Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1541

บทที่ 1541 : ทัณฑ์เมฆาปรากฏ
  เวลานี้ทัณฑ์เมฆาดำทะมึนได้เริ่มปรากฏขึ้น และรวมตัวกันอยู่บนท้องนภาเหนือบ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว รัศมีของมันนั้นปกคลุมพื้นที่โดยรอบกว่าห้าร้อยเมตร
  ทัณฑ์เมฆาของคนทั้งสามได้เริ่มปรากฏขึ้นเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้นับตั้งแต่คนทั้งสามทะลวงขั้นได้สำเร็จ และเวลานี้มันก็ได้ก่อตัวหนาแน่นมีรัศมีกว้างไกล ดูเหมือนจะทรงพลังยิ่งกว่าทัณฑ์เมฆาทั่วไปถึงสามเท่า
  ก่อนที่หลิงหยุนจะเก็บต้นหลิวเทวะวิญญาณกลับไปนั้นทั้งสามคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากเบื้องบนบ้างแล้ว แต่เมื่อหลิงหยุนถอนหลิวเทวะวิญญาณออก พวกเขาต่างก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันนี้อย่างเต็มที่!
  เรื่องความลี้ลับของหลิวเทวะวิญญาณที่สามารถต่อกรกับทัณฑ์อสุนีบาตของสวรรค์ได้นั้น หลิงหยุนล่วงรู้มานานแล้ว  หลิงหยุนมิกล้าที่จะพาทั้งสามคนเหาะขึ้นไปสูงมากนักเขาจึงเหาะขึ้นไปเหนือผืนดินเพียงแค่สามร้อยเมตรเท่านั้น และกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังชานเมืองด้านเหนือของปักกิ่ง
  หลิงหยุนใช้โล่ลมปราณห่อหุ้มร่างของทั้งสามคนไว้จากนั้นจึงพาเหาะไปด้วยความเร็วเหนือเสียง เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวก็สามารถเหาะไปได้ไกลหลายกิโลเมตร
  ทันทีที่พวกเขาเหาะออกไปทัณฑ์เมฆาดำทะมึนก็ได้เคลื่อนที่ตามไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน และสามารถเหาะตามไปได้ทัน แม้ว่าหลิงหยุนจะพาทั้งสามคนเหาะไปด้วยความเร็วเท่าใดก็ตาม
  ……
  ด้านบนสุดของสวนจิงซานซึ่งอยู่ทางด้านฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังต้องห้ามเวลานี้..
  “คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะกล้าให้พวกเขาทั้งสามคนทะลวงขั้นภายในบ้านบรรพชนตระกูลหลิงเช่นนี้..”   หลงฮ่าวหลานได้ยืนสังเกตการณ์บ้านบรรพชนตระกูลหลิงอยู่ครู่ใหญ่แล้วในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา
  “ภายในบ้านบรรพชนตระกูลหลิงมีอะไรพิเศษกันแน่”
  “ท่านพ่อ..ลูกเคยได้ยินมาว่า หลิงหยุนเป็นผู้ชุบชีวิตมรดกตกทอดของบรรพชนตระกูลหลิง!”
  หลงเทียนซิงซึ่งยืนอยู่ข้างๆเป็นผู้เอ่ยตอบ..
  “เรื่องนั้นข้ารู้..”
  หลงฮ่าวหลานมีสีหน้าครุ่นคิดขณะที่จ้องมองทัณฑ์เมฆาดำทะมึนซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือ จากนั้นจึงรีบสั่งหลงเทียนซิงว่า
  “เทียนซิงเจ้าไปสั่งการให้ทุกคนทำตามแผนที่วางไว้ได้แล้ว!”
  “น้อมรับคำสั่งท่านพ่อ!”
  ในสนามต่อสู้นั้น..การได้รู้เขารู้เรานับเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง!   เมื่อตอนบ่ายในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของหลิงเสี่ยวนั้นหลิงหยุนทำให้หลงฮ่าวหลานต้องเสียหน้าอย่างมาก และเพื่อให้หลิงหยุนรับปากยุติเรื่องบาดหมางในอดีต เขาถึงกับต้องจ่ายไปอย่างมากมาย..
  แน่นอนว่าหลงฮ่าวหลานย่อมไม่กล้ามีเรื่องกับหลิงหยุนในเวลานี้แน่ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลหลิงได้..
  จากเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเมื่อช่วงบ่ายนั้นหลงฮ่าวหลานเข้าใจดีว่า เวลานี้รากฐานของตระกูลหลิงแข็งแกร่ง และมั่นคงมากเพียงใด
  การที่คนสำคัญของตระกูลหลิงเข้ารับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกันถึงสามคนนั้นนับเป็นเรื่องใหญ่ มีหรือที่หลงฮ่าวหลานจะมิให้ความสนอกสนใจ
  แต่หลงฮ่าวหลานไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่รับทัณฑ์สวรรค์ด้วยตนเองได้นั่นเพราะเขารู้ดีว่า ความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ สามารถบดขยี้ตนเองได้อย่างง่ายดาย และหากเขาเข้าไปใกล้บริเวณนั้น หลิงหยุนอาจมองเห็นเขาเป็นศัตรูมากยิ่งขึ้น และทั้งหมดที่เขาลงทุนไปเมื่อตอนบ่าย ก็จะไร้ซึ่งความหมาย..
  ด้วยเหตุนี้หลงฮ่าวหลานจึงสั่งให้นักรบตระกูลหลง แต่งกายเป็นชาวยุทธภพปะปนเข้าไปในกลุ่ม เพื่อแฝงตัวดูการรับทัณฑ์สวรรค์ของทั้งสามคนในครั้งนี้
  การรับทัณฑ์สวรรค์แต่ละครั้งนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาอันตรายถึงชีวิตของเหล่าผู้บ่มเพาะพลังเลยทีเดียว ฉะนั้นแล้ว ช่วงเวลาหลังการรับทัณฑ์สวรรค์นั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่คนผู้นั้นจะสูญเสียความแข็งแกร่งของตนไป และจะเป็นช่วงที่คนผู้นั้นอ่อนแออย่างที่สุด!
  แต่แผนการของหลงฮ่าวหลานก็เพียงแค่ต้องการรู้เห็นความแข็งแกร่งของสองพ่อลูกตระกูลหลิงเท่านั้นเอง!
  ……
  หลิงหยุนยังคงเหาะไปยังชานเมืองด้านทิศเหนือของปักกิ่ง..
  ระหว่างทางที่เหาะผ่านโรงเรียนฝึกศิลปะการต่อสู้ของตระกูลหลิงเขาก็ไม่ลืมที่จะใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจลงไปยังผืนดินเบื้องล่าง พร้อมกับเอ่ยสั่งผ่านทางกระแสจิต
  –เสี่ยวอู๋หวังชงเซียว พวกเจ้าตามข้าไปคุ้มกันการรับทัณฑ์สวรรค์–
  ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนทั้งคู่ก็เหาะตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยมิได้เอ่ยตอบกลับไปด้วยซ้ำ
  หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลงตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้ไปร่ำลาหลิงหยุน และพาหลงคุนพร้อมด้วยตู้กู่โม่ ตงฟางถิง และศิษย์ทั้ง 72 คนของเขากลับไปที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
  นอกเหนือจากตู้กู่โม่ตงฟางถิง และหวังชงเซียวแล้ว ทุกคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่เคยเป็นสมาชิกของแก๊งมังกรเขียวมาก่อนทั้งสิ้น
  หลงคุนหายตัวไปนานและภายในงานเลี้ยงก็ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกัน ฉะนั้นแล้วสถานที่ที่พวกเขาทั้งหมดจะได้อยู่ด้วยกัน และพูดคุยกันได้ดีที่สุด ก็คงจะไม่มีที่ใดดีไปกว่าโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้แห่งนี้แน่
  “ท่านลุงหลงคุนไม่ทราบว่าท่านลุงต้องการจะไปดูการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ด้วยหรือไม่” ตี้เสี่ยวอู๋เอ่ยถามหลงคุนหลังจากได้ยินคำสั่งของหลิงหยุน
  “ก็ดีเหมือนกัน!”
  หลงคุนพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“เพียงแค่ได้คุยกันสองสามชั่วโมง และได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเจ้าตลอดหกเดือน ข้าก็รู้สึกดีมากแล้ว! แต่น่าเสียดายที่ข้าเองไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงเวลานั้น เวลานี้.. เจ้ากับหลิงหยุนล้วนไม่ต่างจากเซียน เช่นนั้นแล้วข้าก็ขอไปดูเรื่องราวน่าอัศจรรย์นี้ด้วยตาตนเอง..”
  ตี้เสี่ยวอู๋ถึงกับยกมือขึ้นเกาศรีษะด้วยความเก้อเขินเมื่อได้ยินคำชมของหลงคุน“พี่หยุนต่างหากที่เป็นเซียน แต่ข้าไม่ใช่.. ข้ายังต้องเรียนรู้จากพี่หยุนอีกมาก!”   จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็หันไปมองหวังชงเซียว และทำท่าจะพาหลงคุนเหาะขึ้นไปพร้อมกัน..
  “นี่..ประเดี๋ยวก่อน!”
  ตู้กู่โม่และตงฟางถิงรีบร้องตะโกนออกมาอย่างรวดเร็ว“พวกเจ้าสองคนจะเหาะไปงั้นรึ แล้วพวกเราสองคนเล่า?”
  หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาเกือบตลอดทั้งวันตู้กู่โม่กับตงฟางถิงก็เริ่มคุ้นเคย และสนิทสนมกับตี้เสี่ยวอู๋ และหวังชงเซียว รวมทั้งศิษย์ทั้ง 72 คนของหลิงหยุนมากขึ้นแล้ว
  ตี้เสี่ยวอู๋ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับเอ่ยตอบไปว่า“พี่หยุนบอกว่า อยากให้ศิษย์ทั้ง 72 คนของเขาได้เห็นการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้ด้วย เช่นนั้นคงต้องรบกวนพวกท่านทั้งสองพาพวกเขาไปด้วย..”
  “…”
  ตู้กู่โม่ถึงกับนิ่งอึ้งไปในขณะที่ตงฟางถิงเพียงแค่เอ่ยถามยิ้มๆ “เสี่ยวอู๋ พวกเขาจะรับทัณฑ์สวรรค์กันที่ใดงั้นรึ”   ตี้เสี่ยวอู๋เอ่ยตอบยิ้มๆ“ที่ภูเขาแถบชานเมืองด้านเหนือของปักกิ่ง พวกเจ้าไล่ตามทัณฑ์เมฆานั่นไปได้เลย แต่ถ้าเจ้าไล่ตามไม่ทัน ให้ดูสายฟ้าที่ผ่าลงมา พวกเจ้าจะเห็นได้อย่างชัดเจน!”
  จากนั้นร่างของทั้งสามคนก็เหาะหายไปในทันที..
  “ไม่น่าเชื่อ..นี่ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆ เจ้าเด็กนี่จงใจกลั่นแกล้งพวกเราที่เหาะไม่ได้อย่างนั้นรึ!!”
  ตู้กู่โม่ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับยกนิ้วนางชูขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนั้นจึงหันกลับไปร้องตะโกนสั่งทุกคนว่า
  “เอาล่ะ..พวกเรารีบไปกันดีกว่า ขืนไปช้าจะไม่ทันได้เห็นอะไร!”
  หลังจากนั้นเงาดำหลายร่างต่างก็พุ่งออกจากโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ตระกูลหลิง และกำลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาทางด้านทิศเหนือเช่นกัน..   ……
  เรื่องการรับทัณฑ์สวรรค์ของคนทั้งสามนั้นหลิงหยุนได้ประกาศในงานเลี้ยงแล้ว ฉะนั้น ในคืนนี้จึงมิได้มีเพียงแค่สมาชิกตระกูลหลิงที่ไปดูการรับทัณฑ์สวรรค์ของคนทั้งสามเท่านั้น แต่เหล่าชาวยุทธมากมายที่อยู่ในงาน ล้วนแล้วแต่ตามไปดูกันทุกคน และเวลานี้ชาวยุทธทั้งหมดต่างก็กำลังมุ่งหน้าไปทางภูเขาด้านเหนือของเมืองปักกิ่งเช่นกัน
  นอกเหนือจากชาวยุทธที่อยู่ภายในงานเลี้ยงเหล่าชาวยุทธคนอื่นๆที่ได้ข่าว ก็ไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิตนี้ไปด้วยเช่นกัน และต่างก็ไปที่เขาดังกล่าวเพื่อรอดูการรับทัณฑ์สวรรค์ด้วย
  เพราะเรื่องเช่นนี้นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจยิ่งของผู้ที่เริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะ!
  ………
  “ผู้คนมากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
  เมื่อหลิงหยุนนำคนทั้งสามมาถึงยอดเขาเขาก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูรอบบริเวณ และพบว่าทั้งตีนเขาและเนินเขาใกล้ๆ ล้วนมีผู้คนมาซุ่มรอดูอยู่อย่างมากมาย หากกะดูด้วยสายตาคร่าวๆ คงจะไม่ต่ำกว่าสี่ห้าร้อยคนเป็นแน่!
  แต่หาได้มีเพียงเท่านั้นเพราะตลอดทางยังมีเหล่าชาวยุทธอีกมากมาย ที่กำลังทยอยมาจากทั่วทุกสารทิศ
  “ไม่น่าเชื่อ..แม้แต่ยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน และคนธรรมดาทั่วไปก็มารอดูด้วยงั้นรึ”
  หลังจากที่ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูทั่วทั้งบริเวณแล้วหลิงหยุนก็พบว่าไม่เพียงยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียนจำนวนมากที่มารอดู แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่รู้วรยุทธก็มาด้วย
  หลายคนล้วนแล้วแต่คุ้นหน้าคุ้นตาทั้งสิ้นเพราะเป็นผู้ที่อยู่ในงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันแทบทั้งนั้น แม้กระทั่งหม่าซิ่วจุน หม่าซือหยุน และยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนในกลุ่มเขาอีกห้าหรือหกคนก็มาด้วย
  “ผู้คนล้วนมีความอยากรู้อยากเห็น..ฮ่าๆๆ” หลิงหยุนพึมพำพร้อมกับหัวเราะออกมา
  หลิงหยุนพาคนทั้งสามร่อนลงบนยอดเขาลูกหนึ่งและเวลานี้ทัณฑ์เมฆาก็กำลังปกคลุมอยู่เหนือยอดเขาลูกนี้อีกที
  “ทุกท่าน..ข้าขอแนะนำให้ถอยห่างออกจากบริเวณรับทัณฑ์สวรรค์ไปให้ไกลที่สุด หรืออย่างน้อยๆก็ต้องไม่ต่ำกว่าเนินเขาสามลูก หาไม่แล้วพวกท่านอาจถูกฟ้าผ่าตายได้ และหากเป็นเช่นนั้น ตระกูลหลิงของข้าจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ!”
  หลิงหยุนใช้มังกรคำรามร้องตะโกนบอกทุกคนที่มารอดู..
  ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะเอ่ยจบดีนักเขาก็สังเกตเห็นฝูงชนค่อยๆขยับขยายออกนอกบริเวณ และเปลี่ยนไปอยู่ที่เนินเขาห่างออกไปแทน
  เพียงแค่สายฟ้าธรรมดาตามธรรมชาติหลายคนก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว จึงแทบไม่ต้องพูดถึงภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นในการรับทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้  ฟิ้ว..ฟิ้ว.. ฟิ้ว..
  แต่ยังมียอดฝีมือสูงส่งที่มิได้รู้สึกหวาดกลัวต่อทัณฑ์สวรรค์อยู่จำนวนหนึ่งที่เหาะมาด้วยความเร็ว และร่อนลงห่างจากรัศมีทัณฑ์เมฆาไปไม่ไกลนัก เพื่อที่จะได้เห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
  และยอดฝีมือเหล่านั้นก็คือโจวเหวินอี้เย่ชิงเฟิง เย่ชิงซิน เย่เทียนสุ่ย เย่เทียนตู…..
  ยอดฝีมือตระกูลเย่มาพร้อมกันถึงสี่คน!
  “หลิงหยุนพวกเรามาช่วยเจ้าแล้ว!”
  “ขอบคุณทุกท่าน!”หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ
  ครืน..ครืน..
  เวลานี้ทัณฑ์เมฆาค่อยๆคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ และภายในเมฆก้อนดำทะมึนเหล่านั้น ก็มีประกายของอสุนีบาตที่ค่อยๆเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และปรากฏการณ์หลายๆอย่างก็เริ่มชัดเจนมากขึ้น
  จากประสบการณ์ของหลิงหยุนเขารู้ว่าการรับทัณฑ์สวรรค์ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว..
  “ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านน้าจินเหยียว พวกท่านต้องการที่จะแยกกันรับทัณฑ์สวรรค์ หรือต้องการที่จะอยู่รวมกัน”
  “แยกหรือรวม..แตกต่างกันเช่นใดงั้นรึ”
  “หากอยู่รวมกันในที่เดียวแต่ละคนจะต้องรับทัณฑ์สวรรค์อย่างน้อยคนละสามครั้ง แต่หลังจากสำเร็จแล้ว ประโยชน์ที่จะได้นั้นย่อมมากมายกว่าการรับทัณฑ์สวรรค์ทั่วไป แต่หากแยกกัน ทัณฑ์เมฆานี้ก็จะกระจายแยกออกด้วย และแต่ละคนก็จะรับทัณฑ์สวรรค์เพียงแค่คนละหนึ่งครั้ง..”
  หลิงลี่เอ่ยถามหลิงหยุนต่อทันที“หยุนเอ๋อ.. ในความเห็นของเจ้า ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราทั้งสามคนเวลานี้ พวกเราควรทำเช่นใด”
  หลิงหยุนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ในความเห็นของข้า หากพวกท่านแยกย้ายกันรับทัณฑ์สวรรค์ ย่อมจะสามารถทำสำเร็จได้ง่ายกว่า แต่หากรวมกันสามคนเช่นนี้ พวกท่านอาจต้องถึงกับล้มลุกคลุกคลาน และอาจต้องเจ็บปวดอย่างมาก และได้รับบาดเจ็บสาหัสรุนแรง..”
  เท่าที่หลิงหยุนสังเกตดูทัณฑ์เมฆาที่อยู่เหนือท้องนภาเวลานี้ แข็งแกร่งกว่าทัณฑ์เมฆาที่ตี้เสี่ยวอู๋ได้รับถึงสามเท่า แต่ครั้งนั้นตี้เสี่ยวอู๋ที่อยู่ในระดับสูงสุดขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จ ยังสามารถเข้าสู่ระดับกลางขั้นอู่เฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-5) ได้ในทันที แต่เวลานี้ทั้งสามคนต่างก็เข้าสู่ขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) กันหมดทุกคนแล้ว..
  หลิงหยุนค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของคนทั้งสามฉะนั้นเขาจึงต้องการให้ทั้งสามคนรับทัณฑ์สวรรค์ด้วยกัน ซึ่งจะได้ประโยชน์มากมายกว่า..
  แต่ก่อนที่หลิงหยุนจะทันได้กล่าวอันใดต่อหลิงลี่ก็ยกมือขึ้นโบกพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
  “ก็แค่อาการบาดเจ็บทางกายจะกลัวอะไรมากมาย พวกเราจะรับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกัน!”
  ชายชราประกาศกร้าวราวกับเด็กหนุ่มที่ฮึกเหิม..
  “ท่านปู่ข้าจะคอยคุ้มกันให้พวกท่านเอง จะไม่ให้ผู้ใดรบกวนท่านได้เป็นแน่ ท่านอย่าได้กังวลใจไป!”
  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็หายออกไปจากรัศมีทัณฑ์เมฆาในทันที และปล่อยทั้งสามคนไว้ตามลำพัง..
  ครืน…เปรี้ยง!
  เพียงแค่สองนาทีต่อมาคลื่นทัณฑ์อสุนีบาตลูกแรกก็ปรากฏขึ้น อสุนีบาตขนาดใหญ่สามสาย ได้พุ่งผ่านก้อนเมฆสีดำลงมาทันที!
  เวลานี้ช่องว่างระหว่างผืนปฐพีและสรวงสวรรค์ ก็ได้สว่างเจิดจ้าอย่างน่าอัศจรรย์!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร