Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1552

บทที่ 1552 : ศัตรูที่อันตราย
  เหอไฉทงเห็นว่าคงจะไม่สามารถต้านทานหลิงหยุนไว้ได้จึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้
  เมื่อครั้งที่อยู่บ้านพักตากอากาศนั้นเหออวี้ฉงได้ยินชายถอดศรีษะพูดว่า เวลานี้ท่านปู่ของนางอยู่ในสภาพไม่ต่างจากคนที่ตายแล้ว ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่า เหอไฉทงกำลังเล่นตุกติกอยู่ จึงได้แต่ร้องตะโกนกลับไปด้วยความเดือดดาลยิ่ง
  “ท่านลุง..หยุดพูดเจ้าเพ้อเจ้อไร้สาระได้แล้ว!!”
  “แม่นางเหอ..”
  หลิงหยุนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นในที่สุด“เจ้าอย่าได้ร้อนใจไปเลย ในเมื่อท่านลุงของเจ้าอยากให้เข้าไปดู พวกเราก็เข้าไปดูให้เห็นกับตากันเถิด..”   แม้เหออวี้ฉงจะไม่รู้ว่าเวลานี้ปู่ของนางเป็นเช่นใดกันแน่แต่หลิงหยุนนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน และการที่เขามาที่นี่ ก็เพื่อที่จะพบชายชราอยู่แล้ว
  แน่นอนว่าเหออวี้ฉงทำตามคำสั่งของหลิงหยุนอย่างว่าง่ายนางไม่โต้เถียง และเดินตามหลิงหยุนเข้าไปในบ้านแต่โดยดี
  –หวังชงเซียวเอ็ดเวิร์ด หลังจากเข้าไปในบ้านแล้ว พวกเจ้าสองคนมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของผู้เฒ่าเหอ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือความปลอดภัยของเขา!-
  –เจสเตอร์เจ้ามีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของแม่นางเหอ อย่าให้นางได้รับอันตรายเป็นอันขาด!–
  ก่อนที่จะเข้าไปในบ้านหลิงหยุนได้สั่งการทุกคนผ่านทางจิต เขาจำเป็นต้องจัดเตรียมการรับมือไว้ให้ในระดับหนึ่ง เพราะเวลานี้ภายในบ้านมียอดฝีมือที่อันตรายที่สุดผู้หนึ่งอยู่ด้วย!
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้เดินนำเหออวี้ฉงหวังชงเซียว และคนอื่นๆเข้าไปภายในบ้าน..
  “ท่านปู่!!”
  ทันทีที่เหออวี้ฉงเข้าไปในบ้านนางก็ถึงกับต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!
  นั่นเพราะเหอเหวินช่านนั่งอยู่ในห้องรับแขกจริงๆดังที่เหอไฉทงบอกแม้จะนั่งอยู่บนรถวีลแชร์ ใบหน้าซีดเซียว และดูอิดโรยอยู่บ้าง แต่เพียงแค่เห็นแวบแรก เหออวี้ฉงก็สามารถรับรู้ได้ว่า เขามีอาการดีขึ้นจากเดิมมาก
  เมื่อเห็นหลิงหยุนเหออวี้ฉง และคนอื่นๆเดินเข้ามา เหอเหวินช่านก็แสดงอาการดีอกดีใจ มือทั้งสองข้างจับที่เท้าแขนของรถวีลแชร์ไว้แน่น และทำท่าทางกระตือรือร้นคล้ายกับอยากจะลุกขึ้นยืน
  “อวี้ฉงเจ้ากลับมาแล้วรึ”
  เหออวี้ฉงได้ยินเหอเหวินช่านเรียกชื่อตนเองออกมาได้ก็ถึงกับยิ้มกว้าง และรีบพยักหน้าแทนการตอบรับทันที แต่ภายในใจกลับอดรู้สึกไม่ได้ว่า รอยยิ้มของท่านปู่นางนั้นดูแข็งกร้าวจนเกินไป..
  “ท่านปู่..ท่านปู่จำข้าได้แล้ว! ท่านปู่ ข้าดีใจที่สุดเลย!!”
  เหออวี้ฉงแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองนางรีบพุ่งตัวเข้าไปหาชายชรา และได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดอยู่เช่นนั้น เวลานี้นางทั้งตื่นเต้นแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก
  “แค๊ก..แค๊ก.. อวี้ฉง.. หลานรักของปู่ ปู่อาการดีขึ้นมาสิบกว่าวันแล้ว ตอนนี้กินได้ แล้วก็นอนหลับดี สุขภาพก็ค่อยๆแข็งแรงขึ้น เจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลยนะ”
  “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเดินทางไปปักกิ่งเพื่อหาซื้อสมุนไพรมารักษาข้าไม่ใช่รึ แล้วเวลานี้สมุนไพรพวกนั้นอยู่ที่ไหนล่ะ?”
  แม้เหออวี้ฉงจะกำลังร้องห่มร้องไห้แต่นางก็เฝ้าสังเกตดูอากัปกิริยาของเหอเหวินช่านอย่างละเอียด แต่อาจเป็นเพราะความรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป ทำให้นางไม่สามารถจับสิ่งที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นได้มากนัก  เหออวี้ฉงรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับพยักหน้า และตอบกลับไปว่า “ค่ะท่านปู่ ข้าไปหาซื้อสมุนไพรให้ท่านปู่ได้แล้ว และเวลานี้ก็ได้เชิญผู้ที่สามารถรักษาอาการป่วยของท่านปู่มาด้วย นับว่าโชคดีที่ข้ามาทันเวลา..”
  เหอเหวินช่านยิ้มกว้างอีกครั้งเขายกมือขึ้นชี้ทางบุคคลผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาข้างๆตนเอง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
  “ไม่ต้องแล้วล่ะอวี้ฉงเวลานี้อาการของปู่ดีขึ้นมากแล้ว สุขภาพก็ค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ที่ลุงของเจ้าพามารักษาข้า เขาคือผู้มีพระคุณของปู่ เจ้าจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอาจารย์ผู้นี้ด้วยล่ะ!”
  เหออวี้ฉงสำรวจสภาพร่างกายของเหอเหวินช่านอย่างละเอียดจนไม่ได้สังเกตสิ่งอื่น นั่นเพราะกายภาพของมนุษย์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเวลานี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจปลอมแปลงได้ และชายชราที่นั่งอยู่บนรถเข็นนี้ ก็คือปู่ของนางเหอเหวินช่านจริงๆ
  นับตั้งแต่หลิงหยุนก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้านหลังนี้เขายังไม่เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว และเวลานี้สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของ ‘ท่านอาจารย์’ ซึ่งยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาข้างๆเหอเหวินช่าน!
  บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่โตมากแต่ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่กว่าสองร้อยตารางเมตรนี้ กลับมีคนเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟา
  ในขณะที่มุมหนึ่งทางด้านตะวันตกของห้องรับแขกนี้กลับมีคนอยู่ราวสามสิบคน และทั้งหมดก็กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง โดยนั่งแยกกันเป็นสีแถว แต่ละคนล้วนนั่งหลับตานิ่ง ไม่มีผู้ใดกล่าววาจาอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว..
  ในบรรดาสามสิบคนที่นั่งเรียงรายกันอยู่นั้นมีอยู่ราวเจ็ดหรือแปดคนที่มิได้ฝึกวิชาภูติผีปีศาจ และดูเหมือนว่าจะเหนือกว่ายอดฝีมือทั้งหมดที่หลิงหยุนเพิ่งสังหารตายไป
  ส่วนอีกยี่สิบกว่าคนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นชาวยุทธที่ฝึกบ่มเพาะด้วยพลังภูติผีทั้งสิ้น แม้คนกลุ่มนี้จะนั่งหลับตานิ่ง แต่ริมฝีปากกลับขยับไปมา คล้ายกับกำลังร่ายมนต์คาถา
  แม้หลิงหยุนจะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นลูกหลานของชายถอดศรีษะที่เขาเพิ่งสังหารตายไป หรือว่าเป็นลูกหลานของอาจารย์ผู้นี้กันแน่ แต่เพียงแค่มองปราดเดียว หลิงหยุนก็สามารถเห็นขั้นพลังบ่มเพาะของพวกมันทั้งหมดได้
  ทั้งยี่สิบกว่าคนนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับห้าในสี่หรือห้าคนที่นั่งอยู่แถวหน้านั้น ดูเหมือนความแข็งแกร่งของพวกมันจะสามารถเทียบเท่าขั้นจิ่วเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-9) ได้เลยทีเดียว
  แม้หลิงหยุนจะไม่รู้ว่าเหอไฉทงสามารถรวบรวมยอดฝีมือที่เก่งกาจมากมายเหล่านี้มาได้อย่างไร แต่ด้วยขั้นพลังบ่มเพาะของเขาเวลานี้ คนเหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
  แต่คนที่ทำให้หลิงหยุนรู้สึกหวั่นใจอยู่บ้างนั้นกลับเป็นท่านอาจารย์ที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆเหอเหวินช่านต่างหาก!
  นั่นเพราะหลิงหยุนไม่สามารถมองเห็นขั้นพลังบ่มเพาะของคนผู้นี้!
  หลิงหยุนคาดเดาว่ายอดฝีมือผู้นี้น่าจะต้องเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นก่อสร้างรากฐานแล้วเป็นแน่ และทันทีที่เข้ามาในห้องรับแขก เขาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ และยืนหันหลังให้กับยอดฝีมือทั้งสามสิบคนบนพื้น และหันหน้าไปทางท่านอาจารย์ที่นั่งอยู่บนโซฟาแทน
  หากหลิงหยุนคาดเดาไม่ผิดคนผู้นี้น่าจะต้องเป็นอาจารย์คุนปาที่ชายถอดศรีษะเอ่ยถึงเป็นแน่!
  ท่านอาจารย์ผู้นี้ร่างเตี้ยผิวพรรณเป็นสีดำอมเทา ร่างกายผ่ายผอมจนแทบเห็นกระดูก สวมใส่เสื้อคลุมที่ดูคล้ายกับหลวงจีนในแถบทะเลจีนใต้ ตั้งแต่หลิงหยุนและพวกเข้ามาในห้องรับแขก เขาก็เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งเฉยไม่สนใจผู้ใด จนกระทั่งเหอเหวินช่านเอ่ยถึงขึ้นมา เขาจึงเพียงแค่ยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นพนมเล็กน้อย  “ขอบคุณท่านอาจารย์ยิ่งนักตระกูเหอเป็นหนี้บุญคุณท่านอาจารย์ พวกเราตระกูลเหอจะต้องตอบแทนท่านอย่างแน่นอน..”
  เหออวี้ฉงหันไปโค้งศรีษะพร้อมกับกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้นั้นทันที แต่ท่านอาจารย์ผู้นั้นก็เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะส่ายศรีษะไปมาอีกครั้งโดยไม่พูดไม่จา และนั่นทำให้คนอื่นๆอยากจะเดินเข้าไปมองหน้าเขาให้ชัดๆ
  “อวี้ฉง..ปู่มีเรื่องที่จะต้องบอกเจ้า อาจจะเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าเสียใจ แต่..”
  จู่ๆเหอเหวินช่านก็เอ่ยขึ้น “อวี้ฉง.. ระหว่างที่หลานไม่อยู่หลายวันนั้น ปู่ได้มีเวลามานั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าเจ้าเองนั้นยังเด็กจนเกินไปที่จะดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอได้”
  “การที่ข้าให้เจ้ารับตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดกิจการของตระกูลเหอคงจะเป็นเรื่องที่ยาก และลำบากเกินไปสำหรับเจ้า ข้าจึงได้ตัดสินใจมอบตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดนี้ให้กับท่านลุงของเจ้าแทน เขามีความเหมาะสมกว่าเจ้ามาก!”
  เหออวี้ฉงถึงกับนิ่งไปด้วยความตะลึง!
  “ท่านปู่!!เหตุใดท่านปู่จึง..”
  เหอเหวินช่านหรี่ตาลงเล็กน้อยใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที และกล่าวแทรกเหออวี้ฉงขึ้นในทันที
  “อวี้ฉง..เจ้ายังต้องใช้เวลาเรียนรู้ศึกษาอีกสักสองสามปี หากท่านลุงของเจ้าเห็นว่าเจ้ามีความสามารถพอแล้ว เขาก็จะมอบทุกอย่างคืนให้กับเจ้า..”
  และในเวลานั้นเองเสียงของใครบางคนก็ดังมาจากหน้าประตู “อวี้ฉง หลานได้เห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเอง และได้ยินทุกอย่างกับหูตัวเองแล้วไม่ใช่รึ นี่เป็นความต้องการของท่านพ่อ เจ้าเองก็ควรเชื่อฟังคำสั่งของท่านปู่ แล้วก็อย่าได้ดื้อดึงอีกเลย..”
  หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจ‘หลังจากนิ่งเงียบมาตั้งนาน ในที่สุดหางของเจ้าก็โผล่ออกมาแล้วสินะ เจ้าจิ้งจอกเฒ่า!’
  จากนั้นเหอไฉทงก็เดินเข้าไปยืนกั้นกลางระหว่างเหออวี้ฉงกับเหอเหวินช่าน พร้อมกับยกมือขึ้นตบไหล่ของเหอเหวินช่านเบาๆ และเอ่ยขึ้นว่า
  “ท่านพ่อยังไม่หายดีและเวลานี้ก็เหนื่อยมากแล้ว ฉันต้องพาท่านกลับเข้าไปพักผ่อนเสียที!”
  แต่ยังไม่ทันที่เหอไฉทงจะกล่าวจบดีด้วยซ้ำกระบี่เหินเงาธนู และกระบี่กังฉีของหลิงหยุนก็พุ่งออกมา!
  แสงสีเขียวและแสงสีเทา ก็พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของท่านอาจารย์ผู้นั้นอย่างรวดเร็ว!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร