บทที่ 1564 : นี่ล่ะชีวิต
ในเมื่อชายชราให้เกียรติเขาเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลเหอเช่นนี้หากหลิงหยุนยังดึงดันที่จะจากไปในตอนนี้ ก็เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท และทำร้ายจิตใจของผู้เฒ่าเหอจนเกินไป เขาจึงต้องอยู่ตามคำเชื้อเชิญ
อีกอย่างเขาเองก็ต้องการที่จะดูว่า ชายชราจะมาไม้ไหนกันแน่ และอยากจะรู้ว่าเรื่องที่ผู้เฒ่าเหอเรียกประชุมนั้น จะเกี่ยวข้องกับตนเองเช่นใด
หลังจากนั้นไม่นานนักภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ของเหออวี้ฉง ก็มีรถหรูทยอยขับเข้ามาจอดคันแล้วคันเล่า และเวลานี้ เหล่าสมาชิกตระกูลเหอก็เริ่มเดินทางมาถึงกันบ้างแล้ว
แต่ผู้ที่มาถึงก่อนใครนั้นกลับเป็นทนายสองคน คนหนึ่งเป็นชายสูงวัย ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาว..
“คุณทนายทั้งสองคะนี่คือคุณหลิน!” “คุณหลินคะ..นี่คือทนายที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮ่องกงและมาเก๊าค่ะ นี่มิสเตอร์เวเบอร์เป็นทนายประจำตัวของคุณปู่ ส่วนนี่ก็ลินดาค่ะ เป็นทนายของฉันเอง!”
หลังจากที่เห็นทนายทั้งสองคนเดินเข้ามาเหออวี้ฉงจึงรีบลุกขึ้น และแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันทันที
หลิงหยุนพอจะรู้ว่ากฏหมายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งในแถบนี้ มีการประชุมเหล่าสมาชิกของตระกูลเหอขึ้นทั้งที การมีทนายมาร่วมด้วยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หลังจากที่เหออวี้ฉงแนะนำแล้วหลิงหยุนก็เพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ เป็นการทักทายทนายทั้งสองคนเท่านั้น
มิสเตอร์เวเบอร์เองก็เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยให้หลิงหยุนเป็นการทักทายเช่นกันจากนั้นจึงได้เดินตรงเข้าไปหาเหอเหวินช่านทันที
แต่ทนายสาวที่ชื่อลินดานั้นดูเหมือนจะค่อนข้างหงุดหงิด และไม่พอใจกับท่าทางไร้มารยาทของหลิงหยุนนัก และได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ตระกูลเหอไปรู้จักกับคนไร้มารยาทแบบนี้ได้อย่างไรกัน
แต่ถึงแม้เธอจะรู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิดกับการแสดงออกที่ไม่สุภาพของหลิงหยุนนัก ในสายตาของเธอ หลิงหยุนก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น หลังจากปรายตามองหลิงหยุนด้วยหางตาแล้ว เธอก็ไม่สนใจเขาอีกเลย และจงใจดึงเหออวี้ฉงให้ไปยืนคุยกับเธอตามลำพังที่ด้านข้างแทน
ส่วนหลิงหยุนกลับยังคงดื่มชาด้วยสีหน้าท่าทางสงบนิ่งเช่นเคยเขาเห็นสีหน้าท่าทางการแสดงออกของลินดาอย่างชัดเจน แต่เขาก็มิได้สนใจกับปฏิกิริยาของเธอแม้แต่น้อย อีกอย่าง เขาเองก็อยู่ในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้น และหากไม่ใช่เพราะเหอเหวินช่านขอร้องให้เขาอยู่ เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักกับคนเหล่านี้ด้วยซ้ำไป..
หลังจากที่ทนายทั้งสองคนนั่งลงได้ไม่นานเหล่าสมาชิกของตระกูลเหอก็เริ่มทยอยกันเข้ามาในห้องรับแขก..
ลูกชายและลูกสาวคนอื่นๆของเหอเหวินช่านแต่ละคนต่างก็มีทั้งลูกชายลูกสาว และหลานชายหลานสาวนับสิบ เฉพาะหลานสาวในวัยเดียวกับเหออวี้ฉงก็มีมากกว่าสิบคนแล้ว ไหนยังจะเด็กๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอีก เวลานี้ภายในห้องรับแขกจึงอัดแน่นไปด้วยสมาชิกของตระกูลเหอ จนบางคนไม่มีที่จะนั่งก็มี
นี่นับเป็นการเปิดหูเปิดตาหลิงหยุนอย่างมากและเขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อย!
ทุกคนที่อยู่ในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานของเหอเหวินช่าน ซึ่งตามกฏหมายแล้ว แต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีสิทธิ์ที่จะได้รับมรดกของเขาเช่นกัน!
หลิงหยุนอดไม่ได้ที่จะเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดูสีหน้าท่าทางของเหอไฉทงซึ่งเวลานี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เขาไม่ได้นึกตำหนิเหอไฉทงเลยแม้แต่น้อย ในฐานะที่เขาเป็นลูกชายคนโต และตระกูลเหอก็มีทายาทมากมายถึงเพียงนี้ หากเหอเหวินช่านตายไปโดยที่ไม่ได้จัดการแบ่งทรัพย์สมบัติให้เรียบร้อย และหากเหอไฉทงไม่ต่อสู้แย่งชิงด้วยตัวเองเช่นนี้ ถึงวันนั้นมรดกที่เหลือถึงมือของเขา คงจะมีไม่มากนัก!
เวลาล่วงเลยไปจนใกล้เที่ยงในที่สุดสมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลเหอก็เดินทางมาถึง เหออวี้ฉงเป็นผู้ไปรับ และพามาแนะนำให้หลิงหยุนรู้จักด้วยตัวเอง
หลิงหยุนที่นั่งนิ่งอยู่นานมากแล้วในที่สุดก็ได้โอกาสลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเสียที และเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปทักทายเหอไฉจ้าวพ่อของเหออวี้ฉงก่อน
อีกอย่าง..ไม่แน่ว่าในวันข้างหน้า หากถังเมิ่งลงเอยกับเหออวี้ฉงจริง เหอไฉจ้าวก็จะกลายมาเป็นพ่อตาของถังเมิ่ง เขาจึงต้องให้หน้าเหอไฉจ้าวเสียหน่อย!
ในขณะที่สมาชิกบางส่วนของตระกูลเหอที่อยู่ในห้องต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงงสงสัยว่า ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่ และมีความสำคัญอย่างไร และเป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกคนในห้องจะสามารถจดจำได้ว่าเขาคือหลิงหยุนเพราะเวลานี้ นอกจากเขาจะเรียกแทนตนเองว่าหลินเทียนแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ยังเป็นหลินเทียนอีกด้วย!
“อะแฮ่ม..อะแฮ่ม..”
หลังจากที่เหอเหวินช่านกระแอมออกมาสองครั้งเสียงดังหนวกหูภายในห้องก็เงียบลงในทันที!
เหอเหวินช่านลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางสง่าผึ่งผายสายตาของเขากวาดมองไปรอบห้อง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่ทรงพลังอำนาจ
“ฉันสั่งให้พวกแกมาประชุมไม่ได้สั่งให้พาลูกหลานมารวมตัว แล้วพวกแกพาเด็กๆที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาด้วยทำไมกัน ขนลูกเล็กเด็กแดงมากันเต็มบ้านจนเสียงดังหนวกหูแบบนี้ จะประชุมกันได้ยังไง?”
“พวกแกฟังฉันให้ดีแล้วก็ทำความเข้าใจใหม่ด้วย.. ไม่มีประโยชน์ที่พวกแกจะหอบลูกหอบหลานมากันเต็มบ้าน เพราะใช่ว่าใครมีลูกหลานมากกว่า ก็จะได้แบ่งสมบัติมากกว่า..”
“เอาล่ะ..การประชุมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ออกไปรอข้างนอกก่อน!”
หลังจากเหอเหวินช่านพูดจบสีหน้าของเด็กๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างก็เปลี่ยนเป็นผิดหวังในทันที แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าที่ลุกขึ้นต่อล้อต่อเถียงกับผู้เฒ่าเหอแน่..
“ไปได้แล้ว..ออกไปข้างนอกกันก่อน ไปเล่นที่สวนหน้าบ้านกันนะ!”
ผู้ใหญ่คนหนึ่งร้องตะโกนบอกเด็กๆให้ออกไปจากห้องรับแขกทันที จากนั้น เสียงของผู้เฒ่าเหอก็ดังขึ้นเป็นสองเท่า
“อวี้ฉง..มายืนข้างๆปู่!”
ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็ไม่ได้โง่การแสดงออกที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดของเหอเหวินช่าน ทำให้พวกเขาต่างก็เข้าใจอะไรได้อยา่งชัดเจน
แม้ลูกชายและลูกสาวคนอื่นๆของเหอเหวินช่านจะรู้สึกไม่พอใจนักหลังจากระล้าระลังเล็กน้อย ก็ได้แต่ไล่ลูกหลานของตนเองออกไปนอกห้องตามความต้องการของผู้เฒ่เหอทันที
เวลานี้ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ เมื่อคนกว่าครึ่งออกไปแล้ว ทำให้ภายในห้องโล่งขึ้นมาก และมีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคน
หลังจากที่เหออวี้ฉงเดินมายืนอยู่ข้างกายของตนเองแล้วเหอเหวินช่านก็ได้ร้องตะโกนสั่งให้เหอไฉทงเข้ามาหา
“ไฉทง..แกเองก็เข้ามาด้วย!”
เหอไฉทงที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับยิ้มออกมาและค่อยๆเดินมายืนอยู่กลางห้อง แต่เหอเหวินช่านไม่แม้แต่จะปรายตามอง หลังจากกวาดสายตามองไปทางลูกคนอื่นๆแล้ว ในที่สุดเขาก็พูดขึ้นว่า
“อาการป่วนเรื้อรังมานานกว่าหนึ่งปีของฉันในที่สุดก็หายดีแล้ว! ส่วนอวี้ฉงก็กลับมาอย่างปลอดภัย การที่อวี้ฉงกับฉันสามารถมายืนต่อหน้าพวกแกเช่นนี้ได้ หลายคนคงจะรู้สึกผิดหวัง แล้วก็ประหลาดใจสินะ”
การที่ผู้เฒ่าเหอเปิดปากพูดออกไปตรงๆเช่นนี้ทำให้หลายคนในห้องได้แต่นิ่งเงียบ และเอาแต่นั่งก้มหน้า เพราะหลายคนในห้องนี้ ก็ร่วมมือกับเหอไฉทงในการกำจัดเหออวี้ฉงเช่นกัน ดังนั้น ต่อหน้าสายตาที่แหลมคมของผู้เฒ่าเหอ พวกเขาจึงได้แต่นั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ไฉทง..เวลานี้อยู่ต่อหน้าพี่น้องทุกคนแล้ว แกเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง!”
เหอไฉทงรู้ตัวดีว่าครั้งนี้คงไม่อาจรักษาหน้าของตนเองไว้ได้อีกแล้ว ต่อหน้าหลิงหยุน เขาจึงได้แต่ยืดอกยอมรับผิด และสารภาพความผิด พร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด เขาเล่าแม้กระทั่งเรื่องที่ตนเองรับปากชายชราว่า จะโอนหุ้นและยกกิจการของตนเองทั้งหมดให้กับเหออวี้ฉงด้วย
“อกตัญญูสิ้นดี!”
“ชั่วช้า!” “เป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลแต่กลับทำเรื่องอกตัญญูแบบนี้ได้ยังไง”
“สมควรแล้วที่ต้องถูกทำโทษ!”
ระหว่างที่นิ่งฟังลูกๆแต่ละคนของเขากร่นด่าและสาปแช่งเหอไฉทงนั้น เหอเหวินช่านก็ได้แต่นั่งนิ่งราวกับกำลังดูการแสดงในภาพยนตร์..
นี่สินะชีวิต..เมื่อใดที่พลาดและล้มลง ทุกคนก็พร้อมที่จะเหยียบซ้ำ แม้กระทั่งพี่น้องที่คลานตามกันมา!
เหอไฉทงได้แต่คิดในใจว่า‘พวกแกก็ไม่ต่างจากไฉทงเลยแม้แต่น้อย ในช่วงเวลาที่ฉันตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต พวกแกหายหน้าหายตาไปไหนกันหมด มีใครโผล่หัวมาให้ฉันเห็นบ้าง?’
แต่ชายชรามีชีวิตอยู่มานานจนเลยครึ่งชีวิตมาไกลมากแล้วเขาคร้านที่จะกร่นด่าใครอีก จึงได้แต่หันไปยิ้มให้หลิงหยุนที่กำลังนั่งดูการแสดงของคนพวกนี้อยู่เช่นกัน “พวกแกรู้มั๊ยว่าหลังจากตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงนั้น ฉันสามารถเอาชีวิตรอดออกมา จนสามารถมานั่งอยู่ต่อหน้าพวกแกทุกคนในเวลานี้ได้อย่างไร ใครที่ไปช่วยฉันออกมา?”
หลังจากที่เหอเหวินช่านร้องตะโกนถามออกไปเขาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกับประกาศเสียงดังว่า
“เป็นเพราะท่านเซียนเหลียนผู้นี้ยังไงล่ะฉันถึงได้รอดชีวิตกลับมาได้!”
��
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร