บทที่ 1566 : ราชาแห่งวงการพนัน
“ท่านเซียนหลินต่อให้ผมจะใจกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านเซียนหลินอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่ได้ยินคำปฎิเสธของหลิงหยุนเหอเหวินช่านที่เวลานี้จงรักภักดีกับหลิงหยุนเป็นอย่างมาก ก็ได้แต่จ้องมองเขาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“แต่เรื่องนี้..ผมได้สั่งทนายของผมมิสเตอร์เวเบอร์ ให้จัดการร่างเอกสารทั้งหมดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว และเวลานี้ เอกสารทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้วด้วย”
“…”
หลิงหยุนได้แต่นิ่งอึ้งไปและแอบคิดอยู่ในใจว่า ชายชราผู้นี้เตรียมการไว้รอบคอกกว่าที่เขาคิดไว้มาก ดูเหมือนว่า หลังจากที่เขารักษาอาการบาดเจ็บให้กับชายชราในคืนนั้น และสั่งให้เขานอนหลับพักผ่อน ดูท่าชายชราจะไม่ได้พักผ่อนตามที่เขากำชับเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเหอเหวินช่านก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางลูกๆของตนเองที่นั่งอยู่ในห้อง พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“ท่านเซียนหลินลองถามลูกๆของผมดูก็ได้ว่าผมเป็นคนที่รักษาคำพูดของตนเองมากเพียงใด ตลอดชีวิตของผมนั้น คำพูดของผมจะเสมือนสายน้ำ ที่พูดออกไปแล้วจะไม่มีวันไหลย้อนกลับ!”
หลิงหยุนเห็นท่าทีของเหอเหวินช่านก็ถึงกับยิ้มออกมาเขารู้ดีว่า ที่เหอเหวินช่านจงใจพูดเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการบอกกับลูกๆของเขาเป็นนัยๆว่า ห้ามไม่ให้ใครขัดขวางการตัดสินใจในครั้งนี้ของเขาโดยเด็ดขาด!
นับเป็นการกระทำที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก!
และการที่เหอเหวินช่านมีธุรกิจมากมายจนกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่โตแห่งคาบสมุทรมาเก๊ามานานกว่าครึ่งศตวรรษได้นั้น ก็เพราะการเป็นคนรักษาคำพูดของเขานี่เอง!
และคำพูดที่ชาญฉลาดเพียงแค่นี้ก็สามารถปิดปากลูกหลานของเขาที่ต้องการจะคัดค้านได้อย่างสนิท!
ความจริงแล้วหลังจากที่เหอเหวินช่านประกาศจบนั้น ลูกๆของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ของเขา และต้องการที่จะคัดค้าน แต่หลิงหยุนกลับชิงปฏิเสธขึ้นเสียก่อน ทำให้ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบไป เพราะคิดว่าทุกอย่างคงจะจบลงในเมื่อหลิงหยุนปฏิเสธไม่ยอมรับ
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าชายชราจะยังคงยืนกรานหนักแน่นที่จะมอบหุ้นให้กับหลิงหยุนให้ได้ อีกทั้งยังปิดช่องทางที่พวกเขาจะสามารถคัดค้านไว้ได้อีก!
“แต่พ่อครับ..”
ในที่สุด..เหอไฉหมิงซึ่งเป็นลูกชายคนที่สามของเหอเหวินช่าน ก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้ จึงตัดสินใจหันไปพูดกับผู้เป็นพ่อว่า
“พ่อครับ..การที่เกิดเรื่องอันตรายแบบนี้ขึ้นกับพ่อ พวกเรายอมรับว่ามีตนเองก็มีส่วนผิด เพราะฉะนั้น พ่อจะลงโทษพี่ใหญ่ แล้วก็แบ่งหุ้นให้ทุกคนเท่านี้ พวกเราต่างก็ไม่กล้ามีปัญหาอะไรทั้งนั้น..”
“และการที่พ่อจะมอบอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารดูแลกิจการของตระกูลเหอทั้งหมดให้กับอวี้ฉง เรื่องนี้พวกเราเองก็ไม่คัดค้านเช่นกัน เพราะอวี้ฉงเป็นคนเฉลียวฉลาด แล้วก็มีความสามารถในการทำธุรกิจ ซึ่งเหนือกว่าลุงป้าน้าอาทุกคนเสียอีก พวกเราต่างก็ยอมรับเรื่องนี้แต่โดยดี..”
“และที่สำคัญ..อวี้ฉงก็เป็นคนตระกูลเหอ มีสายเลือดตระกูลเหออยู่ในตัว!”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้เหอไฉหมิงก็ไม่ลืมที่จะหันไปยกนิ้วโป้งเป็นการชื่นชมเหออวี้ฉง ก่อนจะหันมองไปทางหลิงหยุน พร้อมกับพูดต่อว่า
“แต่..ท่านเซียนหลินผู้นี้ แม้จะช่วยพ่อกับอวี้ฉงไว้ก็จริง และยังช่วยตระกูลเหอของเราให้พ้นจากหายนะด้วย จะว่าไป.. ตระกูลเหอของเราก็ไม่มีทางตอบแทนบุญคุณท่านเซียนหลินได้หมดอยู่แล้ว! เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หรือสิ่งใดก็ตามที่ท่านเซียนหลินต้องการ พวกเราทุกคนในตระกูลเหอ ย่อมต้องพยายามที่จะหามาให้เพื่อเป็นการตอบแทนอยู่แล้ว..”
“แต่ว่า..ลูกขออภัยท่านพ่อที่จะต้องพูดออกไปตามตรง การที่พ่อมอบหุ้นและอำนาจในการตัดสินใจ ให้ไปอยู่ในมือของคนนอกแบบนี้ พ่อเคยคิดบ้างมั๊ยครับว่า ลูกๆทุกคนจะรู้สึกเช่นไร และมีใครรู้บ้างว่า วันข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง?”
แม้ว่าเหอไฉหมิงจะค่อนข้างไม่พอใจและตื่นเต้นมาก แต่เขาก็สามารถอธิบายเหตุผลได้อย่างฉะฉาน หลังจากพูดจบแล้ว เหอไฉหมิงก็หันไปมองพี่ๆน้องๆที่อยู่ในห้อง และทุกคนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ บ่งบอกว่าสนับสนุนคำพูดของเขาอย่างมาก
และแทบไม่ต้องให้พี่น้องคนอื่นๆออกความเห็นอีกเพราะแม้แต่หลิงหยุนที่นั่งฟังอยู่ ยังอดที่จะพยักหน้ายิ้มๆ เพราะเห็นด้วยกับเหตุผลของเขาไม่ได้ เขารู้สึกว่า เหอไฉหมิงพูดได้อย่างมีเหตุมีผล และเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี..
และที่สำคัญการที่เขามาช่วยเหออวี้ฉงสะสางปัญหาภายในตระกูลเหอครั้งนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นข้อตกลงแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับเหออวี้ฉง ตั้งแต่เมื่อครั้งที่อยู่ปักกิ่งนั่นเอง..
และข้อตกลงของเขาก็คือ..เขาจะต้องช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยของเหอเหวินช่าน และเขาก็ได้ทำตามข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว!
ในระหว่างที่ทุกคนในห้องได้แต่นั่งนิ่งเงียบและกำลังรอฟังการตัดสินใจของผู้เฒ่าเหอกันอย่างใจจดใจจ่อยู่นั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้น..
“เอาล่ะ..”
เหอเหวินช่านที่นั่งนิ่งฟังเหตุผลของเหอไฉหมิงอย่างอดทนในที่สุดก็พยักหน้าอย่างช้าๆ พร้อมกับพูดต่อในทันที
“เจ้าสามพูดได้ดีแกพูดได้ถูกต้องและมีเหตุมีผลมาก ฉันเข้าใจทั้งหมดที่แกพูดมา แล้วก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับคำพูดของแก..” ฮู้ว!!!
เสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอกของเหล่าสมาชิกตระกูลเหอดังขึ้นมาทันทีหลังจากที่ได้ยินว่าผู้เฒ่าเหอเห็นด้วยกับคำพูดของเหอไฉหมิง และมีท่าทีว่าจะเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของตนเองใหม่
เหอไฉหมิงเองก็รู้สึกภูมิใจอย่างมากที่อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถรักษาหุ้นของตระกูลเหอไว้ได้ เพราะอย่างน้อยในวันข้างหน้า หุ้นของตระกูลเหอก็จะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนนอก..
“แต่แกคงลืมไปแล้วว่า..”
แต่แล้วจู่ๆเสียงของเหอเหวินช่านก็เปลี่ยนไปทันที เขาหันไปตวาดใส่หน้าเหอไฉหมิงเสียงดัง พร้อมกับพูดต่อว่า
“แกอย่าลืมว่าเวลานี้อำนาจการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดในเรื่องต่างๆ ของตระกูลเหอยังอยู่ที่ฉัน เพราะฉะนั้น ฉันจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ใช่เรื่องที่แกจะมาพูดท่านี้ท่านั้นได้!” จากนั้นชายชราก็กวาดสายตามองไปทางลูกๆของเขา ก่อนจะพูดต่อว่า..
“แต่เอาเถอะ..ฉันรู้ดีว่าเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่พวกแกหลายคนยังไม่อาจทำใจยอมรับได้ ฉันจะชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจใหม่อีกครั้ง!”
จากนั้นเหอเหวินช่านก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย แววตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับ ในขณะที่พูดขึ้นว่า
“ฉันยังมีเรื่องที่จะต้องประกาศให้ทุกคนรู้อีกหนึ่งเรื่องแล้วก็เป็นเรื่องสุดท้ายของวันนี้!”
“นอกเหนือจากหุ้น10% ของฉัน อีก 90% ที่ฉันแบ่งให้ทุกคน พวกแกไม่มีใครมีปัญหาอะไรใช่มั๊ย”
ทุกคนต่างก็พยักหน้าในฐานะที่เหออวี้ฉงจะได้เป็นทายาทผู้สืบทอดดูแลตระกูลเหอในวันข้างหน้า การที่เธอได้รับหุ้น 40% จากเหอเหวินช่าน จึงนับเป็นเรื่องที่เหมาะสม ส่วนหุ้นอีก 50% ที่เหลือนั้น พี่น้องทุกคนต่างก็จะได้รับส่วนแบ่งที่เท่าเทียมกัน จึงไม่มีเหตุผลที่ทุกคนจะคัดค้านหรือไม่เห็นด้วย
“งั้นก็ดี!”
เหอเหวินช่านหันไปพยักหน้าให้กับเหออวี้ฉงเรียกให้เธอมาช่วยพยุงเขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะประกาศด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“ฉันขอประกาศให้ทุกคนรับรู้อย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าอวี้ฉงจะได้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลเหออย่างถูกต้อง และมีหน้าที่ในการดูแลกิจการต่างๆ ของตระกูลเหอนับตั้งแต่วันนี้! พวกแกทุกคนมีหน้าที่ช่วยสนับสนุนอวี้ฉง และตั้งใจทำงานเพื่อให้กิจการของตระกูลเหอเราเจริญก้าวหน้า อย่าลืมว่าพวกแกเองต่างก็มีหุ้นในกิจการเหล่านี้ด้วย จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่พวกแกจะต้องช่วยอวี้ฉงนำพากิจการของตระกูลเหอให้เติบโตยิ่งไปกว่านี้”
สำหรับเรื่องนี้ยิ่งไม่มีใครคัดค้าน เพราะเรื่องแต่งตั้งเหออวี้ฉงเป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอนั้น ยังนับว่าเล็กน้อยหากเทียบกับการมอบอำนาจกึ่งหนึ่งให้ตกไปอยู่ในมือของหลิงหยุน! หลังจากประกาศจบแล้วชายชราก็นั่งลง และหันไปส่งสัญญาณให้กับมิสเตอร์ไวเบอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ
ท่ามกลางสายตาประจักษ์พยานของทุกคนมิสเตอร์เวเบอร์และลินดาซึ่งเป็นทนายของทั้งสองฝ่าย ก็ได้นำเอกสารที่จัดเตรียมออกมาให้เหวินเหวินช่านกับเหออวี้ฉงเซ็นทันที
หลังจากที่จัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหอเหวินช่านกับเหออวี้ฉงก็หันไปพยักหน้าให้กัน พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ..
และในที่สุดเหออวี้ฉงก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลกิจการ และเป็นผู้มีอำนาจคนใหม่ของตระกูลเหออย่างถูกต้องแล้ว!
หลิงหยุนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้และได้แต่แอบคิดในใจว่า ชายชราผู้นี้ช่างลื่นไหลนัก แท้จริงแล้วเขาก็ต้องการให้หลิงหยุนมานั่งเป็นโล่กำบังให้นี่เอง!
“ท่านเซียนหลิน..” จู่ๆเหอเหวินช่านก็หันไปพูดกับหลิงหยุนด้วยท่าทางนอบน้อม “ก่อนที่ท่านเซียนหลินจะจากไป จุดประสงค์ของผมในวันนี้ก็คือ ต้องการให้ท่านเซียนหลินเป็นประจักษ์พยานคนสำคัญ ในการแต่งตั้งอวี้ฉงเป็นผู้กุมหางเสือตระกูลเหอ หากวันข้างหน้า ลูกหลานตระกูลเหอคนใด กล้าทำตัวออกนอกลู่นอกทางอีก ท่านเซียนหลินสามารถอบรมสั่งสอนพวกเขาแทนผมได้ทุกเมื่อ!”
“…”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปอีกครั้งหลังจากนั้นก็ได้แต่แอบยิ้มออกมา ก่อนจะตอบชายชรากลับไปว่า
“อาวุโสข้าคงไม่สามารถอบรมสั่งสอนแทนท่านได้ แต่หากในวันข้างหน้า แม่นางอวี้ฉงต้องการความช่วยเหลือจากข้า ข้าก็ยินดีที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยนาง..”
“ขอบคุณ..ขอบคุณท่านเซียนหลินมาก!”
เหอเหวินช่านพออกพอใจกับคำตอบของหลิงหยุนมากและเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง! และเวลานี้..บรรดาสมาชิกของตระกูลเหอที่อยู่ในห้องรับแขก ก็ถึงกับหน้าซีด และนิ่งเงียบกันไปหมด
“ท่านเซียนหลิน..ถึงแม้อวี้ฉงจะไม่เคยบอกเล่าฐานะที่แท้จริงของท่านเซียนให้ผมรู้ แต่ผมก็รู้สึกว่า นับเป็นความโชคดีของผมไม่น้อยที่ได้มีโอกาสพบเจอกับท่านเซียนหลิน เพราะคนอย่างท่านเซียนหลิน ใช่ว่าจะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่า‘สมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ ดูเหมือนเจ้าจะคาดเดาฐานะของข้าได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้วสินะ มิน่า จึงได้กล้าที่จะมอบหุ้นถึง 10% ให้แก่ข้า.. แต่ครานี้ เป็นข้าต่างหากที่กลัวเจ้า..’
“ท่านเซียนหลินขอบอกตามตรงว่า อายุของผมปูนนี้แล้ว ย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดาฐานะที่แท้จริงของท่านเซียนหลินได้ การที่ผมตัดสินใจมอบหุ้น 10% และอำนาจในการตัดสินใจให้กับท่านเซียนนั้น เพราะรู้ดีว่าท่านเซียนหลินไม่ได้มีความโลภอยากได้เลยแม้แต่น้อย..”
“แต่ที่ผมตัดสินใจเช่นนั้นเพราะต้องการให้ท่านเซียนหลินช่วยอวี้ฉงดูแลกิจการของตระกูลเหอเรา และปกป้องตระกูลเหอจากชาวยุทธหนานหยาง ลำพังพวกเราตระกูลเหอ หากต้องเผชิญกับชาวยุทธหนานหยางแล้ว การคิดที่จะรักษาสมบัติของตระกูลไว้ได้ คงเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อเจ้อเท่านั้น..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘เหอเหวินช่าน.. เจ้าสมกับเป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ วางแผนมาได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด!’
นี่สินะ..ราชาแห่งวงการพนันตัวจริง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร