บทที่ 1561 : ไร้ประโยชน์แล้ว
หากเปรียบเทียบกับปัญหาของตระกูลเหอแน่นอนว่าภารกิจของหน่วยนภานั้นย่อมสำคัญกว่ามาก นั่นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงประเทศชาติ
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในตำแหน่งอาวุโสของหน่วยนภา การที่โจวเหวินอี้มอบหมายภารกิจให้เขาทำ แต่เขากลับต่อรองกับอีกฝ่ายนั้น ทั้งคู่ต่างก็รู้แก่ใจดีว่า นั่นเป็นเพียงแค่การหยอกเย้าสนุกๆเท่านั้น
และการที่โจวเหวินอี้มอบหมายภารกิจนี้ให้หลิงหยุนทำก็มิใช่เพราะบังเอิญว่าหลิงหยุนจะเดินทางมาแถบนี้ แต่เป็นเพราะภารกิจที่เขามอบหมายให้นั้นสำคัญอย่างมาก และไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นทำได้นอกจากหลิงหยุน!
คนอย่างหลิงหยุนไม่เคยลังเลต่อรองหากเรื่องนั้นเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และการที่หลิงหยุนได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจนี้ ก็เป็นเรื่องที่เขายินดีและเต็มใจ
ในเมื่อเรื่องราวที่หลิงหยุนจะต้องจัดการหลังจากนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวพันถึงประเทศชาติ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถให้หัวเชาฟานอยู่ด้วยได้ จึงต้องขับไล่หัวเชาฟานออกไปจากที่นี่เสียก่อน
เนื่องจากตระกูลเหอมีอำนาจอิทธิพลอย่างมากในดินแดนแถบคาบสมุทรมาเก๊านี้ส่วนหลิงหยุนก็เป็นผู้ที่ช่วยนำพาตระกูลเหอให้พ้นจากหายนะ การที่ให้คนตระกูลเหออยู่ร่วมฟังด้วย พวกเขาจะสามารถใช้อำนาจอิทธิพลของตนเองที่มีอยู่ ช่วยเหลืองานของหลิงหยุนได้เป็นอย่างดี
ส่วนเหอไฉทงนั้นแม้ว่าจะได้ยินเรื่องราวทั้งหมดที่หลิงหยุนสนทนาในวันนี้ แต่หลังจากนั้น เขาก็สามารถทำการลบความทรงจำของเหอไฉทงได้ไม่ยาก
หลิงหยุนเริ่มทำการสอบสวนคุนปาโดยมีพอลทำหน้าที่เป็นล่ามให้เช่นเคย.. “ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วว่าการที่ข้ามามาเก๊าในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการนำไขหยกม่วงกลับไปฝึกฝนวิชาเท่านั้น โดยแลกกับการช่วยเหอไฉทงให้ได้เป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเหอ..”
คุนปาถูกเจสเตอร์นำไปล้างทำความสะอาดด้วยน้ำทะเลกว่าครึ่งชั่วโมงไม่เพียงร่างกายของเขาจะสะอาดสะอ้านกว่าเดิมมาก แต่เวลานี้ทั้งร่างกายและจิตใจก็ได้ตื่นตัวอย่างมากด้วยเช่นกัน
“เพ้อเจ้อ!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“เจ้าไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำไปว่า จะมีการนำไขหยกม่วงมาประมูลในงาน แต่เป็นเพราะเจ้าวางแผนที่จะครอบครองตระกูลเหออู่แล้วต่างหากเล่า เอาล่ะ.. บอกข้ามาได้แล้วว่า เหตุใดเจ้าจึงต้องทำเช่นนั้น!”
คุนปากได้แต่ปิดปากเงียบ..
นั่นเพราะเหตุผลที่หลิงหยุนเอ่ยขึ้นมานั้นฟังดูมีเหตุผลมากยิ่งกว่า จนคุนปาเองก็ไม่สามารถโต้เถียงได้ เพราะแม้แต่เด็กสามขวบได้ฟัง ก็ยังรู้ว่าคุนปาโกหก
หลิงหยุนยังคงนิ่งรอด้วยความอดทนอยู่ครู่หนึ่งแต่คุนปาก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมปริปาก และเอาแต่นั่งหลับตาอยู่เช่นนั้น
“คุนปา..ดูท่าคนอย่างเจ้าคงจะเข้าตำราหมูไม่กลัวน้ำร้อนสินะ! ได้! ข้าก็อยากจะรู้นักว่าเจ้าจะดื้อด้านไปได้อีกนานเพียงใด” หลิงหยุนเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
หลิงหยุนรู้ว่าที่คุนปาไม่ยอมพูดนั้นเพราะรู้สึกสิ้นหวังท้อแท้ ที่ตนเองได้สูญเสียพลังบ่มเพาะและแขนขาไป จึงไม่สนใจเรื่องความเป็นความตายของตนเองอีก
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเอ่ยต่อว่า “คุนปา ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง จงเล่าทุกอย่างออกมาแต่โดยดี แม้ว่าเจ้าจะรู้สึกท้อแท้จนไม่สนใจใยดีต่อชีวิตตนเอง แต่การที่เจ้าเลือกที่จะนิ่งเงียบ ข้าขอเตือนว่า นั่นจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของเจ้า!”
หลังจากที่พอลแปลให้ฟังแล้วแต่คุนปาก็ยังคงนิ่งเงียบ หลิงหยุนจึงลุกขึ้นยืน และเดินไปหาคุนปาพร้อมกับก้มลงเอ่ยออกไปว่า
“ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะรู้ดีไม่น้อย..บนโลกใบนี้มีสิ่งที่น่าเจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย! ตราบใดที่เจ้ายังไม่ปริปากพูดออกมา ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า แต่จะให้เจ้าได้ลิ้มรสของการอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลยทีเดียว!”
“และข้าก็เชื่อว่าเจ้าเองก็คงไม่อยากที่จะตกอยู่ในสภาพที่ต้องเจ็บปวด และทุกข์ทรมานเช่นนั้นแน่!”
เพียงแค่นั้นจู่ๆคุนปาก็ลืมตาขึ้นทันที เขาจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่ทั้งโกรธแค้น และหวาดกลัวระคนกัน
หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มและเอ่ยต่อว่า“เอาล่ะ.. ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จะพูด หรือไม่พูด!”
“อ่อ..ความจริงแล้วเรื่องที่เจ้าจะบอก หรือไม่บอกข้านั้น ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับข้าเลยแม้แต่น้อย เพราะต่อให้เจ้าไม่พูด ก็ไม่กระทบกับภารกิจของข้า..” หลิงหยุนหยุดพูดเพื่อให้พอลได้ทำหน้าที่แปลให้กับคุนปาฟัง แต่หลังจากที่ได้ฟังคำแปลของพอล สายตาของคุนปากลับมีเพียงความว่างเปล่า
“นี่เจ้าไม่เข้าใจงั้นรึ”
หลิงหยุนรู้สึกงุนงงสับสนกับท่าทีของอีกฝ่ายแต่แล้วก็เอ่ยต่อว่า “เมื่อคืนก่อนที่ข้าจะมาถึง เจ้าคงจะกระหยิ่มยิ้มย่องสินะว่า จะสามารถได้ครอบครองตระกูลเหอ ซึ่งเปรียบเสมือนถังข้าวสารใบใหญ่ของพวกเจ้า..”
จากนั้นหลิงหยุนก็กวาดตามองไปรอบๆห้อง พร้อมกับเอ่ยกับคุนปาว่า “แต่เจ้าดูตอนนี้สิ! เวลานี้มีผู้ใดบ้างที่มีชีวิตรอดมายืนเคียงข้างเจ้า”
“ข้าจะบอกอะไรให้..ต่อให้ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชาวยุทธหนานหยางเลย แต่รับรองว่านับจากนี้ไป หากข้าพบเจอชาวยุทธหนานหยางที่ใด พวกมันจะมีสภาพ และจุดจบไม่ต่างจากเจ้าในเวลานี้แน่!”
คำพูดของหลิงหยุนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าต่อให้คุนปาจะพูดหรือไม่พูด นับจากนี้ไป ชาวยุทธหนานหยางจะต้องหมดสิ้นไปจากโลกนี้ เพราะพวกมันจะต้องถูกเขาสังหารตายจนหมด!
“หึ!!”
ในที่สุดคุนปาก็ส่งเสียงเย้ยหยันออกมา แววตาที่จ้องมองหลิงหยุนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม พร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า “พวกเขาจะไม่มีจุดจบเช่นข้าแน่!”
“เจ้าประเมินยอดฝีมือหนานหยางอย่างเราต่ำเกินไปแล้วนอกจากท่านผู้นำและคนสนิททั้งสองแล้ว ก็ยังมีอาวุโสอีกถึงหกคน พวกเขาล้วนแล้วแต่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าข้ามากนัก หากเจ้าพบเจอ เจ้าต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายตายด้วยน้ำมือของพวกเขา!”
หลิงหยุนถึงกับประหลาดใจที่จู่ๆ คุนปาก็ยอมอ้าปากพูดง่ายๆ และในเมื่อเขายอมอ้าปากพูดเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลิงหยุนอีกต่อไป
“อ่อ..งั้นรึ!” หลิงหยุนแสร้งทำน้ำเสียงเย้ยหยันและเอ่ยดูถูกอีกฝ่าย “ต่อให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้าแล้วอย่างไร นี่เจ้าคิดว่าที่ข้าประมือกับเจ้าเมื่อคืนนี้ คือพลังทั้งหมดของข้าแล้วสินะ? ข้าจะบอกอะไรให้ นั่นเป็นพลังเพียงแค่สองสามส่วนของข้าเท่านั้น!”
“…”
คุนปาได้แต่นิ่งอึ้งไปและเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนนี้ เขาใช้พลังทั้งหมดที่มีในการประมือกับหลิงหยุน แต่หลิงหยุนกลับสามารถไล่ล่า และบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย ทำให้เขาเริ่มไม่มั่นใจว่า หลิงหยุนยังจะมีไพ่ในมืออะไรอีกบ้าง
แต่ความจริงแล้วคุนปาหารู้ไม่ว่า เมื่อคืนหลิงหยุนได้ใช้พลังทั้งหมดของตนในการจู่โจม และจัดการกับคุนปา และนำของวิเศษทั้งหมดที่มีออกมาจัดการกับเขาแล้ว..
“ตกลง..ข้ายอมพูดแล้ว!”
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดคุนปาก็เลือกที่จะบอกความจริงกับหลิงหยุน.. “ข้ารู้เพียงแค่ว่าตนเองถูกสั่งให้มาช่วยเหอไฉทงยึดครองสมบัติตระกูเหอทั้งหมด และหลังจากที่เหอไฉทงได้ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดทั้งหมดแล้ว ข้าก็มีหน้าที่ควบคุมเหอไฉทงอีกที และอาศัยตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเขา ที่มีอำนาจอิทธิพลในคาบสมุทรมาเก๊า สร้างความปั่นป่วนให้กับบ่อนคาสิโนทั้งหมด..”
“ข้าไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจแม้แต่น้อย..”หลิงหยุนค้านขึ้น
“หากสามารถสร้างความปั่นป่วนให้กับบ่อนคาสิโนในมาเก๊าได้ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อบ่อนคาสิโนในเกาะฮ่องกง และบ่อนคาสิโนในประเทศอื่นๆอีกด้วย ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ก็จะกลายเป็นความเดือดร้อนระดับประเทศ..”
“นี่เป็นเรื่องที่ใครๆก็คิดได้หากเจ้ายังคงพล่ามไร้สาระอีก ข้าคงไม่มีอะไรจะต้องถามเจ้าอีกแล้ว..” หลิงหยุนตะโกนบอกเสียงดัง
แต่หลังจากนั้นหลิงหยุนก็เห็นคุนปาแสยะยิ้ม พร้อมกับเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “หากมาเก๊ากับฮ่องกงเกิดปัญหาขึ้น ประเทศของเจ้ายังจะมีเวลามาวุ่นวายกับประเทศแถบทะเลจีนใต้อีกงั้นรึ”
“…”หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไป และได้แต่แอบคิดในใจว่า เป็นเช่นนี้นี่เอง!
และครั้งนี้หลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรคุนปาอีก นั่นเพราะหากพูดถึงหนานหยาง คนทั่วไปก็จะนึกถึงประเทศเล็กๆทางแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง และในประเทศเล็กๆเหล่านี้ ก็เริ่มมีผู้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังขึ้นแล้วเช่นกัน
ฉะนั้นแผนการที่คิดจะควบคุมเศรษฐกิจในแถบมาเก๊าและฮ่องกง เพื่อสร้างความโกลาหลปั่นป่วนให้เกิดขึ้นนั้น จึงนับว่าคิดการใหญ่มาก!
และหากเป็นเช่นนี้พวกมันจะต้องถูกทำลายล้างให้หมด!
จากนั้นหลิงหยุนก็ได้ยิ้มให้กับคุนปา พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีข้าคิดจะใช้เจ้าเป็นเหยื่อล่อชาวยุทธหนานหยาง แต่เวลานี้ หลังจากที่เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป..”
“ในเมื่อเจ้าหมดประโยชน์ต่อข้าแล้ว..”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาพร้อมกับหัวเราะร่วนจากนั้นกระบี่เหินเงาธนูก็พุ่งเข้าใส่จุดกึ่งกลางหว่างคิ้วของคุนปาอย่างรวดเร็ว!
คุนปาไม่มีโอกาสแม้แต่จะกรีดร้องออกมาและสิ้นใจตายในทันที!
สำหรับผู้ที่คิดจะคุกคามประเทศของเขาโทษของพวกมันคือตายสถานเดียว!
บทที่ 1562 : บุกรัง
กระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนพุ่งไปอยู่เบื้องหน้าของเหอไฉทงและเวลานี้เหอไฉทงที่เพิ่งได้เห็นกระบี่เหินเงาธนูสังหารคุนปาตายไปต่อหน้าต่อตา ก็รู้สึกผะอืดผะอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นตึงเครียดแทน เมื่อหลิงหยุนแสยะยิ้มออกมา และถามเขาว่า
“เจ้าได้ยินได้ฟังทั้งหมดแล้วตอบมา.. เจ้าเข้าใจบ้างหรือไม่”
เวลานี้เหอไฉทงหวาดกลัวสุดขีดสมองของเขาคล้ายกับคนที่ไม่รับรู้เรื่องราวอะไร มันตื้อจนคิดอะไรไม่ออก จึงได้แต่เอ่ยถามหลิงหยุนด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก..
“เข้า..เข้าใจเรื่องอะไรกัน”
หลิงหยุนหันไปทางร่างไร้วิญญาณของคุนปาพร้อมตอบกลับไปว่า “ธรรมชาติกำหนดทุกสิ่ง..”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร