บทที่ 1568 : แม้ตายก็ไม่เสียดาย
หลิงหยุนไม่รอช้าและเพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของเหอเหวินช่านก็หายไปจากห้องรับแขก พร้อมกับโซฟาที่เขานั่งอยู่
เหอเหวินช่านสัมผัสได้ว่าฝ่าเท้าของตนเองนั้นคล้ายกำลังเหยียบอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่า ความกลัวพลันแล่นเข้าจับหัวใจของเขาทันที เขาหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว แต่ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนนั้นกำลังเคลื่อนที่ไปกลางอากาศด้วยความเร็ว
มันคล้ายกับว่า..เขากำลังเหาะไป แต่กลับไม่มีสายลมพัดกระทบเข้าใส่ร่างกายเลยแม้แต่น้อย!
เหอเหวินช่านมั่นใจว่าตนเองนั้นกำลังเหาะอยู่กลางอากาศอย่างแน่นอน และหลังจากนั้นไม่ถึงนาที เสียงพูดของหลิงหยุนก็ดังขึ้นข้างหูของเขา
“อาวุโส..ลืมตาขึ้นได้แล้ว!” เหอเหวินช่านเปิดเปลือกตาขึ้นแต่แล้วก็รีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ด้วยความตกใจกลัวอย่างมาก เขาถึงกับทิ้งร่างซุกลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ในขณะที่ปากก็เฝ้ารำพึงรำพันว่า
“นี่..นี่มัน..”
หลิงหยุนตอบชายชรากลับไปทันที“ใช่แล้วอาวุโส! ท่านกำลังเหาะอยู่บนท้องนภา และเวลานี้พวกเราสองคนก็กำลังลอยอยู่เหนือท้องทะเลท่กว้างใหญ่!”
“ในเมื่อต้องการให้ข้าแสดงอิทธิปาฏิหารย์ให้ดูเหตุใดจึงต้องทำเรื่องน่าเบื่อด้วยการไปเดินเล่นชายหาดด้วยเล่า อาวุโส.. ท่านลองก้มลงมองดูบ้านเมืองที่งดงามของบ้านเกิดตนเองดูสิ!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะเป็นประหนึ่งเซียนผู้วิเศษในสายตาของเหอเหวินช่านแต่เขาก็ยังคงเป็นห่วงชีวิตของตนเองอยู่ดี
“ท่าน..ท่านเซียนหลิน.. พวกเราจะไม่ร่วงตกลงไปแน่ใช่มั๊ย” นั่นเพราะในความรู้สึกของเหอเหวินช่านนั้นหลิงหยุนได้พาเขาเหาะขึ้นมาบนท้องฟ้าที่สูงมากจริงๆ!
“อาวุโสได้โปรดวางใจ..จะไม่มีการร่วงหล่นลงไปอย่างแน่นอน บนนี้มิได้แตกต่างจากที่อาวุโสนั่งอยู่ในห้องรับแขกเลยแม้แต่น้อย!”
ด้วยคำปลอบโยนและน้ำเสียงที่ให้ความมั่นอกมั่นใจของหลิงหยุน ทำให้เหอเหวินช่านกล้าที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆหันไปมองทางซ้ายที ทางขวางที และเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครู่หนึ่ง หลังจากที่เริ่มปรับตัวได้แล้ว เขาจึงได้ก้มหน้าลงมองไปยังผืนน้ำทะเลเบื้องล่าง
และเวลานี้สายตาของเขาก็เห็นเพียงผืนน้ำขนาดใหญ่ที่มีคลื่นลูกแล้วลูกเล่า กำลังซัดสาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
“อาวุโส..รู้สึกเช่นใดบ้าง เหมือนกับมองลงมาจากเครื่องบินใช่หรือไม่?”
“ใช่ๆ” เหอเหวินช่านพยักหน้าหงึกๆก่อนจะหันไปจ้องมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกอกตกใจ ในขณะที่ปากก็พล่ามออกไปว่า
“ท่านเซียนหลิน..ท่านเป็นเซียนในโลกมนุษย์จริงๆด้วย! ท่านเป็นเซียนจริงๆใช่หรือไม่”
“อาวุโส..พวกเราอยู่บนท้องฟ้าแบบนี้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้ใดมาได้ยินเรื่องที่พวกเราสนทนากัน ฉะนั้น ท่านมีอะไรต้องการจะถามข้า ก็เชิญถามมาได้เลย..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าเมื่อครั้งที่อยู่ในบ้านนั้น ชายชราได้เอ่ยคำพูดที่เป็นปริศนาออกมามากมาย คล้ายกับว่ายังมีเรื่องที่เขายังไม่สามารถเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้ หลิงหยุนจึงต้องการให้ชายชราเอ่ยปากถามออกมาเพื่อจะได้คลายความสงสัย
“ท่านเซียนหลิน..ผมลุกขึ้นยืนพูดจะได้มั๊ย”
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า “เชิญอาวุโสตามสบาย ทำตัวให้เหมือนกับที่อาวุโสอยู่ในห้องรับแขกที่บ้านได้เลย!”
เวลานี้หลิงหยุนไม่เพียงใช้โล่ลมปราณห่อหุ้มตนเองกับเหอเหวินช่านไว้ แต่ยังปลดปล่อยลมปราณออกมาไว้ที่ปลายเท้าด้วย ทำให้ห้วงอากาศใต้ฝ่าเท้าแข็งเสมือนกับกำลังยืนอยู่บนผืนดิน
เหอเหวินช่านทดลองใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบและกดลงไปและพบว่า อากาศใต้ฝ่าเท้าของตนนั้น มีลักษณะแข็งเหมือนพื้นดิน เขาจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะกัดฟันและตัดสินใจลุกขึ้นยืน
เหอเหวินช่านยังคงยืนเกร็งและค่อยๆใช้หัวแม่โป้งเท้ากดลงบนอากาศใต้ฝ่าเท้าเบื้องหน้าอีกครั้ง และเมื่อพบว่าไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงค่อยกล้ายืดกายยืนตรงได้อย่างเต็มที่
“ท่านเซียนหลินไม่ทราบว่านี่เป็นเวทย์มนต์วิเศษของท่านเซียน หรือว่าพวกเรากำลังยืนอยู่บนเมฆในตำนานโบร่ำโบราณที่เล่าขานกันมาแน่” เหอเหวินช่านเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยความรู้สึกประหลาดใจเวลานี้ เขารู้สึกว่าตนเองไม่ใช่ชายแก่อายุเก้าสิบกว่าปี แต่กลับกลายเป็นเด็กน้อยอายุเจ็ดแปดขวบ ที่มีแต่ความสงสัยใคร่รู้อยู่มากมายเต็มไปหมด
“ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง!” เหอเหวินช่านร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
หลิงหยุนยิ้มให้กับชายชราก่อนจะเริ่มอธิบายให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ความจริงแล้วนี่หาใช่เมฆไม่ แต่มันคือพลังปราณจากภายในร่างกายของข้า พลังปราณที่ถูกผนึกหลอมหลวมจนมีลักษณะคล้ายของแข็ง แต่สายตาของมนุษย์ทั่วไปไม่อาจมองเห็นได้..”
“พลังปราณเหล่านี้ไม่เพียงเปลี่ยนเป็นพื้นดินที่มองไม่เห็นดังที่ท่านกำลังยืนอยู่นี้ ข้ายังได้ใช้มันสร้างเป็นโล่กันลมให้กับท่านด้วย เพียงแต่ตาเนื้อของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นได้เท่านั้น จึงดูคล้ายกับว่าข้าเป็นเซียนหรือเทพที่มนต์คาถาวิเศษนั่นเอง!”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เองหรอกรึ!”
เหอเหวินช่านพึมพำออกมาเบาๆและในที่สุดเขาก็ได้รู้ความจริงในเรื่องเหนือธรรมชาตินี้..
หลังจากนั้นเหอเหวินช่านก็ค่อยๆเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนใกล้ๆ ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะกระทืบเท้าลงไปบนอากาศที่ว่างเปล่าไปด้วย และเมื่อไปถึง เหอเหวินช่านก็ได้พูดกับหลิงหยุนด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
“เหอเหวินช่านบังอาจของถามชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของท่านเซียนจะได้หรือไม่”
“ข้าคือหลิงหยุน..ผู้นำตระกูลหลิงแห่งปักกิ่ง!”
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ตามลำพังกับเหอเหวินช่านเพียงสองคนเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก จึงได้บอกกับเหอเหวินช่านไปตามตรง ก่อนจะพูดต่อว่า “อาวุโสคาดเดาได้เก่งยิ่งนัก!ข้าคือคนของหน่วยนภา และดำรงตำแหน่งอาวุโสใหญ่ของหน่วยนภาด้วย!”
ระหว่างที่กำลังสนทนากับเหอเหวินช่านอยู่นั้นหลิงหยุนก็ได้ปรับเปลี่ยนใบหน้ากลับคืน เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตนเอง
นับว่าเหออวี้ฉงเป็นหญิงสาวที่มีเหตุมีผลยิ่งนักรู้ว่าสิ่งใดควรพูดหรือไม่ควรพูด แม้กระทั่งฐานะที่แท้จริงของหลิงหยุน นางยังปิดเงียบไม่ยอมบอกแม้กระทั่งกับเหอเหวินช่านผู้เป็นปู่..
หลิงหยุนรู้สึกพอใจในตัวของเหออวี้ฉงยิ่งนัก!
และเวลานี้เหอเหวินช่านก็อยู่ในอาการตกตะลึง จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ได้แต่ระล่ำระลักพูดออกมาแทบจะไม่เป็นภาษา..
“นี่..นี่หมายความว่า.. ท่านเซียนก็คือ.. ผู้นำตระกูลหลิง ซึ่งเป็นเหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศจีน! แต่.. เมื่อครู่ที่ท่านเซียนหลินเซ็นในเอกสารนั่น..” เหอเหวินช่านมีสีหน้าที่ทั้งตกใจและกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก!
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“จะใช้ชื่อใด มีความแตกต่างกันเช่นใดงั้นรึ ในเมื่ออาวุโสต้อการให้ข้าร่วมเล่นละคร ข้าจึงไม่อาจขัด และจำต้องร่วมเล่นกับท่านด้วย..”
เหอเหวินช่านถึงกับหน้าแดงก่ำเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะรู้ทันความคิดของตนเอง และได้แต่เอ่ยตอบไปว่า
“ขอท่านเซียนหลินได้โปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วยที่กล้าล่วงเกินท่าน ขอบอกท่านเซียนหลินตามตรง ความจริงแล้ว ข้าเพียงแค่ต้องการยกท่านเซียนขึ้นมาข่มขู่ลูกๆของข้า เพื่อช่วยสร้างฐานะทายาทผู้สืบทอดกิจการตระกูลเหอของอวี้ฉงให้มั่นคงขึ้นเท่านั้นเอง..”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม“เรื่องนั้นข้าย่อมรู้ดี..”
“เพื่อตอบแทนบุญคุณท่านเซียนหลินที่ได้ช่วยชีวิตของข้ากับหลานสาวไว้อีกทั้งยังช่วยปกป้องตระกูลเหอไม่ให้ถึงคราวหายนะด้วย ข้าเองก็ได้แต่ครุ่นคิดว่าจะตอบแทนท่านเซียนได้อย่างไร คิดไปคิดมา.. ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น จึงได้ตัดสินใจทำลงไปเช่นนั้น..”
“อีกทั้งการได้ท่านเซียนหลินให้การสนับสนุนอวี้ฉงอวี้ฉงย่อมสามารถนำพาตระกูลเหอให้ขยายกิจการจนเติบใหญ่ไปทั่วทั้งแถบทะเลจีนใต้ได้..”
“ผู้น้อยเองก็ได้กำชับกับอวี้ฉงไว้แล้ว่าในวันข้างหน้า หากท่านเซียนหลินเอ่ยปากอันใด ขอให้นางรับใช้ท่านเซียนหลินอย่างเต็มที่ และสุดกำลังความสามารถ”
หลิงหยุนพยักหน้า“อาวุโสเป็นผู้มีเหตุมีผล และเข้าใจผู้คนดี เรื่องนี้ข้าเองก็มิได้ถือสาแต่อย่างใด..”
“ขอบคุณท่านเซียนหลินที่เมตตา!”
แต่แล้วจู่ๆเหอเหวินช่านก็คุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยบอกหลิงหยุนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง.. “เวลานี้ผู้น้อยเองก็แก่ชรามากแล้วอำนาจในการตัดสินใจดูแลกิจการทั้งหมดก็ได้มอบให้กับอวี้ฉงไปแล้ว ผู้น้อยมิรู้ว่าตนเองจะมีอายุยืนยาวได้อีกนานเท่าใด อนาคตของตระกูลเหอล้วนอยู่ในมือของอวี้ฉง ผู้น้อยหวังว่า หากเกิดปัญหาขึ้นในวันข้างหน้า ท่านเซียนหลินจะเมตตาช่วยชี้แนะ และนำพานางให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้..”
“หากท่านเซียนหลินเห็นว่าอวี้ฉงตัดสินใจสิ่งใดผิดพลาดไป ขอให้ท่านเซียนหลินได้โปรดใช้สิทธิ์ยับยั้งนางด้วย!”
น้ำเสียงของผู้เฒ่าเหอฟังดูเว้าวอนยิ่งนักจนหลิงหยุนถึงกับต้องหัวเราะออกมา และเอ่ยตอบไปว่า
“อาวุโส..ท่านไม่จำเป็นต้องขอร้องข้ามากมายเช่นนี้ก็ได้! ท่านเป็นผู้ที่เลือกแม่นางเหอขึ้นมาเป็นทายาทผู้สืบทอดกิจการของตระกูลเหอด้วยตัวเอง ฉะนั้น ท่านเองย่อมต้องเชื่อมั่นในความสามารถของนางไม่น้อย ส่วนข้าเองก็เอ็นดูนางไม่น้อยเช่นกัน! ฉะนั้นแล้วอาวุโสมิต้องกังวลใจในเรื่องนี้อีก!”
หลังจากที่เหอเหวินช่านได้ยินคำพูดประโยคนี้จากปากของหลิงหยุนเขาก็รู้สึกโล่งเบาราวกับได้ยกก้อนหินที่หนักอึ้งออกจากอก พร้อมกับโขกศรีษะขอบคุณหลิงหยุน
“อาวุโสอย่าได้ทำเช่นนี้อีกเอาล่ะ.. ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ขอเชิญอาวุโสกลับไปนั่งที่โซฟาตามเดิมก่อน ข้าจะพาท่านเหาะเที่ยวเล่นไปรอบๆ แล้วจึงค่อยพาท่านกลับไปที่บ้าน”
หลังจากที่เหอเหวินช่านกลับไปนั่งบนโซฟาตามเดิมแล้วหลิงหยุนก็พาชายชราเหาะไปรอบๆคาบสมุทรมาเก๊า ไปจนถึงเกาะฮ่องกง ก่อนจะวนกลับมาที่เกาะมาเก๊าอีกครั้ง และพาชายชรากลับบ้านในที่สุด
“ท่านเซียนหลิน..พวกเราเหาะไปมาบนท้องฟ้าแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะมีคนมองเห็นหรอกรึ”
“ไม่มีผู้ใดเห็นได้แน่ในเมื่อข้าพาท่านล่องหนไป..” “…”เหอเหวินช่านถึงกับนิ่งไปด้วยความตกตะลึง..
และเวลานี้โซฟาตัวเดิมได้กลับไปวางอยู่บนตำแหน่งเดิมในห้องรับแขกเรียบร้อยแล้ว เหอเหวินช่านลุกขึ้นยืนบนพื้นห้อง และประสบการณ์เมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตนเองได้ฝันไป..
“ถ้าจะต้องตายไปในตอนนี้ผมก็คงไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว!”
หลังจากพาเหอเหวินช่านกลับมาส่งแล้วหลิงหยุนก็ได้ปล่อยชายชราไว้ในห้องรับแขกตามลำพัง ส่วนเขาก็เดินออกมาที่สวนหน้าบ้านแทน
จู่ๆน้ำในสระก็กระเพื่อมเป็นประกายระยิบระยับ แล้วร่างของใครบางคนก็โผล่ขึ้นมาราวกับนางเงือก พร้อมกับร้องตะโกนเรียกหลิงหยุน..
“ท่านพี่หลิน…”
“เสร็จธุระแล้วมิใช่รึลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร