล็กๆน้อยๆเหล่านี้งั้นรึ ข้าว่าเจ้าต้องการใช้พวกเข้าเป็นหนูทดลอง ทดสอบพลังอสุนีบาตของเจ้าเสียมากกว่า!”
  หลิงลี่ร้องตะโกนออกไปพร้อมกับกระโดดไล่ล่าตามหลิงหยุนไป..
  “ดูเหมือนท่านพ่อจะโกรธจริงๆ”
  หลิงเสี่ยวพึมพำออกมายิ้มๆ“หยุนเอ๋อนะหยุนเอ๋อ..”
  หลังจากหลิงลี่ไล่ตามหลิงหยุนไปแล้วหลิงเสี่ยวก็ได้แต่ร้องตะโกนบอกหลิงหยุนไปว่า “หยุนเอ๋อ ครั้งนี้ท่านปู่โกรธเจ้าก็ไม่ผิดนัก แม้พวกเราจะเข้าใจความหวังดีของเจ้า แต่ครั้งนี้เจ้าทำเกินไปจริงๆ”
  “เมื่อสองสามเดือนก่อนหน้าเจ้าเองก็ได้บอกเล่าประสบการณ์การรับทัณฑ์สวรรค์ทั้งสามครั้งให้พวกเราฟังก่อนแล้ว..”
  หลิงหยุนรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งแรกที่เกาะเตียวหยูครั้งที่สองที่บ้านของตนในจิงฉู และครั้งที่สามคือการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วที่ทะเลจีนตะวันออก..
  หลิงเสี่ยวกล่าวไม่ผิด..แต่สำหรับหลิงหยุนแล้ว เขามิใช่เพิ่งเคยรับทัณฑ์สวรรค์มาเพียงแค่สามครั้ง แต่ยังมีอีกนับสิบครั้งในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่
  “หยุนเอ๋อในเมื่อเจ้าเองยังสามารถรับทัณฑ์สวรรค์เพียงลำพังได้ ไฉนพวกเราจะทำมิได้เล่า!”
  “เจ้าเองก็เคยบอกกับพวกเราว่าการฝึกบ่มเพาะพลังเช่นนี้ คือการต่อกรกับสวรรค์ ท่านปู่และสมาชิกตระกูลหลิงทุกคน ไม่สามารถอยู่ภายใต้การปกป้องดูแลของเจ้าได้ตลอดไป เช่นนี้แล้วหากวันใดที่เจ้ามิได้อยู่กับพวกเรา พวกเราจะทำเช่นใดเล่า..”
  “หากไม่มีเจ้าพวกเราจะไม่สามารถทะลวงขั้น และรับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างนั้นเชียวหรือ”
  “ฉะนั้นแล้วในการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ ขอให้พวกเราได้จัดการด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อที่พวกเราจะได้มีประสบการณ์ และสามารถรับทัณฑ์สวรรค์ได้เพียงลำพังโดยที่ไม่ต้องมีเจ้าคอยคุ้มครองดูแลอีก..”
  หลิงหยุนถึงกับตกใจเมื่อได้ฟังความคิดเห็นของผู้เป็นบิดา..   แต่ก็จำต้องยอมรับว่าสิ่งที่หลิงเสี่ยวกล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริงเขาคงจะไม่สามารถปกป้องคนในตระกูลได้ตลอดเวลา แต่ควรต้องฝึกให้พวกเขาแข็งแกร่ง และยืนหยัดได้ด้วยลำแข้งของตนเองต่างหาก
  “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว นี่พวกท่าน..”
  หลิงหยุนจ้องมองคนทั้งสามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกท่านต้องการเช่นนี้จริงๆงั้นรึ”
  จินเหยียวยิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง! พวกเราทั้งสามได้ปรึกษากันแล้ว..”
  หลิงหยุนจึงได้เอ่ยถามกลับไปว่า“ถ้าเช่นนั้น พวกท่านต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ทั้งยันต์เกราะ และของวิเศษอื่นๆสำหรับป้องกันตัว..”
  หลิงเสี่ยวเอ่ยตอบยิ้มๆ“หยุนเอ๋อ เจ้าให้สิ่งเหล่านั้นกับพวกเรามามากพอแล้ว และหากพวกเราไม่สามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วนี้ไปได้ ก็ไม่คู่ควรเป็นคนตระกูลหลิง และคงไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกบ่มเพาะพลังอีกต่อไป..”
  “อีกอย่างเจ้าก็บอกกับข้าเองว่า ด้วยความแข็งแกร่งของข้าเวลานี้ สามารถรับมือกับยอดฝีมือขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้อย่างง่ายดายมิใช่รึ หากแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จะไม่สามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ไปได้อย่างไรเล่า..”
  หลิงเสี่ยวอธิบายให้หลิงหยุนฟังด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ คำพูดของหลิงเสี่ยวแต่ละคำนั้น คล้ายจะประกาศชัดเจนว่า หากเขาไม่สามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ไปได้ ย่อมไม่สมควรที่จะได้ชื่อว่าเป็นบิดาของหลิงหยุน!
  “เจ้าหนู..เจ้าเข้าใจหรือไม่ ถ้าเข้าใจแล้วก็เก็บลูกบอลสายฟ้าของเจ้ากลับไป!”
  “ตกลง..ข้าจะเชื่อฟังพวกท่าน!”
  ความจริงหลิงหยุนเองก็รู้ว่าสิ่งที่บิดาของเขากล่าวมานั้นล้วนถูกต้องเพียงแต่เขาหวาดกลัวว่า จะมิได้มีเพียงแค่ทัณฑ์อสุนีบาตธรรมดา แต่จะมีทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุปรากฏขึ้นต่างหาก
  และหากเป็นเช่นนั้นจริงเป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสามคนจะสามารถรับได้ไหว แต่ถึงอย่างนั้น เหตุการณ์เช่นนี้ก็มีเปอร์เซ็นต์ที่เกิดได้เพียงหนึ่งหรือสองในล้านเท่านั้น..
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็จะไม่มีทางยืนมองคนทั้งสามถูกอสุนีบาตสังหารตายต่อหน้าต่อตาเป็นแน่ และหากเห็นท่าไม่ดี เขาจะเข้าไปช่วยอย่างแน่นอน!
  หลังจากตัดสินใจแน่วแน่เช่นนั้นหลิงหยุนจึงได้เก็บลูกบอลสายฟ้านั้นกลับเข้าไป พร้อมกับเอ่ยบอกคนทั้งสามว่า
  “เอาล่ะ..พวกท่านทั้งสามพร้อมรับทัณฑ์สวรรค์แล้วใช่หรือไม่”
  “พร้อม!”
  ทั้งสามเอ่ยตอบออกมาพร้อมกันแต่แล้วหลิงลี่ก็ไม่วายที่จะถามออกไปว่า “เดี๋ยวก่อน..แล้วทัณฑ์สวรรค์จะเกิดขึ้นทันทีหลังจากทะลวงขั้นหรือไม่”
  หลิงหยุนได้แต่หัวเราะออกมาแล้วจึงอธิบายให้หลิงหลี่ฟังว่า “ท่านปู่ เรื่องนั้นท่านมิต้องกังวลใจไป ทัณฑ์สวรรค์จะไม่จู่โจมท่านทันทีหลังจากทะลวงขั้น..”
  ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นผู้บ่มเพาะพลังที่เข้าสู่ขั้นอมตะแล้ว ยังสามารถปิดบังขั้นพลังบ่มเพาะของตนเองเพื่ออำพรางสวรรค์ และสามารถอยู่มาได้นานนับเป็นพันเป็นล้านปี โดยที่มิต้องรับทัณฑ์สวรรค์ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้น เรียกได้ว่าสังหารเหล่าเซียนได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
  “อ่อ..เป็นเช่นนี้เองหรอกรึ”
  หลิงลี่เอ่ยตอบด้วยใบหน้าแดงก่ำก่อนจะกระโดดหายไปในทันที หลิงเสี่ยว และจินเหยียวเพียงแค่ยิ้ม ก่อนจะหายกลับเขาไปในบ้านเพื่อเตรียมตัว
  ราวสิบนาทีทั้งสามคนก็กลับมารวมกันที่ใต้ต้นหลิวเทวะวิญญาณอีกครั้ง ทั้งหมดนั่งขัดสมาธิลงบนพื้น พร้อมกับตั้งใจฟังคำพูดของหลิงหยุน
  “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว..”
  “พวกท่านจำไว้ให้ดีว่าหากมีพลังเพียงพอ พวกท่านย่อมสามารถทะลวงขั้นไปได้เรื่อยๆ แต่ห้ามฝืนโดยเด็ดขาด ต้องทำตามขั้นตอนที่สามารถเป็นไปได้เท่านั้น”
  ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน“พวกเราเข้าใจดี!”
  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางเข้าปกคลุมร่างของทั้งสามคนไว้อีกครั้ง
  “เอาล่ะเริ่มได้!”
  ทั้งสามคนต่างก็เดินลมปราณด้วยวิชาบ่มเพาะของตนและแทบไม่ต้องใช้ความพยายาม พวกเขาก็สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) ได้ในทันที!
  หลิงหยุนเฝ้ามองด้วยความรู้สึกสุขใจยิ่งนัก!   เวลานี้พลังปราณภายในร่างของทั้งสามคนก็เริ่มหมุนเวียนได้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก และเวลานี้พวกเขาก็กำลังดูดซับเอาปราณเสวียนหวงจากหลิวเทวะวิญญาณเข้าไปในร่างอย่างมากมาย
  ไม่เพียงเท่านั้นพลังชีวิตที่อยู่ภายในบ้านบรรพชนตระกูลหลิง ก็ล้วนแล้วแต่ถูกคนทั้งสามดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
  และเวลานี้หลิวเทวะวิญญาณทั้งสองต้นก็มีแสงสีเขียวสว่างเปล่งประกายออกมาและกำลังปลดปล่อยทั้งพลังชีวิตที่บริสุทธิ์ และปราณเสวียนหวงออกมา ในปริมาณที่มากพอสำหรับให้คนทั้งสามดูดซับเข้าไป
  และแน่นอนว่าหลิงลี่กับเสี่ยวซึ่งมีสายเลือดตระกูลหลิง และฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวง จึงสามารถดูดซับปราณเสวียนหวงเข้าไปได้อย่างมากมาย ประหนึ่งไม้ไผ่ที่กำลังแตกหน่อ
  จินเหยียวเข้าใจข้อได้เปรียบนี้ดีนางจึงดูดซับเอาพลังชีวิตบริสุทธิ์เข้าไปแทน และเพียงแค่นี้ก็เป็นประโยชน์ต่อนางอย่างมากมายแล้ว
  บูม!
  หลิงเสี่ยวเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์กว่าผู้ใดในบรรดาคนทั้งสามเขาจึงสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ได้ก่อนผู้ใด!
  บูม!
  ตามมาด้วยหลิงลี่และหลังจากนั้นอีกราวสามนาที จินเหยียวก็ได้เข้าสู่ขั้นอู่เฉิงชี่เช่นเดียวกัน..
  หลิงหยุนยืนลังเลอยู่นานว่าจะนำเอาโอสถของหยินจิ่วยู่ออกมาให้คนทั้งสามใช้ดีหรือไม่
  แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าโอสถนี้น่าจะให้ผลรุนแรงเกินไป จึงมิกล้าให้คนทั้งสามใช้หากพวกเขายังไม่เข้าสู่ขั้นชีเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-7)
  ครึ่งชั่วโมงต่อมา..
  ทั้งสามคนก็หยุดการฝึกฝนและยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวเทวะวิญญาณ และยังคงอาบความร้อนจากเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางต่อ เพื่อให้ขั้นพลังบ่มเพาะมั่นคงขึ้น
  และในที่สุด..
  หลิงเสี่ยวก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) หลิงลี่ระดับกลาง และจินเหยียวระดับเริ่มต้น
  “ไปกันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนมิกล้ารอช้าอีกเขาจัดการถอนเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยาง และหลิวเทวะวิญญาณกลับคืน ก่อนจะเหาะนำทั้งสามคนไปยังสถานที่สำหรับรับทัณฑ์สวรรค์ทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร