บทที่ 1543 : ประจักษ์ต่อโลก
เย่ชิงเฟิงได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบโต้โจวเหวินอี้ที่กำลังหยอกเย้าตนเองอยู่เพราะไม่สามารถที่จะหาเหตุผลใดๆมาตอบโต้ได้จริงๆ
เวลานี้ความรู้สึกที่เคยอยู่เหนือตระกูลหลิง ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น!
เดิมทีนั้นตระกูลหลิงแข็งแกร่งขึ้น เป็นเพราะความแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดของหลิงหยุน และเพียงแค่เขาคนเดียว ก็สามารถบดขยี้ตระกูลอื่นทั้งตระกูล หรือสำนักต่างๆได้ไม่ยาก ทำให้เหล่าชาวยุทธซึ่งแม้จะรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของหลิงหยุนบ้าง ก็ทำได้เพียงแค่อดทนอดกลั้นไว้เท่านั้น
แต่ตราบใดที่หลิงหยุนจากไปและไม่ได้อยู่ที่บ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้วล่ะก็ ย่อมต้องเป็นโอกาสของพวกเขา..
หากเปรียบหลิงหยุนเป็นราชาของตระกูลหลิงความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเมื่อสี่เดือนก่อนหน้ายังเปรียบได้เพียงแค่ทองแดงสองเดือนถัดมาเริ่มเสมือนเงิน อีกหนึ่งเดือนต่อมาเปรียบเสมือนทองคำ
แต่เมื่อช่วงงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันนั้นตระกูลหลิงเปรียบเสมือนโลหะระดับแพลตตินั่มเลยทีเดียว..
แต่ในคืนนี้ทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และจินเหยียวต่างก็เข้ารับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ สองคนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ส่วนอีกคนอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเดียวกัน ทำให้ตระกูลหลิงมียอดฝีมือสูงส่งเพิ่มขึ้นอีกถึงสามคน
ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ต่อให้ไม่มีหลิงหยุน ยังสามารถรับมือและต่อกรกับตระกูลเย่ได้ และหากตระกูลหลิงกับตระกูลเย่ลงสนามต่อสู้กันจริงๆ ต่อให้ตระกูลหลิงไม่สามารถบดขยี้ตระกูลเย่ได้ แต่ก็ไม่พ่ายแพ้เป็นแน่!
นั่นเพราะตอนนี้หลิงเสี่ยวแข็งแกร่งอย่างมากจริงๆและแม้แต่เย่ชิงซินเอง ก็ยังยากที่หยั่งรู้ความแข็งแกร่งของเขาเวลานี้ได้! ทัณฑ์สวรรค์ที่ทั้งสามคนได้รับในคืนนี้นับเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย แต่หลิงเสี่ยวกลับสามารถยืนหยัดรับได้โดยไม่ใช้เครื่องป้องกันใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ
เย่ชิงเฟิงเองซึ่งเวลานี้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่แล้วเช่นกันแต่เป็นเพราะเขาจงใจสะกัดกั้นขั้นพลังไว้เพียงแค่นั้น แต่หากเขาตัดสินใจที่จะพัฒนาขั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทะลวงได้หกหรือเก้าขั้นในคราวเดียว แและคงจะไม่ห่างไกลจากหลงฮ่าวหลานมากนัก
ซึ่งเย่ชิงเฟิงเองก็ยังไม่สามารถทำได้เช่นเดียวหลิงเสี่ยวเวลานี้หากเขาใช้กายเนื้อที่ไร้เครื่องป้องกันรับทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ ในคลื่นทัณฑ์อสุนีบาตลูกที่สาม เขาคงไม่สามารถทานทนต่อไปได้เป็นแน่ และคงมีสภาพไม่ต่างจากจินเหยียว ที่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
เพียงแค่กายเนื้อยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้วของวิเศษและวรยุทธต่างๆที่หลิงหยุนถ่ายทอดให้แก่หลิงเสี่ยวเล่า จะทรงพลังมากเพียงใด
“ท่านพ่อด้วยความแข็งแกร่งของท่านเวลานี้ ท่านสามารถใช้กระบี่เหินที่ข้ามอบให้ รับมือกับหลงฮ่าวหลานได้ไม่ยากเป็นแน่ อีกทั้งยังสามารถใช้กระบี่เหินสังหารยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้แล้ว!”
นับว่าโจวเหวินอี้และเย่ชิงเฟิงประเมินหลิงเสี่ยวได้ไม่ผิดนักเพราะแม้แต่หลิงหยุนซึ่งหลังจากที่ได้พิจาราณาดูหลิงเสี่ยวอย่างละเอียด ยังกล่าวเช่นเดียวกัน..
หลิงเสี่ยวเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ
“นี่..เจ้าอย่ามัวแต่ชมข้า ไปดูท่านปู่ของเจ้าจะดีกว่า!”
หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จหลิงลี่ยังคงนั่งรักษาตัวอยู่ภายใต้ต้นหลิวเทวะวิญญาณ และดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับหลิงลี่พร้อมเอ่ยขึ้นว่า“ท่านปู่ เวลานี้ท่านสามารถสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้อย่างง่ายดาย และหากต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐาน ย่อมไม่พ่ายแพ้เป็นแน่..”
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “บอกมา.. เจ้าแอบสอนวรยุทธบ่มเพาะใดให้กับพ่อของเจ้าเป็นพิเศษหรือไม่ เหตุใดข้าจึงแข็งแกร่งไม่เท่าเขา..?!”
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยหยอกเย้าหลิงลี่ไปว่า “ท่านปู่ เป็นเพราะท่านพ่อหนุ่มแน่นกว่าท่านมากกระมัง ฮ่าๆๆ”
หลิงหยุนอธิบายได้เพียงแค่นั้นแต่ความจริงก็คือ หลิงเสี่ยวเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งมากผู้หนึ่ง ในตระกูลหลิงนั้น นอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว ก็มีหลิงเสี่ยวนี่ล่ะ!
แต่หลิงลี่เองย่อมรู้เหตุผลดีการที่หลิงหยุนตอบเช่นนั้น ก็เพื่อให้เขาได้มีทางเดิน และเพื่อให้หลิงเสี่ยวผู้เป็นพ่อไม่กระอักกระอ่วนใจ หลังจากการรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จไปด้วยดีความแข็งแกร่งของคนทั้งสามก็ได้ปรากฏชัดเจนมากขึ้น..
หลิงเสี่ยวพอใจกับความแข็งแกร่งในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ของตนและไม่รีบร้อนที่จะพัฒนาขั้นไปมากกว่านี้
ส่วนหลิงลี่นั้นดูเหมือนจะยังไม่พอใจและคงจะเร่งฝึกฝนให้ก้าวหน้าไปมากกว่าลูกชาย และหลานชายของตน..
ส่วนจินเหยียวนั้นมีข้อเสียเปรียบมากกว่าทั้งสองคนเพราะมิใช่สายเลือดตระกูลหลิง จึงไม่อาจดูดซับปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปได้ ขั้นพลังบ่มเพาะจึงต่ำว่าหลิงเสี่ยวกับหลิงลี่
“หยุนเอ๋อของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้ข้าในวันนี้ ข้าพอใจ และมีความสุขยิ่งนัก!”
หลิงเสี่ยวยืนหันหลังให้กับหลิงหยุนเขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยบอกหลิงหยุนโดยไม่หันหลังกลับไปมอง และเวลานี้ น้ำตาก็ได้รื้นเต็มดวงตาทั้งสองข้างของหลิงเสี่ยว “บทสนทนาระหว่างเจ้ากับท่านลุงสองเมื่อคืนนี้ข้าได้ยินทั้งหมดแล้ว..”
“ข้าจะไม่มีวันลืมวันเกิดในปีนี้แน่!หยุนเอ๋อ ขอบใจเจ้ามากจริงๆ!”
“ท่านพ่ออย่าได้กล่าวเช่นนั้น นี่เป็นสิ่งที่ลูกสมควรทำ..”
หลิงหยุนเอ่ยตอบและไม่ต้องการให้หลิงเสี่ยวพูดอะไรมากไปกว่านี้ จึงรีบเอ่ยต่อทันที “ท่านพ่อ ข้าอยู่ที่นี่นานแล้ว ขอตัวกลับไปดูท่านน้าหญิงเย่เสียหน่อย..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ได้เหาะกลับไปหาโจวเหวินอี้ และคนอื่นๆ
ทันทีที่หลิงหยุนจากไปหลิงเสี่ยวก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วจึงหันไปคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงลี่
“ท่านพ่อเพราะความผิดพลาดของลูกเมื่อสิบแปดปีก่อน เป็นเหตุให้คนตระกูลหลิงต้องถูกสังหารตายไปมากมายจนแทบจะล่มสลาย ลูกทำให้ท่านพ่อต้องลำบาก แบกรับภาระดูแลตระกูลหลิงของเรามานาน ลูกช่างอกตัญญูนัก..”
“แต่นับจากนี้ไปลูกจะกลับมาช่วยดูแลตระกูลหลิงของเราเอง ไม่ให้ท่านพ่อต้องลำบากอีก!”
หลิงลี่ปล่อยให้บุตรชายคนที่สามของตนกล่าวจนจบแล้วจึงเอ่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“ลูกสามเจ้าเป็นลูกชายที่ข้ารักและภูมิใจมากที่สุด!”
“เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด”
หลิงลี่เอื้อมมือไปพยุงร่างของหลิงเสี่ยวให้ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวต่อ “เจ้าเอ่ยออกมาเช่นนนี้ได้ นับว่าความเจ็บปวดที่หยุนเอ๋อต้องเผชิญมา ไม่เสียเปล่าจริงๆ”
“เรื่องในอดีตที่ผ่านมาหาใช่ความผิดของเจ้าคนเดียวไม่เป็นเพราะตระกูลหลิงของเราไม่สามารเอาชนะผู้อื่นได้ต่างหากเล่า!”
“แต่เจ้าดูวันนี้สิ..หยุนเอ๋อประกาศชื่อของชิงเฉวียนต่อหน้าชาวยุทธทุกคน และยังกล้าประกาศว่าตนเป็นผู้ครอบครองกระบี่วิเศษเล่มนั้น เช่นนี้แล้วผู้ใดยังจะกล้าโอหังกับตระกูลหลิงของเราอีก”
เหตุการณ์ในห้องจัดเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันนั้นนับเป็นเหตุการณ์ที่หลิงลี่ภูมิอกภูิมิใจยิ่งนัก และเขาจะไม่มีวันลืมเลือนเลย!
“ลูกสามเจ้าดูพี่สองของเจ้าสิ!”
“เขาต้องรับภาระดูแลกิจการมากมายของตระกูลหลิงเราแม้แต่พวกเราสามคนเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ในคืนนี้ เขายังยุ่งจนกระทั่งมาช้าไปหนึ่งก้าว.. หากเจ้ายังไม่สนใจใยดีกับเรื่องภายในตระกูลหลิงอีก ดูท่าวันข้างหน้าพี่สองของเจ้าคงจะต้องยุ่งไปยิ่งกว่านี้เป็นแน่!”
“เวลานี้เจ้านับว่าแข็งแกร่งที่สุดรองจากหลิงหยุนนับจากนี้ไปข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปเฝ้าดูการสร้างบ้านของหลิงหยุน แล้วก็เอาแต่หมกตัวอยู่กับศิษย์ของหลิงหยุนที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อีก เจ้าจะต้องกลับมาดูแลตระกูลหลิง และนำพาตระกูลหลิงของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเสี่ยวยิ้มอย่างมั่นใจ“ลูกเข้าใจท่านพ่อ!”
หลิงลี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“ดีมาก.. นับจากนี้ไปทั้งข้า พี่สองของเจ้า และตัวเจ้าเอง พวกเราทั้งสามคนจะช่วยกันดูแลกิจการทั้งภายใน และภายนอกตระกูลหลิง หยุนเอ๋อจะได้ไม่เป็นกังวล..”
หลังจากนั้นทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยว ต่างก็พากันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข..
แต่แล้วจู่ๆหลิงลี่ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “หึ.. หากเจ้าลูกอกตัญญูได้มาเห็นตระกูลหลิงในวันนี้ คงจะนึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปไม่น้อยทีเดียวสินะ!”
หลิงเสี่ยวรู้ได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า“ท่านพ่อ.. ท่านต้องการพบพี่ใหญ่หรือไม่ หากท่านพ่อต้องการ ลูกจะไปตามหา…”
“หุบปาก!!” เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเสี่ยวหลิงลี่ก็ถึงกับตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล “ตามหางั้นรึ เหตุใดจึงต้องไปตามหาเจ้าลูกอกตัญญูด้วย? หากมันไม่หูหนวกตาบอด ย่อมต้องล่วงรู้ข่าวคราวของตระกูลหลิงเวลานี้ดี หากมันสำนึกผิด ก็ต้องกลับมาสารภาพความผิดของมัน แต่หากมันยังไม่สำนึก ก็ปล่อยให้มันตายอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ!”
หลิงเสี่ยวถึงกับต้องหุบปากนิ่งเงียบและเมื่อหลิงลี่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็จึงได้สั่งหลิงเสี่ยวว่า
“ลูกสาม..ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน เรื่องของหลิงเจิ้น ห้ามเจ้ากับเจ้าสองทำอะไรโดยพลการ หลิงหยุนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเสี่ยวพยักหน้า“ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ!”
“เอาล่ะในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็กลับกันเถิด! พรุ่งนี้หยุนเอ๋อก็จะเดินทางออกจากปักกิ่งแล้ว จะได้มีเวลากลับไปเตรียมการ..”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็เหาะออกจากยอดเขา ตรงกลับไปที่บ้านบรรพชนตระกูลหลิงทันที โดยมีหลิงเสี่ยวกับจินเหยียวเหาะตามไป
……
หลิงหยุนเหาะกลับไปหาโจวเหวินอี้และคนอื่นๆ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณทุกคน ที่มาช่วยคุ้มกันให้กับสมาชิกตระกูลหลิงทั้งสามคนในคืนนี้ แม้ความจริงแล้วจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม แต่ในเมื่อทุกคนมีน้ำใจ หลิงหยุนจึงต้องขอบคุณ
“ยินดีด้วย!”
ทั้งห้าคนเอ่ยปากแสดงความยินดีกับหลิงหยุนด้วยความจริงใจ..
“น้าหญิงเย่..วันนี้ข้ายุ่งมากจึงไม่มีโอกาสสนทนากับท่าน แต่ข้ามีคำพูดหนึ่งที่จะบอกกับท่าน หากน้าหญิงมีเวลา ขอเชิญไปเป็นแขกที่บ้านตระกูลหลิงได้ทุกเวลา..” หลิงหยุนเป็นฝ่ายเอ่ยเชื้อเชิญเย่ชิงซินและนางก็เพียงแค่พยักหน้ายิ้ม
“ข้าไปด้วย!”
เย่เทียนสุ่ยร้องตะโกนสวนขึ้นมาทันทีแต่หลิงหยุนกลับทำเป็นไม่สนใจ ในขณะที่โจวเหวินอี้รีบเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หลิงหยุนข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาหารือกับเจ้า..”
หลิงหยุนหันกลับไปถามอย่างระมัดระวังตัวเพราะรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเฒ่าโจวเหวินอี้ดี
“เรื่องอะไรอีกเล่า”
“เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่รึ..เวลานี้หน่วยนภาของเราขาดแคลนคนดีมีฝีมือ ข้าอยากจะขอให้ท่านพ่อของเจ้า มาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยนภา..”
“ข้าคิดไว้แล้วเชียว!”
หลิงหยุนหันไปค้อนให้โจวเหวินอี้พร้อมกับเอ่ยต่อทันที “จะให้ท่านพ่อของข้าเข้าเป็นสมาชิกของหน่วยนภา ท่านอย่าได้ฝันไปเลย!!!”
และเวลานี้..คนใหญ่คนโตของประเทศนี้ ต่างก็จดจำกันได้อย่างแม่นยำว่า วันที่เก้าเดือนเก้าของปีนี้ คือวันที่ตระกูลหลิงแสดงความยิ่งใหญ่ของตนให้ประจักษ์ต่อโลก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร