บทที่ 1558 : พ้นขีดอันตราย
หลิงหยุนหาได้มีนิสัยกระต่ายตื่นตูมที่จะตกใจอะไรจนเกินเหตุไม่..
แม้ว่าเหอเหวินช่านจะมิได้รับบาดเจ็บทางด้านร่างกายแต่ก็นับว่าได้รับความเสียหายทางด้านจิตวิญญาณอย่างมาก
แม้แต่คนหนุ่มสาวที่แข็งแรงหากถูกดวงวิญญาณสกปรกเช่นนี้ห่อหุ้มจิตวิญญาณไปเพียงแค่สองสามวัน ก็คงจะเจ็บไข้ได้ป่วยสาหัสหลังจากนั้นเป็นแน่ จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเหอเหวินช่าน ซึ่งเวลานี้มีอายุเก้าสิบกว่าปีแล้ว
เขาถูกวิญญาณชั่วร้ายนี้สิงสู่และทรมานมานานนับปีพลังหยินในร่างกายของชายชราจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก และนี่คือวิธีที่คุนปาใช้ทำร้ายจิตวิญญาณของคนทั่วไป หากหลิงหยุนมาไม่ทันเวลา แน่นอนว่าชายชราจะต้องมีจุดจบที่น่าสังเวชอย่างแน่นอน
เวลานี้ชายชราไม่ต่างจากมนุษย์ผัก หลิงหยุนจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก และหลังจากที่ทุกคนออกไปจากห้องแล้ว เขาจึงได้เรียกหลิวเทวะวิญญาณ พร้อมด้วยศิลากลั่นวิญญาณออกมา
พลังชีวิตจากหลิวเทวะวิญญาณสามารถบำรุงและซ่อมแซมร่างกายของเหอเหวินช่าน ให้กลับมามีพลังเช่นเดิมได้ ส่วนศิลากลั่นวิญญาณนั้น ก็จะช่วยให้จิตวิญญาณของชายชรา ตื่นจากการถูกวิญญาณร้ายครอบงำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
และด้วยคุณสมบัติของสมบัติล้ำค่าทั้งสองชิ้นประกอบกับทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหลิงหยุนแล้ว การรักษาเหอเหวินช่านย่อมต้องเป็นไปได้อย่างราบรื่น
หลิงหยุนจัดการวางต้นหลิวเทวะวิญญาณไว้ข้างเตียงของชายชราและวางศิลากลั่นวิญญาณไว้ที่หน้าผากของเขา
จากนั้นหลิงหยุนก็นั่งลงข้างเตียงพร้อมกับเอื้อมมือออกไปสัมผัสข้อมือของเหอเหวินช่านอย่างนุ่มนวล เขาเริ่มขับไล่พลังหยินในร่างกายที่เกินออก พร้อมกับถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์ของตน เข้าสู่ร่างกายของผู้เฒ่าเหอแทน
ขั้นตอนนี้นับว่าเป็นขั้นตอนธรรมดาจึงมิได้ใช้เวลานานมากนัก แต่ก็มิได้รวดเร็วจนเกินไปเช่นกัน หลิงหยุนจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้อยู่ในความเหมาะสม มิให้เร็วจนเกินไป เพราะเกรงว่าหากรีบร้อนถ่ายเทพลังหยางจนเร็วเกินไป อาจทำให้ร่างกายของเหอเหวินช่านเปลี่ยนจากร้อนมาเป็นเย็นอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจเกิดผลคาดเคียงที่คาดไม่ถึงได้..
และเวลานี้ศัตรูก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้แล้ว หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไรนัก..
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมงกว่าอย่างไม่ทันรู้ตัวภายใต้ความช่วยเหลือของหลิวเทวะวิญญาณ และพลังหยางบริสุทธิ์ของหลิงหยุน ทำให้ร่างกายที่เคยมีพลังหยินมากเกินไปจนเย็นชืดนั้น ได้เริ่มมีความร้อนปรากฏขึ้น และเวลานี้ร่างกายของผู้เฒ่าเหอก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น สีหน้าสดใสมีเลือดฝาด ไม่ซีดเซียวเย็นชืดเหมือนก่อน “เรียบร้อย!”
หลิงหยุนพึมพำออกมาด้วยความโล่งใจพร้อมกับปล่อยมือจากข้อมือของชายชรา และขั้นตอนที่นับว่ายากที่สุดก็ผ่านพ้นไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เพียงแค่อาศัยยันต์บำบัดระดับเจ็ดช่วยในการรักษาเท่านั้น
หลิงหยุนจัดการติดยันต์บำบัดระดับเจ็ดลงบนร่างกายของเหอเหวินช่านพร้อมกับสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์
ในวันเปิดคลินิกสามัญชนของหลิงหยุนนั้นเขาอยู่เพียงแค่ระดับสูงสุดขั้นปรับกายา-7 แต่ก็ยังสามารักษาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตให้หายได้ ด้วยยันต์บำบัดระดับสี่ และศิลากลั่นวิญญาณได้
หลังจากได้รับการเยียวยารักษาที่ถูกต้องผู้ป่วยจึงมีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้..ใบหน้าของเหอเหวินช่านเริ่มมีเลือดฝาด และกลายเป็นสีชมพู ลมหายใจเริ่มเสถียรมากขึ้น เปลือกตาที่เคยปิดอยู่ตลอดเวลานั้น เริ่มกระตุกเบาๆ ประหนึ่งว่าจะสามารถลืมขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
………..
“เหอเหวินช่านขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชีวิต!”
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดผู้เฒ่าเหอก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ และทันทีที่เห็นหลิงหยุน เขาก็เอ่ยขอบคุณเป็นประโยคแรก เห็นได้ชัดว่าจิตใจของชายชราได้รับการฟื้นฟู จนสามารถกลับสู่ความเป็นปกติดังเดิมได้แล้ว
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มให้แต่เมื่อเห็นชายชราดิ้นรนเพื่อที่จะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ เขาจึงรีบเข้าไปจับชายชราให้นอนนิ่งๆ พร้อมตอบกลับไปว่า
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นอาวุโสอย่าได้เกรงใจ ได้โปรดนอนลงก่อน..”
“ท่านเซียน..ผมเหอเหวินช่าน ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตในการก่อสร้างธุรกิจ นำพาตระกูลเหอให้ขึ้นมาโดดเด่นไปทั่วทั้งคาบสมุทรมาเก๊าแต่กลับคิดไม่ถึงว่า ตนเองจะต้องมาประสบกับชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นนี้ จนเกือบจะนำพาหายนะมาสู่ตระกูล ไม่เพียงตระกูลเหอของผมจะต้องถูกทำลายป่นปี้ แต่ยังนำพาหายนะที่คาดไม่ถึงนี้มาสู่ประเทศชาติด้วย ช่างน่าอับอายมากจริงๆ!”
ชายชราเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุดและเวลานี้น้ำตาก็ได้ไหลพร่างพรูออกมาจากด้วงตาของเขามากมาย
“นับว่าโชคดีที่หลานสาวของผมอวี้ฉงได้พบเจอกับท่านเซียนในวินาทีสุดท้าย จึงได้สามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้กลับมาได้ ความเมตตาของท่านเซียน ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรดี..”
หลิงหยุนได้แต่อมยิ้มพร้อมกับโบกมือไปมาก่อนจะตอบชายชรากลับไปว่า “นี่คงจะเป็นรางวัลสำหรับอาวุโสกระมัง จึงได้มาพบเจอกับข้า เอาล่ะ.. เวลานี้อาวุโสเพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการป่วยสาหัส สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือต้องพูดให้น้อย พักผ่อนให้มาก อาวุโสทำได้เพียงแค่นี้ ก็นับเป็นการตอบแทนข้าแล้ว..”
“ว่าแต่..”หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้เอ่ยถามในเรื่องอื่นขึ้นมาแทน
“จากคำพูดของอาวุโสเมื่อครู่นี้ฟังคล้ายกับว่าตลอดระยะเวลาเกือบปีมานี้ อาวุโสดูเหมือนจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด..”
เหอเหวินช่านยิ้มขื่นก่อนจะตอบหลิงหยุนกลับไปว่า “ถูกต้อง.. ผมรู้เห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหอมาตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งปี เพียงแต่มีวิญญาณดุร้ายคอยรบกวน และมันก็มีพลังมากจนผมเองไม่สามารถสู้กับมันได้..”
“แต่เหตุผลที่ผมไม่สามารถบอกใครได้นั้นก็เพราะว่าคนที่ลูกชายหน้าโง่ของผมขอให้มาช่วยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา แม้ผมจะรู้ว่าคนพวกนั้นคิดการใหญ่เพียงใด และแม้ว่าในบางครั้งผมจะมีสติสมบูรณ์ดี จนสามารถสื่อสารกับอวี้ฉงได้เป็นปกติ แต่ผมก็ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับเธอ เพราะเกรงว่าคนพวกนั้นจะฆ่าเธอ หากอวี้ฉงตาย ทุกอย่างก็คงจะต้องจบสิ้นลงจริงๆ”
“ด้วยเหตุนี้ผมก็เลยต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร แล้วก็เล่นละครตบตาเจ้าลูกโง่ไปด้วย เพื่อหวังที่จะดึงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด และเฝ้าภาวนาว่า อวี้ฉงจะได้มีโอกาสพบใครสักคนที่จะสามารถช่วยพวกเราได้ และในที่สุด อวี้ฉงก็ได้พบกับท่านเซียน..”
“…”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งและได้แต่คิดในใจว่า ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ดจริงๆ!
“แม้กระทั่งในเวลาที่ท่านเซียนมาถึงความจริงตอนนั้นผมเองก็ยังมีสติสมบูรณ์ และได้ตั้งใจไว้ว่าจะบอกความจริงทั้งหมดกับอวี้ฉงในตอนนั้น แต่น่าเสียดาย ที่คุนปาได้ใช้วิชาชั่วช้าครอบงำจิตใจของผมไว้ ทำให้ผมไม่สามารถทำตามที่ตั้งใจไว้ได้..”
“นับว่าอาวุโสมีสติและควบคุมสถานการณ์ได้ดีมากจริงๆ ข้าขอชื่นชมด้วยใจจริง!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงได้กล่าวต่อว่า“ในเมื่ออาวุโสเองก็รู้เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดีแล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้ เวลานี้ทั้งคุนปา ลูกชาย และหลานสาวของท่าน ล้วนแล้วแต่อยู่ที่รีสอร์ทนี่กันหมดแล้ว..”
“แต่คืนนี้อาวุโสควรจะนอนหลับพักผ่อนเสียก่อน พรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาจัดการกับเรื่องราวต่างๆภายในตระกูลเหอได้..”
“ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชีวิตผมจะทำตามคำสั่งของท่านเซียน..”
“ดีมาก!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆหลังจากเก็บของวิเศษทั้งสองชิ้นกลับคืนไปแล้ว เขาก็เดินออกจากห้องพักของผู้เฒ่าเหอไปทันที
………….
ท้องนภาในค่ำคืนนี้ช่างงดงามยิ่งแสงจันทร์และดวงดาวต่างทอประกายพร่างพราว ประชันกับเสียงลมทะเลที่พัดหวีดหวิว.. ในที่สุดเหตุการณ์ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี หลิงหยุนยืนยันกับเหออวี้ฉงว่า อาการของผู้เฒ่าเหอนั้นพ้นขีดอันตรายแล้ว ก่อนจะหันไปสั่งหวังชงเซียวว่า
“เฒ่าหวัง..ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อยมามากแล้ว แต่คงต้องขอให้เจ้าอยู่ที่นี่ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ผู้เฒ่เหอไปก่อน”
หวังชงเซียวรีบตอบกลับทันที“คุณชายหลินได้โปรดวางใจ ข้าจะระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นเป็นแน่!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปกำชับเหออวี้ฉงอีกครั้ง “แม่นางอวี้ฉง แม้ท่านปู่ของเจ้าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังต้องการเวลาพักฟื้นอีกสักคืน พรุ่งนี้จึงจะตื่นมาพบกับเจ้าได้..”
“ข้าน้อยขอบคุณคุณชายหลินมาก!”
เหออวี้ฉงคุกเข่าลงตรงหน้าหลิงหยุนพร้อมกับเอ่ยขอบคุณที่เขาได้ช่วยชีวิตท่านปู่ของนางไว้..
และครั้งนี้หลิงหยุนก็มิได้ห้ามปราม และยอมรับการคาราวะของนางแต่โดยดี
ส่วนเหอไฉทงซึ่งนั่งกองอยู่กับพื้นนั้นหลังจากที่รู้ว่าผู้เฒ่าเหอฟื้นเป็นปกติ และพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง
“แม่นางอวี้ฉงแม่นางหยิงหยิง นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเจ้าสองคนก็กลับไปนอนพักผ่อนได้แล้ว มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่..”
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็ได้สั่งให้แวมไพร์ทั้งห้า ทำหน้าที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับหญิงสาวทั้งสอง
แล้วร่างของหลิงหยุนก็หายไปจากที่นั่นทันที!
เขายังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องไปทำต่อ..
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร