บทที่ 1545 : ขี่มังกรไปหนานหยาง
ในเวลานั้นหลิงหยุน และจินเหยียวก็ได้เหาะกลับไปยังเมืองจิงฉู..
หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์เสร็จสิ้นแล้วจินเหยียวรู้สึกว่าการจะอยู่ในบ้านบรรพชนตระกูลหลิงต่อนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สะดวกนัก นางจึงได้กลับไปยังบ้านเลขที่-1 ในเมืองจิงฉูทันที โดยมีหลิงหยุนตามไปด้วย
แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของการกลับไปจิงฉูในครั้งนี้ก็เพื่อกลับไปคุ้มกันความปลอดภัยให้กับหลงคุน!
หลงคุนต้องการที่จะกลับจิงฉูโดยเร็วที่สุดและไม่ต้องการที่จะอยู่ปักกิ่งนานกว่านี้..
นอกจากนี้ยังมีตู้กู่โม่กับตงฟางถิงเดินทางมาพร้อมกันด้วยส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นก็ได้กลับไปชิงหลิง และหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนวิชาของตนเองต่อ
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงได้พาหลงคุนเหาะกลับไปจิงฉูพร้อมตู้กู่โม่ และตงฟางถิง โดยมีจินเหยียวเหาะตามมา
หลังจาถึงจุดหมายปลายทางแล้วทั้งห้าคนต่างก็ได้ร่ำลากันในทันที และจินเหยียวก็กลับไปยังบ้านเลขที่-1เพียงลำพัง
หลังจากที่ร่อนลงสู่พื้นดินได้ตู้กู่โม่และตงฟางถิงก็ถึงกับหน้าซีดเผือด เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็หวาดกลัวความสูง หลังจากร่ำลากันแล้ว ทั้งสองคนก็ได้เข้าไปเที่ยวในเมืองต่อ
เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่หลิงหยุนกับหลงคุนเพียงสองคนเท่านั้น..
“กลับไปคุยกันต่อที่บ้านดีกว่า..”
หลิงหยุนและหลงคุนจึงได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบ้านชานเมืองของหลงคุนต่อทันที..
“น่าแปลก..เหตุใดบ้านของข้าจึงได้สะอาดสะอ้านถึงเพียงนี้”
ทั้งหลิงหยุนและหลงคุนต่างก็กระโดดข้ามกำแพงเข้าไปและเมื่อหันมองไปรอบบริเวณ หลงคุนก็ได้แต่ร้องอุทานอออกมาด้วยความประหลาดใจ
หลิงหยุนอธิบายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“หลังจากที่ท่านกับหลงหวู่ถูกลักพาตัวไป ข้าก็ได้มาสำรวจที่นี่ และได้เปลี่ยนกุญแจใหม่ทั้งหมด และได้สั่งถังเมิ่งให้จัดหาคนมาคอยทำความสะอาดที่นี่อยู่เนืองๆ”
หลงคุนพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่เข้าไปในบ้าน เขาเดินตรงเข้าไปนั่งที่เก้าไม้ไผ่ในสวนแทน หลังจากเอนกายพิงพนักอย่างสบายแล้ว จึงได้พึมพำออกมาว่า
“ที่ไหนก็ไม่เหมือนกับบ้านของตัวเอง..”
หากจะพูดกันตามตรงไม่เพียงตู้กู่โม่กับตงฟางถิงเท่านั้นที่หวาดกลัวยิ่ง แม้แต่หลงคุนเองก็หวาดกลัวไม่น้อยเช่นกัน นั่นเพราะหลิงหยุนไม่เพียงเหาะขึ้นไปบนท้องนภาด้วยความสูงอย่างมาก แต่เขายังเหาะมาด้วยความเร็วที่สูงยิ่งอีกด้วย
แม้ว่าหลิงหยุนจะใช้โล่ลมปราณปกป้องไว้แล้วก็ตามแต่โล่ลมปราณก็เพียงแค่ช่วยป้องกันแรงลมที่โหมปะทะร่างได้เท่านั้น ไม่สามารถบดบังสายตาของพวกเขาไม่ให้เห็นภายนอกได้ ทั้งสามคนจึงรู้สึกหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก
หลงคุนนั่งหลับตาสงบสตินิ่งอยู่ครู่ใหญ่หลังจากนั้นจึงค่อยยกมือชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้าม เป็นการเชื้อเชิญให้หลิงหยุนนั่งลง
“ข้าเกลียดปักกิ่งยิ่งนัก..”
หลังจากหลิงหยุนนั่งลงแล้วหลงคุนจึงได้เอ่ยปากเปรยขึ้นเบาๆ
“ข้าพอเข้าใจความรู้สึกของท่านได้ท่านลุงหลง!”หลิงหยุนเอ่ยตอบหลังจากเรียกชุดน้ำชาออกมา
“หลิงหยุนเรื่องบางเรื่องไม่อาจพูดที่ปักกิ่งได้ ข้าเกรงว่าจะเข้าตำรากำแพงมีหูประตูมีช่อง..”
และคำพูดเพียงแค่สั้นๆของหลงคุนก็สามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่า เหตุใดเขาจึงต้องการที่จะกลับจิงฉูโดยเร็ว หลิงหยุนรินชาให้กับหลงคุนพร้อมกับเอ่ยยิ้มๆ “ท่านลุง เชิญดื่มชาเสียก่อน”
หลงคุนลืมตาขึ้นพร้อมกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“นี่ช้าแล้ว.. ข้าพิถีพิถันชงให้กับท่าน ฮ่าๆๆๆ”
“อืมม..นี่เป็นชาชั้นเลิศทีเดียว!”
“ก่อนไปข้าจะทิ้งชานี้ไว้ให้กับท่านลุงไว้ดื่มด้วย..”
หลงคุนไม่ตอบเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงได้เอ่ยขึ้นว่า..
“หลิงหยุนข้าได้เห็นเจ้ากับตระกูลหลิงแข็งแกร่งเช่นนี้ ในใจรู้สึกยินดียิ่งนัก!”
หลิงหยุนรู้ว่าหลงคุนกำลังจะเข้าสู่เรื่องสำคัญเขาจึงได้แต่นิ่งฟังโดยมิได้เอ่ยขัดขึ้นใดๆ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วงหลงหวู่นักนางถูกหลงฮ่าวหลานส่งตัวไปให้ตระกูลเฟิ่งแล้ว เวลานี้ตระกูลเฟิ่งเห็นนางเป็นดั่งเทพธิดา อีกทั้งยังให้นางฝึกฝนวิชาบ่มเพาะของตระกูลเฟิ่งอีกด้วย..”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกในที่สุดเขาก็ได้ข่าวคราวของหลงหวู่เสียที เพียงแต่รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย ที่ไม่สามารถพานางกลับมาด้วยได้
“ท่านลุงหลงข้ารู้ว่าตระกูลหลงมีสัมพันธ์แน่นหนากับตระกูลเฟิ่ง แต่มิรู้ว่าตระกูลเฟิ่งอยู่ที่ใดกันแน่”
หลงคุนเอ่ยตอบยิ้มๆ“หลิงหยุน เจ้าอย่าได้กังวลใจในเรื่องหลงหวู่ไปเลย วิชาบ่มเพาะตระกูลเฟิ่งนั้น มิได้ด้อยไปกว่าวิชาประจำตระกูลหลงเลย เพียงแต่สมาชิกตระกูลเฟิ่งจะมีเฉพาะผู้หญิงเท่านั้น และยากนักที่จะปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็น”
หลงคุนยกมือขึ้นชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับเอ่ยต่อ “ตระกูลเฟิ่งอยู่ในมณฑลส่านซีใกล้กับเทือกเขาชิงหลิง แต่ที่อยู่แน่นอนนั้น แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน..” “…..”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปส่านซีอยู่ห่างจากเซียนหยางไปเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร และเขาเองก็ได้ผ่านเส้นทางนั้นมาแล้วด้วย แต่ไม่เป็นไร.. เวลานี้หลิงหยุนสามารถเหาะไปที่ใดในประเทศนี้ก็ได้ และระยะทางก็หาใช่ปัญหาของเขาไม่..
“เจ้าอย่าได้ต้องร้อนใจไปตามหานางเลยข้ารู้จักนิสัยของหลงหวู่ดี หากนางยังฝึกฝนวิชาไม่สำเร็จแล้วล่ะก็ นางจะไม่มีทางกลับมากับเจ้าเป็นแน่!”
หลงคุนรู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดกระทำการสิ่งใดอยู่จึงได้แต่เอ่ยบอกยิ้มๆ หลิงหยุนจึงได้แต่พยักหน้า และจำต้องล้มเลิกสิ่งที่กำลังคิดจะทำ ในเมื่อตระกูลเฟิ่งเห็นหลงหวู่เป็นดั่งเทพธิดาเช่นนี้ นางก็คงจะไม่ได้รับอันตรายอะไรใดๆ
“เอาล่ะข้าคงไม่มีสิ่งใดต้องปิดบังเจ้าอีกต่อไปแล้ว ความจริงข้าคือคนของตระกูลหลง ชื่อจริงของข้าคือหลงฮ่าวคุน..” หลิงหยุนรีบเอ่ยถามกลับไปทันที“ท่านลุงหลง เช่นนั้นแล้ว ท่านกับหลงฮ่าวเฉียนและหลงฮ่าวหลานก็เป็นพี่น้องกันงั้นรึ”
หลงคุนส่ายหน้ายิ้มๆ“แม้พวกเราต่างก็เป็นคนตระกูลหลง แต่พวกเขาต่างก็ไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันมาของข้า ท่านปู่ของข้ากับท่านปู่ของหลงฮ่าวหลานเป็นพี่น้องกัน และท่านปู่กับท่านพ่อของข้า ก็ล้วนแล้วแต่เดินทางไปเผิงไล๋ฝั่งทะเลจีนตะวันออก ตั้งแต่เมื่อครั้งสี่สิบปีก่อนแล้ว..”
“…..”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึงเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความลับเมื่อสี่สิบปีก่อน!
“ท่านลุงหลงแต่เหตุใดขั้นพลังของท่านจึง…”
หลงคุนตอบกลับยิ้มๆ“เจ้าคงสงสัยว่าเหตุใดข้าอยู่ในตระกูลหลง แต่ขั้นพลังบ่มเพาะกลับต่ำต้อยยิ่งนักสินะ เจ้าสามารถเอ่ยกับข้าตรงๆได้ ข้าไม่ถือสาอะไร..” “หลงฮ่าวหลานอายุน้อยกว่าข้าแต่เขาเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศที่สุดในตระกูลหลง ด้วยความเป็นอัจฉริยะของหลงฮ่าวหลาน ประกอบกับท่านปู่และท่านพ่อของข้าได้เดินทางไปเผิงไล๋ ข้าจึงไม่เคยได้รับทรัพยากรในการฝึกฝนใดๆจากตระกูลหลงเลย..”
หลังจากบอกเล่ามาถึงตรงหนี้หลงคุนก็ยืดกายตรงพร้อมกับกระซิบเสียงเบา “หลิงหยุน เจ้านำป้ายมังกรหยกเขียวที่ข้าเคยมอบให้ติดตัวมาด้วยหรือไม่”
หลิงหยุนพยักหน้าและเมื่อนำป้ายมังกรหยกเขียวออกมาจากแหวนจักรวาล ปราณมังกรก็เริ่มกระจายออกมาทันที
“หลิงหยุนของสิ่งนี้สำคัญยิ่งนัก เจ้าต้องเก็บรักษามันไว้ให้ดี และอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปโดยเด็ดขาด ของสิ่งนี้จะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมากในวันข้างหน้า เพียงแต่ข้ายังไม่สามารถบอกกับเจ้าได้ในเวลานี้ จำต้องรอคอยจนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งกว่านี้เสียก่อน..” หลิงหยุนเอ่ยตอบยิ้มๆ“ท่านลุงอย่าได้กังวลใจไป ข้าจะเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี!”
น่าขัน..หลิงหยุนได้ดูคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในห้องนอนของหลงคุนแล้ว เขาจึงสามารถคาดเดาได้ว่า ป้ายหยกมังกรเขียวนี้ น่าจะต้องเป็นกุญแจสำหรับเปิดพระราชวังใต้ดินเป็นแน่..
“ดีมาก!”
หลงคุนโบกไม้โบกมือทำท่าให้หลิงหยุนรีบเก็บป้ายหยกนั้นกลับไป..
“หลิงหยุนข้าได้ยินจากเสี่ยวอู๋มาว่า เจ้าได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) แล้วงั้นรึ”
“ที่สำคัญเจ้ายังสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้อีกด้วย..”
หลงคุนพยักหน้ายิ้มๆและเอ่ยต่อโดยไม่รอคำตอบ “ความจริงข้าไม่ต้องถามเจ้าก็ได้ หากเจ้าไม่แข็งแกร่งจริง คงจะไม่กล้าฉีกหน้าหลงฮ่าวหลานในงานเมื่อบ่ายนี้เป็นแน่” “นี่เจ้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปได้อีกเมื่อใด”
“น่าจะอีกราวครึ่งเดือนได้..”
“หากเจ้าทะลวงขั้นสำเร็จเมื่อใดให้มาพบข้าได้ทันที แล้วข้าจะบอกเล่าความลับทั้งหมดของป้ายหยกมังกรเขียวนี้ให้เจ้าฟัง และเมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะเข้าใจทุกอย่างได้กระจ่างชัดเจน..”
“ท่านลุงหลงเช่นนั้นแล้วเรื่องความปลอดภัยของท่านกับหลงหวู่เล่า”
หลงคุนยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนจะตอบกลับไปว่า“หลิงหยุน เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลใจไป หลงหวู่อยู่กับตระกูลเฟิ่งย่อมต้องปลอดภัยแน่! ส่วนข้า.. หลงฮ่าวหลานคงไม่กล้าส่งคนมาจับตัวข้าอีกเป็นแน่! เขาจะไม่กล้าแตะต้องข้าอีก เว้นแต่เจ้าจะเป็นคนส่งข้าให้กับเขาเอง เพราะความแข็งแกร่งของเจ้าเวลานี้ ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้กับตระกูลหลงเป็นอย่างมาก!”
“ท่านลุงกล่าวได้มีเหตุผลยิ่งนัก!” หลิงหยุนใคร่ครวญตามจึงค่อยรู้สึกโล่งใจและเอ่ยถามต่อในทันที “ท่านลุงหลง จากนี้ไปท่านคิดจะทำเช่นใด”
หลงคุนเอ่ยตอบยิ้มๆ“ข้าก็คงจะใช้ชีวิตเช่นเดิมเหมือนก่อนหน้า เวลานี้ข้าไม่สามารถช่วยงานอะไรเจ้าได้ ข้าคงต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันไปกับการดื่มชา ปีนเขา แล้วก็พักผ่อน..”
หลิงหยุนได้ฟังเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามขึ้นทันที“ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่านลุงดี เพียงแต่เห็นว่านั่นไม่ใช่หนทางที่ข้าคิดไว้ ท่านลุง ท่านมิต้องการฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะรึ”
“หลิงหยุนข้าเข้าใจในความหวังดีของเจ้า แต่เวลานี้ข้ายังไม่ต้องการฝึกอะไรทั้งสิ้น เมื่อถึงเวลา ข้าจะบินออกจากกรงนี้เอง..”
หลงคุนเอ่ยตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบบ่งบอกว่าเขาไม่รีบร้อนกับการฝึกวรยุทธบ่มเพาะนัก..
“นี่..ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้มังกรมาสองตัวงั้นรึ” “ใช่แล้ว!เวลานี้พวกมันอาศัยอยู่ในแม่น้ำใต้ก้นหลุมยักษ์ของเมืองจิงฉูนี่เอง!”
“หากเจ้ามีเวลาอย่าลืมพาข้าไปดูด้วยล่ะ!”
“ได้สิท่านลุง!”
จากนั้นจู่ๆหลงคุนก็วกไปเรื่องอื่นในทันที“หลิงหยุน จำไว้ให้ดี นับจากนี้ไปเจ้าจะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของดินแดนฝั่งทะเลจีนตะวันออกไว้ให้ดี..”
หลิงหยุนพึมพำด้วยความประหลาดใจ“ดินแดนฝั่งทะเลจีนตะวันออกงั้นรึ!”
“ถูกต้อง!สหายของเจ้าตงฟาง ก็มาจากดินแดนแถบนั้น ข้าเชื่อว่าเขามาพบเจ้าในครั้งนี้ คงจะต้องมีเรื่องอื่นด้วยเป็นแน่ แต่เป็นเพราะมีตู้กู่โม่อยู่ด้วย และไม่มีโอกาสอยู่กับเจ้าตามลำพัง จึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยออกมา..”
“หากเจ้ามีภารกิจยุ่งมาก..เจ้าควรปล่อยให้มังกรทั้งสองตัวไปที่ทะเลจีนตะวันออก ไม่แน่ว่าเจ้าอาจพบเจอบางสิ่งบางอย่าง..” หลิงหยุนรีบตอบกลับทันที“ขอบคุณท่านลุง..”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะเดินทางไปมาเก๊าพรุ่งนี้งั้นรึเหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้?” หลงคุนเอ่ยถาม
“เรื่องนี้ข้าผัดผ่อนมานานแล้วและข้าจะเดินทางไปในคืนนี้เลย..”
หลงคุนจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะออกมา“กลับมาจิงฉูทั้งที เจ้าไม่คิดที่จะกลับไปหาหญิงสาวคนสนิทของเจ้าบ้างรึ”
หลิงหยุนถึงกับเหงื่อตก“ท่านลุง ท่านเลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว ข้ากลับจิงฉูครั้งนี้หาใช่เพราะเรื่องแบบนั้น!”
“ฮ่าๆๆๆ”
หลงคุนหัวเราะร่วนพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า“ไหนๆก็มาแล้ว เจ้าก็อยู่เป็นเพื่อนดื่มกับข้าเสียหน่อย จะได้สนทนากันไปด้วย..”
……
จนกระทั่งบ่ายแก่ๆหลิงหยุนจึงได้ร่ำลาหลงคุน และออกเดินทางไปยังหลุมยักษ์ทันที หลิงหยุนใช้แก้วจ้าวสมุทรพาตนเองดำดิ่งลงไปที่ก้นหลุม เพื่อตามหามังกรทั้งสองตัว
“เจ้านาย..”
มังกรทั้งสองตัวอยู่ที่นั่นพอดีและเมื่อเห็นหลิงหยุนปรากฏตัว พวกมันก็รีบออกมาพบทันที มังกรตัวใหญ่สีแดงนั้นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
แต่เจ้าสีนิลนั้นกลับโตขึ้นมากหลังจากที่ได้กลืนโอสถมังกรทองเข้าไปเวลานี้ขาของมันเริ่มใหญ่ขึ้น และกลายเป็นมังกรที่สง่างามจนน่าทึ่ง!
หลิงหยุนเล่นกับมังกรทั้งสองตัวอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิลงกับพื้น และฝึกวิชาอยู่อีกหลายชั่วโมง จนกระทั่งสองทุ่มตรงจึงได้หยุด..
“พวกเจ้าทั้งสองมาหาข้าที่นี่..”
หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นหลังของมังกรสีแดงตัวใหญ่แล้วจึงขี่หลังมังกรแดง นำเจ้าสีนิลมุ่งหน้าสู่ยังทะเลจีนตะวันออกทันที
มังกรทั้งสองตัวตัวหนึ่งสีแดง ตัวหนึ่งสีดำ ต่างก็ดำผุดดำว่ายอยู่ในท้องทะเลที่กว้างใหญ่..
“สีนิลก่อนที่ข้าจะกลับมา เจ้าว่ายวนอยู่บริเวณนี้ และเฝ้าคอยสังเกตการณ์ดูว่า มีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นภายในทะเลจีนตะวันออกนี้บ้างหรือไม่”
“น้อมรับคำสั่งเจ้านาย..”
หลังจากรับคำสั่งแล้วเจ้าสีนิลก็ดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกอย่างมีความสุขยิ่งนัก
“มังกรแดง..เจ้าไปทะเลจีนใต้กับข้า!”
และในยามค่ำคืนที่มืดมิดหลิงหยุนก็ได้ขี่มังกรสีแดงมุ่งหน้าไปที่ทะเลจีนใต้ในทันที..
เวลานี้ความรู้สึกที่เคยอยู่เหนือตระกูลหลิง ได้อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น!
เดิมทีนั้นตระกูลหลิงแข็งแกร่งขึ้น เป็นเพราะความแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวดของหลิงหยุน และเพียงแค่เขาคนเดียว ก็สามารถบดขยี้ตระกูลอื่นทั้งตระกูล หรือสำนักต่างๆได้ไม่ยาก ทำให้เหล่าชาวยุทธซึ่งแม้จะรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของหลิงหยุนบ้าง ก็ทำได้เพียงแค่อดทนอดกลั้นไว้เท่านั้น
แต่ตราบใดที่หลิงหยุนจากไปและไม่ได้อยู่ที่บ้านบรรพชนตระกูลหลิงแล้วล่ะก็ ย่อมต้องเป็นโอกาสของพวกเขา..
หากเปรียบหลิงหยุนเป็นราชาของตระกูลหลิงความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเมื่อสี่เดือนก่อนหน้ายังเปรียบได้เพียงแค่ทองแดง สองเดือนถัดมาเริ่มเสมือนเงิน อีกหนึ่งเดือนต่อมาเปรียบเสมือนทองคำ
แต่เมื่อช่วงงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันนั้นตระกูลหลิงเปรียบเสมือนโลหะระดับแพลตตินั่มเลยทีเดียว..
แต่ในคืนนี้ทั้งหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และจินเหยียวต่างก็เข้ารับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ สองคนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-6) ส่วนอีกคนอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นเดียวกัน ทำให้ตระกูลหลิงมียอดฝีมือสูงส่งเพิ่มขึ้นอีกถึงสามคน
ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหลิงเวลานี้ต่อให้ไม่มีหลิงหยุน ยังสามารถรับมือและต่อกรกับตระกูลเย่ได้ และหากตระกูลหลิงกับตระกูลเย่ลงสนามต่อสู้กันจริงๆ ต่อให้ตระกูลหลิงไม่สามารถบดขยี้ตระกูลเย่ได้ แต่ก็ไม่พ่ายแพ้เป็นแน่!
นั่นเพราะตอนนี้หลิงเสี่ยวแข็งแกร่งอย่างมากจริงๆและแม้แต่เย่ชิงซินเอง ก็ยังยากที่หยั่งรู้ความแข็งแกร่งของเขาเวลานี้ได้!
ทัณฑ์สวรรค์ที่ทั้งสามคนได้รับในคืนนี้นับเป็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวไม่น้อย แต่หลิงเสี่ยวกลับสามารถยืนหยัดรับได้โดยไม่ใช้เครื่องป้องกันใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ
เย่ชิงเฟิงเองซึ่งเวลานี้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่แล้วเช่นกันแต่เป็นเพราะเขาจงใจสะกัดกั้นขั้นพลังไว้เพียงแค่นั้น แต่หากเขาตัดสินใจที่จะพัฒนาขั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทะลวงได้หกหรือเก้าขั้นในคราวเดียว แและคงจะไม่ห่างไกลจากหลงฮ่าวหลานมากนัก
ซึ่งเย่ชิงเฟิงเองก็ยังไม่สามารถทำได้เช่นเดียวหลิงเสี่ยวเวลานี้หากเขาใช้กายเนื้อที่ไร้เครื่องป้องกันรับทัณฑ์สวรรค์เช่นนี้ ในคลื่นทัณฑ์อสุนีบาตลูกที่สาม เขาคงไม่สามารถทานทนต่อไปได้เป็นแน่ และคงมีสภาพไม่ต่างจากจินเหยียว ที่สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว
เพียงแค่กายเนื้อยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้วของวิเศษและวรยุทธต่างๆที่หลิงหยุนถ่ายทอดให้แก่หลิงเสี่ยวเล่า จะทรงพลังมากเพียงใด
“ท่านพ่อด้วยความแข็งแกร่งของท่านเวลานี้ ท่านสามารถใช้กระบี่เหินที่ข้ามอบให้ รับมือกับหลงฮ่าวหลานได้ไม่ยากเป็นแน่ อีกทั้งยังสามารถใช้กระบี่เหินสังหารยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐานได้แล้ว!”
นับว่าโจวเหวินอี้และเย่ชิงเฟิงประเมินหลิงเสี่ยวได้ไม่ผิดนักเพราะแม้แต่หลิงหยุนซึ่งหลังจากที่ได้พิจาราณาดูหลิงเสี่ยวอย่างละเอียด ยังกล่าวเช่นเดียวกัน..
หลิงเสี่ยวเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ
“นี่..เจ้าอย่ามัวแต่ชมข้า ไปดูท่านปู่ของเจ้าจะดีกว่า!”
หลังจากรับทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จหลิงลี่ยังคงนั่งรักษาตัวอยู่ภายใต้ต้นหลิวเทวะวิญญาณ และดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับหลิงลี่พร้อมเอ่ยขึ้นว่า“ท่านปู่ เวลานี้ท่านสามารถสังหารยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้อย่างง่ายดาย และหากต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นก่อสร้างรากฐาน ย่อมไม่พ่ายแพ้เป็นแน่..”
“เจ้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
หลิงลี่จ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “บอกมา.. เจ้าแอบสอนวรยุทธบ่มเพาะใดให้กับพ่อของเจ้าเป็นพิเศษหรือไม่ เหตุใดข้าจึงแข็งแกร่งไม่เท่าเขา..?!”
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยหยอกเย้าหลิงลี่ไปว่า “ท่านปู่ เป็นเพราะท่านพ่อหนุ่มแน่นกว่าท่านมากกระมัง ฮ่าๆๆ”
หลิงหยุนอธิบายได้เพียงแค่นั้นแต่ความจริงก็คือ หลิงเสี่ยวเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงส่งมากผู้หนึ่ง ในตระกูลหลิงนั้น นอกเหนือจากหลิงหยุนแล้ว ก็มีหลิงเสี่ยวนี่ล่ะ!
แต่หลิงลี่เองย่อมรู้เหตุผลดีการที่หลิงหยุนตอบเช่นนั้น ก็เพื่อให้เขาได้มีทางเดิน และเพื่อให้หลิงเสี่ยวผู้เป็นพ่อไม่กระอักกระอ่วนใจ
หลังจากการรับทัณฑ์สวรรค์สำเร็จไปด้วยดีความแข็งแกร่งของคนทั้งสามก็ได้ปรากฏชัดเจนมากขึ้น..
หลิงเสี่ยวพอใจกับความแข็งแกร่งในระดับสูงสุดขั้นลิ่วเฉิงชี่ของตนและไม่รีบร้อนที่จะพัฒนาขั้นไปมากกว่านี้
ส่วนหลิงลี่นั้นดูเหมือนจะยังไม่พอใจและคงจะเร่งฝึกฝนให้ก้าวหน้าไปมากกว่าลูกชายและหลานชายของตน..
ส่วนจินเหยียวนั้นมีข้อเสียเปรียบมากกว่าทั้งสองคนเพราะมิใช่สายเลือดตระกูลหลิง จึงไม่อาจดูดซับปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปได้ ขั้นพลังบ่มเพาะจึงต่ำว่าหลิงเสี่ยวกับหลิงลี่
“หยุนเอ๋อของขวัญวันเกิดที่เจ้ามอบให้ข้าในวันนี้ ข้าพอใจ และมีความสุขยิ่งนัก!”
หลิงเสี่ยวยืนหันหลังให้กับหลิงหยุนเขาหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยบอกหลิงหยุนโดยไม่หันหลังกลับไปมอง และเวลานี้ น้ำตาก็ได้รื้นเต็มดวงตาทั้งสองข้างของหลิงเสี่ยว
“บทสนทนาระหว่างเจ้ากับท่านลุงสองเมื่อคืนนี้ข้าได้ยินทั้งหมดแล้ว..”
“ข้าจะไม่มีวันลืมวันเกิดในปีนี้แน่!หยุนเอ๋อ ขอบใจเจ้ามากจริงๆ!”
“ท่านพ่ออย่าได้กล่าวเช่นนั้น นี่เป็นสิ่งที่ลูกสมควรทำ..”
หลิงหยุนเอ่ยตอบและไม่ต้องการให้หลิงเสี่ยวพูดอะไรมากไปกว่านี้ จึงรีบเอ่ยต่อทันที “ท่านพ่อ ข้าอยู่ที่นี่นานแล้ว ขอตัวกลับไปดูท่านน้าหญิงเย่เสียหน่อย..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ได้เหาะกลับไปหาโจวเหวินอี้ และคนอื่นๆ
ทันทีที่หลิงหยุนจากไปหลิงเสี่ยวก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วจึงหันไปคุกเข่าลงต่อหน้าหลิงลี่
“ท่านพ่อเพราะความผิดพลาดของลูกเมื่อสิบแปดปีก่อน เป็นเหตุให้คนตระกูลหลิงต้องถูกสังหารตายไปมากมายจนแทบจะล่มสลาย ลูกทำให้ท่านพ่อต้องลำบาก แบกรับภาระดูแลตระกูลหลิงของเรามานาน ลูกช่างอกตัญญูนัก..”
“แต่นับจากนี้ไปลูกจะกลับมาช่วยดูแลตระกูลหลิงของเราเอง ไม่ให้ท่านพ่อต้องลำบากอีก!”
หลิงลี่ปล่อยให้บุตรชายคนที่สามของตนกล่าวจนจบแล้วจึงเอ่ยตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข “ลูกสามเจ้าเป็นลูกชายที่ข้ารักและภูมิใจมากที่สุด!”
“เจ้าลุกขึ้นก่อนเถิด”
หลิงลี่เอื้อมมือไปพยุงร่างของหลิงเสี่ยวให้ลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวต่อ “เจ้าเอ่ยออกมาเช่นนนี้ได้ นับว่าความเจ็บปวดที่หยุนเอ๋อต้องเผชิญมา ไม่เสียเปล่าจริงๆ”
“เรื่องในอดีตที่ผ่านมาหาใช่ความผิดของเจ้าคนเดียวไม่เป็นเพราะตระกูลหลิงของเราไม่สามารเอาชนะผู้อื่นได้ต่างหากเล่า!”
“แต่เจ้าดูวันนี้สิ..หยุนเอ๋อประกาศชื่อของชิงเฉวียนต่อหน้าชาวยุทธทุกคน และยังกล้าประกาศว่าตนเป็นผู้ครอบครองกระบี่วิเศษเล่มนั้น เช่นนี้แล้วผู้ใดยังจะกล้าโอหังกับตระกูลหลิงของเราอีก”
เหตุการณ์ในห้องจัดเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันนั้นนับเป็นเหตุการณ์ที่หลิงลี่ภูมิอกภูิมิใจยิ่งนัก และเขาจะไม่มีวันลืมเลือนเลย!
“ลูกสามเจ้าดูพี่สองของเจ้าสิ!” “เขาต้องรับภาระดูแลกิจการมากมายของตระกูลหลิงเราแม้แต่พวกเราสามคนเข้ารับทัณฑ์สวรรค์ในคืนนี้ เขายังยุ่งจนกระทั่งมาช้าไปหนึ่งก้าว.. หากเจ้ายังไม่สนใจใยดีกับเรื่องภายในตระกูลหลิงอีก ดูท่าวันข้างหน้าพี่สองของเจ้าคงจะต้องยุ่งไปยิ่งกว่านี้เป็นแน่!”
“เวลานี้เจ้านับว่าแข็งแกร่งที่สุดรองจากหลิงหยุนนับจากนี้ไปข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปเฝ้าดูการสร้างบ้านของหลิงหยุน แล้วก็เอาแต่หมกตัวอยู่กับศิษย์ของหลิงหยุนที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้อีก เจ้าจะต้องกลับมาดูแลตระกูลหลิง และนำพาตระกูลหลิงของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่านี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเสี่ยวยิ้มอย่างมั่นใจ“ลูกเข้าใจท่านพ่อ!”
หลิงลี่หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“ดีมาก.. นับจากนี้ไปทั้งข้า พี่สองของเจ้า และตัวเจ้าเอง พวกเราทั้งสามคนจะช่วยกันดูแลกิจการทั้งภายใน และภายนอกตระกูลหลิง หยุนเอ๋อจะได้ไม่เป็นกังวล..” หลังจากนั้นทั้งหลิงลี่และหลิงเสี่ยว ต่างก็พากันหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข..
แต่แล้วจู่ๆหลิงลี่ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “หึ.. หากเจ้าลูกอกตัญญูได้มาเห็นตระกูลหลิงในวันนี้ คงจะนึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปไม่น้อยทีเดียวสินะ!”
หลิงเสี่ยวรู้ได้ยินเช่นนั้นจึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า“ท่านพ่อ.. ท่านต้องการพบพี่ใหญ่หรือไม่ หากท่านพ่อต้องการ ลูกจะไปตามหา…”
“หุบปาก!!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเสี่ยวหลิงลี่ก็ถึงกับตะโกนลั่นด้วยความเดือดดาล “ตามหางั้นรึ เหตุใดจึงต้องไปตามหาเจ้าลูกอกตัญญูด้วย? หากมันไม่หูหนวกตาบอด ย่อมต้องล่วงรู้ข่าวคราวของตระกูลหลิงเวลานี้ดี หากมันสำนึกผิด ก็ต้องกลับมาสารภาพความผิดของมัน แต่หากมันยังไม่สำนึก ก็ปล่อยให้มันตายอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ!”
หลิงเสี่ยวถึงกับต้องหุบปากนิ่งเงียบและเมื่อหลิงลี่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาก็จึงได้สั่งหลิงเสี่ยวว่า
“ลูกสาม..ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน เรื่องของหลิงเจิ้น ห้ามเจ้ากับเจ้าสองทำอะไรโดยพลการ หลิงหยุนเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”
หลิงเสี่ยวพยักหน้า“ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ!”
“เอาล่ะในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว พวกเราก็กลับกันเถิด! พรุ่งนี้หยุนเอ๋อก็จะเดินทางออกจากปักกิ่งแล้ว จะได้มีเวลากลับไปเตรียมการ..”
หลังจากนั้นหลิงลี่ก็เหาะออกจากยอดเขา ตรงกลับไปที่บ้านบรรพชนตระกูลหลิงทันที โดยมีหลิงเสี่ยวกับจินเหยียวเหาะตามไป
……
หลิงหยุนเหาะกลับไปหาโจวเหวินอี้และคนอื่นๆ พร้อมกับเอ่ยขอบคุณทุกคน ที่มาช่วยคุ้มกันให้กับสมาชิกตระกูลหลิงทั้งสามคนในคืนนี้ แม้ความจริงแล้วจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม แต่ในเมื่อทุกคนมีน้ำใจ หลิงหยุนจึงต้องขอบคุณ
“ยินดีด้วย!”
ทั้งห้าคนเอ่ยปากแสดงความยินดีกับหลิงหยุนด้วยความจริงใจ..
“น้าหญิงเย่..วันนี้ข้ายุ่งมากจึงไม่มีโอกาสสนทนากับท่าน แต่ข้ามีคำพูดหนึ่งที่จะบอกกับท่าน หากน้าหญิงมีเวลา ขอเชิญไปเป็นแขกที่บ้านตระกูลหลิงได้ทุกเวลา..”
หลิงหยุนเป็นฝ่ายเอ่ยเชื้อเชิญเย่ชิงซินและนางก็เพียงแค่พยักหน้ายิ้ม
“ข้าไปด้วย!”
เย่เทียนสุ่ยร้องตะโกนสวนขึ้นมาทันทีแต่หลิงหยุนกลับทำเป็นไม่สนใจ ในขณะที่โจวเหวินอี้รีบเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หลิงหยุนข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาหารือกับเจ้า..” หลิงหยุนหันกลับไปถามอย่างระมัดระวังตัวเพราะรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเฒ่าโจวเหวินอี้ดี
“เรื่องอะไรอีกเล่า”
“เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่รึ..เวลานี้หน่วยนภาของเราขาดแคลนคนดีมีฝีมือ ข้าอยากจะขอให้ท่านพ่อของเจ้า มาเข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยนภา..”
“ข้าคิดไว้แล้วเชียว!”
หลิงหยุนหันไปค้อนให้โจวเหวินอี้พร้อมกับเอ่ยต่อทันที “จะให้ท่านพ่อของข้าเข้าเป็นสมาชิกของหน่วยนภา ท่านอย่าได้ฝันไปเลย!!!”
และเวลานี้..คนใหญ่คนโตของประเทศนี้ ต่างก็จดจำกันได้อย่างแม่นยำว่า วันที่เก้าเดือนเก้าของปีนี้ คือวันที่ตระกูลหลิงแสดงความยิ่งใหญ่ของตนให้ประจักษ์ต่อโลก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร