บทที่ 1557 : เหตุและผล
หลิงหยุนกลับไปถึงรีสอร์ทในราวตีหนึ่งและเมื่อมาถึง พอลก็โยนร่างของคุนปาลงไปกองที่เท้าของเหอไฉทงทันที
แม้คุนปาจะถูกตัดแขนและขาทิ้งแต่ก็ไม่ได้มีโลหิตไหลออกมา เพราะพอลได้ใช้มนต์แวมไพร์สะกดห้ามเลือดไว้แล้ว ฉะนั้น แม้คุนปาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังไม่สามารถตายได้
และด้วยสภาพของคุนปาเวลานี้ก็ยากที่จะดิ้นรนทำอะไรได้อีก เพราะนอกจากจะถูกหลิงหยุนตัดแขนตัดขาทิ้งจนหมดแล้ว ยังถูกหลิงหยุนดูดพลังปราณไปอีกกว่าเก้าสิบส่วน เวลานี้.. สภาพของคุนปาจึงไม่ต่างจากซากปรักหักพัง หรือซากศพที่มีลมหายใจเท่านั้น
“เหอไฉทง..นี่คืออาจารย์ที่เจ้าเชิญมา และที่เขาต้องมีสภาพเช่นนี้ก็เพราะว่า ต้องการที่จะหนี แม้ข้าจะเหาะไปตามกลับมา เขาก็ยังไม่ยอมเชื่อฟังข้า จึงต้องมีจุดจบเช่นนี้!” หลิงหยุนร้องบอกเหอไฉทงยิ้มๆ
เหอไฉทงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับทรุดลงกับพื้น พร้อมกับร้องอ้อนวอนหลิงหยุน “ท่านหลิน.. ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย! ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”
เวลานี้เหอไฉทงหวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด..
“เจ้าวางใจได้ข้ามาที่นี่ตามคำขอร้องของหลานสาวเจ้าเท่านั้น และข้ามาเพื่อต้องการที่จะมาช่วยคน มิได้มาเพื่อสังหารผู้คน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ไม่แม้แต่จะปรายตามองเหอไฉทงอีก เขาได้จัดการกับยอดฝีมือหนานหยางไปแล้ว เรื่องราวต่อไปหลังจากนี้ ล้วนเป็นเรื่องภายในของตระกูลเหอ ฉะนั้น ชะตากรรมของเหอไฉทงจะเป็นเช่นใด ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เฒ่าเหอเพียงคนเดียว
แม้ทางเข้ารีสอร์ทจะสงบเงียบและเรียบร้อยดี แต่ด้านในนั้น บ้านพักตากอากาศหลังใหญ่ได้ล้มครืน และพังลงมาจนกลายเป็นเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น
ด้านข้างของบ้านพักตากอากาศที่เหลือเพียงซากปรักหักพังนั้นมีร่างไร้วิญญาณของยอดฝีมือกว่าแปดสิบคนกองพะเนินอยู่ แต่ละร่างนั้นหากไม่ขาขาดก็แขนขาด และเวลานี้ร่างไร้วิญญาณที่กองรวมกันนั้น ก็ไม่ต่างจากเนินเขาเล็กๆเลยทีเดียว
“หึ!ง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวรึ!”
หลิงหยุนพึมพำออกมายิ้มๆในขณะที่จ้องมองร่างที่ซีดขาวเหล่านั้นแต่ละร่างไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยของโลหิตสีแดงบนบาดแผล เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของแวมไพร์ทั้งสี่ตนที่อยู่ที่นี่เป็นแน่!
เวลานี้เหล่าแวมไพร์ทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารผู้ซื่อสัตย์ และจงรักภักดีของเขานั้น นับว่าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว
บูม!
หลิงหยุนทำการเผาเสินหยวนและใช้วิชาเคลื่อนย้ายภูผา ทำการเคลื่อนย้ายซากปรักหักพังของบ้านพักตากอากาศทั้งหมด มากองรวมกันกับซากศพ จากนั้นจึงได้ใช้วิชาหงส์เล่นไฟ ปลดปล่อยเปลวเพลิงที่ร้อนแรงออกมา และจัดการเผาผลาญซากปรักหักพังและซากศพเหล่านั้นเสีย
ในเวลาไม่กี่นาทีเปลวไฟร้อนแรงนั้นก็ได้โหมกระหน่ำ เผาผลาญซากปรักหักพัง และร่างไร้วิญญาณทั้งหมด จนกระทั่งกลายเป็นขี้เถ้า
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้ใช้พลังจิตโยกย้ายขี้เถ้าทั้งหมดนั้นทิ้งลงท้องทะเลไป เวลานี้ สิ่งที่เหลืออยู่จึงมีเพียงแค่ผืนดินสีดำ ที่เคยเป็นที่ตั้งของบ้านพักตากอากาศหลังใหญ่เท่านั้น
“นี่..นี่มัน.. ในโลกนี้ มียอดฝีมือที่เก่งกาจสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้ด้วยงั้นรึ!!” ทางด้านหัวเชาฟานที่ยืนนิ่งมานาน ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความรู้สึกตกใจ และตกตะลึง!
เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อได้เห็นหลิงหยุนใช้วิชาเคลื่อนย้ายภูผาโยกย้ายซากปรักหักพังของบ้านพักตากอากาศจำนวนมากมาย ใช้เปลวเพลิงจากวิชาหงส์เล่นไฟทำการเผาผลาญทุกอย่างจนเหลือเพียงแค่เศษเถ้า
หัวเชาฟานได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่านับเป็นความโชคดีของเขาที่ยอมจำนนต่อหลิงหยุนตั้งแต่ครั้งแรก และยอมเปิดทางให้เขาเข้าไปในบ้านพักตากอากาศแต่โดยดี!
นับเป็นความโชคดีซ้ำสองที่เขาไม่คิดหลบหนีในระหว่างที่หลิงหยุนออกไปไล่ล่าคุนปา หาไม่แล้ว เขาคงจะมีสภาพไม่ผิดแผกไปจากกันแน่!
แต่นี่นับเป็นความเฉลียวฉลาดของหัวเชาฟานที่เขาทำมาตั้งแต่เล็กจนโต!
คงจะเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อยหากแมลงเม่าอย่างเขาคิดที่จะล้มต้นไม้ยักษ์อย่างหลิงหยุน หัวเชาฟานเข้าใจแล้วว่า ในสายตาของหลิงหยุนนั้น ตนเองก็เป็นเพียงแค่มดปลวกตัวหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่หลิงหยุนกลับมาถึงรีสอร์ท เขาก็เห็นหัวเชาฟานเป็นดั่งอากาศธาตุ และไม่แม้แต่จะปรายตามองมาด้วยซ้ำไป
หลังจากที่จัดการกับซากปรักหักพังและซากศพเรียบร้อยแล้วข่าวลือใดๆที่จะแพร่สะพรัดออกไปหลังจากนี้ หลิงหยุนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหออวี้ฉงที่จะต้องรับมือ และจัดการต่อไป หาใช่หน้าที่ของเขาไม่..
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็ไปปรากฏที่หน้าบ้านพักตากอากาศอีกหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่สุดทางด้านตะวันออกของรีสอร์ทแห่งนี้ และห่างจากบ้านพักตากอากาศที่เพิ่งพังไปนี้ราวครึ่งกิโลเมตร บ้านพักตากอากาศหลังนี้หันหน้าเข้าทะเล..
………..
“คุณ..คุณชายหลิน ได้โปรดช่วยชีวิตท่านปู่ด้วย!”
เหออวี้ฉงที่เฝ้าดูเหอเหวินช่านซึ่งอยู่ในอาการโคม่านั้นเมื่อเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาในห้อง นางก็ถึงกับทรุดลงกับพื้น คุกเข่าอ้อนวอนหลิงหยุนด้วยน้ำตานองหน้า “แม่นางอวี้ฉง..ลุกขึ้นเถิด อย่าได้ทำเช่นนี้เลย!”
หลิงหยุนรีบเข้าไปประคองร่างของเหออวี้ฉงและช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาชายชราที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เขาสำรวจดูร่างของเหอเหวินช่านอย่างละเอียดครู่หนึ่ง จึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“แม่นางอวี้ฉงเท่าที่ข้าจำได้ เจ้าเคยบอกกับข้าว่า จู่ๆเมื่อปลายปีที่แล้ว ปู่ของเจ้าก็ป่วยเป็นโรคประหลาด พฤติกรรมของเขาเปลี่ยนไป จดจำผู้ใดไม่ค่อยได้ อีกทั้งยังชอบตวาดไล่ผู้คนใช่หรือไม่”
เหออวี้ฉงพยักหน้าและตอบกลับไปทันที “ถูกต้อง!”
หลิงแสยะยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “อาการของท่านปู่เจ้า น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ลุงของเจ้าคิดคบกับชาวยุทธหนานหยางเป็นแน่..”
“ข้าเชื่อว่าเขาต้องให้ผู้ฝึกยุทธด้วยพลังภูติผีนี้ใช้ให้ภูติผีที่คนเหล่านั้นเลี้ยงไว้ มาหลอกหลอนปู่ของเจ้า เขาจึงได้แสดงอาการและท่าทางออกมาเช่นนั้น!”
“นับว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเหอไฉทงยังไม่หายไปหมดเสียทีเดียวเขาเพียงแค่ต้องการควบคุมจิตใจของท่านปู่เจ้าไว้ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น และต้องการที่จะใช้ช่วงโอกาสที่ท่านปู่ของเจ้าไม่ได้สตินี้ ทำการเกลี้ยกล่อมสมาชิกในตระกูล และอาศัยกฏหมายในการเปลี่ยนตัวทายาทผู้สืบทอดกิจการ..”
และนี่คือเหตุผลว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงยังไม่สังหารเหอไฉทง!
“แต่น่าเสียดายที่ลุงของเจ้ากลับไปติดต่อกับผู้ที่ไม่สมควรยิ่งแม้เขาคิดที่จะทำเพียงแค่นั้น แต่ชาวยุทธหนานหยางกลับไม่คิดเช่นนั้น และพวกเขาต้องการที่จะยึดครองตระกูลเหอแทน!”
“การกระทำของเหอไฉทงในครั้งนี้ไม่ต่างจากการนำพาสุนัขจิ้งจอกเข้าห้อง ในเมื่อพวกมันเห็นโอกาสที่ดีเช่นนี้ จึงได้ใช้โอกาสนี้ควบคุมลุงของเจ้าอีกที พวกมันใช้เหอไฉทงเป็นหุ่นเชิด ส่วนตัวการที่แท้จริงก็คือคุนปากับชาวยุทธฝั่งหนานหยางนั่นเอง!”
“การที่ลุงของเจ้าขอให้เจ้าไปหาซื้อสมุนไพรที่ปักกิ่งนั้นเพราะมีจุดประสงค์อยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ.. ต้องการให้เจ้าประมูลไขหยกม่วงมาให้คุนปา และเรื่องที่สองคือ.. ต้องการใช้ช่วงเวลาที่เจ้าไม่อยู่นี้ ปล่อยให้คุนปาสามารถเข้าออกตระกูลเหอเพื่อหารือ และวางแผนการได้อย่างสะดวก..”
“และเมื่อใดที่พวกมันได้ไขหยกม่วงแล้วคุนปาก็จะอาศัยปากของปู่เจ้า กล่าวคำพูดทั้งหมดที่เจ้าเพิ่งได้ยินก่อนหน้าออกมา จากนั้นกิจการของตระกูลเหอทั้งหมดก็จะตกเป็นของลุงเจ้า และเท่ากับตกเป็นของพวกมันด้วย..”
“ข้าต้องยอมรับว่าแผนการของพวกมันช่างแนบเนียน แล้วก็หาจุดบกพร่องแทบไม่เจอเลย แต่น่าเสียดาย..”
หลิงหยุนหยุดนิ่งเพียงเท่านั้นและไม่กล่าวอันใดต่อ เพราะเหออวี้ฉงก็น่าจะเดาต่อได้ว่า สิ่งที่หลิงหยุนไม่ได้เอ่ยออกมาก็คือ น่าเสียดายที่พวกมันมาพบเจอกับหลิงหยุนเสียก่อน แผนการทั้งหมดที่พวกมันสู้อุตส่าห์วางไว้อย่างดี จึงต้องล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าเช่นนี้!
เหออวี้ฉงได้แต่นิ่งฟังเงียบๆและไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณหลิงหยุนออกไป เพราะนางรู้ดีว่า บุญคุณของหลิงหยุนในครั้งนี้ มากมายเกินกว่าจะตอบแทนได้ด้วยคำขอบคุณสั้นๆนี้เท่านั้น!
“ผู้เฒ่าเหออายุเก้าสิบกว่าปีแล้วอีกทั้งยังถูกผีน้อยตนนี้รังควานมานานนับปี เมื่อครู่ยังถูกคุนปาใช้เวทย์มนต์ควบคุมจิตใจไว้ด้วย ฉะนั้น ในการรักษาผู้เฒ่าเหอ ข้าจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างที่สุด..”
“เอาล่ะพวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อน!”
“หวังชงเซียวเอ็ดเวิร์ด พวกเจ้าสองคนมีหน้าที่คุ้มกันข้า และอย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้รัศมีหนึ่งร้อยเมตรรอบบ้านได้โดยเด็ดขาด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร