บทที่ 1560 : สอบสวน
เพื่อความสะดวกในการจัดการกับภารกิจของตนเองเหอไฉทงจึงได้จัดการให้คนโยกย้ายแขกที่มาพักออกไปก่อนหน้าแล้ว
ฉะนั้นหลงจากที่หลิงหยุนสังหารยอดฝีมือคนอื่นๆตายจนหมด ภายในรีสอร์ทเวลานี้ นอกเหนือจากคนของหลิงหยุนแล้ว ทางด้านเหอไฉทงก็เหลืออยู่เพียงแค่สามคนเท่านั้น
และไม่นานนักหวังชงเซียวก็เดินเข้ามาพร้อมกับเหอไฉทง ในขณะที่พอลนำหัวเชาฟานเข้ามา ส่วนเจสเตอร์ก็เป็นผู้หิ้วร่างของคุนปาเข้ามา
แต่ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตูหลิงหยุนก็รีบยกมือขึ้นห้าม พร้อมกับโบกมือไล่เจสเตอร์ “จับมันไปทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน จะได้ไม่สกปรกเลอะเทอะห้องพักของผู้เฒ่าเหอ..”
“ครับเจ้านาย!” เจสเตอร์แลบลิ้นเลียริมฝีปากพร้อมกับนำร่างของคุนปาออกไปทันที!
หลังจากที่เหอไฉทงเข้าไปในห้องเขาก็รีบคลานเข่าเข้าไปหาเหอเหวินช่านผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว แล้วเริ่มร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ
“พ่อครับ!ลูกผิดไปแล้ว! ลูกอกตัญญู! ลูกโง่เขลา ถูกความโลภ และความอยากจะได้เป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเหอครอบงำจนหูหนวกตาบอด ลูกผิดไปแล้ว!!”
เพียะ..เพียะ.. เพียะ..
หลังจากนั้นเหอไฉทงก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับใช้มือตบหน้าตัวเองซ้ายขวา จนเสียงดังสนั่นไปทั่วห้องอยู่เช่นนั้น ในขณะที่เหอเหวินช่านได้แต่จ้องมองไปทางอื่นด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่ง และไม่แม้แต่จะปรายตามองไปทางเหอไฉทง
“ลูกโง่เขลานัก..ลูกผิดไปแล้ว..”
เวลานี้ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ในขณะที่เหอไฉทงเองก็ยังคงตบหน้าตัวเอง และเฝ้าคร่ำครวญอย่างสำนึกผิดไม่หยุด
เสียงตบหน้ายังคงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องจนกระทั่งผ่านไปนาทีกว่า ใบหน้าของเหอไฉทงก็เริ่มบวมเปล่ง ริมฝีปากปูดบวมจมพูดไม่เป็นภาษา
จนกระทั่งหลิงหยุนเห็นว่าพอสมควรแล้วเขาจึงหันไปมองเหออวี้ฉง ซึ่งนางเองก็เข้าใจความหมายที่หลิงหยุนต้องการสื่อได้ทันที จึงได้แต่หันไปดึงชายเสื้อของเหอเหวินช่านเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“คุณปู่คะ..”
ในที่สุดเหอเหวินช่านก็พูดขึ้นว่า“เจ้าลูกชั่ว! อย่าได้มาขอร้องอะไรฉันเลย เรื่องราวในตระกูลเหอนับจากนี้ ฉันยกให้เป็นหน้าที่ของท่านเซียนหลิน ชีวิตของแกจะอยู่หรือตาย ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเซียนหลินคนเดียว!”
“ห๊ะ…” เหอไฉทงได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ และทันทีที่ได้สติ เขาก็รีบหันไปทางหลิงหยุน พร้อมกับอ้อนวอนขอร้อง
“ท่านเซียนหลินได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!”
“ใครบอกว่าข้าจะฆ่าเจ้า”
หลิงหยุนเอ่ยต่อยิ้มๆ“หากข้าคิดจะฆ่าเจ้า เจ้ายังคิดว่าตนเองจะมีโอกาสได้ลืมตาขึ้นมามองแสงอาทิตย์ของรุ่งอรุณวันใหม่ได้งั้นรึ”
“อะไรนะ”
เหอไฉทงถึงกับตกตะลึงแววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และตกใจ จากนั้นจึงรีบโขกศรีษะพร้อมกับร้องตะโกนขอบคุณหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ขอบคุณท่านเซียน..ขอบคุณที่ไว้ชีวิต!!”
“เจ้าหุบปากก่อน..”
หลิงหยุนร้องตะโกนห้ามอย่างหมดความอดทนเขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “เอาล่ะ.. เวลานี้ทุกคนต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว เจ้าจงเล่ามาให้หมดว่า ที่ผ่านมาเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง เพื่อที่จะแย่งชิงตำแหน่งทายาทผู้สืบสมบัติตระกูลเหอ..”
“อ่อ..แล้วก็ห้ามโกหกแม้แต่คำเดียว เพราะหาไม่แล้ว..”
“ไม่กล้า!ผมไม่กล้าโกหกแน่ และจะพูดความจริงทุกอย่าง”
เหอไฉทงระล่ำระลักบอกหลิงหยุนด้วยความหวาดกลัวจากนั้น จึงได้ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นอีกครั้ง พร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราว และแผนการทั้งหมดของตนเอง ตั้งแต่เริ่มต้นให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด
นอกเหนือจากเล่าแผนการที่คิดจะแย่งชิงตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดสมบัติตระกูลเหอแล้วเหอไฉทงยังได้เล่าเรื่องที่ชาวยุทธฝั่งหนานหยางคิดที่จะยึดครองตระกูลเหอไว้เองด้วย รวมถึงวิธีการที่คนเหล่านั้นใช้ และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่หลิงหยุนคาดเดา
“แต่ถึงแม้ลูกจะต้องการได้เป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลเหอมากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายท่านพ่อกับอวี้ฉงเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่า.. ที่เรื่องราวมันกลับตาลปัตร และกลายเป็นเลวร้ายอย่างที่ทุกคนเห็นกันอยู่นั้น เป็นเพราะว่าครึ่งปีหลังนี้คุนปาเข้ามาแทรกแซง แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไปจากความตั้งใจเดิมของลูก จนกระทั่งอยู่เหนือการควบคุมของลูกอย่างที่เห็น..”
“คุนปาแสดงพลังอำนาจของตนเองต่อหน้าลูกและทุกครั้งที่ลูกอยู่ต่อหน้าเขา ลูกก็จะไม่สามารถต่อต้านได้เลยสักครั้ง..”
หลังจากเล่าจนจบเหอไฉทงก็ถึงกับร้องห่มร้องไห้ออกมา แม้จะดูเหมือนว่าเหอไฉทงใช้คุนปาเป็นข้ออ้างเพื่อให้พ้นผิด แต่หลิงหยุนรู้ดีว่า ทุกอย่างที่เหอไฉทงพูดนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
“เอาล่ะ..พอได้แล้ว!”
หลิงหยุนสั่งให้เหอไฉทงหยุดพูดจากนั้นจึงหันไปบอกกับเหอเหวินช่านว่า “เรื่องที่เขาเล่ามาทั้งหมดนั้น ข้าเองคาดเดาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว และเป็นเพราะเห็นว่าเขายังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง ที่ไม่คิดทำร้ายบิดาของตนเอง ข้าจึงเห็นว่าควรไว้ชีวิตเขา..”
“ขอบคุณที่เมตตา!ขอบคุณที่เมตตา!”
เหอไฉทงได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่า ตนเองนั้นรอดพ้นจากความตายแล้ว จึงได้รีบโขกศรีษะขอบคุณหลิงหยุน
“ในเมื่อท่านเซียนหลินตัดสินใจไว้ชีวิตแกฉันเองก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก!”
จากนั้นเหอเหวินช่านก็พูดกับลูกชายต่อว่า“แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัว และความโลภของแก ทำให้ตระกูลเหอของเราต้องเผชิญหน้ากับศัตรู จนเกือบได้รับความหายนะ เรื่องนี้ฉันไม่มีทางยกโทษให้แกแน่!”
“เพราะฉะนั้นหุ้นต่างๆที่เป็นของแก และกิจการต่างๆที่แกดูแลอยู่ จะต้องคืนกลับให้ตระกูลเหอทั้งหมด และนับจากนี้ไป อวี้ฉงจะได้เข้าไปบริหารดูแลกิจการของตระกูลเหอทั้งหมดแทนฉัน!”
“ฉันหวังว่าแกคงจะไม่มีอะไรขัดข้อง และจะไม่สร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก!”
“ครับ..ครับ.. ลูกจะจัดการทุกอย่างตามที่ท่านพ่อสั่ง!”
เหอไฉงทงรู้ว่านี่นับเป็นบทลงโทษที่เบาที่สุดของผู้เฒ่าเหอแล้ว เขาจึงไม่กล้าที่จะอ้อนวอนขอลดหย่อนโทษให้กับตัวเองอีก
จากนั้นเหอเหวินช่านก็โบกมือพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว อย่าไปนั่งอยู่แบบนั้น!”
เหอไฉทงรีบยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลออกมาเต็มหน้าผากของตนเองและเลือดสีแดงที่ไหลอยู่มุมปากออก จากนั้นจึงรีบลุกขึ้น และถอยออกไปยืนข้างๆแทน
หลิงหยุนเหลือบมองไปทางหัวชาวฟาน..
หัวเชาฟานเห็นท่าทางของหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าถึงคราวของตนเองแล้ว จึงได้ก้าวเดินออกไปยืนตรงหน้าหลิงหยุนทันที เขายกมือขึ้นประสานกันไว้ด้านหน้า พร้อมกับโน้มศรีษะลงเล็กน้อย และเอ่ยบอกหลิงหยุนไปว่า
“ไม่ทราบว่าท่านเซียนมีสิ่งใดต้องการชี้แนะหรือต้องการถามอะไรจากข้าน้อย”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า “ข้าได้ยินมาว่า เจ้าคือแขกที่เหอไฉทงเชิญมาเป็นพิเศษงั้นรึ”
“ถูกต้อง!”
หัวเชาฟานเอ่ยต่อทันที“ข้ามาตามคำรับเชิญของท่านเหอ มีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการอาศัยฐานะทางการเงินที่มั่งคั่งของตระกูลเหอ จัดหาทรัพยากรในการฝึกฝนวิชาเท่านั้น และตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าเองก็มีหน้าที่เพียงแค่คุ้มครองความปลอดภัยให้กับท่านเหอเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ยอดฝีมือหนานหยางคิดที่จะครอบครองตระกูลเหอนั้น ข้ามิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยแม้แต่น้อย..”
“แล้วเมื่อคืน..เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ด้วย” “เป็นหน้าที่ของข้าที่จะต้องติดตามท่านเหอไปทุกที่เพื่อคอยปกป้องคุ้มครองความปลดภัยให้กับเขา หากท่านเซียนหลินมิเชื่อ ก็ลองสอบถามท่านเหอได้..”
หลิงหยุนเหลือบมองไปทางเหอไฉทงและเหออวี้ฉง และพบว่าทั้งคู่ต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน เขาจึงได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วส่วนเรื่องที่ตระกูลเหอจะต้องการใช้เจ้าหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ฉะนั้น หากเจ้าต้องการจะไปจากที่นี่ก็ไปได้เลย..”
“ขอบคุณที่เมตตาไว้ชีวิตข้า!”
หัวเชาฟานคุกเข่าลงคาราวะและกล่าวขอบคุณหลิงหยุน หลังจากลุกขึ้นยืนแล้ว จึงได้เอ่ยขึ้นว่า
“ท่านเซียนหลินแม้ข้าจะไม่ใช่พวกเดียวกับคุนปา แต่ก็เป็นชาวยุทธหนานหยางเช่นกัน หากท่านเซียนหลินต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับชาวยุทธในแถบทะเลจีนใต้นี้ ข้ายินดีที่จะบอกเล่าให้ท่านฟังทั้งหมด..”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจเพราะนี่คือสิ่งที่เขากำลังต้องการ ไฉนจะปฏิเสธได้เล่า จากนั้นจึงตอบกลับไปว่า
“ดีมาก!รอให้ข้าสะสางเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้นก่อน หากต้องการรู้อะไรเพิ่มเติม ข้าจะไปตามหาเจ้าเอง..”
หัวเชาฟานคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะยอมรับความช่วยเหลือง่ายดายเช่นนี้จึงได้แต่พยักหน้า พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีอกดีใจ
“เอาล่ะ..ในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าแล้ว เจ้าก็ไปได้..”
หวังเชาฟานมีท่าทีตกตะลึงเล็กน้อยแต่แล้วก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าวอำลา แล้วจึงรีบจากไปทันที
“เจสเตอร์เจ้าทำความสะอาดคุนปาเสร็จแล้วหรือยัง”
เวลานี้เจสเตอร์ได้นำตัวคุนปามารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว..
“ถ้าเสร็จแล้วก็โยนมันเข้ามาข้างใน!”
ตุ้บ!
เจสเตอร์จับร่างของคุนปาโยนเข้ามาในห้องรับแขกทันทีและถึงแม้ว่าคุนปาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และเหลือพลังปราณในร่างเพียงแค่สิบส่วนเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาก็ฝึกถึงขั้นก่อสร้างรากฐานมาแล้ว จึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไป
“คุนปาข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หากเจ้าบอกเล่าความจริงให้ข้าฟังมาทั้งหมดว่า เหตุใดเจ้าจึงต้องการที่จะครอบครองตระกูลเหอ”
และเรื่องที่หลิงหยุนจะสืบสวนต่อจากนี้ก็ล้วนเป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากหน่วยนภา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร