บทที่ 1559 : ใกล้เข้าสู่ขั้นต่อไป
หลังจากที่หลิงหยุนหายไปแล้วเขาก็เหาะขึ้นไปกลางอากาศ มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลจีนใต้อีกครั้ง..
เพียงแค่หนึ่งนาทีหลิงหยุนก็เหาะออกไปไกลจากเกาะราวหนึ่งร้อยกิโลเมตร หลังจากมองหาเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ได้แล้ว เขาจึงรีบเหาะลงไปที่นั่นทันที
นั่นเพราะในการต่อสู้ครั้งนี้หลิงหยุนได้ดูดซับเอาพลังปราณของศัตรูเข้าไปอย่างมากมาย และเวลานี้จุดตันเถียนของเขาก็ราวกับจะระเบิดออก
แม้ว่าหลิงหยุนจะมีจุดตันเถียนที่ใหญ่และมีจุดซือไห่ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างนั้น ทุกอย่างก็ล้วนมีขอบเขตและขีดจำกัดของมัน!
การที่หลิงหยุนดูดซับเอาพลังปราณของยอดฝีมือร่วมสามสิบคนเข้าไปก่อนหน้านี้รวมถึงคุนปาซึ่งอยู่ในขั้นก่อสร้างรากฐานนั้น ทำให้หลิงหยุนมีสภาพไม่ต่างจากคนที่กินอาหารมากกว่าปกติถึงสิบเท่า มีหรือที่จะไม่มีอาการอึดอัดคล้ายท้องจะระเบิดได้!
อีกทั้งพลังปราณทั้งหมดที่หลิงหยุนดูดซับเข้าไปในร่างกายของตนเองนั้นก็ยังเป็นพลังปราณที่ได้จากผู้ฝึกบ่มเพาะพลังจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือมวยไทย หรือยอดฝีมือที่บ่มเพาะพลังจากภูติผี และแน่นอนว่า การดูดซับพลังที่หลากหลาย และจำนวนมากๆเข้าไปพร้อมกันในคราวเดียวนั้น ย่อมก่อให้เกิดความปั่นป่วนเป็นธรรมดา
ถึงแม้ว่าวิชาพลังลับหยิน–หยางจะสามารถแปลงพลังบ่มเพาะที่หลากหลายนั้น ให้กลายเป็นพลังหยินและหยางก่อนที่จะถูกดูดซับเข้าไปในร่างได้ก็ตาม แต่เนื่องจากระยะเวลาที่กระชั้นชิดและสั้นมากไป ทำให้หลิงหยุนยังไม่มีเวลาที่จะกลั่นพลังเหล่านั้นให้บริสุทธิ์ เพื่อส่งต่อไปทั่วร่างได้
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่หลิงหยุนได้รักษาอาการป่วยให้กับเหอเหวินช่านจนพ้นขีดอันตรายแล้ว เขาจึงไม่สนใจสิ่งใดอีก และรีบเหาะมาหาที่สงบเงียบ เพื่อที่จะเริ่มกลั่นพลังปราณที่ดูดซับเข้าไปไว้ในจุดตันเถียนของตนทันที
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะเล็กๆที่ไม่มีชื่อและมีขนาดเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นเกาะเปลือยที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่สักต้น มีเพียงแค่วัชพืชกระจัดกระจายอยู่ทั่วเกาะ
หลิงหยุนหาพื้นที่นั่งลงขัดสมาธิและจัดการวางหินพลังชีวิตล้อมรอบตัว สร้างเป็นค่ายกลหลุมพลังขึ้น
บูม!
หลิงหยุนปลดปล่อยเปลวไฟห้าธาตุหยิน–หยางออกมาห่อหุ้มร่างกายไว้จากนั้นจึงเดินวิชาพลังลับหยิน–หยางไปทั่วร่าง
บูม!
ทันทีที่หลิงหยุนเดินวิชาพลังลับหยิน หยางกระแสวนก็ปรากฏขึ้นรอบตัว โดยมีร่างของเขาอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง ขนาดของกระแสวนหยินหยางเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่ากับค่ายกลหลุมพลัง จากนั้น กระแสวนหยินหยางก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นอย่างเต็มกำลัง
และเวลานี้กระแสวนหยินหยางก็มีขนาดใหญ่เท่าๆกับเปลวไฟห้าธาตุหยินหยาง โดยมีร่างของหลิงหยุนถูกทั้งสองสิ่งโอบล้อมไว้ตรงกลาง
ในระหว่างที่หลิงหยุนกลั่นพลังหยินและหยางในจุดตันเถียนให้บริสุทธิ์และค่อยๆโคจรไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างนั้น เปลวไฟห้าธาตุหยินหยาง ก็ได้บ่มเพาะพลังปราณ และเส้นลมปราณทั่วร่างของเขาไปอย่างเชื่องช้า..
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงต้องใช้เวลานานร่วมสองชั่วโมงกว่า ในการที่จะกลั่นพลังปราณหลากหลายที่ถูกดูดซับเข้าไปไว้ภายในจุดตันเถียนของตน ให้กลายเป็นพลังหยินและหยางที่บริสุทธิ์ ประหนึ่งเป็นพลังหยินและหยางที่กำเนิดจากร่างกายของตนเองเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันจุดซือไห่กลางหว่างคิ้วของหลิงหยุนเวลานี้ เสินหยวนก็กำลังหยดลงมาเป็นจำนวนมากราวกับห่าฝน และแทบจะเอ่อล้นออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่เรื่องนี้หลิงหยุนหาได้รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใดไม่เพราะเขารู้ดีว่า เมื่อใดที่เสินหยวนมีมากจนเอ่อล้นออกมา จะถูกกระบี่จักรพรรดิมังกร และพู่กันจักรพรรดิแห่งมนุษย์ ดูดซับเข้าไปอย่างแน่นอน!
“เรียบร้อยแล้วสินะ..”
หลิงหยุนสำรวจกลับเข้าไปมองภายร่างกายของตนเองและเมื่อพบว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดแล้ว เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
และเวลานี้..ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหยุนนั้น ข้างหนึ่งเป็นสีดำ และอีกข้างเป็นสีขาว..
จุดซือไห่ของหลิงหยุนในตอนนี้ได้ขยายกว้างจนครอบคลุมพื้นที่ส่วนสมองไว้ทั้งหมดแล้ว และเสินหยวนก็ได้ท่วมพื้นที่ส่วนสมองของเขาไว้ทั้งหมดเช่นกัน
ทั้งหมดนี้หลิงหยุนได้ทำการปูทางเพื่อที่จะตนเองเข้าสู่ขั้นชีเฉิงชี่
“นับจากนี้อีกไม่นานรอเพียงแค่เตรียมความพร้อมอีกไม่เท่าไหร่ ข้าก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นชีเฉิงชี่ได้แล้วสินะ!”
หลิงหยุนพึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืน และจัดการเก็บหินพลังชีวิตกลับเข้าไปในแหวนดังเดิม พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจกับสถานะของตนเองในเวลานี้อย่างมาก
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็หันหน้าไปทางท้องทะเล พร้อมกับยกมือขึ้นโบกไปมา!
ครืน!
ผิวน้ำในท้องทะเลบริเวณกว่าหนึ่งร้อยเมตรได้ปรากฏคลื่นขนาดใหญ่ขึ้น ผืนน้ำทั้งหมดค่อยๆรวมตัวกัน และพุ่งทะยานขึ้นสู่ห้วงอากาศเบื้องบน จนกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ และสูงกว่าสิบเมตร ก่อนจะค่อยๆซัดเข้าหาเกาะที่ไร้ชื่อแห่งนี้
จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาเบื้องบน และขึ้นยืนตระหง่านเหนือกำแพงคลื่นสูงใหญ่นั้น
เวลานี้หลิงหยุนที่อยู่บนท้องนภากว่าหนึ่งร้อยเมตร กำลังจ้องมองกำแพงคลื่นขนาดใหญ่ ที่กำลังซัดเข้าใส่เกาะเล็กๆไร้ชื่อตรงหน้า จนเกาะทั้งเกาะจมลงไปใต้น้ำในทันที หลังจากนั้น คลื่นขนาดใหญ่นั้นก็ค่อยๆทรุดตัวลง กลับคืนสู่ผืนน้ำในท้องทะเลอีกครั้ง
และนี่คือพลังที่แข็งแกร่งของวิชาคลื่นคงคา!
หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เหาะขึ้นไปบนท้องนภากว่าสองหมื่นเมตร พร้อมกับหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เข้าหาแสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ และเริ่มทำการฝึกวิชาดาราคุ้มกายต่อ..
จนกระทั่งสามชั่วโมงผ่านไปหลิงหยุนจึงได้หยุดการฝึกฝนไว้เพียงเท่านั้น และได้เหาะกลับไปที่รีสอร์ทในเวลาเกือบแปดโมงเช้า ………..
“หัวเชาฟานคาราวะท่านเซียนหลิน!”
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนปรากฏตัวขึ้นหัวเชาฟานก็รีบตรงเข้าไปทำการคาราวะ และทักทายหลิงหยุน ด้วยสีหน้าท่าทางเคารพนบนอบยิ่ง
หลิงหยุนจ้องมองหัวเชาฟานด้วยความสนใจก่อนจะเอ่ยถามยิ้มๆ “นี่เจ้ายังอยู่ที่นี่อีกรึ”
หัวเชาฟานถึงกับหน้าแดงก่ำพร้อมกับมีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนจะตอบหลิงหยุนไปด้วยท่าทีเคารพนบนอบเช่นเคย
“เอ่อ..หากท่านเซียนหลินไม่อนุญาต ข้าน้อยย่อมไม่กล้าจากไปโดยพลการ..”
“อ่อ..”
หลิงหยุนเพียงแค่ทำเสียงรับรู้อยู่ในลำคอแต่เลือกที่จะยังไม่กล่าวอะไร จากนั้นเขาจึงได้เดินตรงเข้าไปที่บ้านพักของเหอเหวินช่านทันที ในตอนนั้นเหอเหวินช่านเองก็ได้ตื่นนอนแล้วเช่นกัน โดยมีเหออวี้ฉงช่วยเช็ดหน้าเช็ดตา และทำความสะอาดให้ ใบหน้าของเหอเหวินช่านเวลานี้กลับมามีเลือดฝาดจนเป็นสีแดงอมชมพู แววตาก็เป็นประกายสดใส บ่งบอกว่าได้ผ่านการนอนหลับพักผ่อนมาอย่างเต็มที่
“ผู้น้อยเหอเหวินช่านขอบคุณท่านเซียนที่เมตตาช่วยเหลือ!”
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาในห้องนอนของตนเหอเหวินช่านก็รีบลุกจากเตียง และตรงเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับทำการคุกเข่าคาราวะอย่างไม่รีรอ..
“อาวุโสเหอไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตรองถึงเพียงนี้ก็ได้!”.
ต่อให้หลิงหยุนจะยิ่งใหญ่และเก่งกาจสักเพียงใดเขาก็ไม่อาจทนให้ชายชราอายุเก้าสิบกว่าปีทำการคุกเข่าคาราวะเขาได้แน่ เขาจึงรีบเอื้อมมือออกไปพยุงร่างของชายชราไว้ด้วยกิริยาท่าทางอ่อนโยน ทำให้เหอเหวินช่านไม่สามารถทำการคุกเข่าคาราวะหลิงหยุนได้สำเร็จดังที่ใจต้องการ
“แม่นางอวี้ฉงเจ้ามาพาท่านปู่ของเจ้ากลับไปนั่งลงเสียก่อน!”
เหออวี้ฉงรู้ดีว่าคำสั่งของหลิงหยุนเป็นเรื่องที่ไม่ควรขัดขืน นางจึงรีบมาพาตัวผู้เฒ่าเหอกลับไปนั่งอย่างรวดเร็ว
ส่วนหลิงหยุนก็เดินไปที่โซฟาด้านข้างพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งเช่นกัน..
หลังจากที่เหลือบมองปู่และหลานสาวอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดหลิงหยุนก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “อาวุโส.. ที่ข้ามามาเก๊าครั้งนี้ ก็เพราะมีภารกิจสำคัญสองเรื่อง เรื่องแรกคือรักษารักษาอาการเจ็บป่วยของอาวุโส และช่วยสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นกับตระกูลเหอ..”
“เวลานี้สุขภาพร่างกายของอาวุโสก็ได้ฟื้นคืน และกลับเป็นปกติแล้ว ส่วนศัตรูของท่านก็ถูกข้าจับตัวไว้ได้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
“ไม่ทราบว่าหลังจากนี้อาวุโสคิดที่จะจัดการเช่นใด” เหอเหวินช่านหันไปทางเหออวี้ฉงแทนคำตอบ..
“ท่านหลิน..สิ่งที่ท่านถามนั้น ท่านปู่กับข้าได้ปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว ท่านปู่บอกว่า เรื่องราวภายในตระกูลเหอนับจากนี้ ขอให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านหลิน!”
“….”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบโบกมือไปมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “อาวุโสเหอ นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลเหอ จะปล่อยให้ข้าเป็นผู้ตัดสินใจได้อย่างไรกันเล่า ไม่เหมาะสมกระมัง..”
“ท่านเซียนหลินท่านอย่าได้พูดแบบนั้นเลย หากไม่ได้ท่านเซียนหลินช่วยพวกเราไว้ในครั้งนี้ ผมกับหลานสาวอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ใครจะรู้..”
“อีกอย่าง..ตอนนี้ตระกูลเหอของเราก็ได้เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับชาวยุทธฝั่งทะเลจีนใต้แล้ว หลังจากท่านเซียนหลินจากไป ตระกูลเหอคงจะไม่มีความสามารถรับมือและต่อกรกับชาวยุทธพวกนั้นได้ เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าปฏิเสธเลย..”
เหอเหวินช่านแสดงเจตจำนงค์อย่างชัดเจนว่าต้องการให้หลิงหยุนดูแลตระกูลเหอในฐานะผู้นำ และให้อำนาจเขาจัดการทุกอย่างภายในตระกูลได้อย่างเต็มที่ หลิงหยุนจึงไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้อีก
“เอาล่ะ..หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทำในสิ่งที่ข้าควรจะต้องทำ!”
“พวกเจ้า..ไปนำตัวเหอไฉทง คุนปา และหัวเชาฟานมาพบข้าที่นี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร