Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร นิยาย บท 1567

บทที่ 1567 : จัดการปัญหาขี้ผง
  เหอเหวินช่านนับเป็นนักเดิมพันตัวยง..
  การที่เขายอมมอบหุ้นในมือ10% ของตนเองให้กับหลิงหยุน และหากหลิงหยุนยอมรับ และยอมเซ็นเอกาสารต่างๆที่มีผลตามกฏหมาย ชื่อของเขาก็จะปรากฏอยู่ในเอกสารของตระกูลเหออย่างเป็นทางการ และหลิงหยุนก็จะมีอำนาจในการบริหารกิจการของตระกูลเหอได้อย่างเต็มที่..
  สิ่งเหล่านี้กำลังบ่งบอกอะไรอย่างนั้นหรือ
  ก็หมายความว่า..ทันทีที่หลิงหยุนเซ็นเอกสาร เขาก็จะกลายเป็นผู้กุมอำนาจ และกลายเป็นผู้กุมบังเหียนของตระกูลเหอขึ้นมาทันที ต่อไป.. เขาย่อมสามารถชี้ชะตาอนาคตของตระกูลเหอ ให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้ หากเขาปรารถนาที่จะทำเช่นนั้น!
  แม้กระทั่งเหออวี้ฉงที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้มีอำนาจบริหารกิจการของตระกูลเหอคนใหม่ หากสิ่งใดที่นางตัดสินใจลงไป แต่หลิงหยุนไม่เห็นด้วย การตัดสินใจนั้นก็จะกลายเป็นโมฆะ และไม่สามารถปฏิบัติต่อได้ในแง่ของข้อกฏหมาย..
  หากจะพูดกันตรงๆก็คือตระกูลเหอจะเสมือนตกไปอยู่ในกำมือของหลิงหยุน เรียกได้ว่าจะบีบก็ตายจะคลายก็รอด และหากเขายอมรับข้อเสนอของเหอเหวินช่านจริงๆ หลิงหยุนย่อมมีอำนาจในการที่จะฮุบกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอ มาเป็นของตนเองเพียงผู้เดียวก็ยังได้
  เรียกได้ว่า..ครั้งนี้เหอเหวินช่านถึงกับยอมเสี่ยงเดิมพันกับหลิงหยุนแบบหมดหน้าตัก โดยใช้ธุรกิจและทรัพย์สินในมือนับหมื่นๆล้านของตระกูลเหอเป็นเครื่องเดิมพัน!
  และแน่นอนว่าหากเป็นคนอื่น คงจะต้องรีบตอบตกลง และรีบๆเซ็นเอกสารอย่างไม่รีรอแน่!
  แต่หลิงหยุนกลับเพียงแค่นั่งฟังยิ้มๆโดยไม่แม้แต่จะออกความเห็น หรือแสดงท่าทีใดๆออกมาให้เห็นอีกเลย ที่สำคัญ.. เขาเข้าใจจุดประสงค์ และความต้องการของเหอเหวินช่านดีว่า เหตุใดเขาจึงต้องตัดสินใจทำเช่นนี้!
  การที่หลิงหยุนมามาเก๊าครั้งนี้เป็นเพราะข้อตกลงระหว่างเขากับเหออวี้ฉง หลังจากช่วยรักษาอาการป่วยของเหอเหวินช่าน สังหารผู้สร้างปัญหาให้กับตระกูลเหอในครั้งนี้ไปได้แล้ว ภารกิจของหลิงหยุนจึงถือว่าจบสิ้น
  ฉะนั้นเรื่องราวต่อไปหลังจากนี้ของตระกูลเหอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรืออะไรก็ตาม ล้วนแล้วแต่ไม่เกี่ยวข้อง หรืออยู่ในความรับผิดชอบใดๆของหลิงหยุนอีก..
  และแน่นอนว่าหากครั้งนี้ไม่ใช่เพราะหลิงหยุนให้ความช่วยเหลือ ลำพังตระกูลเหอย่อมไม่มีทางที่จะรับมือกับเหล่าชาวยุทธหนานหยางได้แน่ และตระกูลเหอก็คงต้องตกเป็นเหยื่อของคนพวกนี้ต่อไป
  หลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลงและทุกอย่างกลับสู่ความเป็นปกติแล้ว หลิงหยุนก็คงต้องไปจากมาเก๊า ถึงเวลานั้น ชาวยุทธหนานหยางก็คงต้องกลับมาแก้แค้นตระกูลเหอแน่และครานี้ ตระกูลเหอคงต้องถึงคราวล่มสลายอย่างแท้จริง ฉะนั้น หลิงหยุนจึงเข้าใจในความกังวลใจของเหอเหวินช่านได้ และมิได้นึกตำหนิในสิ่งที่เขาทำอยู่..
  ยิ่งไปกว่านั้นฐานะของหลิงหยุนเวลานี้ ยังเป็นถึงอาวุโสของหน่วยนภา การที่เขาช่วยปกป้องคุ้มครองตระกูลเหอ ซึ่งมีกิจการยิ่งใหญ่ในแถบคาบสมุทรมาเก๊านี้ ก็เท่ากับเป็นการช่วยปกป้องประเทศทางอ้อมอีกด้วย
  ฉะนั้นในเมื่อเหอเหวินช่านสามารถคาดเดาฐานะของหลิงหยุนได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังสามารถคาดเดาความคิดของเขาหลังจากนี้ได้ มีหรือที่เหอเหวินช่านจะไม่ยอมทุ่มสุดตัว เพื่อสร้างความประทับใจให้กับหลิงหยุน และหวังว่าหลิงหยุนจะยอมยื่นมือช่วยเหออวี้ฉงหลานาสาวของตนต่อไป
  เวลานี้จุดประสงค์ของเหอเหวินช่านนั้นชัดเจนมาก เขาต้องการอาศัยโอกาสที่จะได้ตอบแทนบุญคุณของหลิงหยุนนี้ สร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับตระกูลเหอไปในตัวด้วย  การทำเช่นนี้ไม่เพียงได้ตอบแทนบุญคุณของหลิงหยุน แต่ยังสามารถผูกมัดหลิงหยุนไว้กับตระกูลเหอของเขาด้วย การมีหลิงหยุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเหออวี้ฉง จะทำให้ตระกูลเหอแข็งแกร่งขึ้นมาก และยังจะการจะขยายกิจการไปทั่วแถบทะเลจีนใต้ ก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
  “อาวุโสเดินหมากได้เหนือชั้นยิ่งนักข้าหลินเทียนอดที่จะชื่นชมไม่ได้จริงๆ!”
  ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมานั้นในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยปากพูดออกมา และคำถามต่อไปของเขานั้น ก็ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสมาชิกตระกูลเหอที่อยู่ในห้องไม่น้อย
  “หากอาวุโสมอบหุ้นและอำนาจในการตัดสินใจในกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอให้กับข้า..อาวุโสไม่กังวลว่าข้าจะเกิดความละโมบ และทำการยึดกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอ มาเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวหรอกรึ”
  ระหว่างที่เอ่ยปากถามออกไปนั้นสายตาของหลิงหยุนก็กวาดมองไปทั่วทั้งห้อง คล้ายกับจะบอกว่า คำถามที่เขาถามออกไปนั้น ไม่เพียงแค่ถามชายชรา แต่ยังถามใจของทุกคนที่อยู่ในห้องนี้อีกด้วย..
  เหอเหวินช่านได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับยิ้มออกมา พร้อมตอบหลิงหยุนกลับไปทันที “ท่านเซียนหลินกล่าวเกินไปแล้ว..”
  “ด้วยฐานะภูมิหลัง และความแข็งแกร่งของท่านเซียนหลินเวลานี้ หากต้องการครอบครองกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอเรา ย่อมสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เหตุใดยังต้องอาศัยอำนาจของชายแก่อย่างผมด้วยเล่า”
  ระหว่างที่พูดกับหลิงหยุนนั้นสายตาของเหอเหวินช่านก็เต็มไปด้วยความเว้าวอน ก่อนจะหันไปถามความเห็นของเหอไฉทง บุตรชายคนโตของตนเอง
  “เจ้าใหญ่..แกมีอะไรจะพูดมั๊ย”
  เหอไฉทงพยักหน้าหงึกๆพร้อมตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อพูดได้ถูกต้อง! ผมเองสนับสนุนการตัดสินใจของพ่อเต็มที่ และไม่มีความเห็นคัดค้านแต่อย่างใด!”
  ไม่ว่าใครก็ตาม..หากได้เห็นหลิงหยุนสังหารคุนปา และยอดฝีมือนับร้อยเมื่อคืนนี้ ก็คงต้องคิดเช่นเดียวกับเหอไฉทงว่า ผู้เฒ่าเหอนั้นฉลาดปราดเปรื่องมากเพียงใด!
  และหากหลิงหยุนต้องการครอบครองตระกูลเหอจริงๆเพียงแค่เขาเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทุกคนในห้องนี้ก็ยากที่จะหนีรอดไปได้ และจะไม่เหลือแม้กระทั่งเถ้ากระดูกให้เห็น..
  และนั่นทำให้ทั้งเหอเหวินช่านเหออวี้ฉง และเหอไฉทง ต่างก็รู้ดีว่า หากตระกูลเหอต้องการขอความช่วยเหลือจากหลิงหยุนนั้น ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินใช้ทองมากมายเท่าไหร่ เขาจึงจะยอมช่วย..
  เวลานี้ลูกคนอื่นๆของเหอเหวินช่านต่างก็หันไปมองหน้ากัน และต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเช่นใดดี..
  ถึงแม้ลูกๆของเหอเหวินช่านจะมีอุปนิสัยใจคอที่แตกต่างกันไปแต่ทุกคนก็ล้วนไม่ใช่คนโง่ ที่สำคัญ เหอเหวินช่านนั้นอยู่ในแวดวงของธุรกิจมานานหลายสิบปี ที่ผ่านมาคนอย่างเขาก็ไม่เคยตัดสินใจทำในสิ่งที่ตนเองไม่มั่นใจเลยสักครั้ง
  และที่สำคัญ..ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหอเหวินช่านเองก็ไม่เคยตัดสินใจผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
  ฉะนั้นต้องเป็นคนที่มีฐานะแบบไหนกัน จึงจะสามารถทำให้คนอย่างเหอเหวินช่าน ยอมลงทุนจนหมดหน้าตักเช่นนี้ และคนๆนั้นจะต้องมีภูมิหลังที่สูงส่งเพียงใด และต้องแข็งแกร่งขนาดไหนอย่างนั้นหรือ
  ยิ่งไปกว่านั้นลูกๆของเหอเหวินช่านทุกคน ต่างก็มองเห็นแววตาอ้อนวอนที่เหอเหวินช่านใช้มองหลิงหยุน และแววตาเช่นนั้นของเหอเหวินช่าน ก็บ่งบอกและตอกย้ำถึงฐานะของหลิงหยุนได้มากยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก..
  ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกว่าการมอบหุ้นและอำนาจในการตัดสินใจให้กับท่านเซียนผู้นี้ แต่ประโยชน์ที่ตระกูลเหอจะได้รับกลับคืนนั้น คงจะมากมายกว่าเป็นแน่!   ไม่มีใครสักคนในห้องที่กล้าลุกขึ้นยืนและแสดงความเห็นขัดแย้งกับเหอเหวินช่านอีก สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของหลิงหยุนแทน และกำลังรอคอยว่า หลิงหยุนจะแสดงท่าทีเช่นใดออกมา..
  หลิงหยุนต้องการที่จะปฏิเสธ..
  แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าของเหออวี้ฉงในเวลานี้ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตามุ่งมั่น ริมฝีปากขยับไปมาเบาๆ แม้จะไม่มีเสียงพูดเล็ดลอดออกมา แต่หลิงหยุนก็เข้าใจได้ดีว่า นางกำลังอ้อนวอนขอร้องให้เขายอมรับข้อเสนอของเหอเหวินช่านอยู่..
  “ตกลง!”
  ในที่สุดหลิงหยุนก็ตอบตกลังเขาพยักหน้าและหันไปเอ่ยกับเหอเหวินช่านว่า “ในเมื่ออาวุโสเชื่อมั่นในตัวหลินเทียนเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อาจแล้งน้ำใจต่ออาวุโสได้!”
  หลังจากที่ได้ยินหลิงหยุนตอบตกลงในที่สุดสีหน้าของเหอเหวินช่านก็เปลี่ยนเป็นเบิกบานสดใส และมีความสุขอย่างมากขึ้นมาทันที!
  เหออวี้ฉงเองก็เช่นกันเวลานี้ใบหน้างดงามของนางนั้น ได้มีรอยยิ้มสดใสเบิกบานปรากฏขึ้น บ่งบอกถึงความสุขในใจที่เปี่ยมล้น
  “แต่..”
  หลิงหยุนรีบบอกเงื่อนไขของตนเองต่อทันทีเช่นกัน“ต้องให้ทนายระบุในเอกสารด้วยว่า หุ้นทั้งหมดที่มอบให้ข้านั้น ข้าเพียงแค่ทำหน้าที่ดูแลแทนแม่นางเหอชั่วคราวเท่านั้น เมื่อใดที่เหตุการณ์ในแถบคาบสมุทรมาเก๊าสงบลง และชาวยุทธหนานหยางถูกปราบปราม ข้าก็จะจัดการโอนหุ้นทั้งหมดคืนให้กับแม่นางเหอทันที..”
  “เอ่อ..ระบุไว้ว่าข้าจะถือหุ้นนี้เพียงแค่หนึ่งปี!” หลิงหยุนเอ่ยขึ้นในที่สุด
  ลูกๆของเหอเหวินช่านต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสั่งให้ระบุเงื่อนไขเช่นนี้ลงไปในเอกสาร ทุกคนจึงได้แต่นิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง  คนอย่างหลิงหยุนนั้นหาไม่ได้ง่ายๆจริงๆ!
  น่าขัน..ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดในมือของหลิงหยุน และฐานะที่แท้จริงของเขาเวลานี้ หากประกาศออกไป ทุกคนในที่นี่คงจะต้องหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!
  “ลินดา..จัดการตามที่ท่านเซียนหลินบอกด้วย!”
  เหออวี้ฉงรู้จักหลิงหยุนดีจึงไม่คิดที่จะคะยั้นคะยอ หรือขอร้องอะไรเขาอีก..
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปกล่าวกับเหออวี้ฉง “แม่นางเหอ.. หากภายในหนึ่งปี เจ้าไม่สามารถบริหารกิจการของตระกูลเหอให้รุ่งเรืองได้ ย่อมแสดงว่าเจ้าเองก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้บริหาร และดูแลกิจการทั้งหมดของตระกูลเหอเช่นกัน!”
  คำพูดของหลิงหยุนนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเขาจะช่วยเหลือ และสนับสนุนเหออวี้ฉงในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น อย่าได้ร้องขออะไรมากไปกว่านี้!   “ข้าน้อยเข้าใจดีและจะเชื่อฟังท่านเซียนหลิน!”
  เหออวี้ฉงตอบหลิงหยุนเพียงเท่านั้นและมิได้กล่าวอันใดต่ออีก
  หลังจากที่ทนายความจัดการแก้ไขเอกสารใหม่ตามความต้องการของหลิงหยุนแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ลงนาม..
  แล้วปัญหาขี้ผงก็จบลง..
  “พวกแกกลับไปได้แล้ว!”
  หลังการประชุมเสร็จสิ้นลงเหอเหวินช่านก็ร้องตะโกนบอก พร้อมกับโบกไม้โบกมือไล่ลูกของเขาให้กลับไป สีหน้าท่าทางของเขาดูเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากพูดอะไรกับพวกเขาอีก
  ………..
  “ท่านเซียนหลินไม่ทราบว่าหากผมจะเชิญท่านเซียนหลินไปเดินเล่นชายหาด และขอให้ท่านเซียนหลินแสดงอิทธิปาฏิหารย์ให้ดูหน่อย จะได้หรือไม่ครับ”   ในเมื่อทุกคนต่างก็กลับไปกันหมดแล้วเหอเหวินช่านจึงเป็นฝ่ายเอ่ยชวนหลิงหยุนไปที่ชายหาด เพื่อขอให้เขาแสดงอิทธิปาฏิหารย์ให้เห็นกับตา
  “ได้สิ..ไปกันเลย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร