Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1562

บทที่ 1562 : บุกรัง
  กระบี่เหินเงาธนูของหลิงหยุนพุ่งไปอยู่เบื้องหน้าของเหอไฉทงและเวลานี้เหอไฉทงที่เพิ่งได้เห็นกระบี่เหินเงาธนูสังหารคุนปาตายไปต่อหน้าต่อตา ก็รู้สึกผะอืดผะอมจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นตึงเครียดแทน เมื่อหลิงหยุนแสยะยิ้มออกมา และถามเขาว่า
  “เจ้าได้ยินได้ฟังทั้งหมดแล้วตอบมา.. เจ้าเข้าใจบ้างหรือไม่”
  เวลานี้เหอไฉทงหวาดกลัวสุดขีดสมองของเขาคล้ายกับคนที่ไม่รับรู้เรื่องราวอะไร มันตื้อจนคิดอะไรไม่ออก จึงได้แต่เอ่ยถามหลิงหยุนด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก..
  “เข้า..เข้าใจเรื่องอะไรกัน”
  หลิงหยุนหันไปทางร่างไร้วิญญาณของคุนปาพร้อมตอบกลับไปว่า “ธรรมชาติกำหนดทุกสิ่ง..”   “เจ้าดูคุนปาที่โง่เขลาสิ..แล้วเจ้าจะเข้าใจ!”
  เหอไฉทงไม่เข้าใจจริงๆว่าหลิงหยุนถามเรื่องอะไร และเขาต้องเข้าใจอะไรกันแน่
  แต่แล้วเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เป็นเพราะความโง่เขลาของคุนปา มันจึงต้องจบชีวิตลงเช่นนี้..”
  เหอไฉทงได้แต่เอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้างุนงง“เอ่อ.. ท่านเซียนหลินได้โปรดชี้แนะ และบอกผมมาตามตรงเถิดนะครับ!”
  “สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกกับเจ้าก็คือ..เรื่องแรก หากมิใช่เพราะข้ามาตระกูลเหอในครั้งนี้ เจ้าจะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเหอตามที่เจ้าปรารถนาแน่ แต่เจ้าก็จะเป็นได้เพียงแค่หุ่นเชิดของชาวยุทธฝั่งหนานหยางเท่านั้น..”
  “เจ้าเคยถามตนเองหรือไม่ว่าเจ้าต้องการที่จะเป็นผู้สืบทอดมรดกทั้งหมดของตระกูลเหอ โดยที่ตัวเองเป็นได้เพียงแค่หุ่นเชิดของพวกมันหรือไม่”   “ข้อสอง..หากชาวยุทธฝั่งหนานหยางสามารถควบคุมเจ้าได้แล้ว พวกมันก็จะเข้าควบคุมตระกูลเหอต่อไป จากนั้นพวกมันก็จะค่อยๆทำตามแผนที่วางไว้ทีละขั้นๆ และเป้าหมายของพวกมันก็คือ ต้องการสร้างความระส่ำระสายให้กับประเทศจีน..”
  “และหากพวกมันทำสำเร็จจริงถึงเวลานั้น ความโกรธของข้าคงจะต้องพุ่งขึ้นถึงขีดสุดเป็นแน่ เจ้าลองใคร่ครวญดูว่า เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะมีกี่ชีวิตให้ข้าสังหารเพื่อระบายความแค้นกัน และที่สำคัญ เจ้าคิดว่าถึงตอนนั้น ตระกูลเหอของเจ้ายังจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้อีกอย่างนั้นหรือ”
  หลิงหยุนซึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าร่างไร้วิญญาณของคุนปาอธิบายเหตุและผลที่ตระกูลเหอจะต้องเผชิญ ให้เหอไฉทงฟังด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัด
  และเวลานี้ใบหน้าของเหอไฉทงก็ซีดเผือด เหงื่อเย็นไหลท่วมร่าง และถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว..   “แต่ไหนแต่ไรมาตามธรรมเนียมแล้ว บุตรชายคนโตของตระกูล ย่อมมีสิทธิ์ที่จะได้ครอบครองทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูล การที่เขาคิดอยากครอบครองตระกูลเหอ จึงไม่นับว่าเป็นความคิดที่ผิดอะไร ในเมื่อเจ้าเองก็เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเหอ..”
  “แต่..ท้ายที่สุด ธรรมชาติจะคัดสรรผู้ที่เหมาะสมเท่านั้น และนี่คือกฏธรรมชาติ!”
  “แม้ว่าเจ้าจะไม่เห็นด้วยและต้องการที่จะต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์ของตนเอง เจ้าก็ควรใช้วิธีที่ถูกต้อง หากหลานสาวของเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ความสามารถของเจ้าจริงๆ ข้าเชื่อว่า นางย่อมต้องสูญเสียความมั่นใจในตนเองลงไป และยินดีที่จะช่วยงานเจ้าอย่างแน่นอน!”
  “แต่นี่เจ้ากลับใช้วิธีชั่วช้ากับคนที่เจ้าไม่ควรทำด้วยเพียงเพื่อให้ตนเองได้ครอบครองตระกูลเหอ เรื่องนี้.. แม้แต่ข้าเองยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรจึงจะสาสมกับความผิดที่ทำลงไป!”
  เมื่อกล่าวมาถึงตอนนี้หลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับสรุปให้เหอไฉทงฟัง “ที่ข้ากล่าวมายืดยาวทั้งหมดนั้น ก็เพื่อจะเตือนเจ้าว่า นับจากนี้ไป เจ้าควรระมัดระวังการกระทำของตนเองให้มาก และทำหน้าที่ของตนเองให้ดี เพราะหากเจ้าก้าวพลาดแม้แต่ก้าวเดียว เจ้าอาจจะหลงทางจนกู่ไม่กลับได้ และจะไม่มีโอกาสกลับตัวเหมือนเช่นครั้งนี้อีก.. ”
  หลังจากที่หลิงหยุนกล่าวจบร่างของเหอไฉทงก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น..
  ใบหน้าที่ซีดขาวและร่างที่ยืนแน่นิ่งอยู่นานนั้น เริ่มมีสีหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเศร้างสร้อย และทรุดร่างลงคุกเข่ากับพื้น พร้อมกับบอกหลิงหยุนว่า
  “ท่านเซียนหลินผมเข้าใจแล้ว เวลานี้ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว และยินดีที่จะรับการลงโทษจากท่านเซียนด้วยความเต็มใจ!”
  หลังจากที่ได้เห็นปฏิกิริยาของเหอไฉทงหลิงหยุนก็เปลี่ยนใจที่จะลบความทรงจำในเหตุการณ์นี้ของเขา อีกทั้งสิ่งที่คุนปาเอ่ยออกมาก่อนสิ้นใจนั้น ก็มิได้มีส่วนไหนสลักสำคัญมาก..
  จากนั้นเหอเหวินช่านก็ได้ลุกขึ้นยืน เขาเดินผ่านร่างของเหอไฉทงที่คุกเข่าอยู่ และตรงไปหาหลิงหยุนแทน พร้อมกับกล่าวขอบคุณหลิงหยุนจากใจจริง
  “ผมขอขอบคุณท่านเซียนยิ่งนักที่ช่วยอบรมสั่งสอนชี้แนะเจ้าสุนัขตัวนี้!”
  หลิงหยุนกวาดตามองไปรอบห้องจากนั้นจึงได้เอ่ยกับเหอเหวินช่านว่า “อาวุโส ข้าช่วยสะสางปัญหาใหญ่ของตระกูลเหอให้แล้ว เรื่องภายในตระกูลเหอหลังจากนี้ ข้ามิต้องการเข้าไปก้าวก่าย ฉะนั้น อาวุโสได้โปรดปรึกษากับแม่นางเหอ และสะสางกันเองเถิด”
  และสิ่งแรกที่เหอเหวินช่านตั้งใจจะทำหลังจากนี้ก็คือการเรียกประชุมสมาชิกตระกูลเหอทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อที่จะประกาศแต่งตั้งเหออวี้ฉงให้เป็นทายาทผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดของตระกูลอย่างเป็นทางการ
  หาไม่แล้วฐานะของเหออวี้ฉงก็จะไม่เป็นไปอย่างถูกต้องเสียที!
  เหอเหวินช่านพยักหน้าพร้อมตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ผมจะทำตามที่ท่านเซียนหลินชี้แนะ..”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าให้เหอเหวินช่านจากนั้นจึงหันไปโบกมือให้กับลูกน้องทั้งหมดของตน
  “พวกเจ้าทั้งหมดตามข้ามานำร่างของคุนปามาด้วย!”
  หลังจากร้องตะโกนสั่งทุกคนแล้วทั้งหวังชงเซียว
  หลังจากร้องตะโกนสั่งทุกคนแล้วทั้งหวังชงเซียว พอล และคนอื่นๆ ต่างก็พากันตามหลิงหยุนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเจสเตอร์ทำหน้าที่หิ้วร่างของคุนปาตามออกไป
  หลิงหยุนตะโกนสั่งเอ็ดเวิร์ด“เอ็ดเวิร์ด เจ้านำทุกคนตามข้าไปที่ป่าทางด้านตะวันออกของรีสอร์ทแห่งนี้!”
  ในไม่ช้าหลิงหยุน หวังชงเซียว และแวมไพร์ทั้งห้า ต่างก็มาถึงป่าด้านตะวันออกของรีสอร์ และที่หลิงหยุนพาทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อจัดการทำลายร่างไร้วิญญาณของคุนปานั่นเอง
  “เวลานี้ประคำโลหิตอยู่ที่ผู้ใดนำมันออกมาให้ข้า..”
  “เจ้านาย..อยู่ที่ข้าเอง!”
  เอ็ดเวิร์ดเอ่ยตอบพร้อมกับนำประคำโลหิตออกมามอบให้กับหลิงหยุน
  “คุนปาผู้นี้เข้าสู่ขั้นก่อสร้างรากฐานแล้วพวกเจ้าคงไม่สามารถดูดเลือดของมันได้ จะต้องใช้ประคำโลหิตนี้ดูดซับออกมา..”
  หลังจากที่กล่าวจบหลิงหยุนก็จัดการยัดประคำโลหิตในมือ เข้าไปในร่างของคุนปา หลังจากนั้นก็หยิบเครื่องมือสื่อสารของมันออกมาโยนให้กับพอล
  “พอลเจ้าดูเครื่องมือสื่อสารนี่ที ยังใช้การได้อยู่หรือไม่”
  พอลจับมาพลิกดูก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆ“ยังใช้งานได้เจ้านาย!”
  “ดี..เจ้าเก็บเครื่องมือสื่อสารนี้ไว้กับตัว ดูสิว่าจะมีผู้ใดติดต่อกลับมาหรือไม่ หากมีผู้ใดติดต่อมา เจ้าต้องรีบบอกให้ข้ารู้ทันที!”
  “ครับเจ้านาย!”
  หลิงหยุนจ้องมองร่างของคุนปาหลังจากที่นำประคำโลหิตใส่เข้าไปในร่างของมันแล้ว เลือดในกายที่แข็งตัว ก็ค่อยๆสลายกลายเป็นของเหลวสีแดงไหลทั่วร่าง
  “เอาล่ะ..สามารถดูดเลือดของมันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปมองและพบกับดวงตากลมโตของแวมไพร์ทั้งห้า จนเขาอดที่ยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ร้องตะโกนบอกไปว่า
  “พอล..เจ้าเข้ามาดูดเลือดของคุนปาก่อน หลังจากนั้นค่อยเปลี่ยนให้ผู้อื่นดูดต่อ”
  “ครับเจ้านาย!”
  หลังจากที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนแวมไพร์อีกสี่ตนก็มีสีหน้ากระวนกระวายขึ้นมาทันที และได้แต่มองพอลด้วยสีหน้าอ้อนวอน
  “พวกเจ้าไม่ต้องมองข้าด้วยสีหน้าแววตาเช่นนี้อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ในระหว่างที่ข้าไปทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับเจ้านายเมื่อคืนนี้ พวกเจ้าได้ดูดเลือดของพวกมันไปตั้งมากมายเพียงใด”
  หลิงหยุนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาส่วนแวมไพร์ทั้งสี่ตนถึงกับหน้าเหี่ยวขึ้นมาทันที แต่เอ็ดเวิร์ดก็เอ่ยปลอบโยนทุกคนว่า
  “เจ้านายสั่งสอนให้พวกเราเป็นสุภาพบุรุษพวกเจ้าจำไม่ได้งั้นรึ”
  พอลเดินเข้าไปหาร่างของคุนปาพร้อมกับใช้เวทย์มนต์แวมไพร์ทำการดูดเลือดของคุนปาเข้าไปทันที และไม่นานนัก โลหิตในร่างของคุนปาก็ถูกพอลดูดไปกว่าครึ่ง และที่เหลือก็เป็นของแวมไพร์อีกสี่ตนแบ่งกัน
  ท้ายที่สุดร่างของคุนปาก็เหือดแห้ง ไม่หลงเหลือโลหิตแม้แต่หยดเดียว..   หลิงหยุนจัดการนำประคำโลหิตกลับคืนมาจากร่างของคุนปาและจัดการใช้วิชาหงส์เล่นไฟเผาร่างของมันจนเป็นเถ้าถ่าน แล้วจึงจัดการทิ้งเถ้าถ่านนั้นลงท้องทะเลไป
  “พวกเจ้าทั้งหกคนจัดการแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองผู้เฒ่าเหออยู่ที่นี่ ส่วนอีกสามคนคอยปกป้องคุ้มครองเหออวี้ฉง หากผู้ใดเข้ามาสร้างปัญหา พวกเจ้าจัดการสังหารมันได้ทันที!”
  “เจ้านายได้โปรดวางใจ!”
  “หวังชงเซียวระหว่างนี้เจ้าคอยจับตาดูเหอไฉทงไว้ให้ดี หากเขาทำตัวผิดปกติ รีบรายงานให้ข้ารู้ทันที!”
  “น้อมรับคำสั่ง!”
  หลังจากสั่งการเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็ส่งประคำโลหิตคืนให้กับพอล พร้อมกับกำชับว่า “เจ้าจัดการใช้ประคำโลหิตปรับแต่งโลหิตในกาย หลังจากนั้นค่อยคืนให้กับข้า ข้าจำเป็นต้องใช้มัน!”   “ขอบคุณเจ้านาย”
  หลังจากที่ลูกน้องทั้งหกกลับไปแล้วหลิงหยุนก็หยิบวิทยุสื่อสารของหน่วยนภาออกมา และติดต่อไปหาโจวเหวินอี้
  “อาวุโส..ข้าจัดการสังหารศัตรูเรียบร้อยแล้ว เวลานี้ตระกูลเหอปลอดภัยดี!”
  “หลังจากนี้ได้เวลาที่จะล่องูออกมาจากรูแล้ว ทันทีที่พวกมันปรากฏตัว ข้าจะใช้โอกาสนี้สังหารชาวยุทธหนานหยางให้สิ้น แม้จะต้องบุกรังของพวกมันก็ตาม!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร