บทที่ 1544 : สหายรัก
วันที่15 ตุลาคม เวลา 10.30 นาฬิกา
เครื่องบินส่วนตัวหรูหราได้ทะยานออกจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งมุ่งหน้าสู่ทางด้านทิศใต้
ภายในห้องโดยสารของเครื่องบินหรูหราสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากมายแต่เวลานี้กลับมีผู้โดยสารอยู่เพียงแค่แปดคนเท่านั้น
นอกเหนือจากหวังชงเซียวกับแวมไพร์ทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารของหลิงหยุนแล้วก็ยังมีสาวงามอีกสองคน หนึ่งในนั้นก็คือเหออวี้ฉงซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวลำนี้ และแขกที่นางชวนมาเป็นพิเศษอีกหนึ่งคนซึ่งก็คือเซิ่งหยิงหยิง
หลังจากที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้แล้วก็เริ่มบินต่อไปอย่างราบรื่น..
เหออวี้ฉงจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยและหันไปยิ้มกับกับเซิ่งหยิงหยิง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “นี่คนสวย ไม่ต้องการเครื่องดื่มอะไรหน่อยรึ”
“ไม่ล่ะ!”
น้ำเสียงห้วนๆของเซิ่งหยิงหยิงบ่งบอกว่านางกำลังขุ่นเคืองใจได้อย่างชัดเจน
“ดูเหมือนเจ้าจะยังคงโกรธข้าอยู่สินะอยากจะพบเจอกับหวานใจ ไม่จำเป็นต้องร้อนใจถึงเพียงนี้ก็ได้!” เหออวี้ฉงลุกขึ้นยืน พร้อมกับโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเซิ่งหยิงหยิง
เซิ่งหยิงหยิงรีบตอบโต้กลับทันที“หวานใจที่ไหนกัน ผู้ใดอยากจะพบเจอคนเช่นนั้น? ข้าก็แค่อยากจะไปเล่นไพ่ที่บ่อนก็เท่านั้นเอง!”
“ก็ได้ๆๆเล่นไพ่ก็เล่นไพ่.. แต่พวกเราต้องอยู่บนเครื่องถึงสามชั่วโมง เจ้าจะเอาแต่นั่งหน้าบูดแบบนี้ไปตลอดหรือยังไง”
“ไวน์แดง!”
เซิ่งหยิงหยิงปรายตามองเหออวี้ฉงพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยออกเช่นกัน “ข้าจะไปนั่งดื่มที่บาร์เอง!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซิ่งหยิงหยิงนั่งเครื่องบินส่วนตัวของเหออวี้ฉงนางเคยนั่งไปทั้งลาสเวกัส และอีกหลายประเทศในยุโรป จึงค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เหออวี้ฉงรู้เหตุผลที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณืไม่ได้นางจึงไม่ต้องการรบเร้า และปล่อยให้อารมณ์โกรธของเซิ่งหยิงหยิงค่อยๆจางคลายลงเอง หลังจากที่เซิ่งหยิงหยิงลุกขึ้นเดินออกไป นางจึงเป็นฝ่ายเดินตามไป
“อาวุโสหวังสุภาพบุรุษทั้งห้า มิทราบว่าพวกท่านต้องการเครื่องดื่มอะไรบ้างหรือไม่”
แม้ว่าถังเมิ่งจะไม่ได้นั่งเครื่องมาด้วยเหออวี้ฉงก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อหวังชงเซียว และแวมไพร์ทั้งห้า เพราะพวกเขาคือคนที่ทำหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับนาง ในระหว่างที่เดินทางกลับบ้านครั้งนี้
“ข้าขอน้ำเปล่าก็พอ..”หวังชงเซียวตอบกลับ
“แม่นางเหอข้าขอไวน์สักแก้ว..” เอ็ดเวิร์ดเองก็ตอบกลับด้วยความสุภาพและแสดงออกตามธรรมเนียมของแวมไพร์ชั้นสูง ส่วนพอล จอยซ์ เพียร์ซ ก็ขอไวน์เช่นกัน มีเพียงเจสเตอร์เท่านั้นที่ขอเบียร์!
“รอประเดี๋ยวข้าจะไปนำมาให้!”
เหออวี้ฉงยิ้มให้และไม่นานนักนางก็กลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มที่ทุกคนต้องการ นางยื่นน้ำดื่มอุ่นๆแก้วหนึ่งให้กับหวังชงเซียว พร้อมกับยื่นขวดเบียร์ให้กับเจสเตอร์ ก่อนจะหันไปบอกกับแวมไพร์ที่เหลือว่า
“พวกท่านรอข้าอีกประเดี๋ยวเดี๋ยวข้าจะกลับไปนำไวน์มาเสริฟให้..”
เอ็ดเวิร์ดเห็นเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นและเอ่ยตอบเหออวี้ฉงกลับไปทันที “แม่นางเหอ ไม่จำเป็นต้องบริการพวกเราก็ได้ เดี๋ยวพวกเราเดินไปหยิบเองจะดีกว่า..”
พอลเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยออกไปว่า“แม่นางเหอ สหายของท่านดูเหมือนจะยังโกรธอยู่ ท่านไปดูแลนางจะดีกว่า ส่วนเรื่องไวน์นั้น พวกเราจัดการกันเองได้” “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ..ตู้ไวน์อยู่ตรงนั้น เชิญพวกท่านจัดการได้ตามสบาย”
เหออวี้ฉงเอ่ยบอกแล้วจึงเดินตามไปหาเซิ่งหยิงหยิงที่บาร์..
ดูเหมือนเซิ่งหยิงหยิงตั้งใจจะเมาอย่างเต็มที่และเมื่อเห็นเหออวี้ฉงเดินมา นางก็จัดการรินไวน์ให้ทันที
เหออวี้ฉงยกแก้วไวน์ขึ้นหมุนพร้อมหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเอ่ยบอกเซิ่งหยิงหยิงว่า “ไวน์ Roman Nikon ขวดตั้งหลายแสน เจ้าคิดจะดื่มให้หมดในคราวเดียวเลยงั้นรึ!”
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับไปอย่างไม่แยแสนัก“ไว้ข้าจะซื้อมาคืนให้เจ้าสองขวด..”
เหออวี้ฉงเพียงแค่ยิ้มจากนั้นก็กระดกไวน์สีแดงในแก้วเข้าปากไป และได้แต่คิดว่า เซิ่งหยิงหยิงโมโหเรื่ออะไรมากันแน่ จึงได้ดื่มไวน์หนักเช่นนี้
“หยิงหยิงนี่เจ้าโมโหอะไรกัน ถึงได้ดื่มเข้าไปมากมายเช่นนี้” เซิ่งหยิงหยิงได้ทีจึงฟาดงวงฟาดงาเข้าใส่เหออวี้ฉงทันที “เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้ว ยังจะแสร้งทำเป็นถามข้าอีกรึ”
“เจ้าบอกกับข้าเองว่าหลิงหยุนจะไปตระกูลเหอกับเจ้าแล้วเหตุใดเขาจึงไม่ขึ้นเครื่องมาด้วยเล่า”
เหออวี้ฉงจ้องมองเซิ่งหยิงหยิงด้วยความตกตะลึงหลังจากที่รู้สาเหตุ แต่ก็ตอบกลับไปว่า “ข้าบอกเจ้าว่าหลิงหยุนจะไปตระกูลเหอ แต่ไม่ได้บอกว่าเขาจะบินไปพร้อมกับพวกเรา!”
“หลิงหยุนจะตามไปสมทบกับข้าต่างหาก..”
เซิ่งหยิงหยิงได้แต่ร้องถามออกไปด้วยความประหลาดใจ“นี่เขาเพี้ยนไปแล้วหรือยังไง! มีเครื่องบินส่วนตัวหรูหรานั่งไปกลับไม่ชอบ!”
“หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว!!”
เหออวี้ฉงตกใจและรีบเอามือปิดปากเซิ่งหยิงหยิงไว้ทันที พร้อมกับปรายตามองไปทางสุภาพบุรุษทั้งหกที่ยังอยู่ในห้องโดยสาร และเมื่อพบว่าทุกคนยังอยู่ในอาการปกติ นางจึงรีบกระซิบบอกเซิ่งหยิงหยิงว่า
“คุณชายหลิงยุ่งมากต่างหาก..”
หลังจากนั้นก็กระซิบเตือนเซิ่งหยิงหยิงด้วยสีหน้าแววตา และน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “หยิงหยิง ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับคุณชายหลิงมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหน้านี้ แต่ต่อหน้าข้า เจ้าอย่าได้พูดจาหรือแสดงท่าทีไม่เคารพคุณชายหลิงอีก ไม่เช่นนั้น ก็อย่าได้ตำหนิที่ข้าไม่เห็นเจ้าเป็นสหายอีก..”
“…”
เซิ่งหยิงหยิงถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นท่าทางและสีหน้าจริงจังของเหออวี้ฉง จากนั้นจึงกระซิบถามนางเสียงเบา
“นี่เจ้าหวาดกลัวอะไรเขานักหนา…”
เหออวี้ฉงเอ่ยขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน“นี่เจ้ายังจะกล้าพูดอีกงั้นรึ!” “ตกลงๆๆ”
เซิ่งหยิงหยิงรีบร้องตะโกนห้ามทันทีเมื่อเห็นเหออวี้ฉงทำท่าจะเดินหันหลังจากไปเช่นนั้น
เหออวี้ฉงหันหลังกลับมาพร้อมกับนั่งลงจากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็ถามขึ้นว่า “อวี้ฉง เจ้าว่าหลิงหยุนไปฮ่องกงกับมาเก๊าคราวนี้ ผู้หญิงรอบตัวเขาจะไม่ไปด้วยจริงๆงั้นรึ”
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น..”
เหออวี้ฉงกระซิบต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก“ข้าเองก็ไม่มั่นใจนัก แต่เมื่อครั้งที่พวกเราเดินทางมาด้วยกันนั้น ข้าเห็นคุณชายหลิงพาหญิงสาวผู้หนึ่งมาด้วย แต่ในงานวันเกิดของท่านลุงหลิง ข้ากลับไม่พบเห็นนาง ครั้งนี้นางอาจมิได้ตามมาก็เป็นได้..”
หญิงสาวที่เหออวี้ฉงเอ่ยถึงก็คือเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั่นเอง!
เซิ่งหยิงหยิงรีบเอ่ยถามขึ้นทันที“นี่อวี้ฉง.. เจ้าว่าระหว่างข้ากับแม่นางคนนั้น ผู้ใดงดงามกว่ากัน”
แต่เหออวี้ฉงกลับเอาแต่นิ่งไม่ตอบและดื่มไวน์ในแก้วแทน จนเซิ่งหยิงหยิงต้องเอ่ยถามขึ้นมาอีกครา น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความร้อนอกร้อนใจ
“นี่..เหตุใดจึงไม่พูดเล่า”
เหออวี้ฉงหมดหนทางจึงได้แต่ตอบกลับไปว่า“หากข้าบอกเจ้า เกรงว่าเจ้าจะรับไม่ได้น่ะสิ!”
เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับทันที“อวี้ฉง เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ข้าพบเจอเรื่องสะเทือนใจในวงไพ่มาบ่อยๆ เรื่องแค่นี้ข้ายอมรับได้ไม่ยาก..”
เหออวี้ฉงทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็เอ่ยตอบไปว่า “สำหรับข้า.. ข้าให้คะแนนเจ้าอย่างน้อยเก้าคะแนน”
เซิ่งหยิงหยิงยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น! แล้วหญิงสาวผู้นั้นเล่า” “ข้าให้คะแนนความสาวยนางอย่างน้อยยี่สิบคะแนน”
“…”เซิ่งหยิงหยิงถึงกับนิ่งอึ้งไป เพราะเท่ากับตัวนางพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
“ไม่เพียงแค่นั้นนะ..เมื่อวานข้ายังได้เจอหญิงสาวอีกคน ถังเมิ่งเรียกนางว่า.. เอ่อ.. ฉีเสี่ยวชิง! นางเป็นคนจิงฉู แต่สอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิงได้! คนนี้ข้าให้สิบสองคะแนน”
“หยุดๆๆๆๆถ้าข้าไม่ถาม ห้ามเจ้าเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้อีก!” เซิ่งหยิงหยิงถึงกับทนฟังไม่ได้ และรีบร้องห้ามเหออวี้ฉงทันที
เวลานี้เซิ่งหยิงหยิงรู้สึกราวกับถูกคนเตะลูกบอลอัดใส่หน้าอย่างสุดกำลัง!
“นี่หยิงหยิงในสายตาของข้า เจ้าสู้พวกนางไม่ได้แน่..” เหออวี้ฉงย้ำให้
เซิ่งหยิงหยิงทำตาโตพร้อมกับเอ่ยถามกลับไปว่า“นี่ข้าไม่มีอะไรสู้พวกนางได้เลยงั้นรึ!” “อย่างเช่น..บุคลิก ฐานะ หรืออะไรก็ได้ ไม่มีเลยงั้นรึ”
เหออวี้ฉงไม่ตอบแต่เพียงแค่ส่ายหน้าไปมา..
แต่ครั้งนี้เซิ่งหยิงหยิงไม่พูด นางลุกขึ้นยืนเอามือเท้าเอว พร้อมกับก้มลงมองหน้าอกใหญ่โตของตนเอง
“ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่าในฐานะที่ข้ากับเจ้าสนิทกันดั่งพี่น้อง ข้าเปิดโอกาสให้เจ้าแล้ว ส่วนเจ้าจะคว้ามันได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง..”
การที่เหออวี้ฉงพาเซิ่งหยิงหยิงมาด้วยนั้นเป็นเรื่องที่หลิงหยุนและถังเมิ่งเองก็ไม่รู้มาก่อนเช่นกัน เพราะไม่ได้อยู่ในแผนที่ได้ตระเตรียมกันไว้ แต่นางจำเป็นต้องทำตามคำขอร้องของสหายรัก
“แล้วหลิงหยุนจะพักอยู่ที่มาเก๊านานเท่าใด”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน..” “อะไรกันถังเมิ่งไม่ได้บอกกับเจ้างั้นรึ!”
“นี่..ข้าเป็นฝ่ายขอความช่วยเหลือจากคุณชายหลินนะ จะให้ข้าสอบถามพวกเขาอย่างละเอียดเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า”
“แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไรบ้าง”
“ข้าจะพยายามจัดให้เจ้าพักอยู่โรงแรมเดียวกันกับเขาหรือไม่ก็ที่บ้านของข้าหากเป็นไปได้!”
“เจ้าช่างเป็นสหายที่ดีมากจริงๆไม่เสียทีที่พวกเรารักใคร่กันดั่งพี่น้อง!”
จากนั้นเสียงชนแก้วของสองสาวก็ดังขึ้น..
สองสาวนั่งสนทนากันอย่างเปิดเผยโดยไม่รู้เลยว่าสุภาพบุรุษทั้งหกที่อยู่ในห้องโดยสาร ต่างก็ได้ยินคำพูดของพวกนางทุกคำ
เจสเตอร์ดื่มเบียร์เข้าไปสามขวดและเริ่มไม่สนใจที่จะรักษาท่าทางสุภาพบุรุษของตนเองอีก มันกระซิบเสียงเบาว่า
“เกิดเป็นเจ้านายนี่ชีวิตช่างมีความสุขจริงๆ..”
“เจ้านายของพวกเราก็เป็นเช่นนี้เสมอ..”พอลยักไหล่ขณะตอบ
“…”ในขณะที่หวังชงเซียวได้แต่นั่งนิ่งอึ้ง ด้วยความตกตะลึงกับบทสนทนาของหญิงสาวทั้งสอง..
จอยซ์และเพียร์ซชนแก้วกันแล้วหนึ่งในนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “ดูเหมือนเจ้านายไปถึงที่นั่น คงจะมีที่ให้พักเต็มไปหมด..”
หวังชงเซียวมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและรู้สึกว่าน้ำเปล่าตรงหน้าเริ่มไม่เพียงพอ จึงได้ยกมือขึ้นตบต้นขาตนเอง พร้อมกับร้องตะโนถามว่า
“แม่นางเหอไม่ทราบว่าบนเครื่องบินพอจะมีเหล้าขาวให้ข้าสักขวดหรือไม่”
“รอประเดี๋ยวเดี๋ยวข้าจะนำไปให้!”
จากนั้นเหออวี้ฉงก็ได้นำแอลกอฮอล์สองขวดมาให้หวังชงเซียว พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ท่านหวัง บนเครื่องไม่มีเหล้าขาว มีแต่วอดก้าท่านดื่มแทนเหล้าขาวไปก่อนจะได้หรือไม่”
“ได้!ขอบใจเจ้ามาก!”
หวังชงเซียวโยนวอดก้าขวดหนึ่งให้เจสเตอร์พร้อมกับบอกไปว่า “หยุดดื่มเบียร์ได้แล้ว ดื่มนี่ดีกว่า!”
หวังชงเซียวจัดการเปิดขวดก่อนจะเงยหน้าขึ้น พร้อมกับยกขวดวอดก้ากระดกเข้าปาก เจสเตอร์เห็นเช่นนั้นก็ทำตามทันทีเช่นกัน
ครั้งนี้ถังเมิ่งไม่สามารถเดินทางมาด้วยได้อย่างที่ใจต้องการ และเวลานี้เขาก็กำลังวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในโรงแรมปังกูเซเว่นสตาร์ และกำลังช่วยงานหลิงเย่วจนหัวหมุนอยู่!
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร