Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1542

บทที่ 1542 : น่าหวาดกลัวแต่ไม่อันตราย
  “สวรรค์!!”
  “อสุนีบาตใหญ่โตถึงเพียงนี้เชียวรึ”
  “หูอื้อไปหมดแล้ว!”
  “…”
  หลังจากที่คลื่นอสุนีบาตขนาดใหญ่ลูกแรกผ่าลงมาอย่างไม่คาดคิดนั้น ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ตกอกตกใจอย่างที่สุด คนธรรมดาทั่วไปบางคน ถึงกับตกใจจนล้มลงก้นกระแทกพื้นก็มี!
  เวลานี้..บนยอดเขาซึ่งมีกลุ่มคนที่มิได้หวาดกลัว และเฝ้าดูอยู่นอกรัศมีทัณฑ์เมฆานั้น ยังถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหูของตนเองไว้
  และนี่คือความน่ากลัวของทัณฑ์สวรรค์!
  ……
  เมื่ออสุนีบาตได้ผ่าลงกลางร่างของคนทั้งสามแล้วมันก็ไม่หยุดยั้ง ประหนึ่งกำลังลงทัณฑ์พวกเขาอยู่..   เหล่านกกาและสัตว์ป่าบนเขาและรอบๆต่างก็พากันโบยบินและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด..
  “ขั้นลิ่วเฉิงชี่(ขั้นพลังชี่-6) งั้นรึ เมื่อตอนบ่ายพวกเขายังอยู่ในขั้นซานเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-3) อยู่เลย..”
  เย่เทียนตูจ้องมองสายฟ้าที่ผ่าลงมายังพื้นที่ซึ่งห่างไกลออกไปภายในใจก็ได้แต่งุนงงสับสน จนต้องหันไปถามหลิงหยุน
  “ทะลวงถึงสามขั้นใหญ่พร้อมกันเช่นนี้หลิงหยุน.. เจ้าทำได้อย่างไรกัน”
  หลิงหยุนหัวเราะหึๆพร้อมตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้เป็นความลับ ข้าบอกเจ้าไม่ได้!”
  “เจ้าไม่เพียงแค่ช่วยให้ทั้งสามคนทะลวงผ่านสามขั้นในคราวเดียวแต่ยังกล้าให้พวกเขารับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกันและในสถานที่เดียวกันเช่นนี้.. นี่.. นี่ไม่ธรรมดาเลย!”
  เย่เทียนสุ่ยรู้สึกตกใจอย่างมากและได้แต่คิดว่าหลิงหยุนคงจะบ้าไปแล้ว พร้อมกับจ้องมองอสุนีบาตทั้งสามสายตรงหน้า  “ทุกคนล้วนแข็งแกร่งยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่หลิงเสี่ยว!”
  เย่ชิงเฟิงเปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกจับอยู่ที่ร่างของคนทั้งสามซึ่งกำลังรับทัณฑ์สวรรค์ และพบว่าหลิงเสี่ยวมิได้ใช้พลังบ่มเพาะของตนเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ใช้กายเนื้อของตน แต่ก็สามารถรับสายฟ้าชุดแรกที่ฟาดลงมาได้อย่างง่ายดาย
  ใช้เพียงแค่กายเนื้อ..ต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใดอย่างนั้นหรือจึงจะทำเช่นนี้ได้
  ไม่ใช่เพียงแค่หลิงเสี่ยวเท่านั้นเพราะเวลานี้ทั้งสามคนกำลังนั่งขัดสมาธิ และปล่อยให้ทัณฑ์อสุนีบาตฟาดลงที่ร่างโดยไม่ตอบโต้ หรือต้านทานแต่อย่างใด..
  นี่เป็นการใช้พลังของอสุนีบาตที่แข็งแกร่งบ่มเพาะกายเนื้อ..
  ทั้งสามคนซึ่งกำลังรับทัณฑ์สวรรค์อยู่เวลานี้ต่างก็ฝึกวิชาดาราคุ้มกาย อีกทั้งหลิงหยุนได้ใช้เปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางบ่มเพาะกายาให้พวกเขาหลายต่อหลายครั้ง จนสามารถทะลวงขั้นได้ถึงสามขั้นใหญ่ในคราวเดียว
  อสุนีบาตของทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วชุดแรกแม้จะดูน่าสะพรึงกลัว แต่ก็ทำอะไรคนทั้งสามไม่ได้
  “หลิงหยุนแม้การรับทัณฑ์สวรรค์จะได้รับประโยชน์มากมาหลังจากนั้น แต่การที่พวกเขาทั้งสามเข้ารับทัณฑ์สวรรค์พร้อมกันเช่นนี้ เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าพวกเขาได้มีการเตรียมตัวที่พร้อมมากพอ”
  เย่ชิงซินแสดงความกังวลใจออกมาดวงตาคู่งามนั้นจับจ้องอยู่ที่รางของหลิงเสี่ยว ซึ่งกำลังนั่งขัดสามาธิอยู่บนยอดเขา ด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวลใจยิ่งนัก
  หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ“ท่านน้าเย่อย่าได้กังวลใจไปเลย พวกเขาทั้งสามจะต้องผ่านทัณฑ์อสุนีบาตชุดแรกไปได้อย่างปลอดภัย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแน่..”
  “แล้วคลื่นอสุนีบาตชุดสุดท้ายเล่า”เย่ชิงซินยังคงถามต่อด้วยความกระวนกระวายใจ  “ในการรับทัณฑ์สวรรค์นั้นยากที่จะหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บได้ หากพบว่ามีอันตรายเกิดขึ้นกับพวกเขาจริงๆ ข้าย่อมไม่อยู่เฉยแน่..”
  ระหว่างที่ฟังหลิงหยุนพูดนั้นเย่ชิงซินก็ได้เหลือบตาขึ้นมองทัณฑ์เมฆาเบื้องบน และกำลังคาดเดาถึงความรุนแรงสูงสุดของทัณฑ์อสุนีบาตที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของหลิงหยุน นางจึงรีบหันกลับไปถามทันที
  “หลิงหยุนนี่เจ้า.. เจ้ากล้าแทรกแซงการรับทัณฑ์สวรรค์ของผู้อื่นงั้นรึ!”
  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า“อย่าเรียกว่ากล้าเลยจะดีกว่า.. หากเข้าสู่ช่วงนาทีวิกฤติจริงๆ ของวิเศษสองสามชิ้นของข้า ย่อมสามารถต้านทานทัณฑ์อสุนีบาตได้อย่างไร้ปัญหา”
  ที่ผ่านมา..แม้กระทั่งรางวัลประทานจากสรวงสวรรค์ของหนิงหลิงยู่ หลิงหยุนก็ยังเคยฉกฉวยมาแล้ว นับประสาอะไรกับทัณฑ์อสุนีบาตเพียงแค่นี้  แม้ทัณฑ์เมฆาจะดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งแต่ก็ก็ยังห่างไกลจากทัณฑ์อสุนีบาตห้าธาตุ ที่หลิงหยุนต้องเผชิญเมื่อครั้งที่รับทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วครั้งล่าสุด
  มีเพียงโจวเหวินอี้เท่านั้นเท่านั้นที่จ้องมองการรับทัณฑ์สวรรค์ของทั้งสามคนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ไร้ซึ่งความกังวลใจใดๆ
  “หลิงหยุน..ข้ารู้มาว่า หลังจากคืนนี้ เจ้าจะต้องเดินทางไปช่วยแม่นางเหองั้นรึ”
  “อาวุโสโจว..วันๆท่านทำอะไรอย่างอื่นบ้างหรือไม่ นอกจากคอยสอดส่อง แล้วก็จับตามองข้า”
  หลิงหยุนได้แต่หันไปส่งสายตาค้อนให้โจวเหวินอี้พร้อมกับถามต่อว่า “แม้กระทั่งเรื่องนี้ท่านก็ยังรู้งั้นรึ”
  “นี่ข้าคงจะปิดบังอะไรท่านไม่ได้เลยสินะ..”
  โจวเหวินอี้ไม่ตอบคำถามแต่กลับบอกหลิงหยุนไปว่า “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะช่วยตระกูลเหอด้วยวิธีใด แต่ข้ามีเรื่องจะขอร้องเจ้า..”
  “อะไรงั้นรึ!”
  “ช่วยทำทุกอย่างให้เงียบๆอย่าให้ใหญ่โตเช่นนี้อีก!” โจวเหวินอี้เอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
  หลิงหยุนตอบกลับไปทันที“เรื่องนั้นท่านวางใจได้ หลังจากข้ารักษาอาการป่วยให้กับผู้เฒ่าตะกูลเหอแล้ว ก็จะกลับทันที”
  “ไม่ได้!”
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าโจวเหวินอี้จะไม่เห็นด้วยและได้บอกกับหลิงหยุนไปว่า “เจ้าเองคงจะเคยได้ยินชื่อพันธมิตรหนานหยางมาก่อนแล้วสินะ เท่าที่ข้ารู้มา.. เวลานี้คนตระกูลเหอบางคน ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มนี้อยู่ ไหนๆเจ้าก็จะเดินทางไปช่วยตระกูลเหอแล้ว ก็จัดการเรื่องนี้ไปด้วยเลย ปราบปรามให้สิ้นซากเสีย..!”
  “…”  หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปเพราะคิดไม่ถึงว่าจะถูกโจวเหวินอี้ใช้งานเช่นนี้ แต่หลังจากตั้งสติได้ จึงเอ่ยถามออกไปว่า
  “อาวุโสโจว..นี่จะคงจะเป็นภารกิจของหน่วยนภาสินะ”
  โจวเหวินอี้พยักหน้า“จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิดนัก..”
  “เช่นนั้นแล้วหากข้าปฏิบัติภารกิจสำเร็จเล่า จะได้รับสิ่งใดเป็นรางวัลตอบแทนบ้าง”
  โจวเหวินอี้ถึงกับนิ่งอึ้งไป“…”
  “หลิงหยุนอย่าลืมว่าเวลานี้เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึงอาวุโสของหน่วยนภา ออกไปปฏิบัติภารกิจเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นี้ ยังต้องเรียกร้องรางวัลจากข้าอีกงั้นรึ”
  “หากไม่มีสิ่งตอบแทน…”
  แม้หลิงหยุนจะมิเอ่ยจนจบแต่ก็เข้าใจได้ว่าเขาปฏิเสธที่จะทำภารกิจนี้ ซึ่งโจวเหวินอี้เองก็คาดการไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า หลิงหยุนจะต้องปฏิเสธเป็นแน่ เขาจึงแสร้งทำทีไม่ใส่ใจนัก และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
  “หากเจ้าไม่ต้องการปฏิบัติภารกิจนี้ก็ช่างเถิดข้าจะส่งผู้อื่นไปจัดการแทน..”
  “แต่เท่าที่ข้ารู้มาผู้บ่มเพาะจากพันธมิตรหนานหยางนี้ มีเฒ่าปีศาจอยู่สองคนที่ครอบครองทรัพยากรในการฝึกไว้ในมือมากมายทีเดียว..”
  หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของโจวเหวินอี้หลิงหยุนก็ถึงกับพุ่งเข้าไปยืนข้างกายเขาทันที พร้อมกับกระซิบบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
  “อาวุโสโจว..คิดๆดูแล้ว ข้าเองก็เป็นถึงอาวุโสของหน่วยนภา การไปช่วยหน่วยนภาสะสางปัญหา ย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำยิ่งนัก..”
  จิ้งจอกเฒ่าโจวเหวินอี้ถึงกับยิ้มออกมาพร้อมตอบกลับเสียงเบา “นี่เจ้ายอมไปแล้วรึ”
  “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง..”   หลิงหยุนตอบกลับทันทีพร้อมกับเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “พวกไม่รู้จักประมาณตัวเองเช่นนี้ ท่านคอยดูว่าข้าจะจัดการกับพวกเขาเช่นใด”
  “หลิงหยุนเจ้าจงจำไว้ให้ดีว่า ในการปฏิบัติภารกิจของหน่วยนภานั้น จะต้องปกปิดฐานะของตนเอง และห้ามเอ่ยชื่อจริงของเจ้าให้ผู้คนล่วงรู้โดยเด็ดขา” โจวเหวินอี้กำชับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “เรื่องนั้นท่านอย่าได้กังวลใจไปเลยข้าจะไปในฐานะหลินเทียน รับรองได้ว่าไม่มีผู้ใดรู้ฐานะที่แท้จริงของข้าเป็นแน่!”
  “ดีมากๆ”
  โจวเหวินอี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจจากนั้นจึงยกมือขึ้นชี้ไปทางยอดเขา “คลื่นทัณฑ์อสุนีบาตลูกที่สองใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว พ่อของเจ้าอยู่บนกระบี่เหิน..”
  หลิงหยุนเห็นอยู่แล้วว่าเวลานี้ทั้งสามคนได้นำของวิเศษที่ตนเองมีออกมาใช้ แต่พวกเขาไม่ได้ใช้เพื่อปกป้องตนเองจากสายฟ้าที่ฟาดลงมา เพียงแค่นำออกมาช่วยแบ่งเบาภาระเท่านั้น
  –ท่านพ่อยังมั่นใจว่ารับมือได้ไหวหรือไม่-
  –หยุนเอ๋อไม่ต้องห่วงข้า!-
  ท่ามกลางห่าสายฟ้าที่พวยพุ่งลงมานั้นร่างเพรียวของหลิงเสี่ยวเหาะไปมาพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน
  ไม่นานนักคลื่นอสุนีบาตลูกที่สองก็จบสิ้นลง แต่หลังจากนั้นไม่นานเช่นกัน คลื่นอสุนีบาตลูกที่สามก็ปรากฏขึ้น และเริ่มกระหน่ำใส่ร่างของคนทั้งสามทันที
  เปรี้ยง!
  ทัณฑ์สวรรค์ซื่อจิ่วนั้นพลังของอสุนีบาตแต่ละชุดจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ฉะนั้นคลื่นทัณฑ์อสุนีบาตลูกที่สาม จึงแข็งแกร่งและทรงพลังกว่าสองลูกแรกอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่จินเหยียวยังดูเหมือนจะไม่กล้านิ่งเฉย นางรีบนำยันต์เกราะระดับเจ็ดออกมาใช้ทันที
  หลังจากผ่านการรับทัณฑ์อสุนีบาตทั้งสองชุดไปแล้วหลิงลี่ได้รับประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด เวลานี้เขาสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ได้แล้ว แม้จะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความเจ็บปวดบ้าง และช่วยจินเหยียวรับทัณฑ์สวรรค์บ้างก็ตาม
  ทางด้านหลิงเสี่ยวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยก่อนหน้านี้ทัณฑ์อสุนีบาตลูกที่สามยังสามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้
  จนกระทั่งผ่านไปราวยี่สิบนาทีคลื่นอสุนีบาตลูกที่สามก็ได้สิ้นสุดลง..
  ………..
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองทัณฑ์เมฆาบนท้องนภาซึ่งเวลานี้ได้หดเล็กลงเหลือเพียงแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น เขาจึงมั่นใจว่าคลื่นอสุนีบาตชุดสุดท้ายนี้ คงจะไม่ทำอันตรายทั้งสามคนจนถึงตายได้เป็นแน่
  และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
  นั่นเพราะหลังจากที่คลื่นอสุนีบาตลูกที่สามเริ่มเบาบางลงแล้วหลิงหยุนจึงพบว่าหลิงเสี่ยวมิได้ใช้ยันต์ใดๆช่วยป้องกันร่างกายเลยแม้แต่น้อย เขายังคงใช้เพียงแค่กายเนื้อ และวิชาบ่มเพาะพลังของตนรับมือกับทัณฑ์อสุนีบาตชุดสุดท้ายเท่านั้น
  ในขณะที่หลิงลี่ถูกทัณฑ์อสุนีบาตจนได้รับบาดเจ็บและใช้ยันต์เกราะกับยันต์บำบัดไปมากมายหลายแผ่นกว่าที่จะผ่านพ้นมาได้
  ส่วนจินเหยียวนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการรับทัณฑ์อสุนีบาตชุดที่สามนี้หากไม่ได้หลิงเสี่ยวกับหลิงลี่ช่วยนางต้านทานไว้ด้วยแล้ว เกรงว่าผลที่ตามมาคงยากที่จะคาดเดาได้
  แต่ใช่ว่าจินเหยียวจะอ่อนแอหรือไม่แข็งแกร่ง เพียงแต่ทัณฑ์สวรรค์ที่พวกเขาทั้งสามได้รับนั้น นับว่ารุนแรงและแข็งแกร่งยิ่งนัก!
  แต่นับว่าโชคดีเพราะในที่สุดทั้งสามคนก็สามารถผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ มิหนำซ้ำประโยชน์ที่พวกเขาได้รับนั้นก็แทบไม่ต้องพูดถึง แม้แต่เย่เทียนสุ่ยกับเย่เทียนตูยังรู้สึกอิจฉาไม่น้อย
  หลังจากที่ทัณฑ์เมฆาสลายตัวหลิงหยุนจึงรีบกระโดดเข้าไปหาคนทั้งสามทันที และจัดการสร้างค่ายกลวราหกขึ้น กันคนทั้งสามออกจากสายตาของผู้คน
  “ท่านปู่ท่านพ่อ พวกท่านเป็นเช่นใดบ้าง”
  “หยุนเอ๋อพวกเราไม่เป็นอะไรมาก เจ้าไปดูจินเหยียวก่อนเถิด”
  หลิงหยุนนำหลิวเทวะวิญญาณออกมาวางไว้เหนือก้อนหินและให้หลิงลี่กับหลิงเสี่ยวดูดซับเอาพลังชีวิตเขาไป เพื่อฟื้นฟูพลังปราณในร่าง ส่วนตัวเขาได้เข้าไปทำการรักษาจินเหยียว
  จินเหยียวพยักหน้าและยิ้มให้กับหลิงหยุน“หยุนเอ๋อ ทัณฑ์สวรรค์ครั้งนี้รุนแรงมากจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้าคิดถึงพี่ชิงเฉวียนที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่พรรคมารแล้วล่ะก็ ข้าคงไม่อาจทานทนได้เป็นแน่!”
  หลังจากผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงในที่สุดหลิงหยุนก็เก็บหลิวเทวะวิญญาณกลับคืนไป และจัดการถอนค่ายกลวราหก
  และเวลานี้ทั้งสามคนที่เพิ่งผ่านการรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็กำลังยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขาอย่างสง่าผ่าเผย
  “ท่านผู้นำตระกูลเย่นับจากนี้ไป ต่อให้ไม่มีหลิงหยุน ตระกูลเย่ก็ยากที่จะต่อกรกับตระกูลหลิงได้อีกแล้ว!”
  โจวเหวินอี้สำรวจคนทั้งสามด้วยจิตหยั่งรู้พร้อมกับร้องบอกเย่ชิงเฟิงทันที..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร