บทที่ 1565 : อำนาจในการตัดสินใจ
คำประกาศของเหอเหวินช่านได้สร้างความประหลาดใจให้กับสมาชิกตระกูลเหอภายในห้องแทบทุกคน เว้นแต่เหออวี้ฉงกับเหอไฉทงเท่านั้น ที่เหลือล้วนแล้วแต่อยู่ในอาการตกตะลึงทั้งสิ้น!
“ห๊ะ!เขานี่นะ?!”
“นี่น่ะเหรอคนที่ช่วยชีวิตท่านพ่อไว้..เป็นไปได้ยังไงกัน”
“นั่นน่ะสิ!แถมท่านพ่อยังเรียกเขาว่าท่านเซียนอีกด้วย”
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กัน และดูเหมือนพวกเขาจะไม่เชื่อเสียมากกว่า..
“หรือนี่จะเป็นแผนของอวี้ฉงกับพี่ใหญ่พวกเขาสองคนอาจรวมหัวกันสร้างเรื่องโกหกท่านพ่อก็ได้?”
และคำพูดประโยคสุดท้ายนั้นก็ออกมาจากปากบุตรสาวในวัยสี่สิบปีคนหนึ่งของเหอเหวินช่าน สายตาของเธอที่จ้องมองหลิงหยุนผ่านแว่นบนใบหน้านั้น บ่งบอกชัดเจนว่า เธอมองหลิงหยุนเป็นพวกต้มตุ๋นสิบแปดมงกุฏิ มากกว่าจะเป็นเซียน..
เพียะ!!
แต่ทันทีที่หญิงวัยกลางคนพูดจบเสียงฝ่ามือฟาดกระทบใบหน้าก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง และร่องรอยของนิ้วทั้งห้า ก็ยังคงปรากฏชัดเจนอยู่บนใบหน้าของเธอ
“ห๊ะ!”
บุตรสาวของเหอเหวินช่านถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจเธอจ้องมองฝ่ามือขงตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา และเวลานี้เธอเองก็ยังคงงุนงงอยู่ว่า เมื่อครู่จู่ๆตัวเธอเองก็ไม่สามารถควบคุมมือของตนเองไว้ได้ และมือข้างนั้นก็ยกขึ้นฟาดเข้ากับใบหน้าของตนเองอย่างแรง..
‘ตบหน้าตนเอง..เหตุใดต้องตกใจถึงเพียงนี้เล่า’ หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจแต่แสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงหันไปทางเหอเหวินช่านพร้อมกับประสานฝ่ามือไว้ข้างหน้า ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ผู้เฒ่าเหอกล่าวชมเกินไปแล้ว!การช่วยเหลือคนเป็นเรื่องที่สมควรยิ่ง อีกอย่าง ข้าเองก็มิได้ลำบากอะไร!”
เพียงแค่ชั่วพริบตาเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภายในห้องก็เงียบลงทันที เวลานี้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัด แม้เข็มสักเล่มตกก็คงได้ยินอย่างชัดเจน และตอนนี้ ก็ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์อะไรออกมาอีกเลย
ทุกคนในครอบครัวต่างก็รู้จักนิสัยใจคอและอารมณ์ของหญิงสาวดี ตั้งแต่เล็กจนโตมา บุตรสาวของเหอเหวินช่านคนนี้ ก็เป็นคนที่ชอบดูถูกเหยียดหยามคนอื่นเป็นประจำ คำพูดคำจาของเธอแต่ละคำที่พูดออกมา ก็ล้วนแล้วแต่บ่งบอกว่า เป็นคนที่ไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา แต่ก็ไม่มีใครเคยทำอะไรเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ.. และคนอย่างเธอก็ไม่มีทางที่จะทำร้ายตัวเองเช่นนี้แน่!
การที่จู่ๆเธอก็ตบหน้าทำร้ายตัวเองต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ โดยที่ไม่สามารถควบคุมตัวเอง หลังจากที่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและตกใจ เธอก็ถึงกับหวาดกลัวเป็นอย่างมาก และไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลยเช่นกัน..
และคงจะมีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะไม่รู้ว่า ทั้งหมดนี้คือฝีมือของผู้ที่เหอเหวินช่านเรียกว่าเซียน!
หลังจากที่หันไปกล่าวกับเหอเหวินช่านแล้วหลิงหยุนก็หันกลับมานั่งดื่มชาด้วยสีหน้าสงบนิ่งเช่นเคย แม้เขาจะมิได้เอ่ยอะไรออกมาอีก แต่สายตาของทุกคนที่จ้องมองมานั้น ล้วนแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง..
และวลานี้สายตาของทุกคนก็บ่งบอกถึงความหวาดกลัวที่มีต่อหลิงหยุน!
“หึ!คนอย่างแกสมควรแล้วที่ต้องโดนท่านเซียนหลินสั่งสอน! นี่เป็นผลจากการกระทำที่ขาดสติของแกเอง ฉันเคยสอนแกตั้งแต่เด็กเรื่องไม่ให้ดูถูกผู้อื่น แต่แกก็ไม่เคยจำ และยังคงมีนิสัยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คราวนี้ถึงกับกล้าปากเสียต่อหน้าท่านเซียนหลิน ถูกท่านเซียนหลินสั่งสอนแบบนี้ ฉันเองก็อยากจะรู้นักว่า แกยังจะกล้าทะนงตัวอยู่อีกมั๊ย”
เหอเหวินช่านนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งพร้อมกับจ้องมองบุตรสาวที่ถูกทำโทษด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ ก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านเซียนหลินลูกสาวของผมโง่เขลา มีตาแต่กลับไร้แวว ขอท่านเซียนหลินได้โปรดยกโทษให้เธอด้วย แล้วผมจะทำโทษเธอเอง!”
หลิงหยุนยิ้มให้กับผู้เฒ่าเหอพร้อมกับโบกมือไปมา“ไม่จำเป็น ข้าไม่ได้ต้องการเห็นผู้ใดถูกทำโทษ!”
ทางด้านเหอไฉทงเองยังนึกประหลาดใจเมื่อคืนเขาเห็นหลิงหยุนเข่นฆ่าผู้คนตายไปตั้งมากมาย จึงรู้ว่าหลิงหยุนนั้นโหดเหี้ยมมากเพียงใด จึงคิดไม่ถึงว่า หลิงหยุนจะทำโทษน้องสาวที่อวดดีของเขาเพียงเล็กน้อยแค่นี้
“เอาล่ะ..ในเมื่อเจ้าใหญ่ได้บอกเล่าเรื่องราวให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดแล้ว ฉันก็จะขอเข้าเรื่องที่ต้องการจะพูดเสียที!”
“เป็นเพราะเจ้าใหญ่ได้นำพาคนชั่วร้ายเข้ามาในตระกูลจนเกือบทำร้ายฉันกลับอวี้ฉงถึงชีวิต ฉะนั้น ฉันจะลงโทษเจ้าใหญ่ด้วยการริบหุ้นและกิจการทั้งหมดคืน แล้วมอบให้กับอวี้ฉงดูแลแทน!”
“คุณเวเบอร์..”
มิสเตอร์เวเบอร์พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ครับคุณเหอ..”
เหอเหวินช่านสั่งมิสเตอร์เวเบอร์ทันที“นำเอกสารที่ผมสั่งให้เตรียมออกมา แล้วเอาไปให้เหอไฉทงเซ็นเดี๋ยวนี้ และให้มีผลทางกฏหมายทันที!”
“ครับ..”
มิสเตอร์เวเบอร์นำเอกสารที่ตนเองได้เตรียมมาส่งให้กับเหอไฉทงเซ็นทันที จากนั้นเหอไฉทงก็หันไปถามหลานสาวว่า
“อวี้ฉงแล้วเอกสารของเธอล่ะ”
เหออวี้ฉงเองก็เตรียมการมาล่วงหน้าแล้วเช่นกันไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่สั่งให้ลินดาซึ่งเป็นทนายประจำตัวของเธอมาที่นี่ด้วย
หลังจากที่ทั้งสองคนเซ็นต์เอกสารเรียบร้อยแล้วต่างคนต่างก็ส่งมอบเอกสารของกันและกันให้กับอีกฝ่าย
หากเป็นก่อนหน้านี้..เหอไฉทงคงจะไม่ยินยอมเซ็นมอบหุ้น และกิจการทั้งหมดของตนเองให้กับเหออวี้ฉงอย่างแน่นอน! แต่ต่อหน้าหลิงหยุนเวลานี้ การทำสิ่งเหล่านั้น กลับทำให้เขารู้สึกโล่งอกโล่งใจเสียยิ่งกว่า..
นั่นเพราะ..สูญเสียทรัพย์สินนอกกายไป แต่หากยังมีชีวิตก็ยังพอที่จะสามารถหาใหม่ได้!
เวลานี้ลูกๆของเหอเหวินช่านทั้งหมดที่อยู่ในห้อง นอกจากเหอเวินจ้าวซึ่งเป็นพ่อของเหออวี้ฉงแล้ว ทุกคนต่างก็อิจฉาเหออวี้ฉงแทบทั้งนั้น ที่ได้รับหุ้นและกิจการทั้งหมดของเหอไฉทงไปครอง เพราะรวมๆกันแล้วก็มีมูลค่าไม่น้อยเลยทีเดียว!
และเพียงแค่จำนวนหุ้นทรัพย์สิน และกิจการในมือของเหออวี้ฉงเวลานี้ ก็เท่ากับเธอได้เป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเหอไปโดยปริยายแล้ว..
ทรัพย์สินเงินทอง และกิจการต่างๆของตระกูลเหอนั้น รวมๆกันก็หลายหมื่นล้าน แต่ทั้งหมดที่เหออวี้ฉงได้รับไปนั้น ก็เท่ากับหนึ่งในสามส่วนของมรดกทั้งหมดแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ใครบ้างเล่าที่จะไม่รู้สึกอิจฉา
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น..
“เอาล่ะ..ฉันจะพูดเรื่องที่สองต่อเลย”
เหอเหวินช่านไม่รอช้าและประกาศเรื่องที่สองให้ทุกคนได้รู้ทันที “ก่อนหน้านี้ ที่ฉันยังไม่ได้ทำการแบ่งหุ้นในชื่อของตนเองให้เรียบร้อยนั้น ก็เพราะรู้สึกว่าตนเองยังแข็งแรงอยู่มาก จึงต้องการที่จะดูก่อนว่า ใครที่จะกตัญญูต่อฉันที่สุด และมีความสามารถมากที่สุด ฉันก็ตั้งใจจะให้คนผู้นั้นดูแลกิจการต่อจากฉัน..”
“แต่หลังจากที่เจ้าใหญ่ทำให้ตระกูลเหอของฉันเกือบล่มสลาย..”
“ทำให้ฉันรู้ตัวว่าคงต้องรีบจัดการแบ่งสันหุ้นของตัวเองให้ชัดเจนเสียทีว่า ใครจะได้อะไรเท่าไหร่ พวกแกจะได้ไม่ต้องมาแย่งกันอีก..”
หลังจากที่เหอเหวินช่านพูดจบหลิงหยุนก็สังเกตเห็นแววตาของทุกคนเป็นประกายขึ้นมาทันที และเวลานี้ทุกคนต่างก็กลั้นหายใจ และกำลังรอฟังคำพูดของเหอเหวินช่านด้วยใจที่เต้นรัว..
“พ่อครับ..พ่อยังสุขภาพแข็งแรงอยู่เลย จะรีบแบ่งหุ้นไปทำไมกัน”
บรรดาลูกชายของเหอเหวินช่านต่างก็พากันร้องบอก ดูเหมือนพวกเขาจะพยายามโน้มน้าวไม่ให้เหอเหวินช่านรีบแบ่งหุ้นของตนเองในเวลานี้ “พวกแกหุบปากได้แล้ว!พวกแกทั้งหมดรวมกัน ยังสู้หลานสาวของฉันคนเดียวไม่ได้!”
เหอเหวินช่านตวาดเสียงดังพร้อมกับตบโต๊ะด้วยความโมโห ก่อนจะประกาศกร้าวโดยไม่สนใจอะไรอีก
“หุ้นบ่อนคาสิโนทั้งหมดที่เป็นชื่อของฉันให้จัดการแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรก 40% ส่วนที่สอง 50% และส่วนที่สาม 10%”
“ส่วนแรก40% นั้น ฉันขอมอบให้กับอวี้ฉง..”
“ส่วนที่สอง50% เป็นของพวกแกทุกคน โดยจะมีการแบ่งให้ทุกคนในจำนวนที่เท่าเทียมกัน..”
“และส่วนที่สาม10% ฉันขอมอบให้กับผู้มีพระคุณของตระกูลเหอเรา คือคุณชายหลินเทียน หรือท่านเซียนหลินผู้นี้!”
“นอกจากหุ้นจำนวน10% ที่ฉันมอบให้กับท่านเซียนหลินแล้ว อำนาจในการตัดสินใจครึ่งหนึ่ง ก็เป็นของคุณชายหลินด้วยเช่นกัน!” “ห๊ะ!!”
หลังจากที่เหอเหวินช่านพูดจบทุกคนในห้องต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบสงัด และเย็นยะเยือกอีกครั้ง นอกจากเหออวี้ฉงแล้ว คนอื่นๆก็ล้วนแล้วแต่นิ่งอึ้งด้วยความตกตะลึง!
ได้ทั้งหุ้นและได้ทั้งอำนาจในการตัดสินใจ!
ความจริงนั้นหลายปีที่ผ่านมา เหอเหวินช่านก็ได้ทำการจัดสันแบ่งปันกิจการต่างๆ ในมือให้กับลูกๆของตนไปมากแล้ว และแต่ละคนก็มีทรัพย์สินเงิน และกิจการที่ดูแลอยู่ไม่น้อย
แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจอย่างมากก็คือกิจการบ่อนคาสิโนที่พ่อของเขายังคงกำไว้แน่น ไม่ปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของลูกคนไหนมาก่อนเลย แต่เวลานี้นอกจากจะมอบหุ้นจำนวน 10% ให้กับหลิงหยุนแล้ว เขายังได้อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจบ่อนคาสิโนของตระกูลเหออีกด้วย! แทบไม่ต้องพูดถึงหุ้นจำนวน10% เพราะเพียงแค่ 1% ก็เป็นเงินจำนวนมากมายแล้ว!
และนี่คือเหตุผลว่าเพราะเหตุใดแม้เหอเหวินช่านจะอายุมากถึงเก้าสิบกว่าปีแล้ว แต่ลูกๆของเขาทุกคนยังคงเชื่อฟัง และหวาดกลัวเขาอยู่ไม่น้อย
แต่ตอนนี้..ชายชรากลับจะมอบหุ้นจำนวน 10% และอำนาจในการตัดสินใจครึ่งหนึ่งให้กับหลิงหยุน ซึ่งเป็นคนนอก!!
ไม่มีทาง!
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลเหอก็ตามก็ไม่สมควรที่ชายชราจะทำเช่นนั้น!
มาถึงตอนนี้ในที่สุดหลิงหยุนก็เข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดผู้เฒ่าเหอจึงได้ต้องการให้เขาอยู่ร่วมประชุมด้วย แต่เวลานี้ หลิงหยุนเองก็ไม่ใช่คนที่ขาดแคลนเงินทองแต่อย่างใด..
แทบไม่ต้องรอให้สมาชิกคนอื่นๆคัดค้านหลิงหยุนหันไปทางเหอเหวินช่าน พร้อมกับยกมือขึ้นประสานไว้ข้างหน้า ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า
“ความปรารถนาดีของอาวุโสข้า.. หลินเทียนขอรับไว้ด้วยใจ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร